สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว "Everest" ขึ้นเขาเอเวอร์เรสมันโหด ขาลงยิ่งโหดกว่า

Everest สร้างจากเรื่องจริงของโศกนาฎกรรมของความพยายามที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด เมื่อการปีนเขาเอเวอร์เรสเกิดบูมขึ้น ทำให้มีบริษัทนำเที่ยวจำนวนมาก แข่งกันพานักปีนเขาขึ้นพิชิต จนเกิดความแออัดขึ้น และเมื่อเกิดพายุใหญ่ที่ไม่คาดฝันขึ้นอีก จึงกลายเป็นฝันร้ายของนักปีนเขาที่ติดอยู่บนเอเวอร์เรส

หนังเล่าเรื่องได้ดีในช่วงแรก ถึงความใฝ่ฝัน ความทะเยอะทะยานของนักปีนเขาที่อยากจะพิชิตเอเวอร์เรส รวมถึงสามารถแจกแจงรายละเอียดถึงขั้นตอนและความยากลำบากในการปีนเขาเอเวอร์เรสได้ดูสนุกและเข้าใจง่าย นอกจากจะบอกถึงความโหดในการปีนเขาแล้ว ความขัดแย้งระหว่างคนด้วยกันก็เป็นอุปสรรคใหญ่อย่างหนึ่งในการปีนเขา ซึ่งประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างคนก็ทำให้ตัวหนังเล่าเรื่องได้ครบรสมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังถ่ายทอดความสวยงามของการเดินทางไปเอเวอร์เรสได้น่าประทับใจ ใครได้ดูแล้วคงอยากรีบแพ็คกระเป๋าไปปีนเขาบ้างทันที

แต่ในช่วงที่เหตุการณ์กลับตาละปัด เมื่อเกิดพายุเข้าบนยอดเขาในช่วงที่นักปีนเขาเพิ่งจะเริ่มเดินทางลง จนเกิดความสับสนในแผนการเดินทาง ช่วงนี้หนังค่อนข้างเล่าได้ไม่เคลียร์เท่าไร ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผิดพลาดตรงไหน ยังไง ใครติดอยู่ตรงไหนบ้าง ใครเป็นใคร และตัวละครแต่ละคนไม่มีแผนการแก้ปัญหาที่ชัดเจน กลายเป็นว่าช่วงนี้อารมณ์ของหนังมันหยุดอยู่กับที่ ทำให้อารมณ์ร่วมของคนดูค่อนข้างขาดหายไป และในส่วนของความพยายาม และความหวังในการเอาชีวิตรอดของตัวละคร หนังยังถ่ายทอดออกมาได้อย่างแบนราบไปหน่อย ซึ่งมันน่าจะเล่าได้ให้ถึงอารมณ์มากกว่านี้

แม้การเล่าเรื่องครึ่งหลังจะดูเฉื่อยๆบ้าง แต่ก็เป็นหนังที่ดูสนุก แสดงให้เห็นทั้งด้านสวยงามและน่ากลัวของยอดเขาเอเวอร์เรสได้ และกระตุ้นต่อมผจญภัยในตัวคนดูได้ดี

3 ดาวครับ



ติดตามชม ข่าวสาร ตัวอย่าง โปสเตอร์หนังใหม่ และพูดคุยเรื่องหนังกันเพิ่มเติมได้ที่ facebook fan page สารวัตรโรงหนัง ตามลิงค์ด้านล่างได้นะครับ

https://www.facebook.com/moviepolice

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามชมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่