เพื่อนๆเคยเป็นมั๊ย เวลาที่เราบังเอิญได้ไปเห็นอะไรซักอย่างนึง แล้วแบบ สิ่งๆนั้นมันติดตาเรา ตามหลอกหลอน แล้วเราก็เกิดอาการอยากได้มันขั้นรุนแรง เหมือนคนที่อยากได้แหวนใน Lord of the ring คือ มันเป็นอะไรที่อธิบายอยาก แต่รู้ว่า อยากได้ อยากได้มากจนเก็บไปฝัน... (รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเพ้อ)
เรื่องมันเกิดจากวันนั้นไปงานแต่งงานของเพื่อน แล้วก็บังเอิญไปเห็นผู้ใหญ่ท่านนึงใส่แหวนวงนึงที่ดูแล้วสวยมาก เห็นแล้วถูกใจมาก เป็นแหวนเพชรกลมๆ 3 เม็ด เรียงกัน หน้าตาออกแนวประมาณนี้
คล้ายๆแหวนหมั้นของ Perrie Edwards คู่หมั้นของหนุ่ม Zayn Malik จากวง One Direction
ให้อารมณ์แบบเจ้าหญิง วินเทจสุดๆ ยิ่งจับคู่กับสร้อยเพชรที่เค้าใส่ในวันนั้น มันโดดเด่นสะดุดตามากกกกกก
หลังจากวันนั้น เราก็เริ่มเกิดอาการ ละเมอเพ้อฝัน ถึงขั้นออกตามหาแหวนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับแหวนดังกล่าว ซึ่งหายากซะเหลือเกิน ที่เจอก็คือตามเว็ปไซต์ขายจากต่างประเทศ ที่พอเห็นราคาแล้วก็แทบจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษาอุรุกวัย จนในที่สุดก็ตัดสินใจ หาข้อมูล เพื่อจะสั่งทำแหวนแบบที่อยากได้
ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้การเลือกร้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสเป๊คที่เราต้องการสูง แต่ละร้านเรียกมาทีหลักแสน!! เจ๊รับไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องหันหน้าเข้าหาเพื่อนที่เป็นพวกคลั่งไคล้เครื่องประดับขั้นสูงสุด นางตอบกลับมาว่า ก็อย่าไปทำที่ร้านขายจิวเวลรี่สิ!!! สตั๊นไปสามวิ ไม่เข้าใจที่นางพูด ไม่ทำที่ร้านจะไปทำที่ไหน นางก็อธิบายมาให้ละเอียดเสร็จสรรพ ซึ่งเราจะมาบอกเล่าให้เพื่อนๆฟังว่า ขั้นตอนมันเป็นยังไง
อันดับแรก หาอัญมณีที่ต้องการ
แทนที่จะวิ่งเข้าหาร้านขายเครื่องเพชรหรูๆ เราก็เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นหาร้านขายพลอยร่วงแทน(พลอยเม็ดๆ ที่ผ่านการเจียรไนยมาแล้วแต่ยังไม่ถูกนำไปขึ้นตัวเรือน) ซึ่งในกรณีเรา เพื่อนพาไปร้านที่รู้จักกันที่ตึกจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ ตรงถนนสีลม เพิ่งเคยเข้ามาเดินเป็นครั้งแรก มีตู้ขายอัญมณีเต็มไปหมด เห็นแล้วรู้สึกงง เพชรพลอย เค้าวางขายกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ??
เห็นแล้วแปลกดี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
เราตัดสินใจที่จะใช้ไพลินเป็นเม็ดกลาง เพราะความชอบส่วนตัว และที่เหลือก็ใช้เป็นเพชรเหมือนเดิม (เดี๋ยวจะมาบอกวิธีการเลือกไพลินตอนจบสำหรับคนที่สนใจนะคะ) สำหรับคนที่มีเพชรพลอยเก็บไว้อยู่แล้ว ก็จะประหยัดเงินตรงนี้ไปได้เยอะเลย พอได้เพชร และ พลอยเม็ดหลักแล้วก็ ถึงเวลาไปหาคุณช่างที่เพื่อนพูดถึง
ร้านของคุณช่าง ก็เป็นตู้โชว์เหมือนร้านอื่นๆ สอบถามได้ใจความว่า หน้าที่หลักของคุณช่างก็คือ ขึ้นแว๊กซ์ตามแบบที่ลูกค้าต้องการ ซ่อมเครื่องประดับ รวมถึงการปรับไซส์ ขึ้นเรือนใหม่ หรือชุบเครื่องประดับ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ ก็คือร้านจิวเวลรี่นั่นแหละ!!!
อันดับที่ 2 คุยเรื่องแบบและราคา
หลังจากคุยกันเรื่องแบบเป็นที่เรียบร้อย โดยวิธีการง่ายๆก็คือการหารูปมาให้ ถ้าเป็นรูปจากหลายๆมุม ก็จะดี หรือนำแบบแต่ละแบบมาประกอบกันก็ได้ คุณช่างก็จะวาดออกมาคร่าวๆให้เราดู พอเสร็จก็จะให้เราเลือก ว่าเราจะใช้ตัวเรือนแบบไหน หลักๆก็จะมี 3 อย่าง คือ เงิน ทอง และ ทองคำขาว โดยราคาก็จะขึ้นลงตามราคาทองในท้องตลาดนั่นแหละ
อันดับที่ 3 การขึ้นแว๊กซ์
พอตกลงเรื่องแบบและราคาได้ คุณช่างก็เริ่มลงมือเรื่องการขึ้นแว๊กซ์ หรือ การแกะแว๊กซ์ เพื่อที่จะใช้เป็นต้นแบบของแหวนเรา ก่อนที่จะกลายเป็นแหวนวงจริงๆ ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะต้องใช้ความปราณีตในการทำ หากแว๊กซ์ออกมาไม่สวย งานจริงก็จะออกมาไม่สวยเท่าที่ควร
แท่งแว๊กซ์สำหรับทำแหวนมีหน้าตาแบบนี้
อันยาวๆ คือสำหรับแหวน ส่วนอันใหญ่ๆ สำหรับกำไลข้อมือ
วัดขนาดตามที่ต้องการและก็ตัดมันออกมา เพื่อดำเนินการปรับไซส์และแกะลายต่อไป
ผ่านไปประมาณ 1- 2 อาทิตย์ คุณช่างก็นัดให้เราไปลอง ไซส์ ก่อนที่จะส่งไปหล่อ ที่โรงหล่อ พร้อมกับบอกจำนวนเพชร ที่เราต้องสั่งมาเพิ่ม คำนวนจากแบบให้เราว่า เราต้องใช้เพชรเพิ่มอีกกี่เม็ด สำหรับเอามาล้อมรอบ และแต่งตามตัวเรือนแบบที่เราต้องการ ไซส์กี่กะรัต ขนาดกี่มิล และอื่นๆอีกมากมาย (ข้าพเจ้าโดนอีกสี่สิบกว่าเม็ด ขอร้องไห้เปป) ซึ่งจากตัวแว๊กซ์ คุณช่างก็จะสามารถคำนวณค่าทองแบบคร่าวๆให้เราได้แล้ว ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับราคาทอง ณ วันนั้นๆค่ะ
แกะออกมาเสร็จ ก็จะได้เห็นแหวนแบบคร่าวๆแล้วหล่ะ สวยงามจริงๆน๊า (แบบนี้เค้าเรียกว่าขึ้นการขึ้นมือ ซึ่งจะมีความละเอียดอ่อน สวยงามและปราณีกว่าการใช้แว๊กสำเร็จรูปที่ทำจากแม่พิมพ์โหล)
อันดับที่ 4 หาเพชรที่เหลือ
พอได้คำสั่งจากคุณช่าง เราก็ได้เวลาออกตามหาเพชรแบบที่ต้องใช้ ด้วยจำนวนที่เยอะ ร้านค้าก็เลยไม่มีของเพียงพอ สุดท้ายก็หันไปพึ่งร้านเพชรที่เคยสั่งแหวนทางเฟสบุ๊ค โทรคุย สั่งกันเรียบร้อย เพชรก็มีหลายเกรดให้เลือก ตามขนาด สี ความสะอาด ตำหนิ ราคาก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ แล้วแต่เราต้องการ สามวันต่อมาเพชรเม็ดน้อยๆก็เดินทางมาถึง
อันดับที่ 5 หล่อ ฝัง ขัด ชุบ และอื่นๆ
อาทิตย์ต่อมาก็นัดเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้ไปลองแหวนที่ถูกหล่อมาเรียบร้อยแล้วด้วยทองคำขาว ซึ่งถูกทำโดยช่างอีกท่านนึง ที่ร้านอยู่ติดกัน
เห็นแล้วแอบกรี๊ดเบาๆในใจ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ววววว
เรียบร้อยแล้วก็ถูกส่งไปตกแต่งลวดลายเพิ่มเติมโดยการยิรอบๆ รวมถึงแทงสด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้านและฝีมือของช่างแต่ละคน เสร็จแล้วก็ส่งไปยังคุณช่างฝัง ซึ่งเป็นคนละร้าน แต่เค้าก็คำนวณค่าใช้จ่ายรวมกัน
เพชรจิ๋วโดนฝังเป็นที่เรียบร้อย
คุณช่างทุกคน น่ารักมากเลย คอยส่งรูปมาให้ดูอยู่เรื่อยๆ หลังจาก หล่อ แต่ง ฝัง และขัดเรียบร้อยแล้ว แหวนก็ถูกส่งไปยังโรงชุบ เพื่อชุบทองคำขาวซ้ำอีกรอบ เพื่อความเงางาม
เสร็จสิ้นกระบวนการ ก็ได้เวลาไปรับแหวนวงน้อยๆของเราแล้วววว
แอบกรี๊ดเบาๆ ในที่สุดแหวนที่ละเมอเพ้อฝัน ก็มาอยู่ในครอบครอง My Preciousssssssss
ชอบมากกก ปลื้มมากกกก รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจสั่งทำ ราคาโดยรวมแล้วก็อยู่ที่ 6x,xxx ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพและขนาดของเพชรพลอยที่เลือกใช้ ถ้ารู้จักแหล่งเพชรพลอยราคาถูก หรือมีพลอยที่เก็บไว้อยู่แล้ว ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกเยอะเลย
ค่าใช้จ่าย โดยประมาณ
ค่าเพชรพลอย 4x,xxx
ค่าตัวเรือนทองคำขาว กรัมละประมาณ 1xxx รวม 6 กรัมนิดๆ = 1x,xxx
ค่าแว๊กซ์ 2xxx
ค่าฝัง ชุบ และอื่นๆ 1xxx
เรียกได้ว่า ถูกกว่าร้านที่ไปถามๆมา แทบจะครึ่งๆกันเลยทีเดียว ก็เป็นอีกทางเลือกนึง สำหรับคนที่อยากได้แหวนดีในราคาต้นทุน แถมยังได้ตามแบบที่เราต้องการเป๊ะๆอีกตังหาก
อีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากประหยัดงบ
1. เลือกตัวเรือนเป็นเงิน แทนที่จะใช้ทองหรือทองคำขาว ประหยัดได้หลักหมื่น
2. เลือกพลอยเนื้ออ่อน หรือ พลอยที่ราคาถูกลง เช่น ใช้ แทนซาไนท์ แทนไพลิน หรือ ใช้โกเมน แทนทับทิม ก็จะสามารถประหยัดได้หลายหมื่น
3. เลือกใช้แว๊กซ์สำเร็จรูป ที่วางขายอยู่ทั่วๆไป แทนที่จะสั่งทำแว๊กซ์ขึ้นมือ ก็จะประหยัดได้หลักพัน
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับไพลิน
ไพลิน หรือ แซฟไฟร์ (Sapphire) ในภาษากรีก หมายถึง หินสีน้ำเงิน โดยชาวเมดิเตอร์เรเนียนยกย่องให้ไพลินเป็นอัญมณีที่เหนือกว่าพลอยสีทั้งปวง ไพลินเป็นพลอยในตระกูล คอรันดัม ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับทับทิม บุษราคัม และ เขียวส่อง
ไพลินที่มีราคาสูงกว่าเพื่อนๆคือ ไพลินที่มีสีน้ำเงินเข้มสดใส เรียกว่า Royal Blue หรือ สีน้ำเงินประกายนุ่มนวล Cornflower Blue แหล่งที่มาของไพลินที่สำคัญคือ แคชเมียร์ และ พม่า ค่ะ
วิธีการเลือกซื้อไพลิน ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้ซื้อว่าชอบสีโทนไหน บางคนชอบสีอ่อน บางคนชอบสีเข้ม แต่หลักสำคัญๆคือการเช็คความสะอาด โดยธรรมชาติแล้ว ไพลินมีความสะอาดมากกว่าทับทิมหรือมรกต ดังนั้น การหาซื้อไพลินที่มีความสะอาดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรเช็คด้วยว่าได้ผ่านการเผาปรับปรุงคุณภาพมารึเปล่า เพราะจะส่งผลกับราคาของไพลิน
ราคาของไพลิน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักๆคือ สี, แหล่งที่มา, การเผาปรับปรุงคุณภาพ, ขนาด, และความสะอาด มีตั้งแต่กะรัตละหลักร้อย จนถึงหลักล้าน ดังนั้น หากจะเลือกซื้อไพลินที่มีราคาสูง ควรตรวจสอบคุณภาพกับทางห้องแลปที่ไว้ใจได้ก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ
หวังว่า กระทู้นี้จะเป็นอีกตัวเลือกนึงสำหรับเพื่อนๆที่กำลังอยากได้เครื่องประดับนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่า
มีแบบอีกเยอะเลยที่อยากได้ T-T ตังค์จ๋า รีบๆมาหาแม่เร็วนะ
ปล. วันไปรับแหวน แอบเห็นโปสเตอร์เรียนดูเพชรพลอยฟรี ตั้งอยู่ที่ร้าน คุณช่างแนะนำว่าควรไปลองเรียนดูสำหรับผู้ที่สนใจพวกจิวเวลรี่ เราว่าน่าสนใจเลยเอามาฝากกัน โทรไปจองที่ได้ตามเบอร์ในโปสเตอร์เลยจ้า
[CR] ทำแหวนเจ้าหญิงหลักแสนในราคาหลักหมื่น
เรื่องมันเกิดจากวันนั้นไปงานแต่งงานของเพื่อน แล้วก็บังเอิญไปเห็นผู้ใหญ่ท่านนึงใส่แหวนวงนึงที่ดูแล้วสวยมาก เห็นแล้วถูกใจมาก เป็นแหวนเพชรกลมๆ 3 เม็ด เรียงกัน หน้าตาออกแนวประมาณนี้
คล้ายๆแหวนหมั้นของ Perrie Edwards คู่หมั้นของหนุ่ม Zayn Malik จากวง One Direction
ให้อารมณ์แบบเจ้าหญิง วินเทจสุดๆ ยิ่งจับคู่กับสร้อยเพชรที่เค้าใส่ในวันนั้น มันโดดเด่นสะดุดตามากกกกกก
หลังจากวันนั้น เราก็เริ่มเกิดอาการ ละเมอเพ้อฝัน ถึงขั้นออกตามหาแหวนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับแหวนดังกล่าว ซึ่งหายากซะเหลือเกิน ที่เจอก็คือตามเว็ปไซต์ขายจากต่างประเทศ ที่พอเห็นราคาแล้วก็แทบจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษาอุรุกวัย จนในที่สุดก็ตัดสินใจ หาข้อมูล เพื่อจะสั่งทำแหวนแบบที่อยากได้
ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้การเลือกร้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสเป๊คที่เราต้องการสูง แต่ละร้านเรียกมาทีหลักแสน!! เจ๊รับไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องหันหน้าเข้าหาเพื่อนที่เป็นพวกคลั่งไคล้เครื่องประดับขั้นสูงสุด นางตอบกลับมาว่า ก็อย่าไปทำที่ร้านขายจิวเวลรี่สิ!!! สตั๊นไปสามวิ ไม่เข้าใจที่นางพูด ไม่ทำที่ร้านจะไปทำที่ไหน นางก็อธิบายมาให้ละเอียดเสร็จสรรพ ซึ่งเราจะมาบอกเล่าให้เพื่อนๆฟังว่า ขั้นตอนมันเป็นยังไง
อันดับแรก หาอัญมณีที่ต้องการ
แทนที่จะวิ่งเข้าหาร้านขายเครื่องเพชรหรูๆ เราก็เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นหาร้านขายพลอยร่วงแทน(พลอยเม็ดๆ ที่ผ่านการเจียรไนยมาแล้วแต่ยังไม่ถูกนำไปขึ้นตัวเรือน) ซึ่งในกรณีเรา เพื่อนพาไปร้านที่รู้จักกันที่ตึกจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ ตรงถนนสีลม เพิ่งเคยเข้ามาเดินเป็นครั้งแรก มีตู้ขายอัญมณีเต็มไปหมด เห็นแล้วรู้สึกงง เพชรพลอย เค้าวางขายกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ??
เห็นแล้วแปลกดี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
เราตัดสินใจที่จะใช้ไพลินเป็นเม็ดกลาง เพราะความชอบส่วนตัว และที่เหลือก็ใช้เป็นเพชรเหมือนเดิม (เดี๋ยวจะมาบอกวิธีการเลือกไพลินตอนจบสำหรับคนที่สนใจนะคะ) สำหรับคนที่มีเพชรพลอยเก็บไว้อยู่แล้ว ก็จะประหยัดเงินตรงนี้ไปได้เยอะเลย พอได้เพชร และ พลอยเม็ดหลักแล้วก็ ถึงเวลาไปหาคุณช่างที่เพื่อนพูดถึง
ร้านของคุณช่าง ก็เป็นตู้โชว์เหมือนร้านอื่นๆ สอบถามได้ใจความว่า หน้าที่หลักของคุณช่างก็คือ ขึ้นแว๊กซ์ตามแบบที่ลูกค้าต้องการ ซ่อมเครื่องประดับ รวมถึงการปรับไซส์ ขึ้นเรือนใหม่ หรือชุบเครื่องประดับ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ ก็คือร้านจิวเวลรี่นั่นแหละ!!!
อันดับที่ 2 คุยเรื่องแบบและราคา
หลังจากคุยกันเรื่องแบบเป็นที่เรียบร้อย โดยวิธีการง่ายๆก็คือการหารูปมาให้ ถ้าเป็นรูปจากหลายๆมุม ก็จะดี หรือนำแบบแต่ละแบบมาประกอบกันก็ได้ คุณช่างก็จะวาดออกมาคร่าวๆให้เราดู พอเสร็จก็จะให้เราเลือก ว่าเราจะใช้ตัวเรือนแบบไหน หลักๆก็จะมี 3 อย่าง คือ เงิน ทอง และ ทองคำขาว โดยราคาก็จะขึ้นลงตามราคาทองในท้องตลาดนั่นแหละ
อันดับที่ 3 การขึ้นแว๊กซ์
พอตกลงเรื่องแบบและราคาได้ คุณช่างก็เริ่มลงมือเรื่องการขึ้นแว๊กซ์ หรือ การแกะแว๊กซ์ เพื่อที่จะใช้เป็นต้นแบบของแหวนเรา ก่อนที่จะกลายเป็นแหวนวงจริงๆ ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะต้องใช้ความปราณีตในการทำ หากแว๊กซ์ออกมาไม่สวย งานจริงก็จะออกมาไม่สวยเท่าที่ควร
แท่งแว๊กซ์สำหรับทำแหวนมีหน้าตาแบบนี้
อันยาวๆ คือสำหรับแหวน ส่วนอันใหญ่ๆ สำหรับกำไลข้อมือ
วัดขนาดตามที่ต้องการและก็ตัดมันออกมา เพื่อดำเนินการปรับไซส์และแกะลายต่อไป
ผ่านไปประมาณ 1- 2 อาทิตย์ คุณช่างก็นัดให้เราไปลอง ไซส์ ก่อนที่จะส่งไปหล่อ ที่โรงหล่อ พร้อมกับบอกจำนวนเพชร ที่เราต้องสั่งมาเพิ่ม คำนวนจากแบบให้เราว่า เราต้องใช้เพชรเพิ่มอีกกี่เม็ด สำหรับเอามาล้อมรอบ และแต่งตามตัวเรือนแบบที่เราต้องการ ไซส์กี่กะรัต ขนาดกี่มิล และอื่นๆอีกมากมาย (ข้าพเจ้าโดนอีกสี่สิบกว่าเม็ด ขอร้องไห้เปป) ซึ่งจากตัวแว๊กซ์ คุณช่างก็จะสามารถคำนวณค่าทองแบบคร่าวๆให้เราได้แล้ว ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับราคาทอง ณ วันนั้นๆค่ะ
แกะออกมาเสร็จ ก็จะได้เห็นแหวนแบบคร่าวๆแล้วหล่ะ สวยงามจริงๆน๊า (แบบนี้เค้าเรียกว่าขึ้นการขึ้นมือ ซึ่งจะมีความละเอียดอ่อน สวยงามและปราณีกว่าการใช้แว๊กสำเร็จรูปที่ทำจากแม่พิมพ์โหล)
อันดับที่ 4 หาเพชรที่เหลือ
พอได้คำสั่งจากคุณช่าง เราก็ได้เวลาออกตามหาเพชรแบบที่ต้องใช้ ด้วยจำนวนที่เยอะ ร้านค้าก็เลยไม่มีของเพียงพอ สุดท้ายก็หันไปพึ่งร้านเพชรที่เคยสั่งแหวนทางเฟสบุ๊ค โทรคุย สั่งกันเรียบร้อย เพชรก็มีหลายเกรดให้เลือก ตามขนาด สี ความสะอาด ตำหนิ ราคาก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ แล้วแต่เราต้องการ สามวันต่อมาเพชรเม็ดน้อยๆก็เดินทางมาถึง
อันดับที่ 5 หล่อ ฝัง ขัด ชุบ และอื่นๆ
อาทิตย์ต่อมาก็นัดเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้ไปลองแหวนที่ถูกหล่อมาเรียบร้อยแล้วด้วยทองคำขาว ซึ่งถูกทำโดยช่างอีกท่านนึง ที่ร้านอยู่ติดกัน
เห็นแล้วแอบกรี๊ดเบาๆในใจ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ววววว
เรียบร้อยแล้วก็ถูกส่งไปตกแต่งลวดลายเพิ่มเติมโดยการยิรอบๆ รวมถึงแทงสด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้านและฝีมือของช่างแต่ละคน เสร็จแล้วก็ส่งไปยังคุณช่างฝัง ซึ่งเป็นคนละร้าน แต่เค้าก็คำนวณค่าใช้จ่ายรวมกัน
เพชรจิ๋วโดนฝังเป็นที่เรียบร้อย
คุณช่างทุกคน น่ารักมากเลย คอยส่งรูปมาให้ดูอยู่เรื่อยๆ หลังจาก หล่อ แต่ง ฝัง และขัดเรียบร้อยแล้ว แหวนก็ถูกส่งไปยังโรงชุบ เพื่อชุบทองคำขาวซ้ำอีกรอบ เพื่อความเงางาม
เสร็จสิ้นกระบวนการ ก็ได้เวลาไปรับแหวนวงน้อยๆของเราแล้วววว
แอบกรี๊ดเบาๆ ในที่สุดแหวนที่ละเมอเพ้อฝัน ก็มาอยู่ในครอบครอง My Preciousssssssss
ชอบมากกก ปลื้มมากกกก รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจสั่งทำ ราคาโดยรวมแล้วก็อยู่ที่ 6x,xxx ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพและขนาดของเพชรพลอยที่เลือกใช้ ถ้ารู้จักแหล่งเพชรพลอยราคาถูก หรือมีพลอยที่เก็บไว้อยู่แล้ว ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกเยอะเลย
ค่าใช้จ่าย โดยประมาณ
ค่าเพชรพลอย 4x,xxx
ค่าตัวเรือนทองคำขาว กรัมละประมาณ 1xxx รวม 6 กรัมนิดๆ = 1x,xxx
ค่าแว๊กซ์ 2xxx
ค่าฝัง ชุบ และอื่นๆ 1xxx
เรียกได้ว่า ถูกกว่าร้านที่ไปถามๆมา แทบจะครึ่งๆกันเลยทีเดียว ก็เป็นอีกทางเลือกนึง สำหรับคนที่อยากได้แหวนดีในราคาต้นทุน แถมยังได้ตามแบบที่เราต้องการเป๊ะๆอีกตังหาก
อีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากประหยัดงบ
1. เลือกตัวเรือนเป็นเงิน แทนที่จะใช้ทองหรือทองคำขาว ประหยัดได้หลักหมื่น
2. เลือกพลอยเนื้ออ่อน หรือ พลอยที่ราคาถูกลง เช่น ใช้ แทนซาไนท์ แทนไพลิน หรือ ใช้โกเมน แทนทับทิม ก็จะสามารถประหยัดได้หลายหมื่น
3. เลือกใช้แว๊กซ์สำเร็จรูป ที่วางขายอยู่ทั่วๆไป แทนที่จะสั่งทำแว๊กซ์ขึ้นมือ ก็จะประหยัดได้หลักพัน
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับไพลิน
ไพลิน หรือ แซฟไฟร์ (Sapphire) ในภาษากรีก หมายถึง หินสีน้ำเงิน โดยชาวเมดิเตอร์เรเนียนยกย่องให้ไพลินเป็นอัญมณีที่เหนือกว่าพลอยสีทั้งปวง ไพลินเป็นพลอยในตระกูล คอรันดัม ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับทับทิม บุษราคัม และ เขียวส่อง
ไพลินที่มีราคาสูงกว่าเพื่อนๆคือ ไพลินที่มีสีน้ำเงินเข้มสดใส เรียกว่า Royal Blue หรือ สีน้ำเงินประกายนุ่มนวล Cornflower Blue แหล่งที่มาของไพลินที่สำคัญคือ แคชเมียร์ และ พม่า ค่ะ
วิธีการเลือกซื้อไพลิน ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้ซื้อว่าชอบสีโทนไหน บางคนชอบสีอ่อน บางคนชอบสีเข้ม แต่หลักสำคัญๆคือการเช็คความสะอาด โดยธรรมชาติแล้ว ไพลินมีความสะอาดมากกว่าทับทิมหรือมรกต ดังนั้น การหาซื้อไพลินที่มีความสะอาดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรเช็คด้วยว่าได้ผ่านการเผาปรับปรุงคุณภาพมารึเปล่า เพราะจะส่งผลกับราคาของไพลิน
ราคาของไพลิน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักๆคือ สี, แหล่งที่มา, การเผาปรับปรุงคุณภาพ, ขนาด, และความสะอาด มีตั้งแต่กะรัตละหลักร้อย จนถึงหลักล้าน ดังนั้น หากจะเลือกซื้อไพลินที่มีราคาสูง ควรตรวจสอบคุณภาพกับทางห้องแลปที่ไว้ใจได้ก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ
หวังว่า กระทู้นี้จะเป็นอีกตัวเลือกนึงสำหรับเพื่อนๆที่กำลังอยากได้เครื่องประดับนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่า
มีแบบอีกเยอะเลยที่อยากได้ T-T ตังค์จ๋า รีบๆมาหาแม่เร็วนะ
ปล. วันไปรับแหวน แอบเห็นโปสเตอร์เรียนดูเพชรพลอยฟรี ตั้งอยู่ที่ร้าน คุณช่างแนะนำว่าควรไปลองเรียนดูสำหรับผู้ที่สนใจพวกจิวเวลรี่ เราว่าน่าสนใจเลยเอามาฝากกัน โทรไปจองที่ได้ตามเบอร์ในโปสเตอร์เลยจ้า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น