สัมมาวาจา บันไดขั้นที่ ๓ สู่พระนิพพาน(ตัวอย่างเรื่องฉันมังสวิรัติ) :หลวงปู่จันทา ถาวโร



พระอาจารย์จันทา ถาวโร
วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร
...

"สัมมาวาจา-กล่าววาจาชอบ"
๑.ไม่พูดเท็จ ไม่พูดปด ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหกพกลม
ไม่พูดส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นแตกร้าวสามัคคีจากกันนะ
พูดแต่คำเป็นสัตย์เป็นศีล แนะนำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์โสตถิผลอันดีงามนั้น


นั่นแหละเช่นอย่างบุคคลบางพวกได้ยินเข้าแล้ว  
“อ่า..ข้าพเจ้าฉันมังสวิรัติ..ดีกว่าพระกลุ่มใหญ่นิกายธรรมยุติ  ฉันเนื้อ
เป็นยักษ์ ฯ เป็นมารเสียหมดสิ้น  นั่นแลข้าพเจ้าฉันเจและมังสวิรัติ..ถูกต้องดีงาม”
นี่จัดเข้าใน “มิจฉาวาจา” นะ พูดส่อเสียด ยุยง
ส่งเสริมให้คนแตกร้าวจากเจ้าภิกษุสงฆ์องค์คุณกลุ่มใหญ่นะ อันนี้เป็นบาปหนัก
  

ยกตัวอย่างครั้งพุทธกาลโน้นให้เป็นตัวอย่าง “โกกาลิกะ”
ศิษย์สี่คนนี่ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระเทวทัต  นั่นแหละอาจารย์จมลงสู่อเวจีแล้ว
ลูกศิษย์สี่คนนี่เดือดร้อนรำคาญใจก็เลยไปกราบไหว้พระพุทธเจ้าว่า
“ข้าแต่องค์เจ้า..พระมหาสารีบุตร-โมคคัลลานั่นเป็นพระไม่ดีนะ  
หลอกลวงประพฤติมิจฉาจารทุกสิ่งทุกอย่าง”
  
ต่อหน้าพระพุทธเจ้า..พูดส่อเสียด  

พระพุทธเจ้าบอก “ดูก่อนโกกาลิก   อย่าเพิ่งพูดเสียดสีเสียบแทงลูกผู้ตถาคต  
อริยสงฆ์สององค์นี้ ท่านเป็นอริยบุคคลอันนี้เลิศประเสริฐนะ  
ไม่มีดอกที่จะประพฤติล่วงสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่  
กายกรรม ๓  วจีกรรม ๔  มโนกรรม ๓  เรียบร้อยทุกอย่าง  
ชำระได้แล้วพระไตรบทนั่น  ท่านอย่าเพิ่งพูดส่อเสียด
เสียดสีนะ...ไม่ดี  เป็นบาป”   พระพุทธเจ้าเตือนถึงสามครั้ง  ฯ  


พอไปหยิบตาแล้วพระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า  

"ข้าแต่พระองค์เจ้า โกกาลิกภิกษุสี่องค์นี้นั้น  ภพเบื้องหน้าเขา
เมื่อแตกกายสลายไปแล้วดวงจิตนั้นจะไปสู่สถานใดพระเจ้าข้า  
คติใด ภพใด  กำเนิดสี่ คติสี่นั้นคติห้านั้น"

“ดูก่อนอานนท์ โกกาลิกะสี่คนนี้นะใจเร่าร้อนอยู่ด้วยบาป  
มาพูดเสียบแทง เสียดสี  ส่อเสียดยุยง ให้พระมหาโมคคัลลา-สารีบุตร
ซึ่งเป็นองค์อรหันต์ขีณาสพสาวกของครูพ่อตถาคต เป็นผู้ดีเลิศประเสริฐแท้
นั่นแหละขาดใจเมื่อไรกรรมกับกิเลสมันหนัก
จะพาไปไว้มหาปทุมนรกแสนพันปีก็ไม่มีวันพ้นได้นะ"
  

นี่เฉพาะโทษพูดส่อเสียดยุยง   นั่นแหละบุคคลจำพวกหนึ่ง ณ กรุงเทพ
พูดส่อเสียดภิกษุกลุ่มใหญ่นะว่าฉันเจ ฉันเนื้อเป็นยักษ์เป็นมารฯ..
ผิดทั้งนั้นถ้าใครดำเนินเดินตามนะ ..”ข้าพเจ้าฉันมังสวิรัติ เจ ถูกต้อง
นี่แหละเป็นของดิเลศประเสริฐแท้มานี่นะ มานี่”  
นั่นแหละข้อนี้ “สัมมาวาจา” มันผิดแล้ว  เป็นมิจฉาวาจา  
พูดส่อเสียดยุยงส่งเสริมผู้อื่นแตกร้าวสามัคคีจากกัน  

ให้คนชาวไทยนี่นะฯ เคียดชังภิกษุกลุ่มใหญ่ธรรมยุตินิกาย  

นั่นแหละมังสวิรัติ  ฉันเจนี้ครั้งพุทธกาลโน้น พระเทวทัตขอก่อนนะ
ขอให้ภิกษุทั้งหลายฉันเจ  อย่าฉันเนื้อ  สัตว์ทั้งหลายจะตายมาก

พระพุทธเจ้าไม่ให้..เทวทัต...ไม่ให้ ๑. ไม่ได้ยิน ๒. ไม่ได้เห็น  ๓.ไม่ได้สงสัย  ฉันได้
๑.ได้เห็น  จำไว้อย่าเพิ่งฉัน  ๒. ได้ยินเขาพูดว่า จะฆ่างัว ฆ่าควาย หาปลา..จำไว้  
๓. ได้เห็นทำ ได้ยินฯ  อย่ากินนะ  ถ้ากินเป็นอุทิสสมังสะ  ปรับโทษปาจิตตีย์
นั่นแหละอันนี้ไม่เป็นไร ฯ "ฉันตามได้ตามมี" นะพระเทวทัต  

พระพุทธเจ้าทั้งหลายตั้งแต่กาลก่อนโน้น
สามล้านห้าแสนแปดหมื่นสี่พันสองร้อยสามสิบสององค์เจ้านั้น
ก็ล้วนแต่ตามได้ตามมีทั้งนั้น    จนและมีดีชั่วนอกบ้านในบ้าน
นำอาหารอย่างใดมา..ฉันทั้งนั้น  เว้นไว้แต่มังสัง ๑๐ อย่าง
ไม่อนุญาตให้ฉันและเนื้อดิบไม่ให้ฉัน
  

นั่นแหละถ้าเนื้อสุกแล้ว อาหารเป็นของขบฉัน  ถูกต้อง  ฉันได้ไม่เป็นไร  
เว้นไว้ตั้งแต่นะอาหารไม่ถูกกับธาตุ  เลือกฉันเอา  อันนี้ไม่เป็นไร

จงเป็นผู้ตั้งในสันตุฏฐีธรรม  มักน้อยสันโดษ   

มักน้อย..อันนี้ข้อสำคัญมั่นหมาย  พระเทวทัตเจ็บแค้นแน่นใจ
ด่าพระพุทธเจ้าทุกอย่าง   นั่นแหละกรรมหนัก  
โกกาลิกภิกษุก็ลงมหาปทุมนรกเสียสิ้น  

นั่นแหละข้อสำคัญมั่นหมายเป็นดั่งนั้น นี่สัมมาวาจา   กล่าววาจาชอบ
แนะนำพร่ำสอนแต่สิ่งที่ดี  สิ่งที่เป็นประโยชน์โสตถิผลแก่ตนและคนผู้อื่น
นั่นแหละดีแท้ วาจาชอบเป็นสัมมาวาจา  ถ้าสัมมาวาจานี้ขาดแล้ว
ทางบทบาทที่ ๓ *ทางไปนิพพานมันตัดแล้ว
นั่นแหละบันไดขั้นที่ ๓ มันขาดจะขึ้นบ้านได้ไหมเล่า  ..ไม่ได้
นั่นแหละมันต้องบริบูรณ์ทุกขั้นถึงจะขึ้นบ้านได้  


นั่นแหละพูดส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้บุคคลแตกร้าวสามัคคีจากกัน
ไหว้ห่าด่าผี พูดจาหาประโยชน์มิได้ พูดสำรากเพ้อเจ้อ
หาโปรยเสียซึ่งประโยชน์นั้น ..ผิด..เป็นมิจฉาวาจา
ประกอบด้วยเหตุเภทร้าย เหมือนกันกับบ้วนแหงนไปบนฟ้า
มันก็ราดหน้าตัวเองนะอันนี้ฉันใด คบเข็ญฯร้ายออกจากปากใครแล้ว
มันก็เข้าหาตัวเองนั่นแหละ  อันนี้แหละเสียบแทงตัวเอง ทำลายตัวเอง

จะทำสิ่งใดด้วยกายก็ไม่ทำไปในเบียดเบียนตนและผู้อื่นนะอานนท์
จะพูดอย่างไรก็ไม่พูดให้เบียดเบียนตนและบุคคลอื่นนะอานนท์
  จะนึกคิดอย่างไรก็อย่าคิดให้มันเบียดเบียนตนและคนอื่นนะอานนท์
นั่นแหละมันถึงใช้ได้ ให้เป็นสัมมาวาจา


(*เพิ่มเติม - สัมมาวาจาเป็นลำดับที่ ๓ ในมรรคมีองค์ ๘)

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "ทางพ้นทุกข์-มรรคมีองค์ ๘"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่