สวัสดิ์ดีค่ะ นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศเราอายุ20 แต่ตอนนี้เขียนพันทิพอายุ21แล้ว วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก เราเป็นผู้หญิงชอบบู้ไปไหนไปกันชอบกิจกรรมท้าทายเสียวๆ เสียวๆที่ว่านี้คือแบบกระโดดสูงบันจี้จ้ำงี้นะ555 เริ่มจากจู้ๆเราก็มีความคิดอยากจะกระโดดบันจี้ในวันเกิด เราเกิด28-07-37 เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการโดดบันจี้แล้วไปเจออยู่เว็ปนึงบอก..มาเก๊าเป็นสถานที่โดดบันจี้จ้ำที่สูงเป็นอันดับ10ของในโลก และเป็นอันดับ8ของเอเชีย (ตาเป็นประกายเลยครัช55) นี้ก็เลยเป็นจุดเริ่มตนของเรื่องราวต่อจากนี้…
วันเกิดปีที่แล้วทำบุญเก้าวัดครั้งแรก ปีนี้ไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก
ทุกครั้งที่เพิ่มอายุอยากให้มันเป็นทุกครั้งที่เพิ่มประสบการณ์
เราก็ไปตั้งสเตตัสในเฟสบุ๊คไว้ว่า
ไม่คิดว่าการที่ไปตั้งตัสวันนั้นจะมีวันนี้555 ไม่ว่าจะเรื่องอะไร!
คนเรามีเป็าหมายกันทุกคน เริ่มจากจุดเริ่มต้นเพียงแค่ตั้งเป้าหมายไว้แล้วทำมันให้เป็นจริง และเมื่อคุณทำมันได้สำเร็จ "นั้นแหละคือรางวัลชีวิตของคุณ"
พอมีเพื่อนสนใจแล้วเราก็เริ่มชวนเพื่อนที่สนิทๆกันตั้งกลุ่มไลน์ว่า "มาเก๊า" 5555เอาจริงเอาจังหาข้อมูลเอาเป็นเอาตายยิ่งกว่าตั้งใจอ่านหนังสือสอบอีกค่ะ555 คือตอนนั้นตื่นเต้นมากมีเพื่อนจะไปด้วย5คน เราหาข้อมูลการไปมาเก๊าลงไลน์กลุ่มทุกวัน ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนกุมภายังไม่ปิดเทอมเราให้เพื่อนเก็บตังทุกวันคนละ50บาท พอปิดเทอม2เดือนเราก็ว่าจะหางานทำเพื่อที่จะมีเงินไปเที่ยวแบบไม่ต้องขอพ่อแม่ใช้ พอเราทำงานเก็บตังได้พอสมควรบวกกับตังเก็บของตัวเองก็คิดว่าไปได้แล้ว เราก็ไปทำพาสปอต เอ่อ!ที่ฮ่องกงไม่ต้องใช้วีซ่านะ ดีจัง555 เราไปทำพาสปอตที่โลตัสปิ่นเกล้า แค่30นาที คิวไม่ยาว3วันมารับด้วยตัวเองในราคาทั้งหมด 1,000 บาท แล้วเราก็หาราคาตั๋วช่วงที่จะเดินทางได้ในราคา 5,990 บาท จู่ๆเพื่อนทุกคนก็แคนเซิลบอก พ่อไม่ให้ไปบ้าง! เก็บตังไม่ทันบ้าง! หางานหาเงินไม่ได้บ้าง! คือตอนนั้นก็บอกเลยว่าfailอยู่ แต่ไม่ได้โกดเพื่อนนะค่ะ เข้าใจ! แต่ยังไงเราก็ไม่ล้มเลิกเป้าหมายนี้ยังคงหาข้อมูลต่อไป คิดในใจไปคนเดียวก็ได้ คงไม่เป็นไรมั้ง555 แต่บอกเลยว่าภาษาไม่ได้สักอย่าง กวางตุ้งก็ไม่ได้ จีนกลางก็ไม่ได้ อังกิดก็งูๆปลาๆขนาดภาษาไทยยังคุยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ555 คือตอนที่คิดก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ตัดสินใจซื้อตั๋วไปกลับฮ่องกง เอ่อลืมไปว่าที่เราซื้อตั๋วฮ่องกงทำไมไม่ซื้อมาเก๊าเลย คือเราหาข้อมูลไปเจอมาว่าฮ่องกงข้ามไปมาเก๊าได้ด้วยเรือข้ามฟาก แล้วบวกกับเราอยากไปดิสนี่แลนด์ที่ฮ่องกงด้วยเลยซื้อตั๋วเครื่องฮ่องกง พอเพื่อนรู้ก็มีคำถามมากมายหลายคนว่า..
เพื่อน : กล้าไปคนเดียวจริงหรอ! ตลกล่ะ! อินดี้ไปล่ะ! ประสาท! ตอนซื้อตั๋วเมาหรอ? บ้ารึไง?
เรา : เออว่ะรึกูจะบ้าจริงๆว่ะ!! 55555555
แล้วทำไมเราต้องไปคนเดียว นี้ก็เป็นคำถามที่ถามตัวเอง
จริงๆแล้วเราว่าออกไปเผชิญโลกคนเดียวบ้างก็ดีนะ เป็นการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ออกไปเอาชนะความกลัว ฝึกการเอาตัวรอด หัดแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ใช่รอแต่พึ่งคนอื่น ถึงจะเป็นการเดินทางที่โดดเดี่ยวเราเจออะไรสนุกๆเจออะไรที่เ ี้ยเจ๋งว่ะไม่เคยเจอ แต่ก็เล่าให้ใครฟังไม่ได้ตรงนั้น เพราะจุดนั้นมีแค่เราคนเดียวที่รับรู้ ก็เลยมาแบ่งปันในพันทิพนี้ไง555 มันสนุกจริงๆนะอธิบายความรู้สึกไม่ถูก ต้องไปสัมพันธ์ด้วยตัวเองสักครั้ง
ความท้าทาย แค่เดินออกจากเส้นที่คุ้นเคยก็เจอแล้ว
(แต่เรื่องนี้เรายังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลยนะ กะจะบอกตอนใกล้วันจะไป5555 รู้ว่าหลายๆคนเคยทำอะไรแบบนี้ ก็ฉันกลัวไม่ได้ไปง่ะ>,< )
พอเราบอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็ตกใจ!
แม่ : จะไปได้หรอ ไปยังไง ไปกับใคร จะไปอยู่ยังไง ไปตอนไหน ไปทำอะไร มีตังหรอ ไม่ต้องไปหรอก
เรา : แม่! หนูซื้อตั๋วแล้วค่ะ งั้นแม่ก็ให้ค่าตั๋วหนูคืนดิ๊(เดวิ้วสิงร่าง555) อีกอย่างหนูจะใช้ตังตัวเองไม่ขอพ่อแม่นะ
แม่ : โอเค กะได้!
เรา : 555555555555555555555555555(แหม! พอบอกไม่ขอตังนี้ ตกลงเลยนะแม่ฉัน)
เราไปฮ่องกง4วัน3คืน ได้ตั๋วเดินทางไปในวันที่26-07-58 เวลา 6:35 เดินทางกลับ 29-07-58 เวลา21:30
เวลาที่ไทยกับฮ่องกงห่างกัน1ชั่วโมง ฮ่องกงจะเร็วกว่าไทยค่ะ เราก็เริ่มหาที่พักในฮ่องกงซึ่งเราเลือกย่าน”มงก๊ง”เพราะที่มงก๊งเป็นตลาดกลางคืนเป็นแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังเลยก็ว่าได้ ในเว็ปมากมายแนะนำให้พักที่เก็สเฮา “ดากอน” ถูกประหยัดปลอดภัย เราก็เลยจองแต่ว่า…ต้องใช้บัตรเคดิตหรือที่มีคำว่าวีซ่า ซึ่งเรามีเดบิตแต่ยังไม่ได้เปิดใช้บริการ เราไม่เคยจองอะไรผ่านบัตรเลยค่ะ กลัวถูกลอก!เลยตัดสิ้นใจว่า”เอ่อกูไปหาเอาข้างหน้าก็ได้” อ่าวแล้วกูจะพูดภาษาเค้าได้หรอ จะติดต่อเค้ายังไง จะไปยังไง นี้แหละค่ะเลยทำให้เราไปB2S ไปหาซื้อหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ อยู่ในหมวดต่างประเทศจนร้านปิด5555 นอนกับพื้นเลยค่ะ
แล้วก็ได้เล่มนี้มาค่ะ เราไม่ได้กะไปโง่ๆไปเกาหัวเล่นที่ฮ่องกงหรอกนะ555 เราก็หาข้อมูลพอสมควรอยู่เหมือนกัน> <
แล้วเราก็ไปแรกเงินที่ Super Rich ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์
เราแลกเงิน26,000 THB ได้ 5600.8 HKD
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Web site: www.superrich1965.com
ที่ตั้ง : 67-69 ถ.ราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. 10330
โทร: 0-2655-2488
เปิดบริการ : จันทร์ - เสาร์ 9.00 - 18.00 น.
พิกัด : 13.748645,100.541679
พอถึงวันที่จะเดินทาง 26-07-2558 เราไปถึงดอนเมืองเวลาประมาณตี5 เวลาเดินทาง 6:35 น. โอเค!! เรายอมรับว่าเราชะล่าใจมากเกินไปเพราะเคยบินแค่ในประเทศไม่เคยบินนอกประเทศไม่เคยรู้ว่า จะคิวยาวแล้วอะไรวุ่นวายเยอะแยะ
กรอกข้อมูลออกนอกประเทศ
ต่อคิวตรวจหนังสือเดินทาง (มันมีแบบเครื่องแสกนหนังสือเดินด้วยซึ่งเราก็ไม่เคยใช้กล้าๆกลัวๆเลยต่อคิวนี้ดีกว่าซึ่งยาวมากๆกินเวลาไปเกือบ20นาที)
แล้วก็ไปต่อรอคิวแสกนตรวจกระเป๋า
แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เครื่องแสกนกระเป๋าเราดัง (อ่าวชิปหาย!) พนักงานตรวจกระเป๋าบอกเราพกเครื่องช็อตไฟฟ้า (ตกใจ!)
เรา : หนูไม่ได้พกค่ะ ในกระเป๋าที่เกี่ยวกับไฟฟ้าก็มีแค่ ไฟฉายกับพาวเวอร์แบงค์ จริงๆ
พนักงาน : ทางเราต้องขอตรวจกระเป๋าก่อนนะค่ะ
เปิดดูแล้วก็ไม่เจออะไร ก็บอกพี่แล้วว่าไม่ได้พก มีแค่2อย่างที่เป็นไฟฟ้า ก็เอากระเป๋าเราไปแสกนอยู่2-3รอบ ก็ค้นอยู่พักใหญ่ เราก็บอก..
เรา : พี่ตอนนี้จะถึงเวลาบินหนูแล้วนะ อีก15นาที เครื่องออก ถ้าหนูไม่ทันล่ะ!
พนักงาน : ทันอยู่แล้วค่ะ
พอไม่เจอก็ปล่อยเราไปเหลือเวลาอีก10นาทีก่อนเครื่องออก วิ่งสิครับ! ยิ่งกว่านักมาราธอนไม่สนใจใคร พอถึงที่แล้วพนักงานถาม
พนักงาน : ใช่คุณ....ไหมค่ะ ขอโทษนะค่ะเครื่องออกไปมะกี๊เลยค่ะ
เรา : อึ้ง!! พูดอะไรไม่ออกเลย อยู่ๆน้ำตาก็ไหล ในหัวคิดแต่ว่า(นี้กูจะไม่ได้ไปจริงๆหรอ ดิสนี่บันจี้มาเก๊า เงินเก็บมาหลายเดือน พัง!)
นึกว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่เกาหลีถูกทื้งไว้กลางทาง ถุ้ย! นั่งลงคุกเข่าร้องไห้ตรงนั้นเลย (นี้เรื่องจริง555) พนักงานมาพัดให้แล้วบอก
พนักงาน : คุณลูกค้าใจเย็นๆนะค่ะ
เรา : พี่บอกเครื่องรอก่อนได้ไหม หนูวิ่งตามได้ไหม (นึกว่าบ้า! คิดแล้วขำ555)
พนักงาน : ไม่ได้ค่ะ เครื่องออกไปแล้ว ลูกค้าเลื้อนไฟท์ได้นะค่ะ ในราคา3,600บาท
เรา : พี่!!! หนูมีตังไทยติดตัวแค่พันนึง หนูไปได้ไหม? (ร้องไห้หนักมาก)
(ถ้ากูพกเครื่องช็อตไฟฟ้ามาจริงๆนะ กูจะช็อตพนักงานแสกนนี้คนแรกเลย! คิด!!555)
สุดท้ายเราก็ต้องโทรไปขอตังแม่อยู่ดี แม่เราบอกไม่ต้องไปหรอก ครั้งหน้าก็ได้ เก็บตังไว้ เราคิดแล้วแหละว่าสุดท้ายต้องไม่ได้ไป
(ร้องไห้หนักกว่าเดิม)พอวางสายไปสักพัก พ่อก็โทรมาบอก อยากไปมากหรอ? แล้วขาดกี่บาท? ขากลับอย่าให้เป็นแบบนี้อีกนะ พ่อไม่ช่วยแล้วนะ คือตอนนั้นดีใจมากไม่คิดว่าพ่อจะเข้าใจ555 ค่ะพ่อ!หนูจะไม่ให้เกิดแบบนี้อีกแล้ว เย้!สุดท้ายก็ได้ไป555 เลื้อนไฟท์เป็น 15:35 น.
กรอกหนังสือเดินทางขาเข้า เค้าจะให้เรากรอกตอนอยู่บนเครื่องบิน แต่เรากรอกตอนลง555
พอเครื่องลงจากที่ฮ่องกงแล้ว เราต้องนั่งรถไฟไปที่สนามบินแปปเดียว10นาที
ตรวจคนเข้าเมืองที่ ตม. เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเช่นเคยเมื่อถึงตอนตรวจเรา 5555
ตม.ถาม คุณมาที่นี้ครั้งแรกหรอ มากับใคร แล้วที่อยู่ที่นี้ล่ะทำไมไม่กรอก (ลืมบอกว่าเราไม่กรอกที่อยู่ที่ฮ่อกงเพราะกะมาหาเอาที่นี้)
คือเรามึนๆงงอยู่ พยายามฟังคำถามแล้วก็หาคำตอบ (เพราะกูโง่อังกิดไง ตอบไงล่ะทีนี้ เ ี้ยแล้ววว!) แล้วเค้าก็พาไปที่ห้องตรวจคนเข้าเมือง ในนั้นก็มีชาวต่างชาติเยอะแยะเลย ก็คงจะเป็นแบบเดี๋ยวกะเราอ่ะ5555 เราก็เข้าไปที่ห้องที่มีแค่เรากับเจ้าหน้าที่2คน นั่งคุยกัน (โหยกูนึกว่าอยู่ในหนังที่อยู่ในคุก นักโทษทำผิดโดนสอบสวนกับตำรวจ555) ยูแคนสปีคอิงรีส? โน๊ว!ไทยโอลี่555 จะเปิดดิกชานารี่ก็ไม่มีเน็ตเพราะที่ฮ่องกงกับไทยใช้ด้วยกันไม่ได้ เจ้าหน้าที่ถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี้ มาหาใครรึป่าว คุณทำงาน หรือเรียน เราก็บอกว่าเราเรียน เค้าก็บอกคุณพกอะไรมาบ้างขอดูหน่อย show me เราก็ให้ดูหมดเลย เค้าเห็นเงินฮ่องกงที่เราแลกไปแล้วก็บัตรเดบิตเรา เค้าบอกไหนบอกเรียนอยู่แล้วเอาตังพวกนี้มาจากไหน เราบอก job (ไอ้เ ี้ย!กูน่าจะตั้งใจเรียนอังกิดตั้งแต่อนุบาล นึกว่าคนเป็นใบ้! ฟังพอรู้เรื่องนะ แต่ไม่รู้จะคุยยังไง555คนฉลาดไม่เข้าใจกูหรอก) เราลืมบอกไปอีกเรื่องนึง ตอนเราทำพาสทามเรารู้จักเพื่อนที่ทำงานคนนึงแม่เค้าอยู่ที่ฮ่องกง เราเลยขอเบอร์แม่เค้าไว้ นั้นคือสิ่งสุดท้ายและเป็นสิ่งเดียวที่จะพากูออกไปจากที่นี้555 เรายื้นเบอร์โทรแม่เพื่อนให้ไป พอเค้าโทรไปหาแม่เพื่อน เราตกใจ! คุยกันภาษาจีนโชงเชงๆๆ แล้วเค้าก็ยื้นโทรศัพท์มาให้เรา เราได้คุยกับแม่เพื่อน (เราขอเรียกแม่เพื่อนว่าน้าYนะ) น้าYบอกให้มาหาน้า คือเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการไว้ในใครสักคนในที่ๆเราไม่คุ้นเคย เพื่อนที่ทำงานก็ใช่ว่าจะสนิทรู้จักแค่2เดือนแม่เพื่อนก็ไม่เคยเห็นหน้า ถ้าเค้าทำงานกันเป็นกระบวนการฆ่ามนุษย์ หลอก ต้มตุ๋นล่ะ (คิดไปไกลล่ะ!) แต่ทำไงได้ล่ะเราไม่มีทางเลือกจริงๆ นี้คือการตัดสินใจเองที่ยิ่งใหญ่มากชี้ชะตา เอาว่ะ!เป็งไงเป็นกัน ตอนนี้เรามีแค่หนังสือเดินทางฮ่องกง โทรศัพท์แล้วก็เป้ใบนึง ออกเดินทางเข้าเมือง
[CR] ผู้หญิงตัวคนเดียวเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก | Backpack | ฮ่องกง | มาเก๊า | 4วัน3คืน |
สวัสดิ์ดีค่ะ นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศเราอายุ20 แต่ตอนนี้เขียนพันทิพอายุ21แล้ว วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก เราเป็นผู้หญิงชอบบู้ไปไหนไปกันชอบกิจกรรมท้าทายเสียวๆ เสียวๆที่ว่านี้คือแบบกระโดดสูงบันจี้จ้ำงี้นะ555 เริ่มจากจู้ๆเราก็มีความคิดอยากจะกระโดดบันจี้ในวันเกิด เราเกิด28-07-37 เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการโดดบันจี้แล้วไปเจออยู่เว็ปนึงบอก..มาเก๊าเป็นสถานที่โดดบันจี้จ้ำที่สูงเป็นอันดับ10ของในโลก และเป็นอันดับ8ของเอเชีย (ตาเป็นประกายเลยครัช55) นี้ก็เลยเป็นจุดเริ่มตนของเรื่องราวต่อจากนี้…
วันเกิดปีที่แล้วทำบุญเก้าวัดครั้งแรก ปีนี้ไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก ทุกครั้งที่เพิ่มอายุอยากให้มันเป็นทุกครั้งที่เพิ่มประสบการณ์
ไม่คิดว่าการที่ไปตั้งตัสวันนั้นจะมีวันนี้555 ไม่ว่าจะเรื่องอะไร! คนเรามีเป็าหมายกันทุกคน เริ่มจากจุดเริ่มต้นเพียงแค่ตั้งเป้าหมายไว้แล้วทำมันให้เป็นจริง และเมื่อคุณทำมันได้สำเร็จ "นั้นแหละคือรางวัลชีวิตของคุณ"
พอมีเพื่อนสนใจแล้วเราก็เริ่มชวนเพื่อนที่สนิทๆกันตั้งกลุ่มไลน์ว่า "มาเก๊า" 5555เอาจริงเอาจังหาข้อมูลเอาเป็นเอาตายยิ่งกว่าตั้งใจอ่านหนังสือสอบอีกค่ะ555 คือตอนนั้นตื่นเต้นมากมีเพื่อนจะไปด้วย5คน เราหาข้อมูลการไปมาเก๊าลงไลน์กลุ่มทุกวัน ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนกุมภายังไม่ปิดเทอมเราให้เพื่อนเก็บตังทุกวันคนละ50บาท พอปิดเทอม2เดือนเราก็ว่าจะหางานทำเพื่อที่จะมีเงินไปเที่ยวแบบไม่ต้องขอพ่อแม่ใช้ พอเราทำงานเก็บตังได้พอสมควรบวกกับตังเก็บของตัวเองก็คิดว่าไปได้แล้ว เราก็ไปทำพาสปอต เอ่อ!ที่ฮ่องกงไม่ต้องใช้วีซ่านะ ดีจัง555 เราไปทำพาสปอตที่โลตัสปิ่นเกล้า แค่30นาที คิวไม่ยาว3วันมารับด้วยตัวเองในราคาทั้งหมด 1,000 บาท แล้วเราก็หาราคาตั๋วช่วงที่จะเดินทางได้ในราคา 5,990 บาท จู่ๆเพื่อนทุกคนก็แคนเซิลบอก พ่อไม่ให้ไปบ้าง! เก็บตังไม่ทันบ้าง! หางานหาเงินไม่ได้บ้าง! คือตอนนั้นก็บอกเลยว่าfailอยู่ แต่ไม่ได้โกดเพื่อนนะค่ะ เข้าใจ! แต่ยังไงเราก็ไม่ล้มเลิกเป้าหมายนี้ยังคงหาข้อมูลต่อไป คิดในใจไปคนเดียวก็ได้ คงไม่เป็นไรมั้ง555 แต่บอกเลยว่าภาษาไม่ได้สักอย่าง กวางตุ้งก็ไม่ได้ จีนกลางก็ไม่ได้ อังกิดก็งูๆปลาๆขนาดภาษาไทยยังคุยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ555 คือตอนที่คิดก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ตัดสินใจซื้อตั๋วไปกลับฮ่องกง เอ่อลืมไปว่าที่เราซื้อตั๋วฮ่องกงทำไมไม่ซื้อมาเก๊าเลย คือเราหาข้อมูลไปเจอมาว่าฮ่องกงข้ามไปมาเก๊าได้ด้วยเรือข้ามฟาก แล้วบวกกับเราอยากไปดิสนี่แลนด์ที่ฮ่องกงด้วยเลยซื้อตั๋วเครื่องฮ่องกง พอเพื่อนรู้ก็มีคำถามมากมายหลายคนว่า..
เพื่อน : กล้าไปคนเดียวจริงหรอ! ตลกล่ะ! อินดี้ไปล่ะ! ประสาท! ตอนซื้อตั๋วเมาหรอ? บ้ารึไง?
เรา : เออว่ะรึกูจะบ้าจริงๆว่ะ!! 55555555
แล้วทำไมเราต้องไปคนเดียว นี้ก็เป็นคำถามที่ถามตัวเอง
จริงๆแล้วเราว่าออกไปเผชิญโลกคนเดียวบ้างก็ดีนะ เป็นการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ออกไปเอาชนะความกลัว ฝึกการเอาตัวรอด หัดแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ใช่รอแต่พึ่งคนอื่น ถึงจะเป็นการเดินทางที่โดดเดี่ยวเราเจออะไรสนุกๆเจออะไรที่เ ี้ยเจ๋งว่ะไม่เคยเจอ แต่ก็เล่าให้ใครฟังไม่ได้ตรงนั้น เพราะจุดนั้นมีแค่เราคนเดียวที่รับรู้ ก็เลยมาแบ่งปันในพันทิพนี้ไง555 มันสนุกจริงๆนะอธิบายความรู้สึกไม่ถูก ต้องไปสัมพันธ์ด้วยตัวเองสักครั้ง ความท้าทาย แค่เดินออกจากเส้นที่คุ้นเคยก็เจอแล้ว
(แต่เรื่องนี้เรายังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลยนะ กะจะบอกตอนใกล้วันจะไป5555 รู้ว่าหลายๆคนเคยทำอะไรแบบนี้ ก็ฉันกลัวไม่ได้ไปง่ะ>,< )
พอเราบอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็ตกใจ!
แม่ : จะไปได้หรอ ไปยังไง ไปกับใคร จะไปอยู่ยังไง ไปตอนไหน ไปทำอะไร มีตังหรอ ไม่ต้องไปหรอก
เรา : แม่! หนูซื้อตั๋วแล้วค่ะ งั้นแม่ก็ให้ค่าตั๋วหนูคืนดิ๊(เดวิ้วสิงร่าง555) อีกอย่างหนูจะใช้ตังตัวเองไม่ขอพ่อแม่นะ
แม่ : โอเค กะได้!
เรา : 555555555555555555555555555(แหม! พอบอกไม่ขอตังนี้ ตกลงเลยนะแม่ฉัน)
เราไปฮ่องกง4วัน3คืน ได้ตั๋วเดินทางไปในวันที่26-07-58 เวลา 6:35 เดินทางกลับ 29-07-58 เวลา21:30
เวลาที่ไทยกับฮ่องกงห่างกัน1ชั่วโมง ฮ่องกงจะเร็วกว่าไทยค่ะ เราก็เริ่มหาที่พักในฮ่องกงซึ่งเราเลือกย่าน”มงก๊ง”เพราะที่มงก๊งเป็นตลาดกลางคืนเป็นแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังเลยก็ว่าได้ ในเว็ปมากมายแนะนำให้พักที่เก็สเฮา “ดากอน” ถูกประหยัดปลอดภัย เราก็เลยจองแต่ว่า…ต้องใช้บัตรเคดิตหรือที่มีคำว่าวีซ่า ซึ่งเรามีเดบิตแต่ยังไม่ได้เปิดใช้บริการ เราไม่เคยจองอะไรผ่านบัตรเลยค่ะ กลัวถูกลอก!เลยตัดสิ้นใจว่า”เอ่อกูไปหาเอาข้างหน้าก็ได้” อ่าวแล้วกูจะพูดภาษาเค้าได้หรอ จะติดต่อเค้ายังไง จะไปยังไง นี้แหละค่ะเลยทำให้เราไปB2S ไปหาซื้อหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ อยู่ในหมวดต่างประเทศจนร้านปิด5555 นอนกับพื้นเลยค่ะ
แล้วเราก็ไปแรกเงินที่ Super Rich ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์
เราแลกเงิน26,000 THB ได้ 5600.8 HKD
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอถึงวันที่จะเดินทาง 26-07-2558 เราไปถึงดอนเมืองเวลาประมาณตี5 เวลาเดินทาง 6:35 น. โอเค!! เรายอมรับว่าเราชะล่าใจมากเกินไปเพราะเคยบินแค่ในประเทศไม่เคยบินนอกประเทศไม่เคยรู้ว่า จะคิวยาวแล้วอะไรวุ่นวายเยอะแยะ
ต่อคิวตรวจหนังสือเดินทาง (มันมีแบบเครื่องแสกนหนังสือเดินด้วยซึ่งเราก็ไม่เคยใช้กล้าๆกลัวๆเลยต่อคิวนี้ดีกว่าซึ่งยาวมากๆกินเวลาไปเกือบ20นาที)
แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เครื่องแสกนกระเป๋าเราดัง (อ่าวชิปหาย!) พนักงานตรวจกระเป๋าบอกเราพกเครื่องช็อตไฟฟ้า (ตกใจ!)
เรา : หนูไม่ได้พกค่ะ ในกระเป๋าที่เกี่ยวกับไฟฟ้าก็มีแค่ ไฟฉายกับพาวเวอร์แบงค์ จริงๆ
พนักงาน : ทางเราต้องขอตรวจกระเป๋าก่อนนะค่ะ
เปิดดูแล้วก็ไม่เจออะไร ก็บอกพี่แล้วว่าไม่ได้พก มีแค่2อย่างที่เป็นไฟฟ้า ก็เอากระเป๋าเราไปแสกนอยู่2-3รอบ ก็ค้นอยู่พักใหญ่ เราก็บอก..
เรา : พี่ตอนนี้จะถึงเวลาบินหนูแล้วนะ อีก15นาที เครื่องออก ถ้าหนูไม่ทันล่ะ!
พนักงาน : ทันอยู่แล้วค่ะ
พอไม่เจอก็ปล่อยเราไปเหลือเวลาอีก10นาทีก่อนเครื่องออก วิ่งสิครับ! ยิ่งกว่านักมาราธอนไม่สนใจใคร พอถึงที่แล้วพนักงานถาม
พนักงาน : ใช่คุณ....ไหมค่ะ ขอโทษนะค่ะเครื่องออกไปมะกี๊เลยค่ะ
เรา : อึ้ง!! พูดอะไรไม่ออกเลย อยู่ๆน้ำตาก็ไหล ในหัวคิดแต่ว่า(นี้กูจะไม่ได้ไปจริงๆหรอ ดิสนี่บันจี้มาเก๊า เงินเก็บมาหลายเดือน พัง!)
นึกว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่เกาหลีถูกทื้งไว้กลางทาง ถุ้ย! นั่งลงคุกเข่าร้องไห้ตรงนั้นเลย (นี้เรื่องจริง555) พนักงานมาพัดให้แล้วบอก
พนักงาน : คุณลูกค้าใจเย็นๆนะค่ะ
เรา : พี่บอกเครื่องรอก่อนได้ไหม หนูวิ่งตามได้ไหม (นึกว่าบ้า! คิดแล้วขำ555)
พนักงาน : ไม่ได้ค่ะ เครื่องออกไปแล้ว ลูกค้าเลื้อนไฟท์ได้นะค่ะ ในราคา3,600บาท
เรา : พี่!!! หนูมีตังไทยติดตัวแค่พันนึง หนูไปได้ไหม? (ร้องไห้หนักมาก)
(ถ้ากูพกเครื่องช็อตไฟฟ้ามาจริงๆนะ กูจะช็อตพนักงานแสกนนี้คนแรกเลย! คิด!!555)
สุดท้ายเราก็ต้องโทรไปขอตังแม่อยู่ดี แม่เราบอกไม่ต้องไปหรอก ครั้งหน้าก็ได้ เก็บตังไว้ เราคิดแล้วแหละว่าสุดท้ายต้องไม่ได้ไป
(ร้องไห้หนักกว่าเดิม)พอวางสายไปสักพัก พ่อก็โทรมาบอก อยากไปมากหรอ? แล้วขาดกี่บาท? ขากลับอย่าให้เป็นแบบนี้อีกนะ พ่อไม่ช่วยแล้วนะ คือตอนนั้นดีใจมากไม่คิดว่าพ่อจะเข้าใจ555 ค่ะพ่อ!หนูจะไม่ให้เกิดแบบนี้อีกแล้ว เย้!สุดท้ายก็ได้ไป555 เลื้อนไฟท์เป็น 15:35 น.
ตม.ถาม คุณมาที่นี้ครั้งแรกหรอ มากับใคร แล้วที่อยู่ที่นี้ล่ะทำไมไม่กรอก (ลืมบอกว่าเราไม่กรอกที่อยู่ที่ฮ่อกงเพราะกะมาหาเอาที่นี้)
คือเรามึนๆงงอยู่ พยายามฟังคำถามแล้วก็หาคำตอบ (เพราะกูโง่อังกิดไง ตอบไงล่ะทีนี้ เ ี้ยแล้ววว!) แล้วเค้าก็พาไปที่ห้องตรวจคนเข้าเมือง ในนั้นก็มีชาวต่างชาติเยอะแยะเลย ก็คงจะเป็นแบบเดี๋ยวกะเราอ่ะ5555 เราก็เข้าไปที่ห้องที่มีแค่เรากับเจ้าหน้าที่2คน นั่งคุยกัน (โหยกูนึกว่าอยู่ในหนังที่อยู่ในคุก นักโทษทำผิดโดนสอบสวนกับตำรวจ555) ยูแคนสปีคอิงรีส? โน๊ว!ไทยโอลี่555 จะเปิดดิกชานารี่ก็ไม่มีเน็ตเพราะที่ฮ่องกงกับไทยใช้ด้วยกันไม่ได้ เจ้าหน้าที่ถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี้ มาหาใครรึป่าว คุณทำงาน หรือเรียน เราก็บอกว่าเราเรียน เค้าก็บอกคุณพกอะไรมาบ้างขอดูหน่อย show me เราก็ให้ดูหมดเลย เค้าเห็นเงินฮ่องกงที่เราแลกไปแล้วก็บัตรเดบิตเรา เค้าบอกไหนบอกเรียนอยู่แล้วเอาตังพวกนี้มาจากไหน เราบอก job (ไอ้เ ี้ย!กูน่าจะตั้งใจเรียนอังกิดตั้งแต่อนุบาล นึกว่าคนเป็นใบ้! ฟังพอรู้เรื่องนะ แต่ไม่รู้จะคุยยังไง555คนฉลาดไม่เข้าใจกูหรอก) เราลืมบอกไปอีกเรื่องนึง ตอนเราทำพาสทามเรารู้จักเพื่อนที่ทำงานคนนึงแม่เค้าอยู่ที่ฮ่องกง เราเลยขอเบอร์แม่เค้าไว้ นั้นคือสิ่งสุดท้ายและเป็นสิ่งเดียวที่จะพากูออกไปจากที่นี้555 เรายื้นเบอร์โทรแม่เพื่อนให้ไป พอเค้าโทรไปหาแม่เพื่อน เราตกใจ! คุยกันภาษาจีนโชงเชงๆๆ แล้วเค้าก็ยื้นโทรศัพท์มาให้เรา เราได้คุยกับแม่เพื่อน (เราขอเรียกแม่เพื่อนว่าน้าYนะ) น้าYบอกให้มาหาน้า คือเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการไว้ในใครสักคนในที่ๆเราไม่คุ้นเคย เพื่อนที่ทำงานก็ใช่ว่าจะสนิทรู้จักแค่2เดือนแม่เพื่อนก็ไม่เคยเห็นหน้า ถ้าเค้าทำงานกันเป็นกระบวนการฆ่ามนุษย์ หลอก ต้มตุ๋นล่ะ (คิดไปไกลล่ะ!) แต่ทำไงได้ล่ะเราไม่มีทางเลือกจริงๆ นี้คือการตัดสินใจเองที่ยิ่งใหญ่มากชี้ชะตา เอาว่ะ!เป็งไงเป็นกัน ตอนนี้เรามีแค่หนังสือเดินทางฮ่องกง โทรศัพท์แล้วก็เป้ใบนึง ออกเดินทางเข้าเมือง