ฌานสิเน่หา บทที่ ๑๑ ภาพรักอดีตหลอน

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ เพื่อน พี่ นักอ่าน ทุกท่าน ไม่ได้หายไปไหนนะครับ เพียงแต่สนุกกับการตัดเติม แต่งนิยาย " ฌานสิเน่หา"
ยิ่งเขียนก็ยิ่งระวังเป็นพิเศษ เพราะเรื่องเริ่มขมวดปม และผมเห็นว่าบางครั้งการใช้คำของผม ทั้งฟุ้มเฟื่อย เยอะและล้นไปบ้าง เลยนั่งทำงานแบบมีสมาธิมากขึ้น

  ทั้งนี้ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอครับ ตอนนี้เนื้อหาทั้งหมด ผมลงที่เด็กดี เพราะได้แก้ไขคำผิดบางส่วนแล้ว และเพิ่มจุดบอดอื่นๆ ที่เพื่อนนักอ่านแนะนำมา

            

   บทที่ผ่านมาครับ  http://ppantip.com/topic/34156815  (บทที่ ๑๐ )

  เนื้อหาทั้งหมดจากเด็กดีครับ    http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1350561


              





บทที่ ๑๑ ภาพรักอดีตหลอน


ณฤทธิ์ก้าวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยในศูนย์แพทย์เรือนจำพิเศษ เขาทราบว่าปิติถูกย้ายด่วนจากห้องขังมารักษาตัวที่หน่วยนี้ตั้งแต่เช้ามืด ทว่ากว่าจะปลีกตัวมาเยี่ยมเพื่อนรุ่นพี่ได้ก็เป็นเวลากลางดึก



ภายในห้องในบรรยากาศเงียบเชียบ นอกจากเครื่องมือทางการแพทย์ส่งเสียงดังปิ๊บๆ เขาแทบไม่ได้ยินเสียงอื่น


    “เฮ้ย…มันไม่แย่ขนาดนั้น” ปิติพูดเสียงแหบแห้ง เมื่อเห็นสีหน้าณฤทธิ์เครียดกว่าคนป่วย


    “พูดโกหกมันบาปนะเฮีย สภาพแบบนี้ผมว่ารีบเขียนพินัยกรรมเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น” ณฤทธิ์ยังมีกระจิตกระใจเล่นมุกขำ และเรียกเสียงหัวเราะจากปิติได้


    “ตอนนี้ข้าปล่อยว่างทุกสิ่ง ของรักชิ้นเดียวที่มีก็มอบให้แกดูแลแล้ว จำไม่ได้รึ”


    ณฤทธิ์ทำหน้าปั้นยาก ไม่ใช่คัดค้านในสิ่งที่ได้ยิน แต่เรื่องนี้ยังไกลตัว


    “เอาอีกแล้วนะไอ้เสือ  พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ต้องทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ลูกสาวข้าแย่ขนาดนั้นหรือ”


    “เปล่าหรอกเฮีย ว่ากันตามตรง ถึงน้องฝันไม่ใช่สเปคผม แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้งานล้นมือผมไปหมด ผมไม่พร้อมดูแลใครจริงๆ”


    “เอาเถอะข้าไม่คิดเร่งรัดอะไร ข้ารู้ว่าถึงไม่ได้แกเป็นลูกเขย หนูฝันก็จะมีพี่ชายดูแลไปตลอดชีวิต” ปิติเอ่ยถึงเจตนารมณ์ เขาเคยขอร้องณฤทธิ์ก่อนถูกจับเข้าห้องขัง  


    “เฮียเชื่อใจได้  ผมไม่ผิดสัญญาที่ว่าจะดูแลฝันแน่นอน ส่วนอนาคตคงต้องปล่อยให้มันเป็นไปแล้วแต่คนบนฟ้ากำหนด”


    “เออ…หนนี้มาแปลก ปกติไม่เคยหวังพึ่งใคร พอจะหาเมียให้ก็บ่ายเบี่ยงสักวันลูกสาวข้าเจอคนดีกว่าแกเข้า มานั่งเสียใจทีหลังไม่ได้นะโว้ย”


    “ฮ่าๆ ถ้าฝันสามารถหาสามีได้ดีกว่าผม  ผมนี่แหละจะแถมข้าวสารสักสิบกระสอบ พริก เกลือ และปลาร้าอีกสักไหสองไห” ณฤทธิ์หัวเราะเสียงแปร่ง มีอาการหวั่นในอก เสน่ห์ฝันรักมากพอตัวเป็นเสน่ห์แปลกประหลาดเรียกผู้ชายตามติดจนหัวกระไดนิทรารมย์อพาร์ตเมนท์ไม่เคยแห้ง


    “นอกจากมาดูว่าข้าใกล้ตายหรือยัง แกคงอยากได้ข้อมูลเพิ่มสินะ คุณนิคให้ลูกน้องส่งเอกสารมาตั้งใหญ่” ปิติเอ่ยถึงข้อมูลซึ่งได้รับเมื่อวันก่อน อันเป็นสาเหตุให้เขากลุ้มใจ ส่งผลกระทบต่อร่างกายจนทรุดหนัก


    “ดูใจร้ายไปหน่อยที่ผมมีธุระแอบแฝง นอกจากมาเยี่ยมเฮีย สิ่งที่อยากรู้คือประวัติรุ่งทิวากับเด็กเผือกคนนั้น!”     ณฤทธิ์เข้าสู่ประเด็นเครียด นิโคลเป็นหน่วยข้อมูลมีความแม่นยำ เหนืออื่นใดทุกอย่างต้องเก็บเป็นความลับ มิต่างจากเรื่องเมื่อแปดปีก่อน เธออยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญ อันเป็นฉนวนเหตุให้คดีอมรเทพพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ!


     ปิติพยักหน้ารับรู้ความต้องการนั้น เขาบุ้ยใบ้ไปข้างเตียง รูปภาพเด็กสาวผู้เสียชีวิตและภูเขาวางบนโต๊ะ “เกือบยี่สิบปีแล้ว แต่ฉันไม่เคยลืม ทุกอย่างเกิดเพราะความรัก”


    “ความรัก” ณฤทธิ์ทวนคำ


    “ใช่  คนเรามองความรักแตกต่างกัน และขึ้นอยู่เวลาและสถานการณ์ด้วย”


    ปิติสูดลมหายใจลึก แล้วนึกย้อนถึงความทรงจำ หลังจากกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้งเขามุ่งมั่นเรียนต่อปริญญาโททางด้านวิจัยและค้นคว้าในมหาวิทยาลัยปิดของรัฐบาล เขาได้รับการติดต่อจากบริษัทเทพพนมอินเตอร์ให้ไปร่วมทีมทดลองหน่วยพิเศษ


    ปิติได้รู้จักเจ้าของเงินทุน เทพชนะและน้องชายอมรเทพคุณหมอคนดังผู้อุทิศตัวเพื่องานวิจัย พร้อมดร.เจนนิเฟอร์สาวสวยลาตินอเมริกาภรรยาอมรเทพ  เขาเข้าทีมวิจัยของกลุ่มบริษัทเทพพนมอินเตอร์เพื่อผลิตตัวยาสำคัญยังยั้งไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงโครงการเด็กหลอดแก้ว อันเป็นที่มาของปมฆาตกรรมพิศวาส


    ทุกครั้งที่จมจ่อมกับตนเอง  ปิติมักย้อนคิดถึงเรื่องราวดำมืดในอดีต หากเฉลียวใจมากกว่านี้ สี่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์คงไม่จากโลกไป


    “ความผิดของข้า ได้ชดใช้ด้วยการถูกจำกัดอิสรภาพแล้ว …แต่มันน่าเสียใจ คนชั่วตัวจริงยังลอยนวล


อยู่ นี่ละชีวิตมนุษย์” ปิติยกมือกุมหน้า อับอายการกระทำอันไร้ศีลธรรมของตน


    “บ่นอีกแล้วเฮีย คนเราผิดพลาดได้ทิ้งความหลังบ้าง เอาใส่สมองไว้เยอะๆ ก็ไร้ประโยชน์”


    “แกพูดได้สิ ลองมาเป็นข้าสักวัน จะรู้ว่าชีวิตมันไม่ง่ายเลย”


    “ไม่ดีกว่า เป็นเฮียปวดหัวแย่ อยู่หล่อๆ ให้ผู้หญิงคลั่งตายแบบนี้ดีกว่า” ณฤทธิ์ลดความตึงเครียดของบทสนทนาด้วยคำพูดยียวน


    ชายวัยกลางคน มองรุ่นน้องราวกับเขาเป็นเด็กหนุ่มในวันวาน บ้าบิ่น ห้ามห้าว ลุยทุกสถานการณ์ หากแฝงความอ่อนโยน และมีเมตตาต่อผู้อื่นเสมอ


    “เออ ไอ้เสือเรื่องที่ข้านอนแบ็บบนเตียง ห้ามบอกหนูฝันเชียว ข้าไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง เดี๋ยวไม่เป็นอันกินอันนอน” ชายวัยกลางคนเปลี่ยนบทสนทนา เขานึกห่วงลูกสาว


     “ผมว่าถึงฝันจะรู้ ก็คงยุ่งจัด ไม่มีเวลามาเยี่ยมเฮียหรอก” ณฤทธิ์เผลอพูดโดยไม่ทันคิด


    ปิติทำหน้าฉงน ฝันรักรับหน้าที่ดูแลอพาร์ตเม้นทด้วยความรัก  หล่อนไม่เคยบ่นว่างานหนักให้เขาได้ยินสักครั้ง พอณฤทธิ์เอ่ยเช่นนี้จึงสงสัย “แกไปทำอะไรให้ลูกสาวข้าหรือเปล่า ชอบแหย่น้องให้โมโหอยู่เรื่อย”


    ชายหนุ่มกลอกตา ในหัวคิดหาทางออกให้สถานการณ์ตรงหน้า ปิติไม่ชอบจับผิดคนอื่น ยกเว้นสิ่งนั้นเกี่ยวพันถึงฝันรัก


    “ยายหนูฝันของเฮียสบายดี ที่หายหน้าไปเพราะกำลังปรับปรุงห้องใหม่กับคุมงานซ่อมรั้วด้านข้างตึกเฮียก็รู้ ฝนตกทีไรพังเป็นแถบ”


    ดวงตาคนสูงวัยหรี่เล็กลง มองณฤทธิ์อย่างจับผิด  


    “ผมพูดจริงๆ ลูกสาวเฮียยังแปลงร่างเป็นมนุษย์ป้าอาละวาดที่คอนโด แรงดีไม่มีตก” หางเสียงเขาสูงเมื่อปั้นคำโกหก


    “แก ทำให้ข้าสงสัยเองนี่หว่า หลุกหลิกพิกล”


    ณฤทธิ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ การเป็นสายให้ทีมแม็กซ์ของฝันรักควรเก็บเอาไว้เป็นความลับ เพราะเสี่ยงภัยอยู่มาก หากปิติล่วงรู้ร่างกายเขาอาจทรุดลงกว่าเดิม


    “อันที่จริง ผมกับฝันมีปัญหากันนิดหน่อย” ณฤทธิ์สารภาพความจริงเพียงบางส่วน มือข้างหนึ่งเกาศีรษะแกรกๆ อย่างเก้ออาย


     “ท่าทางแกดูไม่นิดหน่อยกระมัง …หนูฝันถึงจะดื้อดึงบ้าง แต่เป็นคนมีเหตุผล ข้าไม่เข้าใจเลย เมื่อไหร่แกจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ นี่คงคอยแหย่ คอยเย้าน้องสิท่า ถึงได้ผิดใจกัน”


    “เอ่อ …ประมาณนั้นละเฮีย หนูฝันขี้งอนและเหวี่ยงบ่อยมาก  ผมเลยเข้าหน้าไม่ติด ช่วงนี้ได้แต่สงสายสืบเอ๊ย! ส่งพรรคพวกไปดูแลแทน ” ชายหนุ่มแกล้งพูดเล่น กระนั้นก็กลับลำทัน


    “คนอื่น ก็คือคนอื่น …นี่ถ้าข้าไม่อยู่บนเตียงและไม่ถูกจับขังไว้ คงมีโอกาสดูแลลูกบ้าง ชีวิตข้าผิดพลาดครั้งเดียว ทุกอย่างลงเหวหมด” ปิติกล่าวเสียงท้อแท้


    “เอาอย่างนี้นะเฮีย เสร็จจากคดีนี้ เดี๋ยวผมตามประกบหนูฝันเป็นปลาท่องโก๋เลย เฮียจะได้หมดห่วง ยังไงตอนนี้รักษาสุขภาพตัวเองไปก่อน แค่เป็นไข้นิดหน่อยไม่กี่วันหมอคงไล่เข้าห้องขังแล้ว” ชายหนุ่มเปลี่ยนบทสนทนาวกมายังอาการปิติ


    “ไอ้เสือ ร่างกายเป็นของข้า ทำไมจะไม่รู้ว่าป่วยเพราะอะไร อย่ามาตีหน้าซื่อหลอกกันเลย”


    “โธ่ เฮียคิดมาก เดี๋ยวผมเรียกหมอทั้งวอร์ดมายืนยันก็ได้ ฉีดยาอีกเข็มสองเข็ม เฮียก็เตะปี๊บดังเหมือนเดิม”


    ปิติไม่อยากพูดถึงความเจ็บไข้ เขาหันไปมองรูปภาพที่ณฤทธิ์ถือเอาไว้ในมือ คือภาพเด็กทารกตัวอ้วนจ้ำม้ำเพศชาย มีผิวขาวเผือดผิดปกติ


     “เขาคือเด็กหลอดแก้วคนแรกที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกได้สำเร็จ เป็นลูกชายที่ข้ากับดร.เจนนี่ใช้เวลาหลายปีสร้างขึ้น ถึงแม้สุดท้าย เขาไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ แต่เด็กทุกคนก็งดงามในตัวเอง”


     “อื้อฮึ แล้วตอนนี้เฮียรู้ไหม เด็กในสังกัดเฮียแต่ละคน เป็นพวกตัวประหลาด ชอบทำเรื่องสยอง  ถามจริงๆ เถอะทั้งหมดนี่ เกิดจากความผิดพลาดของสเปิร์ม  หรือว่าปัญหาอยู่ที่คนสร้างกันแน่” ณฤทธิ์เอ่ยแล้วยิ้มกวนๆ  


    “แกถามแบบนี้ ต้องการคำตอบยังไงกันแน่ไอ้เสือ” ปิติขึงขัง ทั้งน้ำเสียงและท่าที


    “คำตอบที่ผมอยากได้ยินนะเหรอ ผมคิดว่าเฮียรู้ดีแก่ใจ เพียงแต่อยากบอกผมอย่างหมดเปลือก หรือจะกั๊กเอาไว้ก็เท่านั้น!”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่