สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน
วันนี้จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่นอนคุยกับพี่สาวชื่อ พี่น้ำ (เชื่อสมมุติ) เป็นคนจีนชนเผ่าน้อย ก็เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังเวลาคนเราคุยอะไรหลายชั่วโมง เรื่องที่คุยก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย เลยจำไม่ได้ว่าเริ่มจากคุยเรื่องอะไร แต่วันนั้นเป็นวันพระไหว้พระจันทร์ ป้าก็บอกเราว่า วันนี้เป็นวันเปง 12 คือวันปล่อยผี เสียดายที่ป้ามาบอกกลางคืน ไม่งั้นตอนเช้าคงได้ไปทำทานให้เปี้ยน ลูกพี่ลูกน้องเราที่เสียไปปีที่แล้ว
ตอนกลางคืนเราก็คุยพี่น้ำ แรกเราก็เริ่มเล่าเรื่องตอนที่เราไปเฝ้าศพเปี้ยน เปี้ยนจมน้ำตาย ศพจมอยู่ 2 วันถึงจะโผล่ เราร้องไห้หนักมาก ญาติๆ ทุกคนก็เสียใจมาก ตอนที่เจอศพแล้ว ศพเปลี่ยนสีแล้ว คิดว่าคงเป็นเพราะอืด เพราะศพลอยขึ้นมาเอง ค้นหาไม่ทัน พอนำศพกลับมาบ้าน เราก็นอนเฝ้าศพกัน ประมาณ 10 กว่าคน นอนเรียงกันที่พื้น ถ้าจำไม่ผิด วันที่ 2 ของการนอนเฝ้าศพ ทุกคนหลับแล้ว แต่เรายังนอนเล่นเกมโทรศัพท์อยู่ ในบ้านก็เปิดไฟนอนกัน ประมาณ ตี 2 จากที่เคยเงียบๆ จู่ๆ หมาก็หอน หอนดังมาก และหอนอยู่หน้าบ้าน ถ้าฟังจากเสียงอย่างเดียว น่าจะหอนประมาณ 10 กว่าตัว หอนอยู่สักพักก็หยุด ตอนแรกที่สงสัยคือ อะไรมันจะหอนพร้อมเพียงกันขนาดนั้น แล้วอะไรจะหอนดังได้ขนาดนั้น วันอื่นๆเราก็นอนนะคะ แต่หมาหอนมีวันนั้นวันเดียว เราก็คิดว่าเปี้ยนอาจจะเดินกลับมาบ้าน
เปี้ยนเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ จึงไม่มีการสวดมนต์อะไรทั้งนั้น เพียงแค่ไม่กี่วันก็เผา วันแรกที่เผา ก็ยังเหลือคนนอนบ้านเปี้ยนอยู่ห้าหกคน นอนเป็นเพื่อน ไม่ให้บ้านเงียบเหงา ประมาณ 5 ทุ่ม ที่ห้องครัว ซึ่งปิดประตูเรียบร้อยแล้ว แถมประตูเข้าห้องครัวก็อยู่ติดกับห้องโถง เรานอนกันที่ห้องโถง เราทุกคน ที่นอนอยู่และยังไม่หลับ ประมาณ 4 คน ได้ยินเสียง ช้อนส้อมกระทบจานเหมือนคนกินข้าว ดังมาจากห้องครัว ซึ่งปกติเปี้ยนจะออกไปทำงานประมาณเวลานี้ และก็จะหาอะไรกินเวลาประมาณนี้ เราก็เลยคุยกันแล้วก็ตกลงกันว่าจะไม่ไปกวน ปล่อยให้เปี้ยนกินข้าวไป ใจจริงก็คงกลัวกัน
พอเล่ามาถึงตอนนี้ พี่น้ำก็เลยบอกว่า วิญญาณนะ พอถึงวันตายครบ 7 วัน เขาก็จะเริ่มกลับมา และซินแสก็สามารถบอกถึงตำแหน่งที่วิญญาณจะเดินกลับมา ถ้าอยากเห็น ก็ให้เอาของสิ่งหนึ่งโรยไว้ที่พื้นในตำแหน่งที่ซินแสบอก แล้วก็จะเห็นเป็นรอยเท้าของวิญญาณ ก่อนจะถึงวันที่ 7 วิญญาณจะยังไม่รู้ไม่มีสติ และยังหาทางกลับบ้านไม่ได้ เหมือนคนที่ช็อกประมาณนั้น ถ้าคนตายมีลูกชาย ลูกชายต้องเป็นคนเรียกให้พ่อหรือแม่กลับมา โดยมีพิธีกรรม ถ้าไม่มีลูกชายก็จะเป็นภรรยาหรือสามี หลังจากนั้น 7 วัน วิญญาณก็จะกลับมา
ตอนที่พี่น้ำเสียปู่ไป ซินแสบอกว่าอีก 7 วันปู่จะเดินกลับมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เขาเรียกกันว่า การเดินเก็บรอยเท้า อยากเห็นก็เอาของสิ่งหนึ่งโรยไว้ที่พื้น และในวันที่ 7 ที่ปู่พี่น้ำตาย ญาติๆ ที่นอนอยู่ในบ้านต่างก็ได้ยินเสียงช้อนส้อมกระทบกันประมาณ 5 ทุ่ม แถมไก่ที่ปู่เลี้ยงก็ส่งเสียงร้อง เหมือนปกติเวลาเห็นปู่ ก็จะมีปฏิกิริยา แน่นอนซินแสบอกไว้แล้วว่า ถึงเราจะไปดูต้นตอของเสียงเราก็จะไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่เราจะรู้สึกเย็น เพราะเราอยู่ใกล้สิ่งเหล่านี้
ในบ้านของพี่น้ำจะมีพิธีกรรมที่เด็กๆ หรือญาติพี่น้อง จะถือเทียน คนละ 1 แท่ง จุด และเดินวนรอบศพ ก่อนจุดซินแสก็บอกว่า ถ้าพวกเธอเห็นเทียนมีแสง 3 สีห้ามตกใจนะ ให้ควบคุมสติและอยู่ในความสงบไว้ พี่น้ำก็ทำตาม ถ้าใครเคยดูหนังจีนโบราณจะเห็นเวลางานศพคนจีนจะใส่ชุดสีขาว พี่น้ำก็ใส่แบบนั้น แล้วพอเดินวนรอบศพเป็นการทำความเคารพ ก็จะมายืนเรียงแถวกัน พี่น้ำที่ถือเทียนอยู่ เทียนข้างหน้าพี่น้ำเห็นแค่ 1 สี แต่พอพี่น้ำหันไปมองเงาเทียนในกระจก ก็เห็นเป็นสีฟ้า แดง และเหลือง ซึ่งพี่ฟ้าก็ตกใจ แต่ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะซินแสเตือนไว้ก่อนแล้ว
พี่น้ำยังบอกอีกว่า ตามความเชื่อของคนแถวบ้านพี่น้ำ คนตายที่เป็นคนชรานั้นจะไม่น่ากลัว มันเป็นการจากไปอย่างสงบ ดังนั้นทุกคนจึงยินดีไปร่วมงานศพ แต่คนตายที่เป็นวัยรุ่น โดยเฉพาะวัยรุ่นผู้ชาย ถือว่าไม่เป็นเรื่องมงคล และไม่ค่อยมีคนยินดีไปร่วมงานด้วย เวลาคนที่ขึ้นเขาเพื่อเก็บสมุนไพร ถ้าผ่านหลุมศพใครที่ตายตอนวัยรุ่น ทุกคนจะรู้ว่าให้เงียบและรีบๆเดินผ่านไป และตอนเดินผ่านก็มักจะรู้สึกเย็น จะไม่มีใครไปเก็บผักหรือสมุนไพรแถวหลุมศพคนตายที่เป็นวัยรุ่น
สำหรับคนตายไปแล้วนั้น ถ้า 7 วันแล้วเขาจะถูกยมบาล นำพา อาจจะไปสวรรค์ หรือ นรก แต่วิญญาณคนตายส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองทำให้สมัยที่ยังเป็นคน พี่น้ำบอกว่า ความเชื่อของที่นั่น วิญญาณก็ถูกนำพาไปที่ศาลาแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีกระจกบานหนึ่งตั้งอยู่กลางศาลา และวิญญาณจะได้ดูทุกอย่างที่ทำตอนมีชีวิต ทั้งความทุกข์ ความสุข ลูกๆ พ่อแม่ เพื่อน หรือคนรัก วิญญาณเหล่านั้นก็จะรู้สึกทรมานมากขึ้น เพราะยิ่งดูก็ยิ่งมีความผูกพัน แต่สุดท้ายก็ตระหนักว่าตัวเองตายแล้ว และไม่ว่าเรื่องเลวทรามขนาดไหนที่ทำไปแล้วไม่ยอมรับ สุดท้ายก็ต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะมันถูกแสดงให้เห็นอยู่ต่อหน้า และสุดท้ายวิญญาณก็จะเดินไปตามกรรมที่ตัวเองทำไว้
เรื่องที่เราเล่านี้ก็เป็นเรื่องที่เราได้ฟังมาจากปากของคนจีนชนเผ่าน้อย ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนเขาบนดอย และมีพิธีกรรมมากมาย เราเห็นว่าน่าสนใจดี เลยอยากมาเล่าไว้เป็นความรู้ หรือจะอ่านเป็นความสนุกก็ได้ค่ะ
ถ้าแท็กผิดห้องประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
เรื่องเล่าเกี่ยวกับงานศพ
วันนี้จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่นอนคุยกับพี่สาวชื่อ พี่น้ำ (เชื่อสมมุติ) เป็นคนจีนชนเผ่าน้อย ก็เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังเวลาคนเราคุยอะไรหลายชั่วโมง เรื่องที่คุยก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย เลยจำไม่ได้ว่าเริ่มจากคุยเรื่องอะไร แต่วันนั้นเป็นวันพระไหว้พระจันทร์ ป้าก็บอกเราว่า วันนี้เป็นวันเปง 12 คือวันปล่อยผี เสียดายที่ป้ามาบอกกลางคืน ไม่งั้นตอนเช้าคงได้ไปทำทานให้เปี้ยน ลูกพี่ลูกน้องเราที่เสียไปปีที่แล้ว
ตอนกลางคืนเราก็คุยพี่น้ำ แรกเราก็เริ่มเล่าเรื่องตอนที่เราไปเฝ้าศพเปี้ยน เปี้ยนจมน้ำตาย ศพจมอยู่ 2 วันถึงจะโผล่ เราร้องไห้หนักมาก ญาติๆ ทุกคนก็เสียใจมาก ตอนที่เจอศพแล้ว ศพเปลี่ยนสีแล้ว คิดว่าคงเป็นเพราะอืด เพราะศพลอยขึ้นมาเอง ค้นหาไม่ทัน พอนำศพกลับมาบ้าน เราก็นอนเฝ้าศพกัน ประมาณ 10 กว่าคน นอนเรียงกันที่พื้น ถ้าจำไม่ผิด วันที่ 2 ของการนอนเฝ้าศพ ทุกคนหลับแล้ว แต่เรายังนอนเล่นเกมโทรศัพท์อยู่ ในบ้านก็เปิดไฟนอนกัน ประมาณ ตี 2 จากที่เคยเงียบๆ จู่ๆ หมาก็หอน หอนดังมาก และหอนอยู่หน้าบ้าน ถ้าฟังจากเสียงอย่างเดียว น่าจะหอนประมาณ 10 กว่าตัว หอนอยู่สักพักก็หยุด ตอนแรกที่สงสัยคือ อะไรมันจะหอนพร้อมเพียงกันขนาดนั้น แล้วอะไรจะหอนดังได้ขนาดนั้น วันอื่นๆเราก็นอนนะคะ แต่หมาหอนมีวันนั้นวันเดียว เราก็คิดว่าเปี้ยนอาจจะเดินกลับมาบ้าน
เปี้ยนเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ จึงไม่มีการสวดมนต์อะไรทั้งนั้น เพียงแค่ไม่กี่วันก็เผา วันแรกที่เผา ก็ยังเหลือคนนอนบ้านเปี้ยนอยู่ห้าหกคน นอนเป็นเพื่อน ไม่ให้บ้านเงียบเหงา ประมาณ 5 ทุ่ม ที่ห้องครัว ซึ่งปิดประตูเรียบร้อยแล้ว แถมประตูเข้าห้องครัวก็อยู่ติดกับห้องโถง เรานอนกันที่ห้องโถง เราทุกคน ที่นอนอยู่และยังไม่หลับ ประมาณ 4 คน ได้ยินเสียง ช้อนส้อมกระทบจานเหมือนคนกินข้าว ดังมาจากห้องครัว ซึ่งปกติเปี้ยนจะออกไปทำงานประมาณเวลานี้ และก็จะหาอะไรกินเวลาประมาณนี้ เราก็เลยคุยกันแล้วก็ตกลงกันว่าจะไม่ไปกวน ปล่อยให้เปี้ยนกินข้าวไป ใจจริงก็คงกลัวกัน
พอเล่ามาถึงตอนนี้ พี่น้ำก็เลยบอกว่า วิญญาณนะ พอถึงวันตายครบ 7 วัน เขาก็จะเริ่มกลับมา และซินแสก็สามารถบอกถึงตำแหน่งที่วิญญาณจะเดินกลับมา ถ้าอยากเห็น ก็ให้เอาของสิ่งหนึ่งโรยไว้ที่พื้นในตำแหน่งที่ซินแสบอก แล้วก็จะเห็นเป็นรอยเท้าของวิญญาณ ก่อนจะถึงวันที่ 7 วิญญาณจะยังไม่รู้ไม่มีสติ และยังหาทางกลับบ้านไม่ได้ เหมือนคนที่ช็อกประมาณนั้น ถ้าคนตายมีลูกชาย ลูกชายต้องเป็นคนเรียกให้พ่อหรือแม่กลับมา โดยมีพิธีกรรม ถ้าไม่มีลูกชายก็จะเป็นภรรยาหรือสามี หลังจากนั้น 7 วัน วิญญาณก็จะกลับมา
ตอนที่พี่น้ำเสียปู่ไป ซินแสบอกว่าอีก 7 วันปู่จะเดินกลับมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เขาเรียกกันว่า การเดินเก็บรอยเท้า อยากเห็นก็เอาของสิ่งหนึ่งโรยไว้ที่พื้น และในวันที่ 7 ที่ปู่พี่น้ำตาย ญาติๆ ที่นอนอยู่ในบ้านต่างก็ได้ยินเสียงช้อนส้อมกระทบกันประมาณ 5 ทุ่ม แถมไก่ที่ปู่เลี้ยงก็ส่งเสียงร้อง เหมือนปกติเวลาเห็นปู่ ก็จะมีปฏิกิริยา แน่นอนซินแสบอกไว้แล้วว่า ถึงเราจะไปดูต้นตอของเสียงเราก็จะไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่เราจะรู้สึกเย็น เพราะเราอยู่ใกล้สิ่งเหล่านี้
ในบ้านของพี่น้ำจะมีพิธีกรรมที่เด็กๆ หรือญาติพี่น้อง จะถือเทียน คนละ 1 แท่ง จุด และเดินวนรอบศพ ก่อนจุดซินแสก็บอกว่า ถ้าพวกเธอเห็นเทียนมีแสง 3 สีห้ามตกใจนะ ให้ควบคุมสติและอยู่ในความสงบไว้ พี่น้ำก็ทำตาม ถ้าใครเคยดูหนังจีนโบราณจะเห็นเวลางานศพคนจีนจะใส่ชุดสีขาว พี่น้ำก็ใส่แบบนั้น แล้วพอเดินวนรอบศพเป็นการทำความเคารพ ก็จะมายืนเรียงแถวกัน พี่น้ำที่ถือเทียนอยู่ เทียนข้างหน้าพี่น้ำเห็นแค่ 1 สี แต่พอพี่น้ำหันไปมองเงาเทียนในกระจก ก็เห็นเป็นสีฟ้า แดง และเหลือง ซึ่งพี่ฟ้าก็ตกใจ แต่ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะซินแสเตือนไว้ก่อนแล้ว
พี่น้ำยังบอกอีกว่า ตามความเชื่อของคนแถวบ้านพี่น้ำ คนตายที่เป็นคนชรานั้นจะไม่น่ากลัว มันเป็นการจากไปอย่างสงบ ดังนั้นทุกคนจึงยินดีไปร่วมงานศพ แต่คนตายที่เป็นวัยรุ่น โดยเฉพาะวัยรุ่นผู้ชาย ถือว่าไม่เป็นเรื่องมงคล และไม่ค่อยมีคนยินดีไปร่วมงานด้วย เวลาคนที่ขึ้นเขาเพื่อเก็บสมุนไพร ถ้าผ่านหลุมศพใครที่ตายตอนวัยรุ่น ทุกคนจะรู้ว่าให้เงียบและรีบๆเดินผ่านไป และตอนเดินผ่านก็มักจะรู้สึกเย็น จะไม่มีใครไปเก็บผักหรือสมุนไพรแถวหลุมศพคนตายที่เป็นวัยรุ่น
สำหรับคนตายไปแล้วนั้น ถ้า 7 วันแล้วเขาจะถูกยมบาล นำพา อาจจะไปสวรรค์ หรือ นรก แต่วิญญาณคนตายส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองทำให้สมัยที่ยังเป็นคน พี่น้ำบอกว่า ความเชื่อของที่นั่น วิญญาณก็ถูกนำพาไปที่ศาลาแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีกระจกบานหนึ่งตั้งอยู่กลางศาลา และวิญญาณจะได้ดูทุกอย่างที่ทำตอนมีชีวิต ทั้งความทุกข์ ความสุข ลูกๆ พ่อแม่ เพื่อน หรือคนรัก วิญญาณเหล่านั้นก็จะรู้สึกทรมานมากขึ้น เพราะยิ่งดูก็ยิ่งมีความผูกพัน แต่สุดท้ายก็ตระหนักว่าตัวเองตายแล้ว และไม่ว่าเรื่องเลวทรามขนาดไหนที่ทำไปแล้วไม่ยอมรับ สุดท้ายก็ต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะมันถูกแสดงให้เห็นอยู่ต่อหน้า และสุดท้ายวิญญาณก็จะเดินไปตามกรรมที่ตัวเองทำไว้
เรื่องที่เราเล่านี้ก็เป็นเรื่องที่เราได้ฟังมาจากปากของคนจีนชนเผ่าน้อย ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนเขาบนดอย และมีพิธีกรรมมากมาย เราเห็นว่าน่าสนใจดี เลยอยากมาเล่าไว้เป็นความรู้ หรือจะอ่านเป็นความสนุกก็ได้ค่ะ
ถ้าแท็กผิดห้องประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ