ทริปนี้เป็นทริปที่ปุบปับมากสำหรับเรา คิดล่วงหน้าเพียง 2 วันแล้วเดินทางเลย
จริงๆแก๊งค์เรามีแพลนว่าจะไปเที่ยวไทรโยค แต่เอาเข้าจริงๆเวลาว่างไม่ตรงกัน รอกันไปรอกันมาก็ไม่ได้ไปไหนสักที
เรากับเพื่อนอีกคนชื่อ "เชอรี่" เลยหนีกันไปสองคน ฮ่าๆๆ อยากไปที่ที่สงบๆ อากาศดีๆ
"สังขละบุรี" จึงเป็นที่เดียวที่คิดได้และดูเหมือนจะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แค่กาญจนบุรีเอง สบ๊าย!
สุดท้ายจึงกลายเป็นทริปสุดมึน มึนจริงๆค่ะนั่งรถเปลี่ยนรถจนมึนไปหมด มาดูกันค่ะว่าพวกเรานั่งอะไรกันบ้างกว่าจะถึงจุดหมาย
การเดินทางครั้งนี้เราไปเพียง 2 วัน 1 คืน คือวันที่ 20-21 กันยายน 58
และตั้งใจเอาไว้ว่าจะนั่งรถไฟฟรีไปกัน เพราะจะผ่านเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทยเชียวนะ!!
ก็จองที่พักที่ P GUESTHOUSE เป็นห้องพัดลมคืนละ 300 บาท ห้องน้ำรวม
คิดว่าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักมากนักจึงไม่จำเป็นต้องหรูหรามากมาย เอาไว้นอนและอาบน้ำก็พอ
คืนวันเสาร์เราก็หอบเสื้อผ้าไปนอนห้องเชอรี่ เราไม่ค่อยได้วางแผนอะไรมากนักในการเดินทางครั้งนี้
มีหลายกระทู้ที่รีวิวไปเที่ยงสังขละบุรี เราอ่านไว้พอเป็นแนวทางเท่านั้น เพราะจริงๆการเดินทางแต่ละครั้งเราเจออะไรไม่เหมือนกันหรอก
แต่เชอรี่นางเป๊ะมากๆ ถึงขนาดจดไว้ในสมุดว่าควรไปยังไงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เพระาฉะนั้นไปเที่ยวที่ไหน ควรเอามันไปด้วย ฮ่าๆๆๆๆ
เราตื่นประมาณตีสี่ครึ่ง ปลุกเพื่อนตีห้า และออกจากหอที่อยู่รังสิตตอนตีห้าครึ่ง
โบกพี่แท็กเพื่อไป BTS หมอชิตไปลง BTS สะพานตากสิน เพื่อต่อเรือด่วนเจ้าพระยาไปสถานีรถไฟธนบุรีให้ทัน!!
รถไฟฟรีรอบแรก 7.50 น. ระหว่างที่นั่ง BTS เรามองนาฬิกาตลอดกลัวจะไม่ทัน 5555555
แต่พอถึงท่าเรือสาทรเราก็นั่งรอเรือ รอแบบนานมากกกกกกกก เวลาก็เดินไปเรื่อยๆๆๆๆ
คุณลุงนี่ยืนรออยู่นานเลย (- -)
สุดท้ายประมาณ 7.30 น. เรือด่วนเจ้าพระยาก็มาแล้วววว!!
ด้วยความรีบกลัวจะไม่ทัน รูปไม่ต้องถ่ายกันละ!!
กระโดดขึ้นเรือเลย เราต้องลงท่าวังหลัง (ศิริราช) ก็จำไว้ให้ขึ้นใจจะได้ไม่เลย จ่ายค่าเรือไป 14 บาทไทย
ระหว่างทางที่นั่งเรือ บรรยากาศตอนเช้าดีมากๆๆๆ แต่ก็ไม่ได้นั่งเพลิน ช่วยกันมองท่าเรือตลอดว่าถึงหรือยัง
จนรู้สึกว่าใกล้ละ แต่ไหนท่าวังหลัง ไม่มี!!! คุณป้าสองสามคนใจดีมากช่วยพวกเรากันใหญ่
คุณป้าบอกให้ลง "ท่ารถไฟ" ตรงโรงพยาบาลศิริราช เราขอบคุณก่อนจะวิ่งขึ้นจากเรือและวิ่งต่อไปทันที
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 นาทีรถไฟจะออกแล้ว!!! เชอรี่จะเดินไปสถานีรถไฟ จะบ้าเหรอ!?
นั่งพี่วินเถอะ บอกพี่วินไปสถานีรถไฟธนบุรี ด่วนค่าาาาา
พี่วินมอเตอร์ไซค์บอกว่า "ท่าวังหลัง เรือไม่จอดแล้วให้ลงท่ารถไฟ"
ใครจะมาสถานีรถไฟธนบุรีทางเรือด่วนเจ้าพระยา ให้ลงท่ารถไฟแทนนะคะ
จ่ายค่ารถกับพี่วินไปคนละ 15 บาท แล้วรีบวิ่งเข้าสถานีเพื่อเอาตั๋วรถไฟทันที
พอตั๋วอยู่ในมือนี่โล่งอกทันทีนึกว่าจะไม่ทันแล้ว ก็กะว่าจะนั่งรอให้รถไฟมาแต่ยังไม่ทันหย่อนก้นที่เก้าอี้
รถไฟก็มาเทียบชานชาลาแบบช้าๆและยังไม่ทันเทียบดี คนก็กรูกันขึ้นช่วงตู้หน้าๆ แต่เราเลือกตู้เกือบหลังสุดเลย
มารู้ทีหลังว่าเป็นรถเสบียง ก็นั่งกับป้าๆที่ขายของบนรถไฟเลย ฮ่าๆๆ
รถไฟออกตรงเวลาแล้วนะคะ ขึ้นรถปุ๊ปก็ออกปั๊ป
เราหิวก็เลยซื้อไข่นกกระทากิน ถุงละ 20 บาท สิ่งหนึ่งที่รถไฟไม่เคยเปลี่ยนเลยคือขายของแพงมาก
แพงเกือบทุกอย่าง อย่างน้ำอัดลมธรรมดาขาย 15 แต่บนรถไฟขาย 25 คราวหลังจะซื้อขึ้นไปเอง ฮืออออ
กินไปชมวิวไป พอถึงสถานีศาลายา เอ๊ะ! ทำไมจอดนานจัง
สักพักพนักงานรถไฟเดินมาบอกว่านั่งเล่นกันไปก่อนน้า รถไฟหัวจักรเสีย โอ้พระเจ้า!
เรานี่ลงไปเดินเล่นรอเลย เชอรี่ก็ซื้อน้ำแข็งใสกินแบบสบายๆ
เราแอบถ่ายนาง
อีกพักหนึ่งก็ประกาศเรียกว่าขบวนที่ 9257 กำลังจะออกให้รีบขึ้น ไอ้เราก็รีบวิ่งขึ้น
แต่พอขึ้นไปได้แป๊ปเดียวก็ประกาศต่อมาว่ารถยังไม่ออกเพราะซ่อมแล้วใช้ไม่ได้ เอิ่มมม ชีวิตดูสโลว์ไฟล์มากไปแล้ว
เรานอนรอเลยนะ ย้ำว่านอนเลย เพราะเสียเป็นชั่วโมงกว่าๆ ร้องไห้ T^T
แต่สุดท้ายก็ซ่อมได้ ออกจากสถานีศาลายาได้สักที
เชอรี่ไม่ยอมกินข้าว เพราะเชอรี่รอกินข้าวแกงในกระทง
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นสถานีหนองปลาดุกหรือเปล่า เราไม่แน่ใจ กระทงละ 10 บาท
แพ็คเกจจิ้งน่ารักดี ถ้วยเล็กๆ เราไม่ได้กินเพราะอิ่มจากไข่นกกระทา
แต่เพื่อนบอกว่าอร่อยหรือมันหิวก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นก็นั่งกันไปยาวๆ เรากับเพื่อนมาด้วยกันนะ แต่แยกกันนั่ง
ไม่ได้เกลียดกันแต่อยากนั่งฟังเพลงชมวิวกันมากกว่า ชอบวิวข้างทางมาก มีแต่ภูเขา
พอถึงสถานีกาญจนบุรีเรานี่ใจชื้นเลย อีกไม่นานคงถึงแล้ว ดีจัง (- -)
การเดินทางที่แสนยาวนาน ถูกลบล้างด้วยความสวยงามของทุ่งนาและภูเขา
ถึงแล้ว!! ทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศ!!
เวลารถไฟผ่านคนข้างล่างจะโบกมือให้เรา น่ารักมากมัวแต่โบกมือกลับเลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้ ฮ่าๆๆ
อยู่ดีๆก็โผล่หน้ามาเจอกัน เราแอบถ่ายนางแต่นางไม่ได้แอบถ่ายเรา น่ารักจน 55555555
และ ... รถไฟเสียอีกรอบ
ส่วนนี่คือวิวตอนที่รถไฟจอดเสีย ถือว่าทดแทนกันได้ อิอิ
จากนั้นก็ไม่ถ่ายอะไรแล้วค่ะ เริ่มเหนื่อยจากการเดินทางและร้อนมากด้วย
ก็เลยนั่งชมวิวและฟังเพลงไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึง "สถานีน้ำตก" ปลายทางของรถไฟขบวนนี้
ในเวลาประมาณบ่ายสาม ...
ลงจากรถไฟเราก็ไม่โอ้เอ้ค่ะ เพราะนี่ก็จะเย็นแล้ว
รีบขึ้นรถสองแถวเพื่อไปลงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อยแล้วต่อรถบัสเข้าสังขละบุรี
รถสองแถวส่งถึงน้ำตกโทรโยคน้อย ในราคาคนละ 20 บาท
มารอรถบัสเข้าสังขละที่ใต้ต้นหูกวาง รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถบัสก็มา แต่!! ...
คุณป้ากระเป๋ารถบอกว่ารถไม่เข้าสังขละแล้วเพราะกว่าจะถึงก็เย็น หนูต้องไปต่อรถตู้เข้าสังขละที่ทองผาภูมิ
โอเค่ค่ะ ตามนั้น (- -) ค่ารถบัสทองผาภูมิ 60 บาท
รถบัสวิ่งไม่เร็วมาก แต่ลมแรงมาก ผมกระจุยจนต้องมัด
เรานั่งแยกกับเพื่อนเช่นเดิมและไม่นานก็พากันหลับโดยที่ไม่กลัวอะไรเลย เพราะคนที่นี่ใจดีม๊ากกกก
เรานั่งรถบัสจนถึงทองผาภูมิตอน 5 โมงเย็น รถบัสมาส่งที่คิวรถตู้
เราไม่คิดว่าสังขละบุรีจะไกลขนาดนี้ แค่ทองผาภูมิเราก็ว่ามันไกลมากแล้วนะ นี่นั่งรถจนมึนไปหมด
จากทองผาภูมิไปสังขละบุรี น่าจะประมาณ 77 กม. อีกนิดเดียว อดทนนะ!!
ค่ารถตู้ไปสังขละบุรี 80 บาท รอไม่นานรถก็มาและออกอย่างรวดเร็วทันใจ
กะว่าจะหลับอีกรอบ แต่หลับไม่ลงจริงๆ ทางคดเคี้ยวมากเว่อร์!! แต่เชอรี่หลับได้อย่างไม่เป็นปัญหา
เราจะบอกนะว่าตอนผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม สวยมากกกกกกก
ถ้าเราเอารถมาเองเราจะจอดแล้วถ่ายรูปรัวๆ เรานั่งมองจนต้องเหลียวหลังกลับไปมองอีก
แสงอาทิตย์ตอนเย็นมันสะท้อนกับน้ำเป็นสีทองแล้วมีหมอกนิดๆ โอ๊ยย คือมันดี เสียดายที่ถ่ายรูปไม่ได้
เพราะรถมันโยกเหลือเกิน แต่รูปถ่ายคงไม่สวยเท่าเราเห็นด้วยตาหรอก นี่ยังติดตาอยู่เลย ...
ในที่สุด!!!! สังขละบุรี พวกข้ามาถึงแล้วววววว
โฮฮฮฮฮ น้ำตาจะไหล เดินทางตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาถึงสังขละบุรีตอนหกโมงเย็นและไม่ได้ไปไหนเลย
แวะซื้อไก่ทอดที่ตลาดเข้าไปกินเป็นการปลอบใจ T^T จะเดินไปที่พักก็ไม่ไหวแล้ว มันก็ไกลอยู่
อาศัยพี่วินมอไซค์อีกครั้ง 20 บาท ถึงประตูรีสอร์ท ...
สิ้นสุดการเดินทางวันแรก เดินทางทั้งวันจริงๆ
เราเข้าที่พักก็มืดแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย แต่ที่พักก็ดีนะ เราห้องพัดลมได้อยู่ชั้นสองมองเห็นวิวข้างหน้าเป็นฝั่งมอญพอดี
ตอนกลางคืนไฟสีส้มฝั่งนู้นสวยเต็มไปหมด ได้ยินแค่เสียงจิ้งหรีดร้อง สงบดีมาก ...
ห้าทุ่มพวกเราก็นอนกันแล้ว เหนื่อยมากสำหรับวันนี้ Zzzzz
[CR] สองชะนีอยากเที่ยว "สังขละบุรี" แต่ทริปนี้กลายเป็นทริปสุดมึนที่ประทับใจไม่รู้ลืม ...
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองของเราค่ะ กระทู้แรกเป็นกระทู้ท่องเที่ยวเช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จริงๆแก๊งค์เรามีแพลนว่าจะไปเที่ยวไทรโยค แต่เอาเข้าจริงๆเวลาว่างไม่ตรงกัน รอกันไปรอกันมาก็ไม่ได้ไปไหนสักที
เรากับเพื่อนอีกคนชื่อ "เชอรี่" เลยหนีกันไปสองคน ฮ่าๆๆ อยากไปที่ที่สงบๆ อากาศดีๆ
"สังขละบุรี" จึงเป็นที่เดียวที่คิดได้และดูเหมือนจะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แค่กาญจนบุรีเอง สบ๊าย!
สุดท้ายจึงกลายเป็นทริปสุดมึน มึนจริงๆค่ะนั่งรถเปลี่ยนรถจนมึนไปหมด มาดูกันค่ะว่าพวกเรานั่งอะไรกันบ้างกว่าจะถึงจุดหมาย
และตั้งใจเอาไว้ว่าจะนั่งรถไฟฟรีไปกัน เพราะจะผ่านเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทยเชียวนะ!!
ก็จองที่พักที่ P GUESTHOUSE เป็นห้องพัดลมคืนละ 300 บาท ห้องน้ำรวม
คิดว่าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักมากนักจึงไม่จำเป็นต้องหรูหรามากมาย เอาไว้นอนและอาบน้ำก็พอ
มีหลายกระทู้ที่รีวิวไปเที่ยงสังขละบุรี เราอ่านไว้พอเป็นแนวทางเท่านั้น เพราะจริงๆการเดินทางแต่ละครั้งเราเจออะไรไม่เหมือนกันหรอก
แต่เชอรี่นางเป๊ะมากๆ ถึงขนาดจดไว้ในสมุดว่าควรไปยังไงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เพระาฉะนั้นไปเที่ยวที่ไหน ควรเอามันไปด้วย ฮ่าๆๆๆๆ
โบกพี่แท็กเพื่อไป BTS หมอชิตไปลง BTS สะพานตากสิน เพื่อต่อเรือด่วนเจ้าพระยาไปสถานีรถไฟธนบุรีให้ทัน!!
รถไฟฟรีรอบแรก 7.50 น. ระหว่างที่นั่ง BTS เรามองนาฬิกาตลอดกลัวจะไม่ทัน 5555555
แต่พอถึงท่าเรือสาทรเราก็นั่งรอเรือ รอแบบนานมากกกกกกกก เวลาก็เดินไปเรื่อยๆๆๆๆ
คุณลุงนี่ยืนรออยู่นานเลย (- -)
ด้วยความรีบกลัวจะไม่ทัน รูปไม่ต้องถ่ายกันละ!!
กระโดดขึ้นเรือเลย เราต้องลงท่าวังหลัง (ศิริราช) ก็จำไว้ให้ขึ้นใจจะได้ไม่เลย จ่ายค่าเรือไป 14 บาทไทย
ระหว่างทางที่นั่งเรือ บรรยากาศตอนเช้าดีมากๆๆๆ แต่ก็ไม่ได้นั่งเพลิน ช่วยกันมองท่าเรือตลอดว่าถึงหรือยัง
จนรู้สึกว่าใกล้ละ แต่ไหนท่าวังหลัง ไม่มี!!! คุณป้าสองสามคนใจดีมากช่วยพวกเรากันใหญ่
คุณป้าบอกให้ลง "ท่ารถไฟ" ตรงโรงพยาบาลศิริราช เราขอบคุณก่อนจะวิ่งขึ้นจากเรือและวิ่งต่อไปทันที
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 นาทีรถไฟจะออกแล้ว!!! เชอรี่จะเดินไปสถานีรถไฟ จะบ้าเหรอ!?
นั่งพี่วินเถอะ บอกพี่วินไปสถานีรถไฟธนบุรี ด่วนค่าาาาา
ใครจะมาสถานีรถไฟธนบุรีทางเรือด่วนเจ้าพระยา ให้ลงท่ารถไฟแทนนะคะ
พอตั๋วอยู่ในมือนี่โล่งอกทันทีนึกว่าจะไม่ทันแล้ว ก็กะว่าจะนั่งรอให้รถไฟมาแต่ยังไม่ทันหย่อนก้นที่เก้าอี้
รถไฟก็มาเทียบชานชาลาแบบช้าๆและยังไม่ทันเทียบดี คนก็กรูกันขึ้นช่วงตู้หน้าๆ แต่เราเลือกตู้เกือบหลังสุดเลย
มารู้ทีหลังว่าเป็นรถเสบียง ก็นั่งกับป้าๆที่ขายของบนรถไฟเลย ฮ่าๆๆ
เราหิวก็เลยซื้อไข่นกกระทากิน ถุงละ 20 บาท สิ่งหนึ่งที่รถไฟไม่เคยเปลี่ยนเลยคือขายของแพงมาก
แพงเกือบทุกอย่าง อย่างน้ำอัดลมธรรมดาขาย 15 แต่บนรถไฟขาย 25 คราวหลังจะซื้อขึ้นไปเอง ฮืออออ
สักพักพนักงานรถไฟเดินมาบอกว่านั่งเล่นกันไปก่อนน้า รถไฟหัวจักรเสีย โอ้พระเจ้า!
เรานี่ลงไปเดินเล่นรอเลย เชอรี่ก็ซื้อน้ำแข็งใสกินแบบสบายๆ
เราแอบถ่ายนาง
แต่พอขึ้นไปได้แป๊ปเดียวก็ประกาศต่อมาว่ารถยังไม่ออกเพราะซ่อมแล้วใช้ไม่ได้ เอิ่มมม ชีวิตดูสโลว์ไฟล์มากไปแล้ว
เรานอนรอเลยนะ ย้ำว่านอนเลย เพราะเสียเป็นชั่วโมงกว่าๆ ร้องไห้ T^T
แต่สุดท้ายก็ซ่อมได้ ออกจากสถานีศาลายาได้สักที
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นสถานีหนองปลาดุกหรือเปล่า เราไม่แน่ใจ กระทงละ 10 บาท
แพ็คเกจจิ้งน่ารักดี ถ้วยเล็กๆ เราไม่ได้กินเพราะอิ่มจากไข่นกกระทา
แต่เพื่อนบอกว่าอร่อยหรือมันหิวก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ
ไม่ได้เกลียดกันแต่อยากนั่งฟังเพลงชมวิวกันมากกว่า ชอบวิวข้างทางมาก มีแต่ภูเขา
เวลารถไฟผ่านคนข้างล่างจะโบกมือให้เรา น่ารักมากมัวแต่โบกมือกลับเลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้ ฮ่าๆๆ
ส่วนนี่คือวิวตอนที่รถไฟจอดเสีย ถือว่าทดแทนกันได้ อิอิ
ก็เลยนั่งชมวิวและฟังเพลงไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึง "สถานีน้ำตก" ปลายทางของรถไฟขบวนนี้
ในเวลาประมาณบ่ายสาม ...
ลงจากรถไฟเราก็ไม่โอ้เอ้ค่ะ เพราะนี่ก็จะเย็นแล้ว
รีบขึ้นรถสองแถวเพื่อไปลงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อยแล้วต่อรถบัสเข้าสังขละบุรี
มารอรถบัสเข้าสังขละที่ใต้ต้นหูกวาง รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถบัสก็มา แต่!! ...
คุณป้ากระเป๋ารถบอกว่ารถไม่เข้าสังขละแล้วเพราะกว่าจะถึงก็เย็น หนูต้องไปต่อรถตู้เข้าสังขละที่ทองผาภูมิ
โอเค่ค่ะ ตามนั้น (- -) ค่ารถบัสทองผาภูมิ 60 บาท
เรานั่งแยกกับเพื่อนเช่นเดิมและไม่นานก็พากันหลับโดยที่ไม่กลัวอะไรเลย เพราะคนที่นี่ใจดีม๊ากกกก
เราไม่คิดว่าสังขละบุรีจะไกลขนาดนี้ แค่ทองผาภูมิเราก็ว่ามันไกลมากแล้วนะ นี่นั่งรถจนมึนไปหมด
จากทองผาภูมิไปสังขละบุรี น่าจะประมาณ 77 กม. อีกนิดเดียว อดทนนะ!!
กะว่าจะหลับอีกรอบ แต่หลับไม่ลงจริงๆ ทางคดเคี้ยวมากเว่อร์!! แต่เชอรี่หลับได้อย่างไม่เป็นปัญหา
เราจะบอกนะว่าตอนผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม สวยมากกกกกกก
ถ้าเราเอารถมาเองเราจะจอดแล้วถ่ายรูปรัวๆ เรานั่งมองจนต้องเหลียวหลังกลับไปมองอีก
แสงอาทิตย์ตอนเย็นมันสะท้อนกับน้ำเป็นสีทองแล้วมีหมอกนิดๆ โอ๊ยย คือมันดี เสียดายที่ถ่ายรูปไม่ได้
เพราะรถมันโยกเหลือเกิน แต่รูปถ่ายคงไม่สวยเท่าเราเห็นด้วยตาหรอก นี่ยังติดตาอยู่เลย ...
โฮฮฮฮฮ น้ำตาจะไหล เดินทางตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาถึงสังขละบุรีตอนหกโมงเย็นและไม่ได้ไปไหนเลย
แวะซื้อไก่ทอดที่ตลาดเข้าไปกินเป็นการปลอบใจ T^T จะเดินไปที่พักก็ไม่ไหวแล้ว มันก็ไกลอยู่
อาศัยพี่วินมอไซค์อีกครั้ง 20 บาท ถึงประตูรีสอร์ท ...
เราเข้าที่พักก็มืดแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย แต่ที่พักก็ดีนะ เราห้องพัดลมได้อยู่ชั้นสองมองเห็นวิวข้างหน้าเป็นฝั่งมอญพอดี
ตอนกลางคืนไฟสีส้มฝั่งนู้นสวยเต็มไปหมด ได้ยินแค่เสียงจิ้งหรีดร้อง สงบดีมาก ...
ห้าทุ่มพวกเราก็นอนกันแล้ว เหนื่อยมากสำหรับวันนี้ Zzzzz