Review: Maze Runner 2 The Scorch Trials (2015) สมรภูมิมอดไหม้
ภาคต่อของ The Maze Runner ที่หยิบ set up ที่มีในนวนิยายมาใช้ และเรียบเรียงใหม่เป็นฉบับที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ... แดนมอดไหม้ไม่ใช่การทดสอบแบบในหนังสือ แต่นี่คือด่านสุดท้ายที่พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น!
.
ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกทันที เมื่อโทมัสและเพื่อน ๆ ถูกช่วยเหลือโดยกลุ่มบุคคลลึกลับที่อ้างว่าเป็นกลุ่มต่อต้านองค์กร WCKD แต่ทว่ามีบางอย่างในที่หลบภัยแห่งใหม่นี้ที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขากำลังถูกหลอกใช้ กำลังจะมีคนตาย และทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้คือต้องหนี
.
แต่หนีออกไปก็ต้องเจอกับโลกที่รกร้างและมอดไหม้จากรังสีแผดเผาของดวงอาทิตย์ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ มีแต่พายุฟ้าผ่า และเต็มไปด้วย "แคร้ง" มนุษย์ติดเชื้อไวรัสที่มากับรังสีมรณะ แคร้งนี่คือซอมบี้ดี ๆ นี่เอง ... โทมัส นิวท์ มินโฮ และเพื่อน ๆ จะรอดจากแดนมอดไหม้ไปได้หรือไม่ พวกเขาจะพ้นเงื้อมมือของ WCKD ไหม แล้วสถานภาพแต่เดิมของโทมัสคืออะไรกันแน่ ไปดู!
.
เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ต่างจากในหนังสืออย่างสิ้นเชิง ในหนังสือแดนมอดไหม้ถือเป็นการทดลองเฟส 2 ต่อจากเขาวงกต ที่ WCKD ออกแบบมาเพื่อศึกษาการหลั่งสารเคมีในสมองของเด็กรุ่นใหม่เพื่อหวังจะให้ได้สารชีวภาพสำหรับใช้เป็นยาต้านไวรัส ซึ่งแน่นอนว่าการจับเด็กไปทดลองเช่นนี้จะดูเป็นเรื่องผิดศีลธรรมและมีผู้ต่อต้าน ซึ่งนั่นจะเป็นเนื้อหาหลักในหนังสือเล่ม 3 ... ทว่าฉบับภาพยนตร์ได้นำเนื้อหาจากหนังสือเล่ม 2-3 มาร้อยเรียงใหม่ให้การต่อต้านดังกล่าวปะทุขึ้นตั้งแต่เริ่มเรื่อง การเอาชีวิตรอดในแดนมอดไหม้ไม่ใช่การทดสอบ แต่คือการเอาชีวิตรอดไปให้ได้ ไม่งั้นก็ถูกจับ ไม่ก็ถูกฆ่าตาย ... เหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดได้กระชับและสนุกตื่นเต้นมาก ๆ ทำเอาลุ้นจนเหนื่อยเลย
.
ถ้าเทียบกับภาคแรก ภาคนี้มีฉากแอ็คชั่นเยอะกว่า แต่กลับไม่ทำรู้สึกพิศวงสงสัยเหมือนตอนที่อยู่ในวงกต อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของเรื่องนี้คือทำให้นึกถึงวลีที่ว่า "Run for your life" เลยจริง ๆ ... อยากให้ตัวละครหลักทุกตัวรอดชีวิต อยากให้พวกเขามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นหนูทดลองอีกต่อไป ธีมแห่งการค้นหาเสรีภาพคือหัวใจของเรื่องนี้เลย
.
งานภาพถือว่าเจ๋งมาก ๆ ... เมืองร้างถูกออกแบบมาได้ตระการตาสมจริง ส่วนแคร้งก็น่ากลัวว่าในหนังสือมากมาย ชอบ! ... ส่วน 3D ก็ธรรมดา ไม่ลึก ไม่พุ่ง ... 4Dx เอฟเฟกต์น้อยไปหน่อย ไม่ต้องดูระบบนี้ก็ได้
.
ตัวละครบางตัวก็ไม่เหมือนที่จินตนาการไว้ตอนอ่านหนังสือ ฮอร์เก้แก่กว่าที่คิดไว้มาก เบรนด้าน่าจะสวยกว่านี้ แต่โดยรวมถือว่าดีอยู่ ... ทีมตัวละครหลักจากภาคแรกยังอยู่กันครบ แต่น่าเสียดายที่การวิ่งหนีเอาตัวรอดมันประดังเข้ามาซะจนไม่ค่อยมีฉากที่นำเสนอเสน่ห์ของแต่ละตัวละครแบบในภาคแรกเท่าไหร่เลย
.
เนื่องจากเนื้อหาถูกปรับเปลี่ยนจากในหนังสือใหม่ทั้งหมด มีหลายประเด็นที่ดูแล้วเชื่อได้เลยว่า The Death Cure (ภาค 3) จะแตกต่างจากฉบับหนังสืออย่างสิ้นเชิงแน่นอน (ในหนังสือไม่มีการปรากฏตัวของ เอวา เพจ ประธานของ WCKD เลย แต่ในหนังนี่โผล่มาตั้งแต่แรก ๆ) ... เผลอ ๆ ตัวละครที่ตายในเล่ม 3 อาจไม่ตายในภาค 3 ด้วย ... เหมือนเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องรอดูเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป และขอบอกว่าจบได้อารมณ์ค้างมาก ๆ
.
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยความที่มันเรียบเรียงใหม่หมด ทำให้บางเหตุการณ์ดูไม่มีที่มาที่ไปเท่าไร บางฉากและบางคนทำให้คนดูงง ๆ ว่ามาจากไหน โผล่มาได้ยังไง แต่โดยรวมแล้วถือว่าสนุกนะ อยากดูภาคต่อแล้ว!!
.
ปล. ต้องทำใจก่อนว่า เรื่องนี้เต็มไปด้วยปริศนาต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ภาคแรก แล้วก็มีการเฉลยให้ฟังน้อยมาก ... แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เฉลยเลย ... มีเงื่อนงำของปริศนาต่าง ๆ ถูกพูดถึงอยู่ตลอด เพียงแต่มันจะถูกบอกทีละนิด ๆ และคนดูต้องปะติดปะต่อเอาเอง ฉะนั้นจงตั้งใจดูนะครับ ^^
โดยนักวิจารย์รายเดิม Champ Christof
https://www.facebook.com/champ.christof?fref=ts
Review: The Scorch Trials
ภาคต่อของ The Maze Runner ที่หยิบ set up ที่มีในนวนิยายมาใช้ และเรียบเรียงใหม่เป็นฉบับที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ... แดนมอดไหม้ไม่ใช่การทดสอบแบบในหนังสือ แต่นี่คือด่านสุดท้ายที่พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น!
.
ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกทันที เมื่อโทมัสและเพื่อน ๆ ถูกช่วยเหลือโดยกลุ่มบุคคลลึกลับที่อ้างว่าเป็นกลุ่มต่อต้านองค์กร WCKD แต่ทว่ามีบางอย่างในที่หลบภัยแห่งใหม่นี้ที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขากำลังถูกหลอกใช้ กำลังจะมีคนตาย และทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้คือต้องหนี
.
แต่หนีออกไปก็ต้องเจอกับโลกที่รกร้างและมอดไหม้จากรังสีแผดเผาของดวงอาทิตย์ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ มีแต่พายุฟ้าผ่า และเต็มไปด้วย "แคร้ง" มนุษย์ติดเชื้อไวรัสที่มากับรังสีมรณะ แคร้งนี่คือซอมบี้ดี ๆ นี่เอง ... โทมัส นิวท์ มินโฮ และเพื่อน ๆ จะรอดจากแดนมอดไหม้ไปได้หรือไม่ พวกเขาจะพ้นเงื้อมมือของ WCKD ไหม แล้วสถานภาพแต่เดิมของโทมัสคืออะไรกันแน่ ไปดู!
.
เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ต่างจากในหนังสืออย่างสิ้นเชิง ในหนังสือแดนมอดไหม้ถือเป็นการทดลองเฟส 2 ต่อจากเขาวงกต ที่ WCKD ออกแบบมาเพื่อศึกษาการหลั่งสารเคมีในสมองของเด็กรุ่นใหม่เพื่อหวังจะให้ได้สารชีวภาพสำหรับใช้เป็นยาต้านไวรัส ซึ่งแน่นอนว่าการจับเด็กไปทดลองเช่นนี้จะดูเป็นเรื่องผิดศีลธรรมและมีผู้ต่อต้าน ซึ่งนั่นจะเป็นเนื้อหาหลักในหนังสือเล่ม 3 ... ทว่าฉบับภาพยนตร์ได้นำเนื้อหาจากหนังสือเล่ม 2-3 มาร้อยเรียงใหม่ให้การต่อต้านดังกล่าวปะทุขึ้นตั้งแต่เริ่มเรื่อง การเอาชีวิตรอดในแดนมอดไหม้ไม่ใช่การทดสอบ แต่คือการเอาชีวิตรอดไปให้ได้ ไม่งั้นก็ถูกจับ ไม่ก็ถูกฆ่าตาย ... เหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดได้กระชับและสนุกตื่นเต้นมาก ๆ ทำเอาลุ้นจนเหนื่อยเลย
.
ถ้าเทียบกับภาคแรก ภาคนี้มีฉากแอ็คชั่นเยอะกว่า แต่กลับไม่ทำรู้สึกพิศวงสงสัยเหมือนตอนที่อยู่ในวงกต อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของเรื่องนี้คือทำให้นึกถึงวลีที่ว่า "Run for your life" เลยจริง ๆ ... อยากให้ตัวละครหลักทุกตัวรอดชีวิต อยากให้พวกเขามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นหนูทดลองอีกต่อไป ธีมแห่งการค้นหาเสรีภาพคือหัวใจของเรื่องนี้เลย
.
งานภาพถือว่าเจ๋งมาก ๆ ... เมืองร้างถูกออกแบบมาได้ตระการตาสมจริง ส่วนแคร้งก็น่ากลัวว่าในหนังสือมากมาย ชอบ! ... ส่วน 3D ก็ธรรมดา ไม่ลึก ไม่พุ่ง ... 4Dx เอฟเฟกต์น้อยไปหน่อย ไม่ต้องดูระบบนี้ก็ได้
.
ตัวละครบางตัวก็ไม่เหมือนที่จินตนาการไว้ตอนอ่านหนังสือ ฮอร์เก้แก่กว่าที่คิดไว้มาก เบรนด้าน่าจะสวยกว่านี้ แต่โดยรวมถือว่าดีอยู่ ... ทีมตัวละครหลักจากภาคแรกยังอยู่กันครบ แต่น่าเสียดายที่การวิ่งหนีเอาตัวรอดมันประดังเข้ามาซะจนไม่ค่อยมีฉากที่นำเสนอเสน่ห์ของแต่ละตัวละครแบบในภาคแรกเท่าไหร่เลย
.
เนื่องจากเนื้อหาถูกปรับเปลี่ยนจากในหนังสือใหม่ทั้งหมด มีหลายประเด็นที่ดูแล้วเชื่อได้เลยว่า The Death Cure (ภาค 3) จะแตกต่างจากฉบับหนังสืออย่างสิ้นเชิงแน่นอน (ในหนังสือไม่มีการปรากฏตัวของ เอวา เพจ ประธานของ WCKD เลย แต่ในหนังนี่โผล่มาตั้งแต่แรก ๆ) ... เผลอ ๆ ตัวละครที่ตายในเล่ม 3 อาจไม่ตายในภาค 3 ด้วย ... เหมือนเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องรอดูเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป และขอบอกว่าจบได้อารมณ์ค้างมาก ๆ
.
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยความที่มันเรียบเรียงใหม่หมด ทำให้บางเหตุการณ์ดูไม่มีที่มาที่ไปเท่าไร บางฉากและบางคนทำให้คนดูงง ๆ ว่ามาจากไหน โผล่มาได้ยังไง แต่โดยรวมแล้วถือว่าสนุกนะ อยากดูภาคต่อแล้ว!!
.
ปล. ต้องทำใจก่อนว่า เรื่องนี้เต็มไปด้วยปริศนาต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ภาคแรก แล้วก็มีการเฉลยให้ฟังน้อยมาก ... แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เฉลยเลย ... มีเงื่อนงำของปริศนาต่าง ๆ ถูกพูดถึงอยู่ตลอด เพียงแต่มันจะถูกบอกทีละนิด ๆ และคนดูต้องปะติดปะต่อเอาเอง ฉะนั้นจงตั้งใจดูนะครับ ^^
โดยนักวิจารย์รายเดิม Champ Christof https://www.facebook.com/champ.christof?fref=ts