นักเรียน ม.ปลาย สู่สายนักธุรกิจกับชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล

กระทู้สนทนา
หาอะไรคะ ?! เสียงหวานๆเจือแสบแก้วหู ที่ฉันมักจะถามลูกค้าอยู่บ่อยครั้ง ฟังดูหาเรื่องนะคะ ! แต่จริงๆแล้วเปล่าเลย มันเป็นเพียงคำทักทายที่ใช้อยู่ประจำกับชีวิตแม่ค้า เส้นทางธุรกิจของครอบครัวค่ะ .. ปัจจุบันอายุ 24 ปี จะ 25 ค่ะ
.. ฉันเคยเรียนโรงเรียนที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นโรงเรียนคริสต์ค่ะ บ้านมีฐานะ(จากที่พ่อแม่หามา) มีรถรับส่ง ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 200฿ ฟังดูไฮโซโก้เก๋ เหมือนเป็นลูกคุณหนู ชีวิตมีทุกสิ่งดั่งใจฝัน >> นั่นคือความคิดของฉันผู้โง่เขลาที่ไม่รู้เลยว่า เบื้องหลัง ธุรกิจที่พ่อแม่ฝ่าฝันทำมากำลังเจอกับอุปสรรค และชีวิตของฉันกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล <<

.. ในทุกๆ ธุรกิจมีความเสี่ยง เราเริ่มจากศูนย์ถึงแสนถึงล้าน เราก็กลับมาศูนย์ได้ทุกขณะ ใครจะไปรู้เงินทำให้ฉันมีชีวิตสวยหรูได้ แต่เมื่อจังหวะ เวลาโอกาส ความผิดพลาดเข้ามามีบทบาทในธุรกิจ เงินก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราพังได้เหมือนกัน หนี้สิน เริ่มมีพันธะสัญญาผูกพันกับการเติบโตขยายใหญ่ของกิจการ เรากำลังเติบโตไปในทางที่ดี แต่ก็ได้ก้าวพลาดไปกับ หนี้นอกระบบ ดอกลอย ร้อยละ 25 ในตอนนั้น เมื่อการกู้ยืมเป็นไปอย่างราบเรียบแต่จังหวะของเศรษฐกิจไม่ตอบสนองยอดขาย เมื่อไม่มีเงินจ่าย เราก็ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของหนี้นอกระบบ พ่อแม่จึงตัดสินใจหลบตัวไปจำศีลตั้งตัวทำงานที่อื่นอยู่พักใหญ่ ... ในขณะที่พ่อแม่ไม่อยู่ ฉันและน้อง ก็ต้องเผชิญกับ บุรุษหมวกกันน็อคผู้มาทวงถามเงินทุกวันด้วยตัวเอง >> หลักการของเราหรอคะ ไม่รู้ไม่มี ไม่หนี ยังไม่จ่าย ตามสูตร เมื่อคนยืมไม่อยู่ จะมาทวงอะไรกับเด็กตาดำ ๆ << ... ซึ่งในตอนนั้น ฉันกำลังเรียนชั้น ม.5 เมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ ปัญหาที่ตามมาคือเงินค่าเทอม เมื่อไม่มีเงินค่าเทอม ฉันก็ทำได้แค่ ต่อสายให้พ่อแม่คุยกับอาจารย์ใหญ่ เมื่อไม่มีเงินมาจ่ายต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการเรียนตอนนั้น !????..... ทางโรงเรียนได้ขอให้ฉันหยุดการเรียนไปก่อนจนกว่าจะมีเงินมาจ่ายค่าเทอม ตอนนั้นแม้แต่ค่าสอบ gat pat 1,800 ฿ ฉันก็ยังไม่มีก่อนหน้านี้ ร้องไห้ไปโรงเรียนด้วยซ้ำ เพราะความกดดัน แต่โชคดีค่ะ มีเพื่อนที่ดี เพื่อนสาว 4-5 คนฉันจำได้ดี พวกเธอรวมเงินของพวกเธอคนละเล็กๆ น้อยๆ จนครบ เพื่อมาให้ฉันจ่ายค่าสอบ . รู้สึกตื้นตันและจดจำ จริงๆ ยิ้ม .....

เมื่อไม่มีเงินค่าเทอม ?? .... ฉันไปโรงเรียนในตอนเช้า และอาจารย์ขอให้กลับบ้านไปในวันนั้น ตอนเช้าวันนั้น!!  ฉันใส่ชุดนักเรียน นั่งรถกลับบ้านมา น้ำตาซึม แต่ฉันคิดว่า เรื่องแบบนี้ฉันจะไม่ยอมร้องไห้ออกมาไม่ว่ายังไง ฉันไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอ . หลังจากวันนั้นเก็บตัวเงียบอยู่นาน ใครถามว่าเรียนจบยังก็ไม่กล้าตอบ เหมือนเป็นความอัปยศอดสูในใจ กลัวทุกคนจะมองว่าเป็นเด็กใจแตก ความมั่นใจที่เคยมีอยู่สูงมาก ทิ้งดิ่งลงเหวเลยค่ะ พอวันที่พ่อกับแม่ไปทำงานที่อื่นจริงๆ ความรับผิดชอบ หน้าที่ของการพี่ และการต้องต่อกรกับเจ้าหนี้นอกระบบ มันบีบให้ต้องออกมาเผชิญโลกภายนอกในที่สุด
>> มันไม่ได้รุมเร้าแค่หนี้นอกระบบนะคะ ยอดขายไม่กระเตื้อง เคยจับเงิน ห้าพันห้าหมื่นห้าแสน แต่ในตอนนั้น 50 บาทยังยากเลยค่ะ ยอดขายไม่มีเงินไม่มี ค่าน้ำค่าไฟไม่มีจ่าย จุดเทียนเขียนหนังสือ เงินที่พอมีอยู่บ้างประทังชีวิต ซื้อน้ำประปาเป็นรถๆ มาอาบน้ำซักผ้า แม่ส่งมาให้บ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ทำไงได้ ยังไงเราต้องอยู่รอด <<
... กลับมาที่ เจ้าหนี้นอกระบบอีกครั้ง เผชิญหน้าทุกวันค่ะ มามันทุกวัน มากันทีละคนสองคนบ้าง มาแบบบอยแบนด์เป็นคณะก็มี แต่ถือใจนิ่ง ใจดีสู้เสือค่ะ ขู่อะไรมา เรานิ่งหมด เราบอกไม่รู้ ไม่มี จะเอาอะไรก็เอาไป .. โชคยังดีที่สายนอกระบบที่เราเจอเขาค่อนข้างจะนิ่งไม่ได้ยกปืนจ่อหัวขู่ หรือเผาบ้านเผาเรือน . .. เผชิญชีวิตอยู่แบบนี้ไปเกือบปี มีญาติผู้ใหญ่มาอยู่เป็นเพื่อนบ้างบางครั้ง .. ช่วงนั้นขายของไม่ได้ ไม่มีของมาเติม ถอยหลังๆ คู่แข่งตีข้ามแซงไปจนถึงดาวพระศุกร์ ดาวพลูโต ยูเรนัสแล้วค่ะ .. . ตอนนั้นขอใช้คำว่า อดทนกับชีวิตอย่างมาก อยู่ให้ได้ ทนให้ได้ รอวันที่พ่อกับแม่กลับมา .. .
!!!! และแล้ว ด้วยพลังของเราทุกคนในครอบครัว พ่อและแม่ก็กลับมาอย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง พร้อมเงินก้อนนึง ที่จะเอาชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของกิจการเรากลับมาอีกครั้ง ยิ้ม ... เมื่อชีวิตมีขึ้นมันย่อมมีลงได้ มันเป็นสัจจะธรรมของมนุษย์ ยามขึ้นอย่าหลง อย่าลงอย่าท้อ ท้อได้แต่อย่าถอย ขึ้นที่สูงได้ตกลงมาได้ แต่จงอย่าเจ็บ เจ็บได้แต่อย่านาน++-
To be continue .....

ฝากติดตามเรื่องราวและแรงบันดาลใจต่อไป ที่นี่ด้วยนะคะ

https://www.facebook.com/LuxorBible?ref=hl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่