สวัสดีคะ ชื่อโบว์นะคะ นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียนคะแต่เขียนเป็นครั้งที่สองคะ ฮั่นแน่ งงละสิ ก็แบบว่าตอนเขียนไปตอนแรกคอมมัน hang แล้วก็ดับคะ คือหายหมดเบยยย T^T
เอาเป็นว่าฝากติดตามด้วยละกันนะคะ
ก็เรื่องมันเริ่มที่ว่าโบว์อยากไปเที่ยวมากๆหลังจากที่อุดอู้เรียนเมกามาเกือบปี แต่ทีนี้ให้ไปเที่ยวเล่นๆเฉยๆมันก็ดูจะเชยไปคะ ก็เลยสมัครไปเป็น volunteer ที่เปรูสองสัปดาห์คะ ถ้านึกภาพไม่ออกก็คงพอๆกับออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทในต่างแดนคะ
ก็เริ่มเรื่องกันเลยนะคะ เริ่มจากตอนจองตั๋วกันก่อนเลย เพราะสำคัญมาก อย่างโบว์เนี่ยจะจองแต่ตั๋วเครื่องบินที่มี layover นานๆ ยิ่งแบบ 8 ชม.อัพไรงี้ยิ่งดีเลยคะ เพราะทำให้เราได้เที่ยวฟรีในเมืองต่างๆ ไม่ต้องคอยขอวีซ่าให้วุ่นวายด้วยคะ ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติม หลังไมค์ได้นะคะ
ที่แรกที่ไปพักเครื่องเลยคือ San Fran คะ คือบินมาจาก Seattle คะ
แต่เผอิญลืมไป มันเป็นไฟล์ทดึก คือไปถึงประมาณสามทุ่มคะ ไฟล์ทอีกทีตอนเช้าหกโมงคะ แต่ดันลืมจองโรงแรม55555 หนุกหนานเลยคะ นอนสนามบินคะ แต่ถึงจะจองโรงแรมก็คงไม่คุ้มคะเพราะนึกสภาพตัวเองต้องตื่นตีสี่ไปสนามบินไม่ออกจริงๆคะ 😂
แต่โบว์ซะอย่างมาถึงตั้งเมือง Golden Gate จะให้นอนสนามบินเลยก็คงไม่ใช่โบว์คะ อย่างโบว์ต้องขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย
ว่าแล้วก็โบกแท็กซี่เลยคะ บอกพี่เค้าไปสะพานดังๆของเมืองนี้ พี่เค้านี่งงเลยคะ ไปสะพานทำไรตอนสี่ทุ่ม โบว์ก็เลยบอกพี่คนขับเค้าว่ากำลังเที่ยวรอบโลกอยู่คะบลาๆ พี่เค้าคงคิดว่าอีนังนี่ท่าจะบ้าแน่ๆ 5555
ไปถึงแล้วก็ไม่ได้ประทับใจอย่างที่คิดคะ เพราะมืดมากแล้ว เห็นแต่ไฟๆ ไม่สวยเหมือนตอนแบบพระอาทิตย์ตกดินคะ ถ่ายรูปก็ยากคะ เบลอๆนิดหน่อย
ตอนแรกก็ว่าจะกลับสนามบินละคะ แต่เผอิญระหว่างทางเห็นสถานที่นึงสวยมากๆ เลยขอให้พี่คนขับพาไปคะ พี่เค้าก็พาไปให้ฟรีเลยคะ พี่เค้าบอกว่าประทับใจในความเด็ดเดี่ยวของโบว์มาก 5555 นี่เองที่เป็นข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียวคะ เพราะจะทำให้คนเอ็นดูเห็นใจสงสารสมเพชและเวทานาคะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามสุดท้ายแล้วพี่เค้าก็พามาปล่อยเกาะที่นี่คะ
หนาวมากๆ ถ่ายไปนี่ปวดฉี่ไปเลยคะ 55555
ถ่ายรูปซะเพลิน รู้ตัวอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนละคะ ต้องกลับสนามบิน ไม่งั้นคงไม่มีรถไฟกลับสนามบิน
แต่ก่อนไปถึงสนานีรถไฟก็ได้มาอีกช้อตสองช้อตคะ
พอถึงสนามบินก็ปรากฎว่านอนไม่หลับค่าา มีคนกรน กลัวกระเป๋าจะหาย โอ้ยนู่นนี่นั่นเยอะคะ แต่ ณ ขณะเวลาตีหนึ่งก็พบสถานที่เหมาะๆหน้าห้องน้ำ ไม่มีคนรบกวน มีที่ชาร์จแบตข้างกาย และได้พบกับท่านอนสุดเจ๋งที่กระเป๋าไม่มีทางหายแน่นอน ถ้าอยากรู้หลังไมค์ได้ค่าาา 😊
ตื่นมาตอนตีสี่ เดินไปห้องน้ำเท่านั้นแหละคะ ฟินมากกกก ห้องน้ำอย่างสะอาด แถมยังเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรติในการใช้เป็นคนแรกคะ 55555
หลังจากนี้ก็หลับต่อบนเครื่องคะ แต่เผอิญตื่นมาก็เจอกับคุณลุงวัยประมาณคุณพ่อดูใจดีเลยได้เริ่มต้นบทสนทนากันคะ พอดีคุณลุงเป็นคน El Salvador อืมมม ประเทศนี้อยู่ส่วนไหนของโลกวะคะเนี่ยย5555 เอาเป็นว่าอยู่ Central America คะ
พอเครื่องลงจอดคุณลุงก็ขออาสาพาเที่ยว San Salvador ที่เป็นเมืองหลวงของที่นี่คะ
ต้องขอบอกเลยว่าทริปนี้ทำให้โบว์รู้สึกโชคดีมากคะที่พอออกเดินทางก็ได้รู้จักกับคนดีๆที่พร้อมจะเป็นไกด์ประจำตัวแล้วก็ทำให้โบว์ได้เที่ยวฟรีๆแบบนี้คะ 5555
คำเตือน *โปรดใช้วิจารณญานในการไปไหนกับใคร เพราะไม่ใช่ทุกคนจะหวังดีกับคุณเสมอไป*
ก็คุณลุงทำงานอะไรไม่รู้คะ แต่มีรถมาจอดรอรับหน้าสนามบินเลยค่าาา
แล้วเค้าก็พาไปทานอาหารพื้นเมืองของที่นี่คะ ก็เป็นแป้งปิ้งที่มีชีสเยิ้มๆอยู่ข้างในคะ
จะกินปล่าวๆหรือทานกับกับแกล้มก็อร่อยคะ
เมื่ออิ่มจังตังค์อยู่ครบแล้วก็ถึงเวลาเที่ยวค่าา
คุณลุงก็พาไปดาวน์ทาวน์เลยคะ พาไปภูเขา พาไปชมวิวจิบเบียร์ โอ้ยฟินสุดๆค่าา รู้สึกโชคดีไปตลอดชาติเลยคะ
คุณลุงทำให้รู้ด้วยว่าการไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดคะ คนดีๆยังมีอยู่มากมายรอบโลกคะ เราไม่จำเป็นต้องระแวงคนแปลกหน้าจนไม่กล้าพูดกับใครหรือทำอะไร
เพราะโอกาสดีๆแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ถ้าอยู่ดีๆโบว์ไม่ได้พูดขึ้นมาบนเครื่องบินแค่ว่า Today is such a beautiful day~
เพราะงั้นทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญคะ เราสร้างมันขึ้นมาได้เสมอคะ 😊
ก่อนสวัสดีขอบคุณคุณลุงโบว์ก็มีโอกาสถามคุณลุงคะ ว่าทำแบบนี้เพื่อโบว์ทำไม คุณลุงก็ตอบมาแบบซึ้งๆเลยคะว่า เพราะอยากให้โบว์ส่งต่อโอกาสดีๆในชีวิตแบบนี้ให้กับคนอื่นๆในอนาคตคะ (Because, I want you to continue giving people this kind of opportunity whenever and wherever you go.)
เมื่อได้ข้อคิดดีๆจากคุณลุงเป็นขวัญในการผจญภัยครั้งนี้แล้ว ก็ไม่รอช้าขึ้นเครื่องต่อไปเปรูกันเลยคะ
พอไปถึงต้องไปลง Lima ที่เป็นเมืองหลวงก่อนคะ
แต่ไปถึงตอนตีสองแถมฝนตกอีกต่างหากคะ แหะๆ
ก็ดีนะคะจองโรงแรมไว้ จองไว้ในตัวเมืองเลยตื่นเช้ามาจะได้เดินเล่นในดาวน์ทาวน์ได้ เพราะไฟล์ทอีกทีคือตอนบ่ายสองคะ
ก็ได้เดินๆถ่ายรูป แต่ระหว่างนั้นก็มีคนมาเตือนๆเหมือนกันคะ บอกว่าที่นี่อันตราย พยายามอย่าเดินคนเดียว
พอทุกคนเริ่มมองโบว์ด้วยสายตาแปลกๆก็ชัดเลยคะ โบว์ก็แบบก็แล้วจะให้ไปเดินกับใครในเมื่อมาคนเดียว แงงงง 😞
สุดท้ายเจอกรุ๊ปทัวร์คะ เลยผสมโรงเดินตามต่อยๆ เพราะแบบนี้ปลอดภัยแน่นอนคะ 😊
เดินเที่ยวกันเสร็จก็ได้เวลาบินต่อไปที่หมายคะที่ Cusco เมืองที่แทบจะดังกว่า Lima เพราะทุกคนที่จะไปมาชูปิชูต้องได้มาแวะที่นี่แน่นอนคะ
เพราะงั้นนักท่องเที่ยว บาร์คลับ restaurant เพี้ยบเลยคะ
เป็นเมืองที่สวยนะคะ แต่ค่อนข้างวุ่นวาย แล้วทุกอย่างก็เป็น business ไปหมดเลยคะ อย่างจะถ่ายรูปผู้คนในชุดพื้นเมืองนี้ก็ต้องเสียเงินเป็นทิปให้เค้านะคะ
โบว์ไม่รอช้าก็รีบจองทัวร์ไป moray & maras เลยคะ เพราะเห็นรูปแล้วอยากไปมากกก
แต่จริงๆแล้วเมืองนี้ค่อนข้างอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล เพราะงั้นคนที่มาถึงใหม่ๆควรจะพักผ่อน ทำกิจกรรมให้น้อยที่สุด
ไม่งั้นอาจจะต้องรับมือกับ altitude sickness ที่ทำให้เวียนหัว อาเจียนได้คะ
ท่องเที่ยวมุมมองใหม่ในเปรู...แดนมาชูปิชู
เอาเป็นว่าฝากติดตามด้วยละกันนะคะ
ก็เรื่องมันเริ่มที่ว่าโบว์อยากไปเที่ยวมากๆหลังจากที่อุดอู้เรียนเมกามาเกือบปี แต่ทีนี้ให้ไปเที่ยวเล่นๆเฉยๆมันก็ดูจะเชยไปคะ ก็เลยสมัครไปเป็น volunteer ที่เปรูสองสัปดาห์คะ ถ้านึกภาพไม่ออกก็คงพอๆกับออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทในต่างแดนคะ
ก็เริ่มเรื่องกันเลยนะคะ เริ่มจากตอนจองตั๋วกันก่อนเลย เพราะสำคัญมาก อย่างโบว์เนี่ยจะจองแต่ตั๋วเครื่องบินที่มี layover นานๆ ยิ่งแบบ 8 ชม.อัพไรงี้ยิ่งดีเลยคะ เพราะทำให้เราได้เที่ยวฟรีในเมืองต่างๆ ไม่ต้องคอยขอวีซ่าให้วุ่นวายด้วยคะ ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติม หลังไมค์ได้นะคะ
ที่แรกที่ไปพักเครื่องเลยคือ San Fran คะ คือบินมาจาก Seattle คะ
แต่เผอิญลืมไป มันเป็นไฟล์ทดึก คือไปถึงประมาณสามทุ่มคะ ไฟล์ทอีกทีตอนเช้าหกโมงคะ แต่ดันลืมจองโรงแรม55555 หนุกหนานเลยคะ นอนสนามบินคะ แต่ถึงจะจองโรงแรมก็คงไม่คุ้มคะเพราะนึกสภาพตัวเองต้องตื่นตีสี่ไปสนามบินไม่ออกจริงๆคะ 😂
แต่โบว์ซะอย่างมาถึงตั้งเมือง Golden Gate จะให้นอนสนามบินเลยก็คงไม่ใช่โบว์คะ อย่างโบว์ต้องขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย
ว่าแล้วก็โบกแท็กซี่เลยคะ บอกพี่เค้าไปสะพานดังๆของเมืองนี้ พี่เค้านี่งงเลยคะ ไปสะพานทำไรตอนสี่ทุ่ม โบว์ก็เลยบอกพี่คนขับเค้าว่ากำลังเที่ยวรอบโลกอยู่คะบลาๆ พี่เค้าคงคิดว่าอีนังนี่ท่าจะบ้าแน่ๆ 5555
ไปถึงแล้วก็ไม่ได้ประทับใจอย่างที่คิดคะ เพราะมืดมากแล้ว เห็นแต่ไฟๆ ไม่สวยเหมือนตอนแบบพระอาทิตย์ตกดินคะ ถ่ายรูปก็ยากคะ เบลอๆนิดหน่อย
ตอนแรกก็ว่าจะกลับสนามบินละคะ แต่เผอิญระหว่างทางเห็นสถานที่นึงสวยมากๆ เลยขอให้พี่คนขับพาไปคะ พี่เค้าก็พาไปให้ฟรีเลยคะ พี่เค้าบอกว่าประทับใจในความเด็ดเดี่ยวของโบว์มาก 5555 นี่เองที่เป็นข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียวคะ เพราะจะทำให้คนเอ็นดูเห็นใจสงสารสมเพชและเวทานาคะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามสุดท้ายแล้วพี่เค้าก็พามาปล่อยเกาะที่นี่คะ
หนาวมากๆ ถ่ายไปนี่ปวดฉี่ไปเลยคะ 55555
ถ่ายรูปซะเพลิน รู้ตัวอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนละคะ ต้องกลับสนามบิน ไม่งั้นคงไม่มีรถไฟกลับสนามบิน
แต่ก่อนไปถึงสนานีรถไฟก็ได้มาอีกช้อตสองช้อตคะ
พอถึงสนามบินก็ปรากฎว่านอนไม่หลับค่าา มีคนกรน กลัวกระเป๋าจะหาย โอ้ยนู่นนี่นั่นเยอะคะ แต่ ณ ขณะเวลาตีหนึ่งก็พบสถานที่เหมาะๆหน้าห้องน้ำ ไม่มีคนรบกวน มีที่ชาร์จแบตข้างกาย และได้พบกับท่านอนสุดเจ๋งที่กระเป๋าไม่มีทางหายแน่นอน ถ้าอยากรู้หลังไมค์ได้ค่าาา 😊
ตื่นมาตอนตีสี่ เดินไปห้องน้ำเท่านั้นแหละคะ ฟินมากกกก ห้องน้ำอย่างสะอาด แถมยังเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรติในการใช้เป็นคนแรกคะ 55555
หลังจากนี้ก็หลับต่อบนเครื่องคะ แต่เผอิญตื่นมาก็เจอกับคุณลุงวัยประมาณคุณพ่อดูใจดีเลยได้เริ่มต้นบทสนทนากันคะ พอดีคุณลุงเป็นคน El Salvador อืมมม ประเทศนี้อยู่ส่วนไหนของโลกวะคะเนี่ยย5555 เอาเป็นว่าอยู่ Central America คะ
พอเครื่องลงจอดคุณลุงก็ขออาสาพาเที่ยว San Salvador ที่เป็นเมืองหลวงของที่นี่คะ
ต้องขอบอกเลยว่าทริปนี้ทำให้โบว์รู้สึกโชคดีมากคะที่พอออกเดินทางก็ได้รู้จักกับคนดีๆที่พร้อมจะเป็นไกด์ประจำตัวแล้วก็ทำให้โบว์ได้เที่ยวฟรีๆแบบนี้คะ 5555
คำเตือน *โปรดใช้วิจารณญานในการไปไหนกับใคร เพราะไม่ใช่ทุกคนจะหวังดีกับคุณเสมอไป*
ก็คุณลุงทำงานอะไรไม่รู้คะ แต่มีรถมาจอดรอรับหน้าสนามบินเลยค่าาา
แล้วเค้าก็พาไปทานอาหารพื้นเมืองของที่นี่คะ ก็เป็นแป้งปิ้งที่มีชีสเยิ้มๆอยู่ข้างในคะ
จะกินปล่าวๆหรือทานกับกับแกล้มก็อร่อยคะ
เมื่ออิ่มจังตังค์อยู่ครบแล้วก็ถึงเวลาเที่ยวค่าา
คุณลุงก็พาไปดาวน์ทาวน์เลยคะ พาไปภูเขา พาไปชมวิวจิบเบียร์ โอ้ยฟินสุดๆค่าา รู้สึกโชคดีไปตลอดชาติเลยคะ
คุณลุงทำให้รู้ด้วยว่าการไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดคะ คนดีๆยังมีอยู่มากมายรอบโลกคะ เราไม่จำเป็นต้องระแวงคนแปลกหน้าจนไม่กล้าพูดกับใครหรือทำอะไร
เพราะโอกาสดีๆแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ถ้าอยู่ดีๆโบว์ไม่ได้พูดขึ้นมาบนเครื่องบินแค่ว่า Today is such a beautiful day~
เพราะงั้นทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญคะ เราสร้างมันขึ้นมาได้เสมอคะ 😊
ก่อนสวัสดีขอบคุณคุณลุงโบว์ก็มีโอกาสถามคุณลุงคะ ว่าทำแบบนี้เพื่อโบว์ทำไม คุณลุงก็ตอบมาแบบซึ้งๆเลยคะว่า เพราะอยากให้โบว์ส่งต่อโอกาสดีๆในชีวิตแบบนี้ให้กับคนอื่นๆในอนาคตคะ (Because, I want you to continue giving people this kind of opportunity whenever and wherever you go.)
เมื่อได้ข้อคิดดีๆจากคุณลุงเป็นขวัญในการผจญภัยครั้งนี้แล้ว ก็ไม่รอช้าขึ้นเครื่องต่อไปเปรูกันเลยคะ
พอไปถึงต้องไปลง Lima ที่เป็นเมืองหลวงก่อนคะ
แต่ไปถึงตอนตีสองแถมฝนตกอีกต่างหากคะ แหะๆ
ก็ดีนะคะจองโรงแรมไว้ จองไว้ในตัวเมืองเลยตื่นเช้ามาจะได้เดินเล่นในดาวน์ทาวน์ได้ เพราะไฟล์ทอีกทีคือตอนบ่ายสองคะ
ก็ได้เดินๆถ่ายรูป แต่ระหว่างนั้นก็มีคนมาเตือนๆเหมือนกันคะ บอกว่าที่นี่อันตราย พยายามอย่าเดินคนเดียว
พอทุกคนเริ่มมองโบว์ด้วยสายตาแปลกๆก็ชัดเลยคะ โบว์ก็แบบก็แล้วจะให้ไปเดินกับใครในเมื่อมาคนเดียว แงงงง 😞
สุดท้ายเจอกรุ๊ปทัวร์คะ เลยผสมโรงเดินตามต่อยๆ เพราะแบบนี้ปลอดภัยแน่นอนคะ 😊
เดินเที่ยวกันเสร็จก็ได้เวลาบินต่อไปที่หมายคะที่ Cusco เมืองที่แทบจะดังกว่า Lima เพราะทุกคนที่จะไปมาชูปิชูต้องได้มาแวะที่นี่แน่นอนคะ
เพราะงั้นนักท่องเที่ยว บาร์คลับ restaurant เพี้ยบเลยคะ
เป็นเมืองที่สวยนะคะ แต่ค่อนข้างวุ่นวาย แล้วทุกอย่างก็เป็น business ไปหมดเลยคะ อย่างจะถ่ายรูปผู้คนในชุดพื้นเมืองนี้ก็ต้องเสียเงินเป็นทิปให้เค้านะคะ
โบว์ไม่รอช้าก็รีบจองทัวร์ไป moray & maras เลยคะ เพราะเห็นรูปแล้วอยากไปมากกก
แต่จริงๆแล้วเมืองนี้ค่อนข้างอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล เพราะงั้นคนที่มาถึงใหม่ๆควรจะพักผ่อน ทำกิจกรรมให้น้อยที่สุด
ไม่งั้นอาจจะต้องรับมือกับ altitude sickness ที่ทำให้เวียนหัว อาเจียนได้คะ