อย่างที่บอกในชื่อกระทู้เลยครับเขียนกระทู้ท่องเที่ยวแท้ๆแต่ดันไม่ค่อยถ่ายรูป
ด้วยปัจจัยไม่เอื้อหลายๆอย่างบวกกับนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยถ่ายรูปเวลาไปเที่ยว (ทั้งๆที่เป็นช่างภาพแท้ๆ)
หลายๆจุดจะใช้วิธีอธิบายเอาด้วยตัวหนังสือแทนแล้วกัน ขออภัยในความขี้เกียจถ่ายรูปของผมด้วยนะครับ
( ปกติเขียนแต่กระทู้เชิงดราม่า นี่เป็นกระทู้แรกที่เป็นกระทู้ท่องเที่ยว ถ้ายังไงฝากติชมด้วยนะครับ )
การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปรีแลกซ์ของผมเองเต็มที่ หลังจากถ่ายงานมารัวๆหลายเดือนแบบไม่ได้พัก
ก็เลยมีอารมณ์อยากไปพักผ่อนสบายๆบ้าง ปกติจะเป็นคนไปเที่ยวกับครอบครัวตามประสาหนุ่มไม่มีคู่
วางแพลนไว้แล้วว่าอยากไปเที่ยวเชียงคานช่วงที่ไม่ใช่หน้าหนาวไฮซีซั่นบ้าง เพราะคนน่าจะน้อย
และหนนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวกับเพื่อนๆน้องๆดูบ้างเลยออกปากชวนเพื่อนๆน้องๆที่สนิทกันดู
ก็ได้น้องๆที่สนิทและรู้ใจมาสามคน เต็มความจุรถพอดี พอได้ผู้ร่วมทริปผมก็จัดการหาจองที่พักทันที
สอบถามเพื่อนๆพี่น้องๆที่เคยไปก่อนก็ได้ความมาว่าให้ลองดูที่ โรงแรมพูลสวัสดิ์ เชียงคาน
เพราะผมเน้นอยากได้ที่ราคาไม่สูงมากและมีที่จอดรถให้เพราะจะขับรถไปเอง
( ไม่สโลว์ไลฟ์ฮะไม่โบกรถไม่ไปรถโดยสารสาธารณะ เน้นสะดวกตัวเองล้วนๆ )
ที่สำคัญคือมาจองก่อนเดินทางแค่สองสัปดาห์เลยหาที่พักยากมากๆ แต่โชคดีมากๆที่โรงแรมพูลสวัสดิ์
มีทุกอย่างครบที่ทางผมต้องการพอดี จัดการโทรหาทางโรงแรมพูลสวัสดิ์ ได้ห้องมาสองห้องเป็นห้อง
เตียงเดี่ยวนอนได้สองคน จองไปสองคืน ราคาคืนละ 600 บาท ส่วนตัวคิดว่าไม่แพงครับสำหรับผมเลยตกลง
จัดการโอนมัดจำเรียบร้อย นอนตีพุงสบายใจมีเพื่อนเที่ยวมีที่นอนแล้ว เตรียมพร้อมไปนอนกลิ้งต่างถิ่นเต็มที่
สองสัปดาห์ผ่านไป ก่อนวันเดินทางก็มีการระดมพลคนที่ร่วมทริปนี้ที่บ้านผมที่ลพบุรี
ซึ่งสัปดาห์นั้นเป็นช่วงที่แย่มากเพราะพายุหว่ามก๋อกำลังเขาถล่มไทยฝนตกทั่วประเทศ
น้ำท่วมพัทยาหัวหินผมนี่ได้แต่เงิบกลัวไปเชียงคานแล้วแบบฝนตกทั้งวันคงแกร่วตาย
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเดินหน้าลุย แต่ความซวยซ้ำสองก็มาเยือนเพราะมีน้องที่จะไปด้วยคนนึง
มาบอกว่า ไปไม่ได้แล้วติดงานที่มหาลัย ผมนี่ถึงกับเงิบเลยแต่ก็ต้องทำใจแล้วเดินหน้าลุยต่อไป อืมนะ!!
สรุปไปกันสามคน หาคนไปเพิ่มไม่ทัน เลยต้องทำใจแต่เนิ่นๆเพราะน้องที่ไปด้วยอีกสองคนเป็นแฟนกัน หึหึ
เช้าวันเดินทางเป็นอะไรที่ฟินมากฝนตกตั้งแต่ลืมตาตื่นผมนี่ยิ้มอ่อนเลย อย่างน้อยก็ไม่ร้อนแดดแล้วล่ะนะ
ผมเลือกเดินทางจากลพบุรี วิ่งเส้น สระบุรี - หล่มสัก ขึ้นภูเรือ ลงจังหวัดเลย แล้วไปเชียงคาน ตามแผนที่เลย
แค่นี้สบายมากก็ไปตามทางแหละครับไม่มีอะไรขับตากฝนชิลๆ ถนนลื่นๆโล่งๆไม่มีรถเลย
ไปจนถึงอำเภอหล่มเก่าแวะกินข้าวกลางวันกัน ด้วยความที่เป็นช่างภาพรับปริญญา
ผมจึงใช้สกิลเรียกพวก โทรตามอดีตบัณฑิตมาเป็นเจ้าถิ่นพากินของดีในพื้นที่ให้ในมื้อนั้น
น้องๆก็น่ารักมาพาไปกินขนมจีนเส้นสด ( เรียกถูกป่าวหว่า?? ) คือแบบอร่อยมาก
น้ำยาน้ำหวานนี่เติมได้ไม่อั้นมาเป็นโถให้ตักเองสะใจสายแหลกอยากผมมาก กินแบบไม่เกรงใจคนอื่น
กินแบบลืมถ่ายรูปมารีวิว นาทีนั้นกินอย่างเดียวอย่างอื่นไม่สนใจแล้วฮะ ขออภัยในความขี้เกียจถ่ายรูปอีกแล้ว
( ขออนุญาตใช้รูปเซลฟี่แทนละกัน ขอบคุณน้องปูเป้และน้องวิว สองเจ้าถิ่นชาวหล่มเก่าไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ )
หลังจากกินอิ่มสะใจล่ำลาสองสาวชาวหล่มเก่าแล้วก็ออกเดินทางต่อ ช่วงนี้เป็นช่วงสะใจของผมมากๆ
เพราะเป็นการขับรถบนเขาแต่เป็นนรกของน้องๆสองคนมากเพราะเป็นพวกเมารถง่ายทั้งคู่
เมาขนาดว่าเปิดกระจกเอาหน้าอังลมแบบน้องหมากันเลยทีเดียว ผ่านไปไม่มีอะไรขับรถขึ้นเขาแวะช็อปที่ภูเรือ
ลงเขาเข้าจังหวัดเลยขับรถยาวๆมุ่งสู่เชียงคานไปถึงช่วงเย็นๆพอดี จัดการเข้าที่พัก โรงแรมพูลสวัสดิ์
พี่ๆเจ้าของน่ารักมากให้การต้อนรับอย่างดี โรงแรมมีที่จอดรถจริงครับอยู่ห่างที่พักนิดเดียวเดินไม่ถึงหนึ่งนาที
( เรื่องที่จอดรถนี่พี่เจ้าของฝากมาบอกว่าช่วงไฮซีซั่นจะมีปัญหาเพราะเป็นที่จอดรถรวมถ้ามาช้าจะไม่มีที่จอดนะ )
จัดการเช็คอินขนของขึ้นห้องเก็บสัมภาระ ตรงนี้เป็นอะไรที่ผมอยากจะตบหัวตัวเองมาก คือห้องเขาจัดไว้สวยๆ
ดันไม่ถ่ายรูปไง พลาดอย่างแรงกระทู้รีวิวแต่ไม่เก็บรูปบรรยากาศมา มันน่ามั้ยละครับ??
พอเก็บของได้เรียบร้อยก็เดินลงมาข้างล่างมาคุยกับพี่ๆเจ้าของสอบถามสถานที่กินข้าวแบบเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย
เพราะขับรถมาไกลเหนื่อยเพลียมากบวกกับฝนตกปรอยๆทำให้ถนนคนเดินไม่ค่อยมีอะไรออกมาขาย
นั่งคุยกับพี่เจ้าของโรงแรมจนได้ที่ฝากท้องมื้อเย็นนี้เรียบร้อย ก็มุ่งสู่ร้านอาหารหาอะไรทานเป็นมื้อเย็นทันที
( ตามเคยครับไม่ได้ถ่ายรูปมา ไม่แม้จะหยิบกล้องไปด้วยซ้ำจะไปกินอย่างเดียวเลย ฝนตกด้วยเลยไม่เอากล้องไป )
จำได้ว่าไปกินร้านอหาร เฮือนหลวงพระบาง เป็นร้านอาหารแบบเป็นเรื่องเป็นราวครับ ราคาสูงหน่อยรสชาติอร่อย
เหมาะกับการไปกินกับครอบครัวหรือผู้ใหญ่มากครับแนะนำเลย ส่วนวัยรุ่นงบน้อยเลี่ยงๆไปหาไรกินในถนนคนเดินดีกว่า
อิ่มท้องเสร็จก็มุ่งหน้ากลับที่พักเลยเพราะเพลียมาก น้องชายกับน้องสาวถึงที่พักได้ก็เข้าห้องสลบทันที
ส่วนผมเองหลังจากทำเท่ห์หยิบหนังสือมานั่งอ่านเหยียดขาริมระเบียงได้ไม่นานก็สลบ ผ่านไปหนึ่งวันแบบไม่มีอะไรเลย
วันที่สองตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้ามาใส่บาตร แต่ดันตื่นสายตื่นตอนพระมา กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่างเสร็จ
พระเดินครบทุกวัดไปแล้วสรุปอดใส่บาตร ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยใส่ใหม่ เปลี่ยนไปปรึกษาพี่เจ้าของที่พักว่าเช้านี้กินอะไรดี
พี่ต๊อกกับพี่นวย ( ชื่อพี่เข้าของโรงแรมพูลสวัสดิ์ ) ก็แนะนำให้ไปกิน ข้าวปุ้นน้ำแจ่วป้าบัวหวาน ซอย 14 อร่อยแน่นอน
ผมกับน้องๆก็จับจักรยานของที่พักไปทันทีเลย ( จักรยานฟรีนะครับไม่ต้องเช่าเป็นแพ็คเกจเสริมของทางโรงแรม )
ปั่นไปไม่ไกลประมาณ 5 นาทีก็ถึง ร้านคือแบบคนเยอะ เหลือโต๊ะว่างโต๊ะเดียวพอดี รีบวิ่งไปนั่งเลยกลัวไม่ได้กิน
น้องชายกับแฟนสั่งข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ผมสั่งเกาเหลาเลือดหมู ระหว่างรอก็มีคนมาเข้าร้านเรื่อยๆ มีเข้ามีออก มียืนรอหน้าร้าน
ใส่ถุงกลับบ้านก็มี คนวนเวียนจนแอบคิดในใจว่า อร่อยมากหรือป้าแกไปดีลโฆษณากับพวกที่พักไว้เนี่ย ( คิดได้เลวมากเลย )
จนป้าแกยกมาให้กินนั่นแหละ ครับผมอร่อยจริง อร่อยจนลืมถ่ายรูปอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ อย่าด่าผมนะ กินเสร็จกลับที่พักเตรียมเที่ยว
วันนี้อากาศเปิดครับแดดจ้าฟ้าใสผิดกับวันเดินทางคนละโลกเลย ได้ความจากพี่นวยว่าพายุสลายตัวแล้ว โชคดีจริงๆเลย
คุยกับพี่ต๊อกพี่นวยแล้ว พี่เขาก็แนะนำมาหลายที่มากๆ เพราะว่าผมมีรถ เลยเลือกเที่ยวได้เยอะไปไหนก็ได้
แต่ผมเลือกเน้นไปที่ทำบุญไหว้พระเพราะอยากให้น้องชายกับแฟนได้ทำบุญด้วยกันจะได้รักกันนานๆ ( พระเอกตัวจริง )
เลือกที่หมายได้ก็ออกเดินทางเลย ที่แรกที่จะไปเป็น พระใหญ่ภูคกงิ้ว อยู่ห่างจากเชียงคานไปประมาณ 20 กิโลเมตร
ระยะทางไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ปัญหามันอยู่ที่พื้นผิวถนนครับ พังมากถึงมากที่สุด รถเก๋งนี่อาจร้องและถอดใจได้
พ้นจากเขตถนนพังจะเจอป้ายบอกเลี้ยวไปพระใหญ่ วิ่งผ่านหมู่บ้านไปขึ้นเขาไปจนสุด ถึงเลยครับพระใหญ่ภูคกงิ้ว
บริเวณทางเข้าจะมีแม่ค้ามาขายของอยู่ด้วย สอบถามได้ความว่า ที่สร้างพระพุทธรูปไว้ตรงนี้เพราะ
ภูคกงิ้วเป็นจุดแรกของภาคอีสานที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ทหารเลยมาสร้างไว้เป็นพระราชกุศลแก่ในหลวงและพระราชินี
( แม่ค้าที่นี่ไม่ไก่กาครับพอลงจากเขามาผมเปิดกูเกิ้ลดูข้อมูลตามที่คุณพี่แม่ค้าบอกมาเป๊ะๆ หรือพี่เขาเปิดกูเกิ้ลก็ไม่รู้นะ )
ภาพจากด้านบนภูคกงิ้วครับ ทางซ้ายที่เป็นแผ่นดินยาวไปถึงภูเขานี่เป็นประเทศลาวนะครับ จริงๆจะมีแม่น้ำกั้นระหว่างลาว
กับภูคกงิ้วแต่ผมถ่ายมาไม่ติดเพราะตอนนั้นคิดว่าฝั่งลาวที่เห็นในรูปคือฝั่งไทย ส่วนทางขวาที่เป็นแผ่นดินยื่นมาก็ลาวครับ
พระใหญ่ภูคกงิ้ว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ ครับกูเกิ้ลบอกผมมา
โดยรวมสวยครับวิวสวย พระก็สวยได้มาไหว้พระด้วย แต่ขอติติงเรื่องหญ้าครับ ยาวมากๆ ยาวจนยุงชุมไปหมด
ว่างๆกองทัพภาคที่สองก็ส่งทหารขึ้นมาดูแลตัดแต่งให้เป็นระเบียบหน่อยนะครับ ไม่ใช่สร้างเสร็จแล้วไม่มาดูเลย
ข้างบนแทบไม่มีคนเลยครับคนมาน้อยมากๆ มีแก๊งผู้ใหญ่วัยกลางคนกลุ่มนึง กับสุภาพสตรีสองคนเป็นเพื่อนกัน
แอบบอกว่าปลื้มสองคนนี้มากสองสาวดูโอ้บิดมอเตอร์ไซด์เที่ยว ปลื้มครับแต่ไม่กล้าขอถ่ายรูปทั้งๆที่สองสาวแซว
ผมตลอดว่าอยากได้นางแบบบอกนะ ผมนี่ยิ้มเลยแต่ไม่ถ่าย เขินอยู่ หันมาจับน้องชายกับแฟนแทน มาสวีทกันหน่อย
เสร็จจากไหว้พระใหญ่เป้าหมายถัดไปคือวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ต้องย้อนกลับไปตั้งหลักที่เชียงคานก่อนครับ
คราวนี้มุ่งหน้าไปทางแก่งคุดคู้ พอถึงทางเข้าแก่งคุดคู้ขับเลยไปอีกครับจนถึงบ้านผาแบ่นสังเกตุจะมีแยกพร้อมป้ายบอก
เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกขับไปพักใหญ่ๆเลยครับจะเจอทางเข้าวัดถ้ามีรถส่วนตัวสามารถขับขึ้นไปเองจอดข้างวิหารได้เลย
ที่นี่มีอะไรน่าสนใจอย่างแรกรอยพระพุทธบาทครับไหว้พระทำบุญเหมือนเดิม อีกอย่างคือกระต่ายครับ
วัดนี้เป็นสวรรค์ของคนที่รักกระต่าย บ้ากระต่าย เป็นทาสกระต่ายคือกระต่ายเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เยอะขนาดที่ว่าวัดกันพื้นที่ให้กระต่ายอยู่ประมาณ ซีกนึงของภูเขาเลย แถมเวลาให้อาหารกระต่ายคือเข้าไปในกรงได้เลย
กระต่ายจะกรูมาล้อมเราแบบสะใจมากๆ ก็นั่นแหละครับ เพื่อให้อาหารกระต่ายผมเลยวางกล้องไว้และไม่ถ่ายรูป ฮ่าๆๆๆ
ให้อาหารเสร็จก็เข้าวิหารไปนมัสการรอยพระพุทธบาทครับ น่าจะเป็นรอยแท้นะครับเพราะอยู่บนแผ่นหินเลยตามในรูป
เสร็จจากไหว้รอยพระพุทธบาทก็เที่ยงกว่าแล้วก็แวะแก่งคุดคู้ครับ ทานข้าวแวะซื้อของฝากตามประสา
แก่งคุดคู้ช่วงนี้เป็นหน้าน้ำครับ น้ำท่วมจนไม่เห็นตัวแก่งเลย เลยไม่มีอะไรให้ทำ ก่อนกลับแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยนึง
ก่อนเข้าเมืองเชียงคานลงเดินกันหน่อยนะเดี๋ยวไม่ตามกระแสช่วงนี้เขาอินเทรนด์โบกรถเที่ยวกัน
กลับเข้าที่พักมาก็ประมาณบ่ายสามกว่า รอไปเดินถนนคนเดินแล้วครับ ระหว่างนั่งเล่นพี่ต๊อกชวนกินขนมปังสังขยา
ดูแล้วน่ากินมากและเกรงใจเลยบอกพี่ต๊อกว่าเดี๋ยวซื้อกินเอง พี่ต๊อกเลยบอกพิกัดร้านมาคือถัดจากที่พักไปสองร้าน
สบายละจูงน้องสาวไปซื้อด้วยกันเลยใกล้ๆแค่นี้ บรรยากาศร้านน่ารักครับ ทางร้านไม่มีบริการนั่งทานนะครับห่อกลับเท่านั้น
ขยมปังก้อนใหญ่สังขยาหวานหอมครับ ถ้าใครไปเชียงคานต้องกินนะอันนี้ผมรับรอง ดีงามมากๆ
อร่อยไม่อร่อยดูจากหน้าน้องสาวผมเอาละกัน
อ่ะๆ สวีทกันหน่อย ป้อนให้กันด้วย ฮึฮึ ไม่เกรงใจหนุ่มโสดแบบพี่เลยนะสองคนนี้
ขนมหมดนั่งเล่นดูทีวี ห้าโมงเย็นได้เวลาออกเดินเล่นแล้ว เลือกเดินกันครับไม่ปั่นจักรยาน พร้อมแล้วไปกันเลย
เดินเล่นตามประสาร้านรวงกำลังเริ่มตั้งคนยังไม่เยอะ มุมไหนสวยแวะถ่ายได้แวะ ขอบคุณจักรยานของใครไม่รู้ด้วยครับ
หัวมุมถนนร้านค้าทั่วไป เราก็ถ่าย ช่วงนี้เริ่มไม่ขี้เกียจแล้วครับ ฮ่าาาา
ต่อในคอมเมนท์ครับ
[CR] เที่ยวเชียงคานแบบสบายๆตามสไตล์คนถ่ายรูปน้อย
อย่างที่บอกในชื่อกระทู้เลยครับเขียนกระทู้ท่องเที่ยวแท้ๆแต่ดันไม่ค่อยถ่ายรูป
ด้วยปัจจัยไม่เอื้อหลายๆอย่างบวกกับนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยถ่ายรูปเวลาไปเที่ยว (ทั้งๆที่เป็นช่างภาพแท้ๆ)
หลายๆจุดจะใช้วิธีอธิบายเอาด้วยตัวหนังสือแทนแล้วกัน ขออภัยในความขี้เกียจถ่ายรูปของผมด้วยนะครับ
( ปกติเขียนแต่กระทู้เชิงดราม่า นี่เป็นกระทู้แรกที่เป็นกระทู้ท่องเที่ยว ถ้ายังไงฝากติชมด้วยนะครับ )
การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปรีแลกซ์ของผมเองเต็มที่ หลังจากถ่ายงานมารัวๆหลายเดือนแบบไม่ได้พัก
ก็เลยมีอารมณ์อยากไปพักผ่อนสบายๆบ้าง ปกติจะเป็นคนไปเที่ยวกับครอบครัวตามประสาหนุ่มไม่มีคู่
วางแพลนไว้แล้วว่าอยากไปเที่ยวเชียงคานช่วงที่ไม่ใช่หน้าหนาวไฮซีซั่นบ้าง เพราะคนน่าจะน้อย
และหนนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวกับเพื่อนๆน้องๆดูบ้างเลยออกปากชวนเพื่อนๆน้องๆที่สนิทกันดู
ก็ได้น้องๆที่สนิทและรู้ใจมาสามคน เต็มความจุรถพอดี พอได้ผู้ร่วมทริปผมก็จัดการหาจองที่พักทันที
สอบถามเพื่อนๆพี่น้องๆที่เคยไปก่อนก็ได้ความมาว่าให้ลองดูที่ โรงแรมพูลสวัสดิ์ เชียงคาน
เพราะผมเน้นอยากได้ที่ราคาไม่สูงมากและมีที่จอดรถให้เพราะจะขับรถไปเอง
( ไม่สโลว์ไลฟ์ฮะไม่โบกรถไม่ไปรถโดยสารสาธารณะ เน้นสะดวกตัวเองล้วนๆ )
ที่สำคัญคือมาจองก่อนเดินทางแค่สองสัปดาห์เลยหาที่พักยากมากๆ แต่โชคดีมากๆที่โรงแรมพูลสวัสดิ์
มีทุกอย่างครบที่ทางผมต้องการพอดี จัดการโทรหาทางโรงแรมพูลสวัสดิ์ ได้ห้องมาสองห้องเป็นห้อง
เตียงเดี่ยวนอนได้สองคน จองไปสองคืน ราคาคืนละ 600 บาท ส่วนตัวคิดว่าไม่แพงครับสำหรับผมเลยตกลง
จัดการโอนมัดจำเรียบร้อย นอนตีพุงสบายใจมีเพื่อนเที่ยวมีที่นอนแล้ว เตรียมพร้อมไปนอนกลิ้งต่างถิ่นเต็มที่
สองสัปดาห์ผ่านไป ก่อนวันเดินทางก็มีการระดมพลคนที่ร่วมทริปนี้ที่บ้านผมที่ลพบุรี
ซึ่งสัปดาห์นั้นเป็นช่วงที่แย่มากเพราะพายุหว่ามก๋อกำลังเขาถล่มไทยฝนตกทั่วประเทศ
น้ำท่วมพัทยาหัวหินผมนี่ได้แต่เงิบกลัวไปเชียงคานแล้วแบบฝนตกทั้งวันคงแกร่วตาย
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเดินหน้าลุย แต่ความซวยซ้ำสองก็มาเยือนเพราะมีน้องที่จะไปด้วยคนนึง
มาบอกว่า ไปไม่ได้แล้วติดงานที่มหาลัย ผมนี่ถึงกับเงิบเลยแต่ก็ต้องทำใจแล้วเดินหน้าลุยต่อไป อืมนะ!!
สรุปไปกันสามคน หาคนไปเพิ่มไม่ทัน เลยต้องทำใจแต่เนิ่นๆเพราะน้องที่ไปด้วยอีกสองคนเป็นแฟนกัน หึหึ
เช้าวันเดินทางเป็นอะไรที่ฟินมากฝนตกตั้งแต่ลืมตาตื่นผมนี่ยิ้มอ่อนเลย อย่างน้อยก็ไม่ร้อนแดดแล้วล่ะนะ
ผมเลือกเดินทางจากลพบุรี วิ่งเส้น สระบุรี - หล่มสัก ขึ้นภูเรือ ลงจังหวัดเลย แล้วไปเชียงคาน ตามแผนที่เลย
แค่นี้สบายมากก็ไปตามทางแหละครับไม่มีอะไรขับตากฝนชิลๆ ถนนลื่นๆโล่งๆไม่มีรถเลย
ไปจนถึงอำเภอหล่มเก่าแวะกินข้าวกลางวันกัน ด้วยความที่เป็นช่างภาพรับปริญญา
ผมจึงใช้สกิลเรียกพวก โทรตามอดีตบัณฑิตมาเป็นเจ้าถิ่นพากินของดีในพื้นที่ให้ในมื้อนั้น
น้องๆก็น่ารักมาพาไปกินขนมจีนเส้นสด ( เรียกถูกป่าวหว่า?? ) คือแบบอร่อยมาก
น้ำยาน้ำหวานนี่เติมได้ไม่อั้นมาเป็นโถให้ตักเองสะใจสายแหลกอยากผมมาก กินแบบไม่เกรงใจคนอื่น
กินแบบลืมถ่ายรูปมารีวิว นาทีนั้นกินอย่างเดียวอย่างอื่นไม่สนใจแล้วฮะ ขออภัยในความขี้เกียจถ่ายรูปอีกแล้ว
( ขออนุญาตใช้รูปเซลฟี่แทนละกัน ขอบคุณน้องปูเป้และน้องวิว สองเจ้าถิ่นชาวหล่มเก่าไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ )
หลังจากกินอิ่มสะใจล่ำลาสองสาวชาวหล่มเก่าแล้วก็ออกเดินทางต่อ ช่วงนี้เป็นช่วงสะใจของผมมากๆ
เพราะเป็นการขับรถบนเขาแต่เป็นนรกของน้องๆสองคนมากเพราะเป็นพวกเมารถง่ายทั้งคู่
เมาขนาดว่าเปิดกระจกเอาหน้าอังลมแบบน้องหมากันเลยทีเดียว ผ่านไปไม่มีอะไรขับรถขึ้นเขาแวะช็อปที่ภูเรือ
ลงเขาเข้าจังหวัดเลยขับรถยาวๆมุ่งสู่เชียงคานไปถึงช่วงเย็นๆพอดี จัดการเข้าที่พัก โรงแรมพูลสวัสดิ์
พี่ๆเจ้าของน่ารักมากให้การต้อนรับอย่างดี โรงแรมมีที่จอดรถจริงครับอยู่ห่างที่พักนิดเดียวเดินไม่ถึงหนึ่งนาที
( เรื่องที่จอดรถนี่พี่เจ้าของฝากมาบอกว่าช่วงไฮซีซั่นจะมีปัญหาเพราะเป็นที่จอดรถรวมถ้ามาช้าจะไม่มีที่จอดนะ )
จัดการเช็คอินขนของขึ้นห้องเก็บสัมภาระ ตรงนี้เป็นอะไรที่ผมอยากจะตบหัวตัวเองมาก คือห้องเขาจัดไว้สวยๆ
ดันไม่ถ่ายรูปไง พลาดอย่างแรงกระทู้รีวิวแต่ไม่เก็บรูปบรรยากาศมา มันน่ามั้ยละครับ??
พอเก็บของได้เรียบร้อยก็เดินลงมาข้างล่างมาคุยกับพี่ๆเจ้าของสอบถามสถานที่กินข้าวแบบเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย
เพราะขับรถมาไกลเหนื่อยเพลียมากบวกกับฝนตกปรอยๆทำให้ถนนคนเดินไม่ค่อยมีอะไรออกมาขาย
นั่งคุยกับพี่เจ้าของโรงแรมจนได้ที่ฝากท้องมื้อเย็นนี้เรียบร้อย ก็มุ่งสู่ร้านอาหารหาอะไรทานเป็นมื้อเย็นทันที
( ตามเคยครับไม่ได้ถ่ายรูปมา ไม่แม้จะหยิบกล้องไปด้วยซ้ำจะไปกินอย่างเดียวเลย ฝนตกด้วยเลยไม่เอากล้องไป )
จำได้ว่าไปกินร้านอหาร เฮือนหลวงพระบาง เป็นร้านอาหารแบบเป็นเรื่องเป็นราวครับ ราคาสูงหน่อยรสชาติอร่อย
เหมาะกับการไปกินกับครอบครัวหรือผู้ใหญ่มากครับแนะนำเลย ส่วนวัยรุ่นงบน้อยเลี่ยงๆไปหาไรกินในถนนคนเดินดีกว่า
อิ่มท้องเสร็จก็มุ่งหน้ากลับที่พักเลยเพราะเพลียมาก น้องชายกับน้องสาวถึงที่พักได้ก็เข้าห้องสลบทันที
ส่วนผมเองหลังจากทำเท่ห์หยิบหนังสือมานั่งอ่านเหยียดขาริมระเบียงได้ไม่นานก็สลบ ผ่านไปหนึ่งวันแบบไม่มีอะไรเลย
วันที่สองตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้ามาใส่บาตร แต่ดันตื่นสายตื่นตอนพระมา กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่างเสร็จ
พระเดินครบทุกวัดไปแล้วสรุปอดใส่บาตร ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยใส่ใหม่ เปลี่ยนไปปรึกษาพี่เจ้าของที่พักว่าเช้านี้กินอะไรดี
พี่ต๊อกกับพี่นวย ( ชื่อพี่เข้าของโรงแรมพูลสวัสดิ์ ) ก็แนะนำให้ไปกิน ข้าวปุ้นน้ำแจ่วป้าบัวหวาน ซอย 14 อร่อยแน่นอน
ผมกับน้องๆก็จับจักรยานของที่พักไปทันทีเลย ( จักรยานฟรีนะครับไม่ต้องเช่าเป็นแพ็คเกจเสริมของทางโรงแรม )
ปั่นไปไม่ไกลประมาณ 5 นาทีก็ถึง ร้านคือแบบคนเยอะ เหลือโต๊ะว่างโต๊ะเดียวพอดี รีบวิ่งไปนั่งเลยกลัวไม่ได้กิน
น้องชายกับแฟนสั่งข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ผมสั่งเกาเหลาเลือดหมู ระหว่างรอก็มีคนมาเข้าร้านเรื่อยๆ มีเข้ามีออก มียืนรอหน้าร้าน
ใส่ถุงกลับบ้านก็มี คนวนเวียนจนแอบคิดในใจว่า อร่อยมากหรือป้าแกไปดีลโฆษณากับพวกที่พักไว้เนี่ย ( คิดได้เลวมากเลย )
จนป้าแกยกมาให้กินนั่นแหละ ครับผมอร่อยจริง อร่อยจนลืมถ่ายรูปอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ อย่าด่าผมนะ กินเสร็จกลับที่พักเตรียมเที่ยว
วันนี้อากาศเปิดครับแดดจ้าฟ้าใสผิดกับวันเดินทางคนละโลกเลย ได้ความจากพี่นวยว่าพายุสลายตัวแล้ว โชคดีจริงๆเลย
คุยกับพี่ต๊อกพี่นวยแล้ว พี่เขาก็แนะนำมาหลายที่มากๆ เพราะว่าผมมีรถ เลยเลือกเที่ยวได้เยอะไปไหนก็ได้
แต่ผมเลือกเน้นไปที่ทำบุญไหว้พระเพราะอยากให้น้องชายกับแฟนได้ทำบุญด้วยกันจะได้รักกันนานๆ ( พระเอกตัวจริง )
เลือกที่หมายได้ก็ออกเดินทางเลย ที่แรกที่จะไปเป็น พระใหญ่ภูคกงิ้ว อยู่ห่างจากเชียงคานไปประมาณ 20 กิโลเมตร
ระยะทางไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ปัญหามันอยู่ที่พื้นผิวถนนครับ พังมากถึงมากที่สุด รถเก๋งนี่อาจร้องและถอดใจได้
พ้นจากเขตถนนพังจะเจอป้ายบอกเลี้ยวไปพระใหญ่ วิ่งผ่านหมู่บ้านไปขึ้นเขาไปจนสุด ถึงเลยครับพระใหญ่ภูคกงิ้ว
บริเวณทางเข้าจะมีแม่ค้ามาขายของอยู่ด้วย สอบถามได้ความว่า ที่สร้างพระพุทธรูปไว้ตรงนี้เพราะ
ภูคกงิ้วเป็นจุดแรกของภาคอีสานที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ทหารเลยมาสร้างไว้เป็นพระราชกุศลแก่ในหลวงและพระราชินี
( แม่ค้าที่นี่ไม่ไก่กาครับพอลงจากเขามาผมเปิดกูเกิ้ลดูข้อมูลตามที่คุณพี่แม่ค้าบอกมาเป๊ะๆ หรือพี่เขาเปิดกูเกิ้ลก็ไม่รู้นะ )
ภาพจากด้านบนภูคกงิ้วครับ ทางซ้ายที่เป็นแผ่นดินยาวไปถึงภูเขานี่เป็นประเทศลาวนะครับ จริงๆจะมีแม่น้ำกั้นระหว่างลาว
กับภูคกงิ้วแต่ผมถ่ายมาไม่ติดเพราะตอนนั้นคิดว่าฝั่งลาวที่เห็นในรูปคือฝั่งไทย ส่วนทางขวาที่เป็นแผ่นดินยื่นมาก็ลาวครับ
พระใหญ่ภูคกงิ้ว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ ครับกูเกิ้ลบอกผมมา
โดยรวมสวยครับวิวสวย พระก็สวยได้มาไหว้พระด้วย แต่ขอติติงเรื่องหญ้าครับ ยาวมากๆ ยาวจนยุงชุมไปหมด
ว่างๆกองทัพภาคที่สองก็ส่งทหารขึ้นมาดูแลตัดแต่งให้เป็นระเบียบหน่อยนะครับ ไม่ใช่สร้างเสร็จแล้วไม่มาดูเลย
ข้างบนแทบไม่มีคนเลยครับคนมาน้อยมากๆ มีแก๊งผู้ใหญ่วัยกลางคนกลุ่มนึง กับสุภาพสตรีสองคนเป็นเพื่อนกัน
แอบบอกว่าปลื้มสองคนนี้มากสองสาวดูโอ้บิดมอเตอร์ไซด์เที่ยว ปลื้มครับแต่ไม่กล้าขอถ่ายรูปทั้งๆที่สองสาวแซว
ผมตลอดว่าอยากได้นางแบบบอกนะ ผมนี่ยิ้มเลยแต่ไม่ถ่าย เขินอยู่ หันมาจับน้องชายกับแฟนแทน มาสวีทกันหน่อย
เสร็จจากไหว้พระใหญ่เป้าหมายถัดไปคือวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ต้องย้อนกลับไปตั้งหลักที่เชียงคานก่อนครับ
คราวนี้มุ่งหน้าไปทางแก่งคุดคู้ พอถึงทางเข้าแก่งคุดคู้ขับเลยไปอีกครับจนถึงบ้านผาแบ่นสังเกตุจะมีแยกพร้อมป้ายบอก
เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกขับไปพักใหญ่ๆเลยครับจะเจอทางเข้าวัดถ้ามีรถส่วนตัวสามารถขับขึ้นไปเองจอดข้างวิหารได้เลย
ที่นี่มีอะไรน่าสนใจอย่างแรกรอยพระพุทธบาทครับไหว้พระทำบุญเหมือนเดิม อีกอย่างคือกระต่ายครับ
วัดนี้เป็นสวรรค์ของคนที่รักกระต่าย บ้ากระต่าย เป็นทาสกระต่ายคือกระต่ายเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เยอะขนาดที่ว่าวัดกันพื้นที่ให้กระต่ายอยู่ประมาณ ซีกนึงของภูเขาเลย แถมเวลาให้อาหารกระต่ายคือเข้าไปในกรงได้เลย
กระต่ายจะกรูมาล้อมเราแบบสะใจมากๆ ก็นั่นแหละครับ เพื่อให้อาหารกระต่ายผมเลยวางกล้องไว้และไม่ถ่ายรูป ฮ่าๆๆๆ
ให้อาหารเสร็จก็เข้าวิหารไปนมัสการรอยพระพุทธบาทครับ น่าจะเป็นรอยแท้นะครับเพราะอยู่บนแผ่นหินเลยตามในรูป
เสร็จจากไหว้รอยพระพุทธบาทก็เที่ยงกว่าแล้วก็แวะแก่งคุดคู้ครับ ทานข้าวแวะซื้อของฝากตามประสา
แก่งคุดคู้ช่วงนี้เป็นหน้าน้ำครับ น้ำท่วมจนไม่เห็นตัวแก่งเลย เลยไม่มีอะไรให้ทำ ก่อนกลับแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยนึง
ก่อนเข้าเมืองเชียงคานลงเดินกันหน่อยนะเดี๋ยวไม่ตามกระแสช่วงนี้เขาอินเทรนด์โบกรถเที่ยวกัน
กลับเข้าที่พักมาก็ประมาณบ่ายสามกว่า รอไปเดินถนนคนเดินแล้วครับ ระหว่างนั่งเล่นพี่ต๊อกชวนกินขนมปังสังขยา
ดูแล้วน่ากินมากและเกรงใจเลยบอกพี่ต๊อกว่าเดี๋ยวซื้อกินเอง พี่ต๊อกเลยบอกพิกัดร้านมาคือถัดจากที่พักไปสองร้าน
สบายละจูงน้องสาวไปซื้อด้วยกันเลยใกล้ๆแค่นี้ บรรยากาศร้านน่ารักครับ ทางร้านไม่มีบริการนั่งทานนะครับห่อกลับเท่านั้น
ขยมปังก้อนใหญ่สังขยาหวานหอมครับ ถ้าใครไปเชียงคานต้องกินนะอันนี้ผมรับรอง ดีงามมากๆ
อร่อยไม่อร่อยดูจากหน้าน้องสาวผมเอาละกัน
อ่ะๆ สวีทกันหน่อย ป้อนให้กันด้วย ฮึฮึ ไม่เกรงใจหนุ่มโสดแบบพี่เลยนะสองคนนี้
ขนมหมดนั่งเล่นดูทีวี ห้าโมงเย็นได้เวลาออกเดินเล่นแล้ว เลือกเดินกันครับไม่ปั่นจักรยาน พร้อมแล้วไปกันเลย
เดินเล่นตามประสาร้านรวงกำลังเริ่มตั้งคนยังไม่เยอะ มุมไหนสวยแวะถ่ายได้แวะ ขอบคุณจักรยานของใครไม่รู้ด้วยครับ
หัวมุมถนนร้านค้าทั่วไป เราก็ถ่าย ช่วงนี้เริ่มไม่ขี้เกียจแล้วครับ ฮ่าาาา
ต่อในคอมเมนท์ครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น