- กระทู้ขอคำปรึกษานี้เป็นเรื่องของเราและแฟนเรา โดยที่ส่วนของแฟนเราได้รับคำยินยอมแล้วที่จะมาตั้งกระทู้ เพราะตอนนี้มีเรื่องให้ต้องคิดและตัดสินใจหลายอย่าง อยากได้ความเห็นจากคนนอกจริงๆ ว่าเราควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี -
* กระทู้ยาวมาก แต่อยากได้ความเห็นจริงๆ ค่ะ *
เราและแฟนเรามีแพลนจะแต่งงานกันภายในไม่เกิน 2-3 ปีนี้ค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวเราอายุ 26 ปี รายได้แบบหักประกันสังคมและภาษีอยู่ที่ 25,xxx ต่อเดือน มีฟรีแลนซ์เข้ามาบ้างประปราย ปัจจุบันอาศัยอยู่กับครอบครัว (บ้านของครอบครัวเอง) ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะที่บ้านเป็นหอพักให้เช่า มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ต้องส่งเสียทางบ้าน เราไม่มีเงินเก็บ มีหนี้บัตรเครดิตไม่มาก (ใช้ต่อเดือนกับรูดผ่อนซื้อของ) ที่ไม่มีเงินเก็บเพราะเราเอาไปลงกับพักผ่อนต่างประเทศ หรือเรียนเพิ่มเติมในแขนงต่างๆ ใช้เงินเพียงพอต่อเดือน ชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ
แฟนอายุ 28 ปี รายได้แบบหักค่าอื่นๆ แล้วอยู่ที่ 30,xxx ต่อเดือน อาศัยอยู่บ้านของครอบครัว ค่อนข้างมีฐานะ มีรถ 1 คัน เป็นรถของครอบครัวยกให้ใช้งาน แฟนไม่มีเงินเก็บ แต่มีทองที่เคยซื้อไว้ราว 10 บาท มีหุ้นอยู่นิดหน่อย (ไม่มาก) เงินเดือนจะแบ่งให้ครอบครัวประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน (แต่เห็นว่าทางบ้านก็ไม่ได้เอาไปใช้ เก็บแยกไว้) มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง (คือใช้ต่อเดือนและรูดผ่อนซื้อของแบบเรา)
ทั้งนี้ หนี้บัตรเครดิตของเราสองคนถือว่าใช้จ่ายอย่างพอดี ไม่เกินตัว ไม่เป็นปัญหาต่อรายได้ที่เข้ามา หลังจากคิดว่าจะแต่งงานกัน น่าจะใช้เวลาเก็บเงินสินสอดและแต่งงานแบบสบายๆ ในระยะเวลา 1-2 ปี งานประจำของเราสองคนค่อนข้างมั่นคงระดับหนึ่ง พวกเราไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน แต่จะมีไปเที่ยวต่างประเทศกันค่อนข้างบ่อย เงินส่วนใหญ่จะหมดไปกับตรงนี้เสียมากกว่า ไม่ได้ใช้สินค้าแบรนด์เนม ใช้เท่าที่จำเป็นซะส่วนมาก มีเยอะบางครั้งก็ใช้เยอะ มีน้อยใช้น้อย ไม่มีก็ไม่ใช้ ประมาณนั้นค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
พอเราตกลงปลงใจว่าเราจะแต่งงานกัน ทางแฟนก็ไปปรึกษาครอบครัวว่า อยากจะหาซื้อคอนโดมือสองย่านกลางเมือง ใกล้ BTS หรือ MRT เพื่อเป็นเรือนหอ เราสองคนค่อนข้างโอเคกับการอยู่คอนโด เพราะสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า แต่ทางครอบครัวแฟนอยากให้หาซื้อบ้านอยู่ แฟนก็บอกว่าน่าจะกู้ซื้อกันไม่ไหว ทางครอบครัวแฟนจึงพูดถึงเรื่องมรดกว่าจะยกให้เลยหากต้องการแยกครอบครัวไปอยู่กันเอง โดยมีมรดกให้ทั้งหมด 3 ล้านบาท (ลูกทุกคนได้เท่ากัน) เพราะเค้าคาดหวังว่าอยากให้เราซื้อบ้านเดี่ยวไปเลย แต่เราและแฟนมองว่าเราไม่ต้องการพื้นที่ขนาดนั้น เพราะต้องดูแลมากกว่าบ้านหลังเล็กหรือคอนโด แล้วบ้านราคา 2-3 ล้านส่วนใหญ่ก็จะอยู่ชานเมืองกันหมด ถ้าอนาคตเราจะทำงานประจำต่อไป การจะฝากลูกให้ครอบครัวเลี้ยงก็ดูจะเดินทางกันลำบาก
แล้วทางครอบครัวแฟนก็เสนอทางเลือกให้อีกทาง คือการสร้างบ้านหรืออาคารในที่ดินของครอบครัว ตามแผนที่นี้ค่ะ
* แผนที่ ขออนุญาตไม่บอกสถานที่จริง แต่บอกได้คร่าวๆ ว่าอยู่กลางเมือง ย่านเศรษฐกิจ เพราะมี Office Building ใหญ่ๆ หลายตึก และใกล้ BTS มาก มีซอยเล็กๆ เชื่อมต่อ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ใกล้ๆ ที่ดินผืนนี้มีร้านอาหารหรู ร้านกาแฟหรู รวมถึงโรงแรมที่ชาวต่างชาติมาพักค่อนข้างเยอะ *
อาคารทั้งสามหลัง (1-2-3) ตอนนี้มีผู้เช่าทำกิจการอยู่
อาคารหมายเลข 1 (สีฟ้า) อยู่บริเวณหัวมุมซอยย่อย ทำเลดี ตอนนี้มีผู้เช่าเปิดกิจการอยู่
อาคารหมายเลข 2 (สีเขียว) อาคารนี้มีพื้นที่กว้างขวางที่สุด ให้ชาวต่างชาติเช่าทำธุรกิจของตัวเอง
อาคารหมายเลข 3 (สีชมพู) อาคารนี้มีพื้นที่น้อยที่สุด หมดสัญญาเช่าปีนี้ แต่เป็นแค่อาคารชั้นเดียว
ในส่วนพื้นที่สีชมพูคือข้อเสนอจากครอบครัวแฟน ให้รื้ออาคารชั้นเดียวนี้แล้วสร้างอาคารสูงสัก 3 ชั้น เพราะท่านรู้ว่าเรากับแฟนมีความฝันอยากเปิดร้านกาแฟหรือร้านอาหารเล็กๆ (เป็นความชอบและความสามารถแขนงหนึ่งของพวกเรา) เลยเห็นว่าตรงนั้นเป็นทำเลที่เปิดกิจการพอจะเป็นไปได้ เพราะตรงนั้นก็เคยเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆ อยู่เหมือนกัน อยากให้เอาเงิน 3 ล้านบาทนี้ไปลงกับการสร้างอาคารทั้งหมด เพราะท่านมองว่าการทำธุรกิจส่วนตัวแบบไม่มีหนี้นั้นสบายใจที่สุด
ในส่วนของพื้นที่สีชมพู ต้องเดินเข้ามาในซอยลึกราวๆ 50 เมตร ก็อาจจะพอเปิดร้านอะไรได้บ้าง เพราะอาคาร 1-2 ก็เป็นเปิดธุรกิจอยู่แล้ว เพียงแต่ก็ไม่อาจจะไม่ได้ดูเด่นหรือการันตีว่าขายดีแน่นอนกับพื้นที่นี้ หากเทียบกับพื้นที่สีฟ้าที่อยู่ตรงหัวมุม
ส่วนพื้นที่รวมทั้ง 3 อาคาร ในอนาคตจะเป็นมรดกของแฟนและพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยที่ครอบครัวแฟนยังไม่มีการตัดสินใจว่าใครจะได้พื้นที่ส่วนไหน หรือจะใส่เป็นชื่อรวมหรือไม่ แต่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสามอาคารนี้ เคยเห็นคนประกาศขายอยู่ที่ 200 ล้านบาท (ขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกัน) เลยประมาณมูลค่าของพื้นที่ตรงนี้ได้ราวๆ นั้นค่ะ
ครอบครัวแฟนบอกว่า ถ้าวันนึงจะแบ่งที่ดินตรงนั้นให้กับลูก 3 คน พื้นที่สีชมพูจะกลายเป็นของแฟนเราไปโดยปริยาย (เหมือนเลือกไม่ได้ เพราะเลือกสร้างอาคารตรงนั้นไปแล้ว) ต้องบอกนิดนึงว่าครอบครัวของแฟนค่อนข้างเป็น Happy Family รักกันมากพอที่จะไม่ขายพื้นที่ตรงนี้อยู่แล้วหากเป็นชื่อรวม แต่ถ้าวันนึงทุกคนมีครอบครัวของตัวเอง มีลูกมีหลาน แฟนก็กังวลว่าถ้าเป็นชื่อรวม รุ่นลูกเราจะมีปัญหาในการแบ่งมรดกตรงนี้หรือไม่ แต่ถ้าถามความเห็นจากตัวแฟนเราจริงๆ ว่าอยากได้ที่ตรงไหนมากที่สุด ก็ต้องอยากได้อาคารสีฟ้าหัวมุมนั่นแหละ เพราะเปิดร้านอะไรก็ดูไปรอดแน่นอน
ส่วนตัวเราเอง พูดคุยกับแฟนแล้วว่า เราจะไม่มีขอมีส่วนร่วมในการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะไม่อยากยุ่งกับเรื่องที่ดินและเรื่องเงิน 3 ล้านบาทนั้น ไม่อยากเข้าไปจัดการอะไรๆ ให้เหมือนกับว่าเราอยากได้เงินส่วนนั้น แต่ถ้าต้องสร้างอาคารนั้นเราไม่ขอกู้ร่วม เพราะทางครอบครัวเราเองน่าจะไม่พอใจและเห็นว่าที่ดินก็ไม่ใช่ของเราเสียทีเดียว เราบอกแค่ว่าไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็จะอยู่ด้วยกัน หากจะเปิดร้านก็จะมาสู้ด้วยกัน หากให้คำปรึกษาในมุมมองของเราสามารถปรึกษาได้ แต่ให้แฟนเป็นคนตัดสินใจ
ตอนนี้เราเลยลองลิสต์ทางเลือกออกมาเป็นดังนี้ค่ะ
1. ใช้เงิน 3 ล้านบาทสร้างอาคารบนพื้นที่สีชมพู ทำเป็นที่อยู่อาศัยและเปิดกิจการส่วนตัวกัน โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปรอดไหม แต่อย่างน้อยก็สบายใจที่การลงทุนกับกิจการนั้นมูลค่าจะน้อยกว่าการไปเช่าพื้นที่ที่อื่น ส่วนเงินเพื่ออนาคตต้องเริ่มเก็บกันใหม่ (ป.ล. เงิน 3 ล้านสร้างตึกได้พอ เพราะซื้อโปรโมชั่นจากงานสร้างบ้านมาค่ะ)
2. กลับไปซื้อคอนโดมือสองกลางเมืองเหมือนเดิม โดยเลือกทำเลที่ไม่ไกลบ้านของครอบครัวเราสองคนมากนัก เผื่อในอนาคตการฝากเลี้ยงดูลูกหลานจะได้สะดวก ใช้การกู้ซื้อ ส่วนเงิน 3 ล้านนั้น แบ่งมาใช้เปิดกิจการในอนาคต แบ่งลงทุนในรูปแบบต่างๆ (เช่นซื้อพันธบัตร หรืออื่นๆ ต้องลองศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง) ส่วนพื้นที่สีชมพูก็จะไม่รื้ออาคารชั้นเดียวนั้น อนาคตอาจจะเปิดเป็นร้านอาหารตามความฝันที่ตั้งไว้ แต่ก็ต้องคอนโทรลทั้งเรื่องผ่อนคอนโดและดูแลธุรกิจส่วนตัวให้ได้
3. หาซื้อคอนโด (กู้ซื้อ) และไม่ทำธุรกิจส่วนตัวบนพื้นที่ผืนนั้นเลย ในอนาคตเผื่อว่าถ้าที่ดินเป็นชื่อร่วมจริง ก็เอาค่าเช่าพื้นที่ตรงนั้นแบ่งกันกับพี่น้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินผืนนั้น (ซึ่งอาจจะอีกนานถึง 20-30 ปี) ส่วนเงิน 3 ล้านนั้นก็เก็บไว้ก่อน กอดไว้ให้อุ่นใจ เผื่อถ้าพร้อมกว่านี้จะเอาไปลงทุนอะไรแทน
สมาชิกพันทิปท่านอื่นมีความเห็นหรือแนวทางอื่นแนะนำพวกเราบ้างไหมคะ
พวกเราอายุยังน้อย ไม่อยากตัดสินใจอะไรวู่วามมากเกินไป เพราะตอนนี้แทบจะต้องเลือกเลยว่า 3 ล้านบาทนั้นจะต้องวางไปในทิศทางไหน ถ้าตัดสินใจจะซื้อคอนโดไปแล้ว การสร้างบ้านบนที่นั้นอาจจะต้องพับไปเลย หรือถ้าตัดสินใจสร้าง ก็เท่ากับว่าต้องปรับชีวิตตัวเองให้มาอยู่ในกรอบของการทำธุรกิจส่วนตัวจริงๆ
ขอคำปรึกษาเรื่องการจัดการมรดกและการตัดสินใจสร้างที่อยู่อาศัยค่ะ
* กระทู้ยาวมาก แต่อยากได้ความเห็นจริงๆ ค่ะ *
เราและแฟนเรามีแพลนจะแต่งงานกันภายในไม่เกิน 2-3 ปีนี้ค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวเราอายุ 26 ปี รายได้แบบหักประกันสังคมและภาษีอยู่ที่ 25,xxx ต่อเดือน มีฟรีแลนซ์เข้ามาบ้างประปราย ปัจจุบันอาศัยอยู่กับครอบครัว (บ้านของครอบครัวเอง) ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะที่บ้านเป็นหอพักให้เช่า มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ต้องส่งเสียทางบ้าน เราไม่มีเงินเก็บ มีหนี้บัตรเครดิตไม่มาก (ใช้ต่อเดือนกับรูดผ่อนซื้อของ) ที่ไม่มีเงินเก็บเพราะเราเอาไปลงกับพักผ่อนต่างประเทศ หรือเรียนเพิ่มเติมในแขนงต่างๆ ใช้เงินเพียงพอต่อเดือน ชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ
แฟนอายุ 28 ปี รายได้แบบหักค่าอื่นๆ แล้วอยู่ที่ 30,xxx ต่อเดือน อาศัยอยู่บ้านของครอบครัว ค่อนข้างมีฐานะ มีรถ 1 คัน เป็นรถของครอบครัวยกให้ใช้งาน แฟนไม่มีเงินเก็บ แต่มีทองที่เคยซื้อไว้ราว 10 บาท มีหุ้นอยู่นิดหน่อย (ไม่มาก) เงินเดือนจะแบ่งให้ครอบครัวประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน (แต่เห็นว่าทางบ้านก็ไม่ได้เอาไปใช้ เก็บแยกไว้) มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง (คือใช้ต่อเดือนและรูดผ่อนซื้อของแบบเรา)
ทั้งนี้ หนี้บัตรเครดิตของเราสองคนถือว่าใช้จ่ายอย่างพอดี ไม่เกินตัว ไม่เป็นปัญหาต่อรายได้ที่เข้ามา หลังจากคิดว่าจะแต่งงานกัน น่าจะใช้เวลาเก็บเงินสินสอดและแต่งงานแบบสบายๆ ในระยะเวลา 1-2 ปี งานประจำของเราสองคนค่อนข้างมั่นคงระดับหนึ่ง พวกเราไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน แต่จะมีไปเที่ยวต่างประเทศกันค่อนข้างบ่อย เงินส่วนใหญ่จะหมดไปกับตรงนี้เสียมากกว่า ไม่ได้ใช้สินค้าแบรนด์เนม ใช้เท่าที่จำเป็นซะส่วนมาก มีเยอะบางครั้งก็ใช้เยอะ มีน้อยใช้น้อย ไม่มีก็ไม่ใช้ ประมาณนั้นค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
พอเราตกลงปลงใจว่าเราจะแต่งงานกัน ทางแฟนก็ไปปรึกษาครอบครัวว่า อยากจะหาซื้อคอนโดมือสองย่านกลางเมือง ใกล้ BTS หรือ MRT เพื่อเป็นเรือนหอ เราสองคนค่อนข้างโอเคกับการอยู่คอนโด เพราะสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า แต่ทางครอบครัวแฟนอยากให้หาซื้อบ้านอยู่ แฟนก็บอกว่าน่าจะกู้ซื้อกันไม่ไหว ทางครอบครัวแฟนจึงพูดถึงเรื่องมรดกว่าจะยกให้เลยหากต้องการแยกครอบครัวไปอยู่กันเอง โดยมีมรดกให้ทั้งหมด 3 ล้านบาท (ลูกทุกคนได้เท่ากัน) เพราะเค้าคาดหวังว่าอยากให้เราซื้อบ้านเดี่ยวไปเลย แต่เราและแฟนมองว่าเราไม่ต้องการพื้นที่ขนาดนั้น เพราะต้องดูแลมากกว่าบ้านหลังเล็กหรือคอนโด แล้วบ้านราคา 2-3 ล้านส่วนใหญ่ก็จะอยู่ชานเมืองกันหมด ถ้าอนาคตเราจะทำงานประจำต่อไป การจะฝากลูกให้ครอบครัวเลี้ยงก็ดูจะเดินทางกันลำบาก
แล้วทางครอบครัวแฟนก็เสนอทางเลือกให้อีกทาง คือการสร้างบ้านหรืออาคารในที่ดินของครอบครัว ตามแผนที่นี้ค่ะ
* แผนที่ ขออนุญาตไม่บอกสถานที่จริง แต่บอกได้คร่าวๆ ว่าอยู่กลางเมือง ย่านเศรษฐกิจ เพราะมี Office Building ใหญ่ๆ หลายตึก และใกล้ BTS มาก มีซอยเล็กๆ เชื่อมต่อ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ใกล้ๆ ที่ดินผืนนี้มีร้านอาหารหรู ร้านกาแฟหรู รวมถึงโรงแรมที่ชาวต่างชาติมาพักค่อนข้างเยอะ *
อาคารทั้งสามหลัง (1-2-3) ตอนนี้มีผู้เช่าทำกิจการอยู่
อาคารหมายเลข 1 (สีฟ้า) อยู่บริเวณหัวมุมซอยย่อย ทำเลดี ตอนนี้มีผู้เช่าเปิดกิจการอยู่
อาคารหมายเลข 2 (สีเขียว) อาคารนี้มีพื้นที่กว้างขวางที่สุด ให้ชาวต่างชาติเช่าทำธุรกิจของตัวเอง
อาคารหมายเลข 3 (สีชมพู) อาคารนี้มีพื้นที่น้อยที่สุด หมดสัญญาเช่าปีนี้ แต่เป็นแค่อาคารชั้นเดียว
ในส่วนพื้นที่สีชมพูคือข้อเสนอจากครอบครัวแฟน ให้รื้ออาคารชั้นเดียวนี้แล้วสร้างอาคารสูงสัก 3 ชั้น เพราะท่านรู้ว่าเรากับแฟนมีความฝันอยากเปิดร้านกาแฟหรือร้านอาหารเล็กๆ (เป็นความชอบและความสามารถแขนงหนึ่งของพวกเรา) เลยเห็นว่าตรงนั้นเป็นทำเลที่เปิดกิจการพอจะเป็นไปได้ เพราะตรงนั้นก็เคยเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆ อยู่เหมือนกัน อยากให้เอาเงิน 3 ล้านบาทนี้ไปลงกับการสร้างอาคารทั้งหมด เพราะท่านมองว่าการทำธุรกิจส่วนตัวแบบไม่มีหนี้นั้นสบายใจที่สุด
ในส่วนของพื้นที่สีชมพู ต้องเดินเข้ามาในซอยลึกราวๆ 50 เมตร ก็อาจจะพอเปิดร้านอะไรได้บ้าง เพราะอาคาร 1-2 ก็เป็นเปิดธุรกิจอยู่แล้ว เพียงแต่ก็ไม่อาจจะไม่ได้ดูเด่นหรือการันตีว่าขายดีแน่นอนกับพื้นที่นี้ หากเทียบกับพื้นที่สีฟ้าที่อยู่ตรงหัวมุม
ส่วนพื้นที่รวมทั้ง 3 อาคาร ในอนาคตจะเป็นมรดกของแฟนและพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยที่ครอบครัวแฟนยังไม่มีการตัดสินใจว่าใครจะได้พื้นที่ส่วนไหน หรือจะใส่เป็นชื่อรวมหรือไม่ แต่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสามอาคารนี้ เคยเห็นคนประกาศขายอยู่ที่ 200 ล้านบาท (ขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกัน) เลยประมาณมูลค่าของพื้นที่ตรงนี้ได้ราวๆ นั้นค่ะ
ครอบครัวแฟนบอกว่า ถ้าวันนึงจะแบ่งที่ดินตรงนั้นให้กับลูก 3 คน พื้นที่สีชมพูจะกลายเป็นของแฟนเราไปโดยปริยาย (เหมือนเลือกไม่ได้ เพราะเลือกสร้างอาคารตรงนั้นไปแล้ว) ต้องบอกนิดนึงว่าครอบครัวของแฟนค่อนข้างเป็น Happy Family รักกันมากพอที่จะไม่ขายพื้นที่ตรงนี้อยู่แล้วหากเป็นชื่อรวม แต่ถ้าวันนึงทุกคนมีครอบครัวของตัวเอง มีลูกมีหลาน แฟนก็กังวลว่าถ้าเป็นชื่อรวม รุ่นลูกเราจะมีปัญหาในการแบ่งมรดกตรงนี้หรือไม่ แต่ถ้าถามความเห็นจากตัวแฟนเราจริงๆ ว่าอยากได้ที่ตรงไหนมากที่สุด ก็ต้องอยากได้อาคารสีฟ้าหัวมุมนั่นแหละ เพราะเปิดร้านอะไรก็ดูไปรอดแน่นอน
ส่วนตัวเราเอง พูดคุยกับแฟนแล้วว่า เราจะไม่มีขอมีส่วนร่วมในการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะไม่อยากยุ่งกับเรื่องที่ดินและเรื่องเงิน 3 ล้านบาทนั้น ไม่อยากเข้าไปจัดการอะไรๆ ให้เหมือนกับว่าเราอยากได้เงินส่วนนั้น แต่ถ้าต้องสร้างอาคารนั้นเราไม่ขอกู้ร่วม เพราะทางครอบครัวเราเองน่าจะไม่พอใจและเห็นว่าที่ดินก็ไม่ใช่ของเราเสียทีเดียว เราบอกแค่ว่าไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็จะอยู่ด้วยกัน หากจะเปิดร้านก็จะมาสู้ด้วยกัน หากให้คำปรึกษาในมุมมองของเราสามารถปรึกษาได้ แต่ให้แฟนเป็นคนตัดสินใจ
ตอนนี้เราเลยลองลิสต์ทางเลือกออกมาเป็นดังนี้ค่ะ
1. ใช้เงิน 3 ล้านบาทสร้างอาคารบนพื้นที่สีชมพู ทำเป็นที่อยู่อาศัยและเปิดกิจการส่วนตัวกัน โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปรอดไหม แต่อย่างน้อยก็สบายใจที่การลงทุนกับกิจการนั้นมูลค่าจะน้อยกว่าการไปเช่าพื้นที่ที่อื่น ส่วนเงินเพื่ออนาคตต้องเริ่มเก็บกันใหม่ (ป.ล. เงิน 3 ล้านสร้างตึกได้พอ เพราะซื้อโปรโมชั่นจากงานสร้างบ้านมาค่ะ)
2. กลับไปซื้อคอนโดมือสองกลางเมืองเหมือนเดิม โดยเลือกทำเลที่ไม่ไกลบ้านของครอบครัวเราสองคนมากนัก เผื่อในอนาคตการฝากเลี้ยงดูลูกหลานจะได้สะดวก ใช้การกู้ซื้อ ส่วนเงิน 3 ล้านนั้น แบ่งมาใช้เปิดกิจการในอนาคต แบ่งลงทุนในรูปแบบต่างๆ (เช่นซื้อพันธบัตร หรืออื่นๆ ต้องลองศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง) ส่วนพื้นที่สีชมพูก็จะไม่รื้ออาคารชั้นเดียวนั้น อนาคตอาจจะเปิดเป็นร้านอาหารตามความฝันที่ตั้งไว้ แต่ก็ต้องคอนโทรลทั้งเรื่องผ่อนคอนโดและดูแลธุรกิจส่วนตัวให้ได้
3. หาซื้อคอนโด (กู้ซื้อ) และไม่ทำธุรกิจส่วนตัวบนพื้นที่ผืนนั้นเลย ในอนาคตเผื่อว่าถ้าที่ดินเป็นชื่อร่วมจริง ก็เอาค่าเช่าพื้นที่ตรงนั้นแบ่งกันกับพี่น้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินผืนนั้น (ซึ่งอาจจะอีกนานถึง 20-30 ปี) ส่วนเงิน 3 ล้านนั้นก็เก็บไว้ก่อน กอดไว้ให้อุ่นใจ เผื่อถ้าพร้อมกว่านี้จะเอาไปลงทุนอะไรแทน
สมาชิกพันทิปท่านอื่นมีความเห็นหรือแนวทางอื่นแนะนำพวกเราบ้างไหมคะ
พวกเราอายุยังน้อย ไม่อยากตัดสินใจอะไรวู่วามมากเกินไป เพราะตอนนี้แทบจะต้องเลือกเลยว่า 3 ล้านบาทนั้นจะต้องวางไปในทิศทางไหน ถ้าตัดสินใจจะซื้อคอนโดไปแล้ว การสร้างบ้านบนที่นั้นอาจจะต้องพับไปเลย หรือถ้าตัดสินใจสร้าง ก็เท่ากับว่าต้องปรับชีวิตตัวเองให้มาอยู่ในกรอบของการทำธุรกิจส่วนตัวจริงๆ