เมื่อฉันได้มาเป็นคนไข้จิตเวชเพราะ 'โรคซึมเศร้า'

ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะต้องมาเขียนในเรื่องนี้
ตอนแรกก็พยายามปิดจากทุกคนแหละ
เพราะรู้สึกว่าในสังคมเรายังยอมรับเรื่องทางจิตเวชกันได้ยากอยู่
แต่พักหลังนี้ตัดสินใจที่จะเอ่ยปากและบอกคนรอบข้าง
เพราะอาการมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเรากลัวตัวเอง
และการอัพเรื่องนี้ ค่อนข้างเปลือยชีวิตตัวเองระดับนึง
อาจจะเหมือนเอาตัวเองมาประจานและอาจโดนโจมตีจากความเห็นที่ต่าง มองได้หลายแง่หลายมุม
แต่มันสอนอะไรเราได้หลายอย่าง เลยตัดสินใจเขียนแชร์เรื่องนี้ค่ะ

----------------------------------

จะขออธิบายในเชิงวิชาการของสิ่งที่เราเผชิญกับมันก่อน
เพื่อความเข้าใจในการอ่าน หรือถ้าใครอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร
เราจะอธิบาย 3 ภาวะที่พบเจอได้มากในสังคมปัจจุบัน(ในแบบสั้นๆง่ายๆ) คือ
Major depressive disorder, Bipolar disorder และ adjustment disorder


โรคซึมเศร้า หรือ Major Depressive Disorder
คือการมีภาวะซึมเศร้าติดต่อกันยาวนาน
และมีระดับความรุนแรงในหลายระดับ คนที่เป็นจะมีความมั่นใจในตัวเองต่ำ ร้องไห้ง่าย
คิดแต่ในแง่ลบ หดหู่ และหมดความสนใจจากสิ่งที่เคยทำหรือเคยชอบ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า
หมดหวังในทุกสิ่ง และมีความคิดฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย
ลักษณะทางกายภาพที่แสดงออกมาคือจะกินมากเกินกว่าปกติ หรือไม่ก็น้อยกว่าปกติ
นอนไม่หลับ สมาธิสั้น ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และหลงลืมได้ง่ายกว่าปกติ

อาการพวกนี้เราว่าคนส่วนใหญ่รู้และสังเกตได้ง่าย
แต่สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้คือ อาการซึมเศร้ามีส่วนเกี่ยวข้องจากสารในสมองชื่อ เซโรโทนิน
ซึ่งสารฮอร์โมนตัวนี้จะทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ ความโกรธ ความก้าวราว ความอยากอาหาร การนอนหลับ
การที่สารตัวนี้มีปริมาณลดลง(จากสิ่งที่มากระตุ้น มากระทบ) จะส่งผลโดยตรงต่อความคิด พฤติกรรมและอารมณ์
โรคซึมเศร้าจึงมักจะต้องใช้ยาช่วยปรับฮอร์โมนตัวนี้ร่วมด้วย
(จะไม่ใช้ยาก็ได้ ถ้าแกร่งพอ ซึ่งส่วนใหญ่คือไม่)
และอาหารที่กิน(กาแฟ แอลกอฮอล์) และการพักผ่อนที่น้อย นอนน้อย ก็ทำให้สารตัวนี้ลดลงด้วย

โรคอารมณ์สองขั้ว หรือ Bipolar disorder
คือภาวะที่มีอาการหลักๆสองด้านคือซึมเศร้า และแมเนีย สลับกัน
ซึมเศร้าคือเหมือนกับที่อธิบายไปข้างบน
แต่จะมีอาการแมเนียสลับมาเป็นระยะ คือมีอารมณ์ก้าวร้าว พูดจารุนแรง อารมณ์รุนแรง ปาข้าวของ
ไม่หลับไม่นอน ทำงานมากกว่าปกติ มีโครงการทำนู่นทำนี่เยอะแยะไปหมด และใช้จ่ายมากเกินปกติ
ซึ่งระยะสองระยะนี้จะเป็นสลับกัน ระยะเวลาไม่แน่นอนและไม่เท่ากัน และขึ้นอยู่กับแต่ละคน

ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
เป็นภาวะการปรับตัวต่อความเครียดที่ผิดปกติ อาการจะแสดงออกได้หลายแบบ
ซึมเศร้า สิ้นหวัง หงุดหงิด บ้าระห่ำ ฯลฯ โดยอาการจะเป็นอยู่ในช่วงสามเดือนแรก และอยู่ไม่นานเกินหกเดือน
ถ้าเกินกว่า 6 เดือนก็คือเรื้อรัง (Chronic)
แต่กิจวัตรประจำวันยังสามารถดำเนินได้อยู่ ยังทำงานได้อยู่

ซึ่งโรคสามโรคนี้ อาการที่แสดงออกมามันออกมาทางพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์
บวกกับมักจะมีอาการหลงๆลืมๆ(แบบง่ายมากๆ) และการตัดสินใจผิดเพี้ยน ตัดสินใจอะไรได้ยากกว่าที่เคยเป็น
มันเลยดูใกล้เคียงกับคำว่า 'นิสัย'
ทำให้คนส่วนใหญ่แยกไม่ออกระหว่างนิสัยกับอาการที่ป่วย
และแน่นอน การตัดสินตอนแรกทุกคนมักมองว่าเป็นนิสัย และเริ่มตีตัวห่าง
หาคนเข้าใจได้ยาก และกระทบทุกด้านของชีวิตไปหมด

ถ้าอยากเข้าใจโรคมากขึ้น โปรดหาอ่านเพิ่มเติมค่ะ
(อ่านจากในกระทู้นี้ได้นะคะ เขียนดีมาก http://ppantip.com/topic/34236168 ขอบคุณ คห.159 ที่ส่งมาให้นะคะ)
เราอธิบายเท่าที่เราศึกษา เจอเองและทำความเข้าใจมา
ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักกันแต่อันแรก คือโรคซึมเศร้า
แต่ความเศร้าและเรื่องทางจิตใจมันมีแตกยิบย่อยไปมากกว่านั้นเยอะกว่าที่คิดมากๆๆๆ
ถ้าบุคลากรทางด้านการแพทย์มาอ่านแล้วพบว่ามันผิดเพี้ยนยังไงแจ้งได้ค่ะ
กำลังศึกษาและทำความเข้าใจมันให้มากขึ้นอยู่เหมือนกัน

หมอลงความเห็นตอนแรกว่าเรามีภาวะ Adjustment disorder.
แต่อาการมันยาวนานและรุนแรงขึ้น จนหมอเปลี่ยนวินิจฉัยเราเป็น โรคซึมเศร้าบวกวิตกกังวล หรือ Mixed Anxiety-Depressive Disorder.

---------------------------------------------------------------

เมื่อช่วงต้นปีเจอเรื่องที่กระทบจิตใจอย่างหนักมาเรื่องหนึ่ง
ความรู้สึกโดนหักหลัง หมดศรัทธาในคำพูด และความไว้ใจ มาเต็ม
แต่สิ่งที่เราแสดงออกไปตอนนั้นเวลาที่เศร้ามากๆหรือเวลารู้สึกว่าตัวเองสูญเสียสิ่งนึงไป
พฤติกรรมที่ออกมาคือเราเริ่มคุมอารมณ์และพฤติกรรมตัวเองไม่อยู่
จะทำอะไรที่อยากทำ ต้องได้เดี๋ยวนั้น ตอนนั้น ทำอะไรโง่ๆ
เรียกง่ายๆว่าสติแตกหรือช็อคไปเลย และพยายามให้ทุกอย่างกลับคืนมาและเป็นดังที่เราต้องการ
ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นขนาดนี้เลยสักครั้ง
โอเค ยอมรับว่าตัวเองใจร้อนและค่อนข้างเอาแต่ใจ
แม้จะเจอความผิดหวังในชีวิตมาบ้าง ก็เศร้า ระยะเวลาทำใจมากน้อยแตกต่างกันไป
แต่ก็ผ่านมันมาได้ตลอด แต่ครั้งนี้ไม่

ครั้งนี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเรื่องฝังใจลงไปลึก ทั้งคำพูดรุนแรงที่ด่าทอ
ทั้งการแคปประจานลงในโซเชียล การโดนประนามว่าเป็นตัวอันตราย
เรายอมรับว่าเราเริ่มระราน เริ่มทำอะไรที่แย่ๆ ตอนนั้นคุมตัวเองไม่ได้เลย
ทำลงไปแล้วแบบไม่รู้ตัว และมาเสียใจมากกกกกทีหลัง
โดนเพื่อนรุมด่าแบบไม่ยั้ง
ทุกอย่างบีบรัดเราให้เรากลายเป็นคนที่ผิด ทำตัวเอง และทำร้ายตัวเอง

จนเกิดคำถามว่า นี่คือสิ่งที่เราสมควรได้รับจริงๆหรอ
เราทำอะไรผิดมากจนต้องโดนกระทำแบบนี้จริงๆหรอ

หลังจากที่โดนตัดขาดการติดต่อและการตีตัวออกห่างจากหลายๆคนไป
เราพยายามเอาตัวเองออกมา พยายามอยู่ในสังคมใหม่ๆ
คิดในแง่บวก แต่สิ่งที่มันฝังใจ คือกลายเป็นปม ที่คอยทำให้เราเจ็บปวดตลอดเวลา

และมันไม่ใช่ว่าทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นไม่ถึงสองเดือน เราโดนหักหลังรอบที่สอง
โดนโกหกและหลอกลวง และโดนเอาไปพูดดูถูกแบบเสียๆหายๆ เหมือนโดนซ้ำเติมอีกรอบ

ทั้งสองเรื่องมันพลาดเพราะ ความไว้ใจ
และการให้ โดยที่เชื่อว่าเค้าจะเห็นค่าของมัน
ซึ่งโลกความจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิด


ตอนแรกเราคิดว่าเราจะจัดการมันได้และผ่านไปได้
แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ทุกอย่าง โดยเฉพาะพฤติกรรมและความคิด มันแย่ลงเรื่อยๆแบบฉุดไม่อยู่
เริ่มมีอาการของซึมเศร้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกคืน ภาพเก่าๆคอยหลอกหลอนตลอดเวลา
ความคิดดึงไปแต่ในแง่ลบ อยากนอนอย่างเดียว ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากรับรู้อะไร
เพื่อนมองว่าเราทำตัวเองทั้งนั้น และเริ่มตีตัวออกห่าง
จากที่เคยเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ก็เริ่มมองไปแทบไม่เจอใคร
บวกกับเราเจอ ความจริง ในเรื่องความสัมพันธ์ของสังคมในปัจจุบันมากขึ้นจากคนรอบข้าง
และคนที่เข้ามาหาเราก็ให้สิ่งดีๆทุกอย่างจนเราวางใจ(ในสภาวะที่อ่อนแอมากๆอยู่แล้ว)
แต่ก็ทิ้งไปเมื่อได้สิ่งที่ตัวเองพอใจ
การโกหก การหลอกลวง การเข้าไปเป็นมือที่สามและการมีคนที่สาม ความสัมพันธ์ถึงขั้นบนเตียง
ทุกอย่างมันดูเกิดขึ้นจนเป็นธรรมดาของชีวิตในปัจจุบัน

เราหมดศรัทธาในความรัก หมดศรัทธาในมนุษย์ หมดศรัทธาในทุกสิ่ง
ความรู้สึกหมดศรัทธาต่อโลกทั้งใบนี่มันแย่มาก
และเริ่มรู้สึกว่าโลกใบนี้มันไม่น่าอยู่ เพราะคนในสังคมเป็นแบบนี้
เราเริ่มไม่อยากอยู่ในโลกนี้เพื่อเจอสภาพสังคมแบบนี้
และปมที่มันเกิดขึ้น มันก็คอยหลอกหลอนให้เราเจ็บปวดแบบทรมานเกินกว่าที่คิด
และมันเริ่มเจ็บออกมาถึงร่างกาย ใจสั่นมือสั่น หายใจลำบาก (ดูไม่น่าเชื่อ แต่มันจริงค่ะ)
และเกิดอาการ คุมตัวเองไม่ได้ บ่อยขึ้น ความคิดอยากฆ่าตัวตายมันก็เข้ามา
มองทุกอย่างมืดมนไปหมด และคิดในแง่ลบตลอดเวลา
คำพูดจากคนรอบข้างไม่ช่วยอะไรเราเลย กลับทำให้แย่ลงด้วยซ้ำ
ทั้งโดนด่าให้สำนึก นั่นไม่มีผลอะไรกับเรานอกจากทำให้ยิ่งแย่ลง
การโดนซ้ำเติมและหลายต่อหลายคนด่าว่าเพราะเราทำร้ายตัวเอง ไม่รักตัวเอง ไม่นึกถึงครอบครัว
และเราไม่ค่อยเล่าปัญหาให้ที่บ้านฟังอยู่แล้ว
เพราะไม่เคยเจอเรื่องหนักหนาอะไร คือมักจะจัดการมันได้จนไม่ต้องปรึกษา

อารมณ์ ณ ตอนนั้นมีแต่จะดิ่งลง เรายิ่งโทษตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเราไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้ยังไงและเกิดอะไรขึ้นกับเรา
เหมือนระบบความคิดพัง ตัวเองคนเดิมหายไปหมด
เหมือนมีอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง คนที่เราควบคุมเค้าไม่ได้
ทั้งคำพูดและพฤติกรรม ไม่สดใสอีกแล้ว

คนรอบข้างก็เริ่มทนเราไม่ไหว เพราะไม่รู้จะช่วยและจะทำยังไงกับเราแล้ว
บอกว่าเพราะเราทำตัวเอง ทำร้ายตัวเอง
และไม่มีใครเข้าใจคำว่า เราควบคุมความคิดและพฤติกรรมตัวเองไม่ได้
คนรอบตัวก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ ตีตัวออกห่างไปเรื่อยๆจนเรารู้สึกเหมือนเราสูญเสีย โดดเดี่ยวและโดนทิ้ง
เพราะกลายไปเป็นว่าคนอื่นต้องมาแบกรับปัญหาของเราไปด้วย
พอเริ่มรู้สึกว่าสูญเสีย ทุกอย่างกลับยิ่งแย่เข้าไปอีก
จะกลับไปที่บ้านก็ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง กลัวที่บ้านห่วง เค้าห่วงแน่ๆ
เพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกันก็ย้ายออกจากห้อง
ไม่มีใครรับสายเรา หรือตอบข้อความเรา
บอกสั้นๆแค่ว่า ให้เราจัดการตัวเองให้ได้ก่อนจะดีกว่า

ความรู้สึกตอนนั้นมันโคตรว่างเปล่าและเคว้ง
(อ่านถึงตรงนี้ ต้องเข้าใจว่าช่วงดีเพรสมันมีแต่ความคิดแง่ลบจริงๆ)


ทำงานก็เริ่มไม่มีสมาธิกับงาน หลงๆลืมๆอะไรง่ายๆ ภายในเวลาอันสั้น
และภาพเก่าๆ คำพูด คำด่า จากคนที่เราเคยรักเคยชอบ คนที่เราเคยเห็นว่าเค้าเป็นเพื่อน คนที่เราวางใจ

'ก็กูไม่ได้รัก ทำไมกูต้องรับผิดชอบ'

'จริงๆเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันขนาดนั้นนี่'
(อ้าว วันก่อนพูดว่าเรามีความสุขบนความทุกข์ของเพื่อนไม่ได้หรอก)

'เป็นกูแล้วยังไง'

'ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้นี่ ยังห้ามตัวเองไม่ได้เลย'

'แกมันตัวอันตราย เป็นผู้หญิงอันตราย'

'ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอา บรรยากาศไม่เห็นน่าเอาเลย'

... เริ่มก่อนทั้งนั้น และเป็น ครั้งแรก ของเราด้วย เศร้า

ฯลฯ

ทุกอย่างคอยตามหลอกหลอนเราในความคิดตลอดเวลา สลัดออกก็กลับมาอีก
กลายเป็นเรื่องยากที่จะไม่เก็บคำพูดพวกนั้นมาคิด มันฝังใจไปเลย
พยายามทำกิจกรรมอะไรเพื่อให้ไม่คิด ก็นึกถึงได้อีก
เราเคยติดทวิตเตอร์และมีสังคมในทวิตเตอร์
แต่พอโดนแคปคำด่าเสียๆหายๆไปประจานลงอีก
มันส่งผลกระทบจนเราต้องออกจากสังคมนั้นมาและปิดแอคเคาท์แบบถาวร
และเริ่มอยากนอนตลอดเวลา เพราะไม่อยากรับรู้อะไรหรือตื่นมาเจอความเจ็บปวดอีก
แต่ผลที่เกิดขึ้นตอนนั้นคือเรานอนไม่หลับ จากที่ไม่เคยกินยานอนหลับก็ไปสรรหามากินให้หลับ
การนอนหลับแต่ละคืนมันเป็นความทรมาน เพราะฝันร้ายเรื่องเดิมๆเกือบทุกคืนที่นอน
สะดุ้งตื่นมาร้องไห้หลายรอบ กว่าจะถึงเช้า
เรียกว่าการใช้ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบากมาก
มันดูยาวนานแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ความคิดมีแต่แง่ลบ มีแต่คำถามว่าทำไมต้องทำกับเราขนาดนั้น
เราทำผิดอะไรนักหนา เราเลวขนาดนั้นเลยหรอ บวกกับการโทษตัวเองซ้ำๆตลอดเวลา
โลกมันหม่นไปหมดแบบหยุดไม่ได้
แทบจะจินตนาการถึงความสดใสและความสุขของตัวเองเมื่อก่อนไม่ออกเลย
มองไม่เห็นคนที่อยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจ คอยด่าให้คิดได้(ซึ่งตอนนั้นคือเกินจุดที่จะรับคำด่าไปแล้ว)
รู้สึกสูญเสียตัวตนของตัวเองไปแบบไม่รู้จะไปตามกลับมาจากที่ไหน
ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แย่มาก เพราะเรารักความเป็นตัวตนของเราคนนั้นมาก

การพยายามฆ่าตัวตายอย่างจริงจัง .. ครั้งที่ 1 ก็เกิดขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่