ความสำเร็จทีมไทย...ทำคนแดนไกลกระอักเลือด ก๊อปแปะ By อดีตหัวหน้าเผ่าฯ

กระทู้สนทนา
ปรบมือดังๆ ให้ทีมประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำให้คณะตัวแทนไทยโดดเด่นในเวทีสากลในฐานะประธานกลุ่มจี 77 องค์กรความร่วมมือระดับรัฐบาลของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีสมาชิกรวม 134 ประเทศ และเป็นกลุ่มเจรจาที่ใหญ่ที่สุดในยูเอ็น ซึ่งประเทศกำลังพัฒนา ใช้เป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจการพัฒนา

นายอภิชาติ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวบนเวที แสดงความขอบคุณประเทศสมาชิกกลุ่ม จี 77 ที่ให้โอกาสประเทศไทยได้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มจี 77 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการแสดงความพร้อมและบทบาทนำของไทยในการสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา

ขณะที่ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ซึ่งจะรับหน้าที่ประธานของกลุ่มจี 77 กล่าวว่า ไทยไม่ได้นำกลุ่มจี 77 มาเป็นตัวประกัน เพื่อสนองประโยชน์ของเรา แต่ทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกชาติในโลกเท่าที่จะทำได้ การเป็นประธานกลุ่ม เป็นโอกาสที่จะแสดงความรับผิดชอบของไทยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง โดยมีเป้าหมายคือ การพัฒนาที่ยั่งยืนและสานต่อความร่วมมือกับทุกประเทศ ไทยมองว่า กลุ่มจี 77 เป็นเครื่องมือให้ประเทศต่างๆ ในโลกร่วมมือกัน โดยจะใช้เอกลักษณ์ของคนไทยที่มีความยืดหยุ่น เกื้อกูล และนุ่มนวลเป็นแนวทางในการทำงาน

นายอภิชาติให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ถ้าเราประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ และทำให้ประเทศอื่นเห็นศักยภาพของไทย จะส่งผลดีต่อการลงสมัครชิงเก้าอี้สมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงในยูเอ็น (ยูเอนเอสซี)

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเงียบๆ ไม่มีแพร่งพรายมาก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของกระทรวงต่างประเทศ โดยการนำของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งมีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตถาวรประจำยูเอ็น เป็นแกนนำหลักในนิวยอร์ก

การทำงานมุ่งมั่นรักษาผลประโยชน์ชาติของท่านทูตวีรชัยโดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลนักการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ เช่นเมื่อคราวสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก ท่านทูตวีรชัยเก็บเอกสารหลักฐานสำคัญไว้เป็นความลับ ไม่ยอมให้นักการเมืองนำไปแพร่งพรายให้ศัตรูรู้ล่วงหน้า

ความสำเร็จในครั้งนี้ ทำเอาสัมภเวสีหนีคุกที่ทุ่มเงินนับ 100 ล้านบาท ให้สมุนบริวารและสื่อทาส ทำลายชื่อเสียงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ในที่ประชุมยูเอ็นแทบกระอักเลือด เพราะแผนร้ายทำลายประเทศไทย กลายเป็นความยิ้มทำลายตัวเอง

ภาพคนไทยในนิวยอร์กให้การต้อนรับพลเอกประยุทธ์ อย่างอบอุ่น ผู้แทนจากต่างประเทศก็ขอลายเซ็น การได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มจี 77 การหารือกับ นายบัน คี-มูน เลขาฯยูเอ็น การพบปะประธานาธิบดีจีนนายสี จิ้น ผิง ฯลฯ ทำให้เห็นว่า บารมีลุงตู่เหนือชั้นกว่า ทักษิณ ชินวัตร มาก ทีมงานประเทศไทยภายใต้การนำของลุงตู่ มีศักยภาพและกลยุทธ์เหนือชั้นกว่าทีมงานแม้วจนเทียบกันไม่ได้เลย

สมัยเป็นนายกฯทักษิณใช้เงินมากมายมหาศาล ทำประชาสัมพันธ์ จ้างลอบบี้ยีสต์รณรงค์หาเสียงสนับสนุนผู้แทนไทยลงสมัครชิงตำแหน่งเลขาฯยูเอ็น ทักษิณตั้งตัวเป็นผู้นำทีมหาเสียงทุกเวทีประชุมสากล ทั้งในเวทียูเอ็น เวทีอาเซียน เวทีเอเชีย-ยุโรป ฯลฯ

การปรากฏตัวของทักษิณ ต้องยิ่งใหญ่อลังการ เช่นการหาเสียงก่อนถูกยึดอำนาจ ทักษิณและคณะเดินทางด้วยเครื่องบินไทยคู่ฟ้า เครื่องบินประจำตำแหน่งนายกฯ ไปยังประเทศฟินแลนด์ ทำภารกิจในฟินแลนด์เสร็จ จอดเครื่องบินไทยคู่ฟ้าไว้ที่เฮลซิงกิ
แล้วเช่าเหมาลำการบินไทยให้รับผู้โดยสาร 6 คน กับกระเป๋าขนาด 78 ใบ ให้ไปรับคณะเดินทางต่อไปที่นิวยอร์ก

ความยิ่งใหญ่ของทักษิณ เดินทางเที่ยวเดียวใช้เครื่องบินจัมโบ้ 2 ลำ พร้อมกระเป๋าเดินทางรวม 125 ใบ แต่ผลการหยั่งเสียง
ผู้สมัครเลขายูเอ็นรอบแรกปรากฏว่า ตัวแทนจากประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 อินเดียอันดับ 2 บังกลาเทศรั้งสุดท้าย

พลเอกประยุทธ์พร้อมคณะ 15 คน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยสายการบินพาณิชย์ เพื่อประหยัดงบประมาณไปต่อเครื่องจากญี่ปุ่นไปนิวยอร์ก ไปถึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยรักชาติ เริ่มประชุมกันทีมงานประเทศไทยทันที วันต่อมาเข้าประชุมยูเอ็น ในฐานะผู้แทนจากประเทศไทยที่ได้เป็นประธานกลุ่มจี 77ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในการชิงตำแหน่งใน
ยูเอนเอสซี

ปัจจัยแห่งความสำเร็จแน่นอนมาจากวิสัยทัศน์กว้างไกลของทีมงานประเทศไทย ที่มองเห็นว่าตะวันตกกำลังร่วงโรยในขณะที่ตะวันออกกำลังรุ่งโรจน์ การวางตำแหน่งประเทศที่เหมาะสมกับมหาอำนาจตะวันออก เช่น จีนและรัสเซีย จึงมีส่วนสำคัญทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับวิสัยทัศน์ของทักษิณ ที่ยึดอเมริกาเป็นสรณะ

คุณสมลักษณ์ ส่งสัมพันธ์ อดีตผอ.กองการต่างประเทศประจำสำนักนายกฯเคยเขียนไว้ในหนังสือ “รัฐบาลหอย ถึงรัฐบาลปู” 37 ปีไดอารี่การเมืองว่า “การเดินทางไปนิวยอร์ก(ทักษิณ) ครั้งนี้ เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกให้กับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย...ในเวลา 13.30 น. ท่านมีกำหนดไปรับประทานอาหารกลางวันและกล่าวสุนทรพจน์ที่ Council Of Foreign Relations (ซีเอฟอาร์) เมื่อเสร็จแล้วท่านเดินทางกลับเข้าโรงแรม Grand Hyatt โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งสวมเสื้อเหลืองมาประท้วง”

ซีเอฟอาร์ คือ องค์กรกงสีใหญ่ที่มีอิทธิพลเหนือทำเนียบขาวและนักการเมืองสหรัฐเพราะเป็นองค์กรระดมทุนสามานย์ไว้กำกับทิศทางนักการเมืองและแทรกแซงประเทศอื่น ครั้งหนึ่งประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ เคยเรียกว่า“องค์กรเถื่อน” ก่อนถูกยึดอำนาจไม่กี่ชั่วโมงทักษิณ ไปสุมหัวกับ ซีเอฟอาร์ ถึงวันนี้ระบอบทักษิณ กลุ่มต่อต้าน คสช. กลุ่มต่อต้าน กฎหมายอาญามาตรา 112 กลุ่มนักวิชาการเสื้อแดงยังคงใช้ซีเอฟอาร์ เป็นหนังคลุมหัวทำร้ายประเทศไทย

ความสำเร็จของพลเอกประยุทธ์ ในเวทียูเอ็นจึงสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อไหร่ที่นักการทูตมืออาชีพได้ทำงานเพื่อชาติอย่างอิสระ ไม่ถูกครอบงำโดยนักการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ ที่มีผลประโยชน์ธุรกิจส่วนตัวทับซ้อนกับผลประโยชน์ชาติ วันนั้นจะพบว่า ประเทศไทย เป็นที่ยอมรับของสังคมโลก ไม่ได้เป็นที่รังเกียจดังที่คนแดนไกลและสมุนบริวารพยายามทำให้เป็น

เช่นในนิวยอร์ก ขณะที่คนไทยส่วนหนึ่งรวมตัวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายจอมเพชรประดับ รายงานสดการชุมนุมต่อต้านคสช.ที่หน้ายูเอ็น โดยมีนายปวิน ชัชชวาลพงศ์พันธ์ ชูให้เห็นข้อป้ายความโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่น่าสังเกตว่าการรายงานสดของนายจอม ออกอากาศผ่านช่อง iFreedom TV ซึ่งเป็นช่องชุมชนลาวในโอกลาโฮม่า

สมุนบริวารของสัมภเวสีหนีคุก ตกต่ำล้มเหลวถึงกับต้องใช้ช่อง iFreedomTv ของชุมชนลาวออกอากาศต่อต้านมาตรา 112 ด่าทอประเทศที่ฝังรกตัวเอง สื่อตะวันตกผีโม่แป้งที่เคยช่วยประโคมข่าว ไม่เหลียวมองคนพวกนี้แม้แต่หางตา สแกนดูสำนักข่าวต่างประเทศ พบว่าสื่อตะวันตกให้ความสนใจข่าวชาวยูเครนนิวยอร์กร่วมมือกับอเมริกันชน ประท้วงรัสเซียประณามการผนวกไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เพียงข่าวเดียว

สื่อตะวันตกวิเคราะห์ว่าการประชุมยูเอ็นครั้งที่ 70 เป็นเรื่องสัพเพเหระ ที่มีผู้นำเข้าร่วมประชุมมากมาย แต่ขาดคนที่มีภาวะผู้นำ เพราะไม่มีใครกล้ายกปัญหาสำคัญๆ เช่น วิกฤติผู้อพยพ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนมาพูด นอกจากพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ตรัสต่อที่ประชุมรัฐสภาสหรัฐซึ่งมีนัยสำคัญว่า “อเมริกันอย่ากลัวผู้อพยพ เพราะชาวอเมริกาส่วนมากก็เป็นลูกหลานผู้อพยพเช่นกัน เราต้องมองเขาเป็นคน ไม่ใช่มองพวกเขาเป็นตัวเลข”

ปัญหาสิทธิเสรีภาพและบทบาทสตรีทางการเมืองที่ประธานาธิบดีจีนนายสี จิ้น ผิง เสนอเป็นวาระสำคัญ แต่ผู้แทนประเทศที่เรียกร้องให้เคารพสิทธิและเสรีภาพสตรีอย่างแข็งขันเช่นประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายกรัฐมนตรีอังกฤษนายเดวิด คาเมรอน ไม่ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงด้วยซ้ำ

ในส่วนของประเทศไทย ได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มประเทศจี 77 ได้หารือทวิภาคีกับนายบัน คี-มูน เลขาฯยูเอ็น ได้หารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ พลเอกประยุทธ์ได้รับรางวัลผู้ส่งเสริมพื้นฐานการพัฒนาดิจิตอล ฯลฯถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทีมไทย ที่ทำเอาคนแดนไกลกระอักเลือด

“สมุนบริวารของสัมภเวสีหนีคุกตกต่ำล้มเหลวถึงกับต้องใช้ช่อง iFreedomTv ของชุมชนลาวออกอากาศ ต่อต้านมาตรา 112 ด่าทอประเทศที่ฝังรกตัวเอง สื่อตะวันตกผีโม่แป้งที่เคยช่วยประโคมข่าวไม่เหลียวมองคนพวกนี้แม้แต่หางตา”

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/20764

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่