ฉันฝันว่าฉันออกบิน..
มันเริ่มจากความฝันเมื่อตอนอายุ16ปี
ครั้งนั้นฉันพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาล้างห้องน้ำไปครึ่งขวด กรีดแขนอาละวาดเหมือนคนบ้า
หมอล้างท้องฉีดยาแก้ปวดและให้ยานอนหลับ
ต่อมาฉันมีความคิดวนเวียนอยู่กันมันมาตลอด
คิดหาวิธีตายอยู่ตลอดเวลา
ฉันรู้สึกว่ารับเรื่องราวต่างๆไม่ไหว
มักนอนไม่หลับ หรือหลับได้สักสามสี่ชั่วโมงแล้วตื่นกลางดึก
บางครั้งผวาตื่นด้วยความเหนื่อยแบบสุดขีด
บางครั้งฉันร้องสะอื้นเหมือนจะขาดใจ ..
ในความมืดและเงียบงัน
ฉันนอนนิ่งๆไปเรื่อยๆ...เฝ้ามองหาแสงเฝ้ารอให้เวลาเช้ามาถึงไวๆ
และฉันก็เห็นเขาในคืนหนึ่งที่เงียบสงัด
ในห้วงคล้ายหลับเหมือนกำลังเคลิ้มฝัน
ที่หลังเขามีปีกสีฟ้าซีดๆ มันใหญ่กว่าหลังเขามาก
เขาเกาะและเฝ้ามองฉันอยู่ที่หน้าต่างไม้
มีกระจกกั้นและมุ้งลวด เขาเกาะอยู่นิ่ง
เรามองกันอยู่นาน
และฉันฝันถึงเขาแบบเดิมซ้ำๆอยู่บ่อยครั้ง...
ผ่านมาเกือบ12ปีที่ในฝันฉันจะเห็นเขา
บางครั้งเราออกบินไปด้วยกัน ผ่านทุ่งนาข้าวหอมนวล
โผผ่านต้นไม้หนึ่งไปอีกไม้หนึ่ง
บางทีเรานั่งมองแสงจันทร์บนหลังคาบ้าน
ฉันจำใบหน้าและดวงตาเศร้าๆของเขาได้ดี
เราไม่เคยพูดกัน หรือในความฝันไม่มีเสียง.
คืนหนึ่งฉันลุกตื่นกลางดึกและออกไปนั่งที่หน้าต่าง
มองหาว่าเขาอยู่ไหน ฉันนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว
ฉันลงมายืนบนหลังคาบ้านแล้วกางแขนรับลม
มันเป็นคืนฤดูหนาว ลมแผ่วเบาแต่เย็นเยียบ
ในความสลัวของจันทร์เสี้ยวที่ถูกเมฆบดบัง ฉันเห็นเงาปีกของเขาบนยอดไม้ไม่ไกล
มีสายลมบางๆและฉันก็ออกบิน ฉันกางแขนเหยียดสุดแล้วก้าวขาออกไปกระโดดเบาๆ แล้วลมก็วูบผ่านตัวฉัน
...ฉันตกลงมาจากระยะประมาณบ้านสองชั้น หล่นลงสู่ต้นโมกและพุ่มว่านต่างๆในกระถาง
แขนหักทันที หัวและหน้าอกกระแทกอย่างรุนแรง
ฉันหอบเหนื่อย เวียนหัวและอาเจียน
ทุกคืนผ่านไปด้วยร่างกายปวดร้าว และปวดหัวระบม เหมือนมีเมฆหมอกมากมายในหัวฉัน
แต่สายลมนั่นยังคงพัดมาทุกวัน...
หมอบอกว่าเธอคงจะต้องพักฟื้นจนร่างกายดีขึ้นและเริ่มออกกำลังกาย หากเธอจะหัดบินเธอจงเดินและวิ่งอย่างมั่นคงเสียก่อน...
ตอนนี้ฉันเริ่มออกไปวิ่งแล้ว และเพิ่มการโยคะ ฝึกสมาธิและเรียนรู้จิตใจตัวเองด้วย
เพราะฉันกลัวในยามค่ำคืนมาถึง
กลัวว่าตัวฉันจะอยากบินอีก...
บันทึก : ฉันฝันว่าออกบิน*
มันเริ่มจากความฝันเมื่อตอนอายุ16ปี
ครั้งนั้นฉันพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาล้างห้องน้ำไปครึ่งขวด กรีดแขนอาละวาดเหมือนคนบ้า
หมอล้างท้องฉีดยาแก้ปวดและให้ยานอนหลับ
ต่อมาฉันมีความคิดวนเวียนอยู่กันมันมาตลอด
คิดหาวิธีตายอยู่ตลอดเวลา
ฉันรู้สึกว่ารับเรื่องราวต่างๆไม่ไหว
มักนอนไม่หลับ หรือหลับได้สักสามสี่ชั่วโมงแล้วตื่นกลางดึก
บางครั้งผวาตื่นด้วยความเหนื่อยแบบสุดขีด
บางครั้งฉันร้องสะอื้นเหมือนจะขาดใจ ..
ในความมืดและเงียบงัน
ฉันนอนนิ่งๆไปเรื่อยๆ...เฝ้ามองหาแสงเฝ้ารอให้เวลาเช้ามาถึงไวๆ
และฉันก็เห็นเขาในคืนหนึ่งที่เงียบสงัด
ในห้วงคล้ายหลับเหมือนกำลังเคลิ้มฝัน
ที่หลังเขามีปีกสีฟ้าซีดๆ มันใหญ่กว่าหลังเขามาก
เขาเกาะและเฝ้ามองฉันอยู่ที่หน้าต่างไม้
มีกระจกกั้นและมุ้งลวด เขาเกาะอยู่นิ่ง
เรามองกันอยู่นาน
และฉันฝันถึงเขาแบบเดิมซ้ำๆอยู่บ่อยครั้ง...
ผ่านมาเกือบ12ปีที่ในฝันฉันจะเห็นเขา
บางครั้งเราออกบินไปด้วยกัน ผ่านทุ่งนาข้าวหอมนวล
โผผ่านต้นไม้หนึ่งไปอีกไม้หนึ่ง
บางทีเรานั่งมองแสงจันทร์บนหลังคาบ้าน
ฉันจำใบหน้าและดวงตาเศร้าๆของเขาได้ดี
เราไม่เคยพูดกัน หรือในความฝันไม่มีเสียง.
คืนหนึ่งฉันลุกตื่นกลางดึกและออกไปนั่งที่หน้าต่าง
มองหาว่าเขาอยู่ไหน ฉันนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว
ฉันลงมายืนบนหลังคาบ้านแล้วกางแขนรับลม
มันเป็นคืนฤดูหนาว ลมแผ่วเบาแต่เย็นเยียบ
ในความสลัวของจันทร์เสี้ยวที่ถูกเมฆบดบัง ฉันเห็นเงาปีกของเขาบนยอดไม้ไม่ไกล
มีสายลมบางๆและฉันก็ออกบิน ฉันกางแขนเหยียดสุดแล้วก้าวขาออกไปกระโดดเบาๆ แล้วลมก็วูบผ่านตัวฉัน
...ฉันตกลงมาจากระยะประมาณบ้านสองชั้น หล่นลงสู่ต้นโมกและพุ่มว่านต่างๆในกระถาง
แขนหักทันที หัวและหน้าอกกระแทกอย่างรุนแรง
ฉันหอบเหนื่อย เวียนหัวและอาเจียน
ทุกคืนผ่านไปด้วยร่างกายปวดร้าว และปวดหัวระบม เหมือนมีเมฆหมอกมากมายในหัวฉัน
แต่สายลมนั่นยังคงพัดมาทุกวัน...
หมอบอกว่าเธอคงจะต้องพักฟื้นจนร่างกายดีขึ้นและเริ่มออกกำลังกาย หากเธอจะหัดบินเธอจงเดินและวิ่งอย่างมั่นคงเสียก่อน...
ตอนนี้ฉันเริ่มออกไปวิ่งแล้ว และเพิ่มการโยคะ ฝึกสมาธิและเรียนรู้จิตใจตัวเองด้วย
เพราะฉันกลัวในยามค่ำคืนมาถึง
กลัวว่าตัวฉันจะอยากบินอีก...