สวัสดีครับ กระทู้นี้อยากให้หลายๆท่านชี้แนะการดำเนินงานครับ พอดีผมเรียนจบแล้วกลับมารับช่วงกิจการต่อที่บ้าน ซึ่งเปนร้านค้าวัสดุก่อสร้างในเมืองใหญ่ทางภาคเหนือ โดยปกติแล้วมีพี่น้อง 4 คน คนแรกเดินไปสายอาจารย์ คาดว่าคงไม่กลับมารับช่วงกิจการต่อแล้ว จึงเหลือเพียง 3 คนที่จะมารับช่วงกิจการต่อ ตอนแรกช่วงผมเป็นเด็กๆ ที่ร้านขายดีมาก เนื่องจากยังไม่มีคู่แข่งและทุนใหญ่เข้ามาขายมากนัก อีกทั้งยังทำรับเหมาในตัวด้วย
แต่เวลาผ่านไป เมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมา มีการเข้ามาเปิดร้านค้าวัสดุก่อสร้างของทุนใหญ่อย่างมากมาย ทำให้การแข่งขันสูงมาก (ตอนนั้นผมและน้องๆยังไม่ได้กลับมาเนื่องจากยังเรียนไม่จบและทำงานที่ กทม) ยอดขายที่ร้านก็ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งผมกลับมา ก็พบว่าที่ร้านไม่เคยทำบัญชี รายรับ รายจ่าย เลย ผมจึงเริ่มจัดการทำบัญชีขึ้นมากะน้องๆ และพบว่าจริงๆแล้วยอดขายหน้าร้านไม่พอรายจ่ายประจำวันของที่ร้าน และปัจจุบัน รายได้หลักมาจากการรับเหมา แต่งานรับเหมาปัจจุบันก็ค่อนข้างหายาก ด้วยสภาพ ศก. และการแข่งงขันที่สูง
ผมจึงเริ่มคิดว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเพื่อพัฒนาศักยภาพของร้าน อย่างน้อยให้รายได้เพียงพอกะรายจ่าย เราเคยเป็นเบอร์ 1 ของจังหวัด แต่ปัจจุบัน มันไม่ใช่แล้ว แต่ผู้ใหญ่ยังคงภูมิใจกะความสำเร็จในอดีตและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เสนออะไรขึ้นไป จะปฏิเสธทันที ถ้าหากต้องมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก เค้าคิดว่าแต่ก่อนทำมาแบบนี้ประสบความสำเร็จ ทำแบบนี้ต่อไปก็จะประสบความสำเร็จ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะวิธีนี้ ดีที่สุด คือเอาจริงๆ ผมว่าเค้าไม่ผิดนะครับ เพราะสิ่งที่เค้าเคยทำมามันประสบความสำเรจจริงๆ แต่ตอนนี้เวลามันเปลี่ยน เทรนทุกอย่างเปลี่ยนหมด ดังนั้น เค้าอาจจะไปเข้าใจเนื่องจากการมองธุรกิจที่ต่างกัน และ Generation ที่ต่างกันค่อนข้างมาก พี่น้องผม Gen X กันหมด ผู้ใหญ่ Gen Baby boom ครับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ
1. การคุยกันเกี่ยวกับแนวทางในการทำงานค่อนข้างน้อย ผมพยายามเซตให้มีการประชุมทุกเดือน แต่สุดท้ายจะจบลงด้วยการไม่มีข้อสรุป เพราะ ฝ่ายผู้ใหญ่จะไม่เอาเลย ถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลง เค้าจะคิดว่าไปดูถูกสิ่งที่เค้าทำมาไว้ครับ ดังนั้นเนี่ย แม้ที่ประชุมจะได้ข้อสรุป แต่สุดท้ายก็จะแพ้เสียงของผู้ใหญ่เพียงเสียงเดียว ทำให้การทำงานค่อนข้างลำบากมาก และการบริหารเปนไปแบบ กงสี ไม่มีการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้ทำงานอย่างชัดเจน ทำให้การทำให้เกิดความชัดเจนทางด้านบัญชีค่อนข้างยากครับ
2. จากการทำบช. แล้ว ผมพยายามตัดรายจ่าย เพราะยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดรายรับได้ แต่ทางผู้ใหญ่เค้าคิดว่า เงินของเค้าจะใช้อะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นเนี่ย ผมพยายามตัดรายจ่ายเท่าไหร่ ก็จะเกิดรายจ่ายใหม่อยู่ตลอดเวลาครับ แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีหนี้ครับ ยังกินบุญเก่าได้เรื่อยๆ ทำให้ในส่วนนี้ยังไม่ตึงเครียดมาก แต่ก็คุยไม่เข้าใจกันบ่อยๆ
3. จากการที่หน้าร้านรายได้ไม่เพียงพอ น้องชายผมทั้ง 2 คนรวมกับผม ก็พยายามจะออกไปหางานรับเหมามา เพื่อจุนเจือรายได้ แต่ก็เข้าแบบเดิมครับ คืองานไหนที่บางทีอาจจะยาก กำไรน้อย จะโดน ม.44 สั่งยกเลิกการทำงานทันที ให้เหตุผลว่า งานยากกำไรน้อย อย่าไปทำ สู้นั่งอยู่บ้านดีกว่า เรื่องอะไรจะไปให้มันเอาเปรียบเรา ผมเข้าใจนะครับว่าไม่อยากให้ลำบาก แต่ผมกลับคิดว่า งานอะไรก็ได้ กำไรน้อย ไม่ขาดทุนก็พอ ทำได้หมดแหละ เพราะตอนนี้ วงการรับเหมาก็แข่งขันสูงครับ
4. หลายๆอย่างในการทำงาน ค่อนข้างมีอุปสรรคเป็นอย่างมาก การจะพัฒนาด้านไหนๆ ก็แทบจะโดนปฏิเสธตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะใช้เหตุผลเท่าใด แต่ถ้าไม่ถูกใจ ก็ไม่รอดครับ โดยคิดว่า ต้องตามผู้นำเท่านั้น ห้ามเถียงห้ามสงสัย (ครอบครัวคนจีนค่อนข้างหัวโบราณครับ) พี่ๆ ท่านใดเคยพบเจออุปสรรคแบบนี้บ้างครับ จะรบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ อาจจะเป็น แนวทางในการพูดคุยกะผู้ใหญ่ หรือ แนวทางในการสู้กับทุนใหญ่ในวงการวัสดุก่อสร้าง เพราะจริงๆแล้ว อาจจะเป็นผมที่ผิดก็ได้ ที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่ผมอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงอะรไบางอย่าง เพราะกลัวว่าจะถึงจุดวิกฤตที่ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ทันอะครับ
5. ในกรณีแบบนี้ สิ่งแรกที่ควรจะทำคืออะไร ครับ เพราะผมพยายามยืดหยุ่นในการทำงานให้มากที่สุด รับฟังความคิดเหนที่แตกต่าง เพื่อให้งานเดินไปได้ แต่บางทีเจอ ม.44 บ่อยๆ ก็ท้อใจเหมือนกัน จนน้องชาย 2 คน อยากจะกลับไปทำงานที่ กทม แล้วอะครับ เพราะการเอาเรื่องว่าจะเพิ่มรายได้ที่ร้านยังไง ผู้ใหญ่ กลับคิดว่าเราไปดูถูกสิ่งที่เค้าทำมาอะครับ เลยยิ่งทำให้มืดแปดด้านเลย ทั้งๆที่เอายอดขายของร้าน มาประกอบการพูดคุย แต่ก็ไม่ได้ผลครับ
ปัญหา ระหว่างวัยในการทำงาน ของคนต่าง Generation
แต่เวลาผ่านไป เมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมา มีการเข้ามาเปิดร้านค้าวัสดุก่อสร้างของทุนใหญ่อย่างมากมาย ทำให้การแข่งขันสูงมาก (ตอนนั้นผมและน้องๆยังไม่ได้กลับมาเนื่องจากยังเรียนไม่จบและทำงานที่ กทม) ยอดขายที่ร้านก็ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งผมกลับมา ก็พบว่าที่ร้านไม่เคยทำบัญชี รายรับ รายจ่าย เลย ผมจึงเริ่มจัดการทำบัญชีขึ้นมากะน้องๆ และพบว่าจริงๆแล้วยอดขายหน้าร้านไม่พอรายจ่ายประจำวันของที่ร้าน และปัจจุบัน รายได้หลักมาจากการรับเหมา แต่งานรับเหมาปัจจุบันก็ค่อนข้างหายาก ด้วยสภาพ ศก. และการแข่งงขันที่สูง
ผมจึงเริ่มคิดว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเพื่อพัฒนาศักยภาพของร้าน อย่างน้อยให้รายได้เพียงพอกะรายจ่าย เราเคยเป็นเบอร์ 1 ของจังหวัด แต่ปัจจุบัน มันไม่ใช่แล้ว แต่ผู้ใหญ่ยังคงภูมิใจกะความสำเร็จในอดีตและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เสนออะไรขึ้นไป จะปฏิเสธทันที ถ้าหากต้องมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก เค้าคิดว่าแต่ก่อนทำมาแบบนี้ประสบความสำเร็จ ทำแบบนี้ต่อไปก็จะประสบความสำเร็จ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะวิธีนี้ ดีที่สุด คือเอาจริงๆ ผมว่าเค้าไม่ผิดนะครับ เพราะสิ่งที่เค้าเคยทำมามันประสบความสำเรจจริงๆ แต่ตอนนี้เวลามันเปลี่ยน เทรนทุกอย่างเปลี่ยนหมด ดังนั้น เค้าอาจจะไปเข้าใจเนื่องจากการมองธุรกิจที่ต่างกัน และ Generation ที่ต่างกันค่อนข้างมาก พี่น้องผม Gen X กันหมด ผู้ใหญ่ Gen Baby boom ครับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ
1. การคุยกันเกี่ยวกับแนวทางในการทำงานค่อนข้างน้อย ผมพยายามเซตให้มีการประชุมทุกเดือน แต่สุดท้ายจะจบลงด้วยการไม่มีข้อสรุป เพราะ ฝ่ายผู้ใหญ่จะไม่เอาเลย ถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลง เค้าจะคิดว่าไปดูถูกสิ่งที่เค้าทำมาไว้ครับ ดังนั้นเนี่ย แม้ที่ประชุมจะได้ข้อสรุป แต่สุดท้ายก็จะแพ้เสียงของผู้ใหญ่เพียงเสียงเดียว ทำให้การทำงานค่อนข้างลำบากมาก และการบริหารเปนไปแบบ กงสี ไม่มีการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้ทำงานอย่างชัดเจน ทำให้การทำให้เกิดความชัดเจนทางด้านบัญชีค่อนข้างยากครับ
2. จากการทำบช. แล้ว ผมพยายามตัดรายจ่าย เพราะยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดรายรับได้ แต่ทางผู้ใหญ่เค้าคิดว่า เงินของเค้าจะใช้อะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นเนี่ย ผมพยายามตัดรายจ่ายเท่าไหร่ ก็จะเกิดรายจ่ายใหม่อยู่ตลอดเวลาครับ แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีหนี้ครับ ยังกินบุญเก่าได้เรื่อยๆ ทำให้ในส่วนนี้ยังไม่ตึงเครียดมาก แต่ก็คุยไม่เข้าใจกันบ่อยๆ
3. จากการที่หน้าร้านรายได้ไม่เพียงพอ น้องชายผมทั้ง 2 คนรวมกับผม ก็พยายามจะออกไปหางานรับเหมามา เพื่อจุนเจือรายได้ แต่ก็เข้าแบบเดิมครับ คืองานไหนที่บางทีอาจจะยาก กำไรน้อย จะโดน ม.44 สั่งยกเลิกการทำงานทันที ให้เหตุผลว่า งานยากกำไรน้อย อย่าไปทำ สู้นั่งอยู่บ้านดีกว่า เรื่องอะไรจะไปให้มันเอาเปรียบเรา ผมเข้าใจนะครับว่าไม่อยากให้ลำบาก แต่ผมกลับคิดว่า งานอะไรก็ได้ กำไรน้อย ไม่ขาดทุนก็พอ ทำได้หมดแหละ เพราะตอนนี้ วงการรับเหมาก็แข่งขันสูงครับ
4. หลายๆอย่างในการทำงาน ค่อนข้างมีอุปสรรคเป็นอย่างมาก การจะพัฒนาด้านไหนๆ ก็แทบจะโดนปฏิเสธตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะใช้เหตุผลเท่าใด แต่ถ้าไม่ถูกใจ ก็ไม่รอดครับ โดยคิดว่า ต้องตามผู้นำเท่านั้น ห้ามเถียงห้ามสงสัย (ครอบครัวคนจีนค่อนข้างหัวโบราณครับ) พี่ๆ ท่านใดเคยพบเจออุปสรรคแบบนี้บ้างครับ จะรบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ อาจจะเป็น แนวทางในการพูดคุยกะผู้ใหญ่ หรือ แนวทางในการสู้กับทุนใหญ่ในวงการวัสดุก่อสร้าง เพราะจริงๆแล้ว อาจจะเป็นผมที่ผิดก็ได้ ที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่ผมอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงอะรไบางอย่าง เพราะกลัวว่าจะถึงจุดวิกฤตที่ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ทันอะครับ
5. ในกรณีแบบนี้ สิ่งแรกที่ควรจะทำคืออะไร ครับ เพราะผมพยายามยืดหยุ่นในการทำงานให้มากที่สุด รับฟังความคิดเหนที่แตกต่าง เพื่อให้งานเดินไปได้ แต่บางทีเจอ ม.44 บ่อยๆ ก็ท้อใจเหมือนกัน จนน้องชาย 2 คน อยากจะกลับไปทำงานที่ กทม แล้วอะครับ เพราะการเอาเรื่องว่าจะเพิ่มรายได้ที่ร้านยังไง ผู้ใหญ่ กลับคิดว่าเราไปดูถูกสิ่งที่เค้าทำมาอะครับ เลยยิ่งทำให้มืดแปดด้านเลย ทั้งๆที่เอายอดขายของร้าน มาประกอบการพูดคุย แต่ก็ไม่ได้ผลครับ