ไวยากรณ์สำคัญไฉน?

จขกท.ขอแบ่งผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็น 2 สาย ดังนี้
คือ สายหลัก ผู้ที่ยึดกับหลักทางภาษา หรือสายแกรมม่าร์ และ
สายมาร ผู้ที่เน้นการพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แบบไม่กังวลเรื่องถูกผิด

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Tense เป็นเพียงเรื่องๆหนึ่งใน Grammar ภาษาอังกฤษ เรื่องหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด!! เพราะมีหลายท่านคิดว่า พูดไปไม่ต้องกังวลเรื่อง Grammar พูดไปโดยไม่คำนึงถึง Tense ขอแค่ฝรั่งเก็ทก็พอ

ฝรั่งเก็ทมั้ยถ้าเราพูดแบบใช้ Tense ผิด?
#ทีมสายมาร มัวแต่นั่งไล่ Tense ไม่ทันทำมาหาแหลกกันพอลี

สำหรับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่แล้ว เขาใช้ Tense ด้วยความเคยชิน ซึ่งต่างกับเราที่ต้องเริ่มด้วยการจำ ถ้าเราพูดผิดTense ผิดรูปประโยค ฝรั่งไม่เครียดค่ะ พวกผิวขาวหัวทองทั้งหลายบางคนก็ไม่พูดภาษาอังกฤษค่ะ เช่นพวกที่มาจากยุโรปฝั่งเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส สกิลภาษาของบางคนก็เท่าคนเอเชียอย่างเรานี่แหละค่ะ พวกที่พูดได้แต่ YES NO OK ก็มีเยอะเหมือนกัน
แต่สำหรับ Native Speaker (เจ้าของภาษา) ความหมายและความรู้สึกของผู้พูดจะสื่อไปได้ไม่ดีเท่าการใช้ Tense อย่างถูกหลักค่ะ ดังนั้นใครที่เป็นสมาชิกทีมสายหลักจ๋า หรือ สายมารแบบเข้าเส้น จขกท.ขอใช้อำนาจตามมาตรา 44 เรียกท่านมาปรับทัศนคติเป็นการด่วน  เราจะเดินทางสายกลางที่จะพูดภาษาอังกฤษแบบทันแหลกและถูกหลัก ด้วยหลักการที่ว่าการเรียนไวยากรณ์ช่วยให้ภาษาพูดของเราดูดีขึ้น

ถึงจะบอกว่า Tense มี 12 Tense แต่เอาเข้าจริงๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีไม่ถึงครึ่งหรอกค่ะ

ก่อนจะเริ่มเรื่อง Tense อ่านง่าย จำได้ ใช้เป็น
ขอเล่าประสบการณ์สยองการเรียนภาษาอังกฤษของ จขกท. ก่อน

ย้อนไปเมื่อสมัยเรียนประถม

ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับ V.ing ครูบอกว่าถ้าเอาคำกริยาบวก ing จะแปลว่า กำลังทำ ซึ่งเราก็จำแบบนั้นมาตลอด
จะเห็นได้ว่า Tense อยู่ในหลักสูตรและหนังสือแบบเรียนภาษาอังกฤษของเราๆมาตั้งแต่ประถม เพียงแต่ตอนนั้นเราไม่รู้ไงว่าเค้าเรียกว่า Tense เรารู้แต่ว่า ถ้าเอาคำกริยาบวก ing จะแปลว่า กำลังกระทำ
แบบฝึกหัดของเด็กประถมตอนนั้นก็ไม่มีไรมากแค่จับ V.to be มาให้ถูกประธานแล้วเติม ing ที่ท้ายคำกริยา ข้อสอบหรอ ผ่านแบบง่ายๆ
มาอีกทีตอนสมัยม.ต้นเลยละกัน ตอนนี้เริ่มเข้าใจละว่าไอ้ที่เรียนตอนนั้นน่ะคือ Tense นะ แล้วมันก็มีอีกหลาย Tense
แล้วก็ได้เรียน Present Perfect tense  เพื่อนๆได้ท่องกันมั้ยคะว่า "Present Perfect  คือเหตุการณ์ในอดีตที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน" ท่องได้ขึ้นใจเลยแต่ถามว่าเข้าใจมั้ย "ไม่" และก็ "งง" ด้วย
ก็ชื่อเป็น Present แต่ให้ท่องว่าเป็นอดีต มันคือไรอ้ะ!! แต่ช่างมันเพราะตอนเรียน แบบฝึกหัดและข้อสอบตอนนั้นจะเน้นให้ท่องกริยา 3 ช่อง ท่องเป็นบ้าเลยพวก Irregular Verb งี้ และก็แค่ผันรูปให้ถูก ก็ทำข้อสอบได้แล้ว ง่ายๆอีกเช่นเดิม
จขกท.ก็เก็บความไม่เข้าใจนั้นขึ้นม.ปลายสายศิลป์-ภาษา และจขกท.ก็จบม.ปลายมาแบบง่ายๆ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.8 เกรด 4 อังกฤษทุกเทอม แบบที่ยังท่องโครงสร้าง Tense ไม่ได้ และใช้ไม่เป็น!!! สยองมั้ยล่ะคะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้ไม่มีอะไรเข้าหัวเลย ก็สามารถทำคะแนนดีๆและจบด้วยเกรดสูงๆได้ เป็นความสามารถส่วนบุคคลห้ามลอกเลียนแบบ เพราะมันไม่น่าภูมิใจเลยสักนิด!!

อ่าว แล้วสรุปที่จะมาเขียนเนี่ย มีความรู้ตรงไหนจะมาเขียนกระทู้ให้คนอ่าน!!
เราโชคดีที่ได้อาจารย์ดีตอนเรียนมหาลัยค่ะ แค่อยากจะบอกว่ามีคนอีกไม่น้อยเลยที่จะผ่านการเรียนภาษามาแบบเราแต่หากคุณได้หลักการดี แนวทางที่ถูกต้องและจำได้เพียงครั้งเดียว มันจะติดตามคุณไปตลอด ไม่ว่าคุณจะเริ่มเรียนรู้ตอนไหนก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ วันนี้ฝากไว้แค่นี้ก่อน ไว้เรียบเรียงบทเรียนได้เมื่อไรจะเผยแพร่ต่อไปนะคะ ขอคอมเม้นต์ดีๆให้กำลังใจหน่อยนะคะ สวัสดี