ข้อเท็จจริง Single Gateway อีกหลายมุมที่คุณไม่รู้ The Blazer

นั่งอ่านประเด็นนี้จากหลายๆ ที่ ผมขอนำเสนออีกแง่มุมให้คุณไปพิจารณา ส่วนใหญ่ทีมีความเห็นไม่เห็นด้วยโดยผมขอแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ดังนี้

1 มีข้อสงสัยกังวล  : ส่งผลกระทบกับธุรกิจ ลดถอนความเชื่อมั่นการทำธุรกิจ ความมีเสถียรภาพกลัวจะล่มง่าย โดนถล่ม ก็พังทั้งประเทศ
กลุ่มนี้บางคนชอบรัฐบาล แต่เพราะรับข่าวแต่ในแง่ลบก็เลยเชื่อว่าจะเป็นอย่างงั้นจริง ๆ พัฒนาไปเป็นวิตกจริต

2 วิตกจริต  : การควบคุมถ้ามีความไม่โปร่งใสก็สามารถเป็นเครื่องมือการใช้อำนาจรัฐไม่เหมาะสม ไม่ไว้ใจทำนองนั้น
               : ปฏิวัติรัฐประหาร จะควบคุมจะไปเป็น คอมมิวนิสต์เต็มรูปแบบ ควบคุบความคิดจำกัดอิสรภาพ เห็นต่างไม่ได้กันเลยใช่ไม๊
ที่ต้องอยู่ในกลุ่มนี้ก็จะเป็นพวกต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน อยู่คนละขั้วมองแง่ลบกันอย่างเดียว  

3 คิดไปเองหรือมโน :  คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่คล้าย ๆ หรือเหมือนพวกมีข้อสงสัยกังวล กลุ่มสงสัยกังวัลยังคิดแต่กลุ่มนี้หนักกว่าก็คือ ไม่สามารถแยกแยะข้อเท็จจริง ความเห็น อะไรควรเชื่อไม่ควรเชื่อ อย่างมีข่าวอะไรแชร์ทันทีแล้วก็เชื่อด้วยนะ เอาไปพูดเม้าท์เป็นวรรคเป็นเวร โดนปลุกปั่นง่าย  ซึ่งนี่แหละปัญหาของคนไทยที่เสพโซเชียลโดยขาดวิจารณะญาณ  โดนหลอกให้เสียเงินในเน็ต บริจาคช่วยเหลือ ซื้อของออนไลน์โอนเงินให้ก่อน ฯลฯ โดยมิจฉาชีพ
ผมยกตัวอย่าง  บทความไม่เห็นด้วยเรื่อง Single Gateway เนี้ยออกมาจากใคร  บริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตต่างประเทศที่กลัวเสียลูกค้า ?
ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่หาเรื่องถล่มได้สารพัดหรือเปล่า ?  

ตัวอย่าง  ตู้ ATM ที่ใช้โอนเงิน กดเงิน  เวบไซด์ในประเทศ ไม่เกี่ยวกับ Single Gateway นะครับ เกี่ยวเฉพาะส่วนที่ติดต่อกับต่างประเทศ
            พวกไม่รู้เรื่องก็มโนไปสารพัด

อย่าเพิ่งมองว่าผมสนับสนุน ผมยังไม่ได้สนับสนุน Single Gateway แต่ผมรู้ปัญหาอยู่กับปัญหาได้เข้าไปช่วยคิดหาแนวทางแก้ไขมาก่อนแล้วก็เข้าใจว่าทำไมต้อง Single Gateway

เหตุผลที่ต้องทำ Single Gateway คือ  ( ใช้คำว่าต้องทำเลยนะ ) ทางเทคนิค

1 ไม่ Single ได้ไม๊จะควบคุม เรื่องความไม่เหมาะสม เวบโป๊ เวบไม่ดี เฟสบุ๊คอะไรก็ทำไปซิ
ข้อจำกัดด้านเทคนิค ทำกันมาคิดกันมาร่วม 2 ปี  ลองมาทุกท่าแล้วไม่มีทางอื่น จุดของการเชื่อมต่อออกต่างประเทศในเมืองไทยมีหลายจุด
แบ่งไปควบคุมในแต่ละจุดเช่น ISP1, ISP2, ISP3  ไปควบคุมก็ไม่ได้อีก มีแบบ  multi home ไปทางกลับทาง ( เรื่องเทคนิคไม่เข้าใจก็ข้ามได้แต่อยากให้รู้ว่าลองมาหลายท่าแล้วทำไม่ได้ )  ต้องเป็น Single Gateway ก็เพราะ  ต้องถอดรหัส HTTPS  ต้องใช้ National Root CA คือ CA ของประเทศ (เทคนิคไม่เข้าใจก็ข้ามไป )

2 Single Gateway จะเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่ไม่ต้องไปยุ่งกับ Traffic ดี ๆ Internet Banking ที่ต้องติดต่อต่างประเทศด้วยการเข้ารหัส HTTPS  แยกออกไปได้ไม่ต้องไปตรวจ  อธิบายอย่างงี้  ยกตัวอย่าง FaceBook ใช้  HTTPS เข้ารหัส  พอต้องถอดรหัสก็เรื่องเฉพาะ Facebook อันอื่นไม่ต้องไปวิเคราะห์ ถ้าไม่เป็น Single Gateway ก็ควบคุมไม่ได้

มีข้อจำกัดทางเทคนิคอีก แต่ 2 เรื่องบนคือเรื่องหลัก   สรุปก็คือ ลองมาสารพัดท่าแล้ว Facebook เคยล่มคุณจำได้ไม๊  นั่นนะแหละ ลอง คิดหัวแตกระดมสมองกัน ก็มือระดับประเทศทั้งนั้นนะครับมันทำไม่ได้นอกจาก Single Gateway

พวกคุณเคยเห็น Facebook  ให้ร้ายคนอื่น  หลวกลวงจากมิจฉาชีพ อนาจาร  ด่าคนอื่นเสีย ๆ หาย ๆ  ขายบริการทางเพศ  ปลุกปั่นให้เชื่อเพื่อหวังผลบางอย่าง  เสนอข่าวหลอกลวงเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง  ให้ความรู้ผิด ๆ ล่อลวงเด็ก   มีผู้เสพโซเชียลมีเดียที่ขาดความรู้  ขาดวิจารณญาญ หรือจะข้อจำกัดใดก็แล้วแต่  ปัญหาคือมันควบคุมไม่ได้เพราะเข้ารหัส  สืบสวนจับกุมก็ยากหรือไม่ได้เลย  เช่น  ใช้โทรศัพท์เติมเงินไม่ได้จดทะเบียนซิม เข้าเฟสบุคไปโพสด่าในหลวง ไม่สามารถตามจับได้นะครับเพราะไม่รู้ว่าใคร   ลองนึกภาพเอา แล้วก็รวมเรื่องอื่นๆ ด้วย  เค้าถึงได้เริ่มให้ต้องใช้บัตรประชาชนตอนซื้อซิม
คราวนี้ถ้าคนโพสต์อยู่ต่างประเทศ โพสต์อะไรเลว ๆ  เนื่อหาไม่เหมาะสม เลวอะ สรุป เค้าโพสต์ได้ครับแต่คนไทยไม่ต้องอ่านเพราะเราจะไม่เห็น
เด็ก ผู้ไม่มีความรู้ มีวิจารณญาญจำกัด ก็จะได้รับการป้องกัน  ไอ้ชั่วอยู่ที่ไหน router ตัวไหนอยู่บ้านเลขที่อะไรจะตามจับได้ ทุกวันนี้ตามจับได้ก็ไม่ทันท่วงที กว่าจะขอหมาย กว่าจะอนุมัติ มันสร้างความเสียหายไปถึงไหน ๆ หนีไปก็มาก แล้วกว่าจะหยุด เวบนั้น เฟสบุคนั้นได้ใช้เวลาเป็นเดือน
หยุดทาง True มันไปซื้อ DTAC ทำใหม่ ทำเลวต่อ อินเตอร์เน็ตบ้านก็เหมือนกัน

คนไทยที่เค้ามีความรู้น้อย เด็ก  ตกเป็นเหยื่อ เรื่องเลวๆ พวกนี้เยอะแยะ  ฝากถึงท่านที่กลัวผลกระทบเฉพาะอิสรภาพทางความคิด มองมุมนั้บ้างท่านเก่งกว่าฉลาดกว่า แยกแยะได้แต่มีคนที่เค้าด้อยกว่าท่านแล้วต้องไปเจอปัญหาอยู่เยอะมากนะ
รัฐบาลเค้ามองภาพรวมคนทั้งประเทศนะครับ   M.Facebook เข้าถึงทุกบ้าน โทรศัพท์เกือบทุกตัวแต่เราควบคุมคนร้ายไม่ได้
ประเด็นก็คือต้องมีคนดีเป็นคนดูและนะครับ  ตามพระราชดำรัส  ใครไปใช้ประโยชน์จากการควบคุมนี้ในทางไม่ถูกต้องก็จับมันติดคุกซิครับ  
ระบบราชการกระทรวงไอซีที  , Digital Economy  มีความเข้มแข็ง ถ้าใครมาใช้ Single Gateway ในทางไม่ถูกต้อง ข้าราชการทั้งกระทรวงนะครับหยุดไม่ได้เหรอ

เรื่องจะถอยหลังหรือเดินหน้า ยกตัวอย่างประเทศที่ใช้ Single Gateway มาก็คอมมิวนิสต์ทั้งนั้น หรือไม่ก็กึ่ง ๆ เทา ๆ
Single Gateway ไม่ต้องควบคุมความคิดเห็นทางการเมือง ให้อิสระทางความคิดได้ จุดประสงค์ชัดเจนครับเพื่อควบคุม โซเชียลเน็ตเวอร์คที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น อย่ามโน วิตกจริตกันมาก ( ผมไม่ได้เข้าข้างนะ จุดประสงค์มันอย่างนั้นจริง ๆ ) แต่ถ้าเอาไปใช้ไม่ถูกมันก็ไม่ถูก และไม่ต้องไปกลัวล่มหลอกครับ
จีนเคยล้มที่ไหน โจทย์เยอะแยะ กว่าไทยแลนด์เยอะ โดนเจาะโดนยิง  hacker ขั้นเทพจากโจทตัวสำคัญ ยูเอส ยังทำอะไรไม่ได้
ถ้าระบบมันดีมันก็ไม่ล่ม ไม่ช้า และรวมไม่ล่มทั้งประเทศด้วย ผมเข้าใจข้อกังวลคุณ  คือมันสามารถทำให้ดี แข็งแรงมีประสิทธิภาพได้

มันมีอีกมุมของที่ไปที่มาอยู่นะครับ ยอมรับความจริงอีกด้านที่เจ็บปวดกันดีไม๊  ประเทศไทยมีคนที่มีความคิดแตกต่าง มีความยากจน มีการขาดการศึกษา ให้พวกเลวฉกฉวย ปลุกปั่น ทำมิจฉาชีพ เด็ก ๆ  ถ้ามีได้สำเร็จ บุคคลทั่วไป ก็จะสามารถใช้สื่อโซเชียลได้อย่างสร้างสันต์เป็นประโยชน์

มีอีกทางนึงครับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน Target Interception ล่อมันที่ละตัว อธิบายบ้านๆ ก็คือ Hack มันแต่ท่านต้องออกกฏหมายมาคุ้มครองนะครับ
แล้วเงียบ ๆ ไม่ต้องมาออกข่าว ไอ้พวกชอบมโน โลกสวย ไม่รู้เรื่องจะได้ไม่รู้ว่าทำเพราะมันผิดกฏหมาย   แต่ก็อีกแล้วถ้าไปใช้ผิด ใครจะคุม ?  

สรุปผมเห็นด้วยโดยไอเดียและประโยชน์ของมัน คนจะทำต้องตอบให้ได้ว่า ไม่สร้างผลกระทบ ควบคุมได้ มีประสิทธิภาพ  คนเสียประโยชน์มีคนได้ประโยชน์เยอะกว่า (ชัดมาก ) ออกมาบอกให้มันเคลียร์ ๆ อะไรไม่ยุ่ง ต้องการทำเพื่ออะไรก็พอแล้ว  หยุดมโน งูๆปลาๆ  รู้ไม่จริง เมนท์ไปเรื่อย ( บางคน บางคอมเมนท์) เถอะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่