เมื่อร้านอาหารเป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ (ตอนที่3) #เลือกทำเลอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
"พี่ ร้านผมลูกค้าน้อยมากเลย ขนาดช่วงเย็นยังมีไม่กี่โต๊ะ"
"ร้านข้างๆ ถัดไปอีกซอย ทำไมขายดีจัง เขาขายอาหารไม่เห็นต่างจากเราเลย ราคาก็พอๆกัน"
"ค่าเช่าที่ตรงนี้ราคาไม่แพงเลยพี่ ถูกกว่ามุมตรงนั้นตั้ง 15% พี่ว่าผมทำร้านอาหารดีไหม"
ตอนนี้ผมจะมาบอกถึงหลายๆสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ที่ทำแล้วเจ๊ง หรือกำไรน้อยมากๆ จนอาจจะไม่คุ้มค่าเหนื่อย กันนะครับ
บทเรียนที่2: การเลือกทำเล
"Real estate is the key cost of physical retailers. That's why there's the old saw: location, location, location - Jeff Bezos"
"อสังหาริมทรัพย์เป็นต้นทุนสำคัญของร้านค้า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณจึงให้เห็นความสำคัญของ ทำเล ทำแล และก็ทำเล - Jeff Bezos"
ถ้าไม่รู้ว่า Jeff Bezos เป็นใครลอง search หา Amazon.com ดูนะครับ Jeff Bezos เป็นเจ้าของ Amazon.com ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บ E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายคนนี้มีความรู้ความสามารถขนาดไหน
เจ้าของร้านอาหารหลายๆร้าน มักเปิดร้านในทำเลที่ปิดตาย คนน้อย ไม่พลุ่งพล่าน ด้วยสาเหตุหลักคือค่าเช่าถูก เจ้าของสถานที่ยืดหยุ่นในเรื่องการตบแต่ง หรือเงื่อนไขการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่เขาลืมนึกถึงข้อความของ Bezos ที่ผมยกมากล่าวข้างต้นไป
ลองจินตนาการดู หากเราเปรียบลูกค้าเป็นปลา การเปิดร้านในทำเลที่ดี เปรียบเสมือน เราไปตกปลาในแหล่งน้ำที่มีปลาชุกชุม เราสามารถมั่นใจได้ว่าเรามีปลาให้ตกแน่นอน บางทีต่อให้คันเบ็ดหรือฝีมิการตกปลาเราแย่ขนาดไหน เราก็อาจจะพอได้ปลากลับบ้านบ้าง
ในอีกแง่นึง การเปิดร้านในทำเลที่ไม่ดี ก็เสมือนเราตกปลาในแม่น้ำที่ไม่มีปลาหรือปลาน้อย ต่อให้เรามีคันเบ็ดดีอย่างไร โอกาสที่จะจับปลากลับบ้านก็มีจำกัด
ในทำเลที่ดี คู่แข่งและราคาค่าเช่าย่อมสูงไปตามกัน หากเรามองในแง่ดี (ซึ่งผมแนะนำให้มองคู่แข่งในแง่ดีเสมอ) คู่แข่งและค่าเช่าเปรียบเสมือนอาหารปลาที่จะดึงดูดปลาต่างๆ มาให้มาในแหล่งน้ำนี่ ซึ่งในชีวิตจริงมันก็คือความหลากหลายของร้านอาหารและความสะดวกของสถานที่ ซึ่งเป็นจุดที่ลูกค้าชอบมา เพราะสามารถเลือกทานอาหารได้หลากหลายและเข้าถึงได้โดยง่าย ซึ่งบางคนอาจจะมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ว่าจะทานร้านไหน ตัวอย่างทำเลที่ดีๆ เช่น ถนนสายหลักต่างๆ ห้างใจกลางเมือง หรือ Community Mall ต่างๆ เป็นต้น
การเลือกทำเลถือว่าเป็นชี้เป็นชี้ตายของร้านอาหารเลยก็ว่าได้ หากเลือกทำเลไม่ดีโอกาสที่จะเจ๊งย่อมมีสูง หากร้านเราอยู่ในทำเลที่ดี หากเรามีสินค้าที่ดี ลูกค้าย่อมมาใช้บริการโดยง่าย ในทางกลับกัน หากร้านอยู่ในทำเลที่ไม่ดี ต่อให้เรามีฝีมือดีอย่างไร แต่ไม่มีคนเห็น ย่อมต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้าหรืออาจจะต้องปิดตัวไปก่อนเนื่องจากแบกรับการขาดทุนไม่ไหว
บางท่านอาจจะเถียงว่า "เฮ้ admin ร้านบางร้านอยู่ในทำเลแย่ๆ ทำไมคนยังตามไปกินเลยล่ะ" ในจุดนี้ผมยังขอยืนยันว่า กรณีดังกล่าวก็เปรียบเสมือนว่า อาหาร (สินค้า) ของเราเป็นคันเบ็ดวิเศษที่มีอนุภาพดึงดูดปลาจากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีคนตามไปกิน แต่คำถามของผมคือ ท่านมั่นใจในสินค้าท่านขนาดนั้นไหม ที่มีความพิเศษจนคนต้องตามมากินในทำเลที่ยากในการเข้าถึง ในเคสดังกล่าว ผมเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีคันเบ็ดวิเศษ ดังนั้น การเลือกทำเลที่ดี จะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าทำเลที่แย่อย่างแน่นอน
* คำแนะนำในการเลือกทำเล
1. ทำเลที่ดีต้องมีร้านหลายๆร้านอยู่ร่วมกัน (Cluster) และมีรถผ่านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ถนนสายหลัก แหล่งoffice ห้างๆ หรือ Community mall ต่างๆ ผู้บริโภคในปัจจุบันเน้นความหลากหลายและต้องการมีตัวเลือกก่อนการตัดสินใจ อย่างไรก็ดี ร้านอาหารแบบ Standalone มิใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไม่ได้เพียงแต่ต้องอยู่ในจุดที่มี Traffic เยอะๆ เช่น ถนนสายหลัก เป็นต้น
2. ถ้าอยู่ในตึก ให้เลือกทำเลใกล้บันไดเลื่อน ลิฟท์ และห้องน้ำ เพราะจะเป็นจุดที่คนผ่านเสมอ หรือหากเน้น brand ให้เลือกบริเวณหน้าตึกที่มีรถผ่าน
3. ในทำเลที่เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวและมีร้านหลายๆร้าน ทำเลตรงกลางมักจะดีสุด (ท้องมังกร) เพราะพฤติกรรมคนมักไม่เลือกร้านที่เห็นร้านแรก (มักขอเดินดูรอบๆก่อน) และร้านท้ายๆ (คนมักจะขี้เกียจเดิน) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่ ถนนเยาวราชที่จะคึกคักช่วงกลางถนน และห้าง Paragon ชั้นล่างแถวร้านอาหาร zone supermarket
4. ร้านควรอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ง่ายและไม่ถูกบังด้วยเสาหรือมุมต่างๆ
อย่าลืมข้อสำคัญ
"การเลือกทำเลในการเปิดร้าน เราสามารถเลือกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
หากเลือกทำเลผิดย่อมส่งผลต่อการประกอบกิจการ และเงินลงทุนอย่างมหาศาล เพราะเมื่อเราตัดสินใจลงทุนตบแต่งร้านไปแล้ว เราไม่สามารถย้ายทำเลได้ง่ายๆนะครับ
บทความมาจากประสบการณืตรงของผมนะครับ ถ้าชอบช่วย like และ share ให้ด้วยนะครับ
Cr. https://www.facebook.com/restaurantcreator
#ChefRemy
#เรื่องเล่าร้านอาหาร
#FoodConsultant
#TheRestaurantMaker
#TheBarMaker
#FoodAdvisor
เรื่องลเ่าร้านอาหาร #เลือกทำเลอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
"พี่ ร้านผมลูกค้าน้อยมากเลย ขนาดช่วงเย็นยังมีไม่กี่โต๊ะ"
"ร้านข้างๆ ถัดไปอีกซอย ทำไมขายดีจัง เขาขายอาหารไม่เห็นต่างจากเราเลย ราคาก็พอๆกัน"
"ค่าเช่าที่ตรงนี้ราคาไม่แพงเลยพี่ ถูกกว่ามุมตรงนั้นตั้ง 15% พี่ว่าผมทำร้านอาหารดีไหม"
ตอนนี้ผมจะมาบอกถึงหลายๆสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ที่ทำแล้วเจ๊ง หรือกำไรน้อยมากๆ จนอาจจะไม่คุ้มค่าเหนื่อย กันนะครับ
บทเรียนที่2: การเลือกทำเล
"Real estate is the key cost of physical retailers. That's why there's the old saw: location, location, location - Jeff Bezos"
"อสังหาริมทรัพย์เป็นต้นทุนสำคัญของร้านค้า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณจึงให้เห็นความสำคัญของ ทำเล ทำแล และก็ทำเล - Jeff Bezos"
ถ้าไม่รู้ว่า Jeff Bezos เป็นใครลอง search หา Amazon.com ดูนะครับ Jeff Bezos เป็นเจ้าของ Amazon.com ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บ E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายคนนี้มีความรู้ความสามารถขนาดไหน
เจ้าของร้านอาหารหลายๆร้าน มักเปิดร้านในทำเลที่ปิดตาย คนน้อย ไม่พลุ่งพล่าน ด้วยสาเหตุหลักคือค่าเช่าถูก เจ้าของสถานที่ยืดหยุ่นในเรื่องการตบแต่ง หรือเงื่อนไขการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่เขาลืมนึกถึงข้อความของ Bezos ที่ผมยกมากล่าวข้างต้นไป
ลองจินตนาการดู หากเราเปรียบลูกค้าเป็นปลา การเปิดร้านในทำเลที่ดี เปรียบเสมือน เราไปตกปลาในแหล่งน้ำที่มีปลาชุกชุม เราสามารถมั่นใจได้ว่าเรามีปลาให้ตกแน่นอน บางทีต่อให้คันเบ็ดหรือฝีมิการตกปลาเราแย่ขนาดไหน เราก็อาจจะพอได้ปลากลับบ้านบ้าง
ในอีกแง่นึง การเปิดร้านในทำเลที่ไม่ดี ก็เสมือนเราตกปลาในแม่น้ำที่ไม่มีปลาหรือปลาน้อย ต่อให้เรามีคันเบ็ดดีอย่างไร โอกาสที่จะจับปลากลับบ้านก็มีจำกัด
ในทำเลที่ดี คู่แข่งและราคาค่าเช่าย่อมสูงไปตามกัน หากเรามองในแง่ดี (ซึ่งผมแนะนำให้มองคู่แข่งในแง่ดีเสมอ) คู่แข่งและค่าเช่าเปรียบเสมือนอาหารปลาที่จะดึงดูดปลาต่างๆ มาให้มาในแหล่งน้ำนี่ ซึ่งในชีวิตจริงมันก็คือความหลากหลายของร้านอาหารและความสะดวกของสถานที่ ซึ่งเป็นจุดที่ลูกค้าชอบมา เพราะสามารถเลือกทานอาหารได้หลากหลายและเข้าถึงได้โดยง่าย ซึ่งบางคนอาจจะมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ว่าจะทานร้านไหน ตัวอย่างทำเลที่ดีๆ เช่น ถนนสายหลักต่างๆ ห้างใจกลางเมือง หรือ Community Mall ต่างๆ เป็นต้น
การเลือกทำเลถือว่าเป็นชี้เป็นชี้ตายของร้านอาหารเลยก็ว่าได้ หากเลือกทำเลไม่ดีโอกาสที่จะเจ๊งย่อมมีสูง หากร้านเราอยู่ในทำเลที่ดี หากเรามีสินค้าที่ดี ลูกค้าย่อมมาใช้บริการโดยง่าย ในทางกลับกัน หากร้านอยู่ในทำเลที่ไม่ดี ต่อให้เรามีฝีมือดีอย่างไร แต่ไม่มีคนเห็น ย่อมต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้าหรืออาจจะต้องปิดตัวไปก่อนเนื่องจากแบกรับการขาดทุนไม่ไหว
บางท่านอาจจะเถียงว่า "เฮ้ admin ร้านบางร้านอยู่ในทำเลแย่ๆ ทำไมคนยังตามไปกินเลยล่ะ" ในจุดนี้ผมยังขอยืนยันว่า กรณีดังกล่าวก็เปรียบเสมือนว่า อาหาร (สินค้า) ของเราเป็นคันเบ็ดวิเศษที่มีอนุภาพดึงดูดปลาจากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีคนตามไปกิน แต่คำถามของผมคือ ท่านมั่นใจในสินค้าท่านขนาดนั้นไหม ที่มีความพิเศษจนคนต้องตามมากินในทำเลที่ยากในการเข้าถึง ในเคสดังกล่าว ผมเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีคันเบ็ดวิเศษ ดังนั้น การเลือกทำเลที่ดี จะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าทำเลที่แย่อย่างแน่นอน
* คำแนะนำในการเลือกทำเล
1. ทำเลที่ดีต้องมีร้านหลายๆร้านอยู่ร่วมกัน (Cluster) และมีรถผ่านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ถนนสายหลัก แหล่งoffice ห้างๆ หรือ Community mall ต่างๆ ผู้บริโภคในปัจจุบันเน้นความหลากหลายและต้องการมีตัวเลือกก่อนการตัดสินใจ อย่างไรก็ดี ร้านอาหารแบบ Standalone มิใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไม่ได้เพียงแต่ต้องอยู่ในจุดที่มี Traffic เยอะๆ เช่น ถนนสายหลัก เป็นต้น
2. ถ้าอยู่ในตึก ให้เลือกทำเลใกล้บันไดเลื่อน ลิฟท์ และห้องน้ำ เพราะจะเป็นจุดที่คนผ่านเสมอ หรือหากเน้น brand ให้เลือกบริเวณหน้าตึกที่มีรถผ่าน
3. ในทำเลที่เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวและมีร้านหลายๆร้าน ทำเลตรงกลางมักจะดีสุด (ท้องมังกร) เพราะพฤติกรรมคนมักไม่เลือกร้านที่เห็นร้านแรก (มักขอเดินดูรอบๆก่อน) และร้านท้ายๆ (คนมักจะขี้เกียจเดิน) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่ ถนนเยาวราชที่จะคึกคักช่วงกลางถนน และห้าง Paragon ชั้นล่างแถวร้านอาหาร zone supermarket
4. ร้านควรอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ง่ายและไม่ถูกบังด้วยเสาหรือมุมต่างๆ
อย่าลืมข้อสำคัญ
"การเลือกทำเลในการเปิดร้าน เราสามารถเลือกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
หากเลือกทำเลผิดย่อมส่งผลต่อการประกอบกิจการ และเงินลงทุนอย่างมหาศาล เพราะเมื่อเราตัดสินใจลงทุนตบแต่งร้านไปแล้ว เราไม่สามารถย้ายทำเลได้ง่ายๆนะครับ
บทความมาจากประสบการณืตรงของผมนะครับ ถ้าชอบช่วย like และ share ให้ด้วยนะครับ
Cr. https://www.facebook.com/restaurantcreator
#ChefRemy
#เรื่องเล่าร้านอาหาร
#FoodConsultant
#TheRestaurantMaker
#TheBarMaker
#FoodAdvisor