เมื่อมนุษย์เงินเดือนอย่างผม อยากเป็นเจ้าของกิจการ Coworking Space ^_^ แค่คิดอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องลงมือทำด้วย ^_^

สวัสดีครับ ผมติดตามอ่านพันทิปมานาน แต่กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมโพสต์ เพราะว่าอยากจะถือโอกาสมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ทราบ

ผมเองเริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนหลายๆคนในที่นี้ ตั้งแต่เรียนจบมาก็มีความคิดมาตลอดว่าสักวันนึงจะต้องมีธุรกิจ หรือบริษัทเป็นของตัวเองให้ได้ ก็คิดมาตลอดๆ และก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงาน ศึกษาหาความรู้ใส่ตัว ระหว่างที่ทำงานก็เก็บเงินไปเรื่อยๆ ก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง จากวันนั้น ถึงวันนี้ ก็ผ่านมา 15 ปี เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ถึงแม้ว่าจะมีความสุขกับงานที่ทำ แต่ความคิดที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวมาตลอด 15 ปี

เดินทางร้อยลี้ ต้องเริ่มที่ก้าวแรก...

เวลาผ่านไปเร็วมากๆ เผลอแป๊ปเดียวเจ้าตัวเล็กของผมก็ลืมตามาดูโลกนี้ได้ 2 ปีกว่าๆแล้ว ผมเริ่มนึกถึงอนาคตมากขึ้น เราจะเอาชีวิตของคนในครอบครัวเดิมพันกับเงินเดือนอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน (ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว แฟนผมไม่ได้ทำงานประจำ) แล้วถ้าหากในอนาคตบริษัทเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วเลิกจ้างขึ้นมาล่ะ จะทำยังงัย ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี หลายๆบริษัทต่างก็มีแผนลดพนักงาน หรือ early retire กันถ้วนหน้า

ผมจึงเริ่มคิดอย่างจริงจังอีกครั้งว่าอยากจะทำอะไร โดยมีข้อแม้กับตัวเองว่า สำหรับครั้งนี้ "แค่คิดอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องลงมือทำด้วย" ก็เลยปรึกษากับที่บ้าน จนได้ข้อสรุปออกมาว่าผมอยากจะเปิดร้านแบบ Coworking Space เพราะอยากให้คนที่ทำงาน ทั้งแบบประจำ และไม่ประจำ ได้มีสถานที่ทำงานนั่งทำงานสบายๆ ไม่จำเป็นต้องฝ่ารถติดเข้าไปทำงานในเมือง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และที่สำคัญ เสียสุขภาพจิต... อีกทั้งยังต้องการให้เป็นแหล่งรวมบรรดา start up ที่อยู่ในโซนใกล้เคียงกัน ให้ได้มีโอกาส พบปะแลกเปลี่ยนความคิดกัน...

หลังจากนั้น ผมก็เริ่มมองหาสถานที่ โดยมีโจทก์ว่าจะต้องเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้ร้านอาหาร ใกล้ธนาคาร ฯลฯ และที่สำคัญต้องมีที่จอดรถสะดวก และสามารถจอดได้นาน (ผมให้ความสำคัญกับตรงนี้ เพราะ Coworking ที่ไปลองใช้บริการมาหลายๆที่ ไม่ค่อยมีที่จอดรถ หรือมีก็เก็บค่าที่จอดรถแพงกว่าค่าไปใช้บริการซะอีก) ก็ตระเวณขับรถไปดูมาหลายๆแห่ง รวมถึงไปลองนั่งทำงานใน Coworking Space หลายๆที่ในกรุงเทพฯ จนในที่สุด ก็มาได้พื้นที่ที่เดิมเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ ซึ่งตั้งอยู่ใน commmunity mall แถวรังสิตคลอง 2 ซึ่งดูจากทำเลแล้วโดยรวมแล้วก็น่าจะโอเค เลยตัดสินใจเช่าพื้นที่...

สภาพเดิมๆ ตอนที่เข้าไปดู




เมื่อได้สถานที่แล้ว ก็ติดต่อนักออกแบบให้เขียนแบบออกมา โดยผมมีโจทก์ว่า
1. อยากให้เป็น Coworking Space ที่ดูโล่ง โปร่ง และดูเรียบง่าย
2. ให้ความสำคัญกับเก้าอี้นั่ง เพื่อให้คนนั่งทำงานได้นาน และสบาย
3. พยายามใช้โครงสร้างเดิมให้ได้มากที่สุด เพื่อประหยัดงบประมาณ

กว่าจะรีวิว แก้ไข และสรุปแบบ เวลาก็ผ่านไปร่วม 1 เดือน มารู้ตัวอีกทีตอนที่มีใบเสร็จมาเรียกเก็บค่าเช่าสำหรับเดือนถัดไป (อืมมม เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ... อีกแล้ว) เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่ามีรายจ่ายวิ่งตามอยู่ทุกวัน จึงต้องเร่งงานอย่างอื่นให้เสร็จเร็วขึ้น

รีบให้ผู้รับเหมา เข้ามาเริ่มงาน


เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง


สภาพเดิมภายนอกร้าน รอทาสี


ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะวันธรรมดาก็ต้องไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนตามปกติ ตอนเย็นหลังเลิกงานต้องรีบกลับมาดูความคืบหน้าที่หน้างาน กลางคืนหลังจากส่งลูกเข้านอน ผมกับภรรยาก็ต้องมานั่งช่วยกันคิด และวางแผนงาน และแผนการเงิน เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเดินเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ และของต่างๆ สำหรับใช้ในร้าน...... เวลาผ่านไปอีก 1 เดือนกว่าๆ งานปรับปรุงพื้นที่ก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมตกแต่ง และพร้อมเปิดให้บริการ

ป้ายหน้าร้าน
ผมใช้ชื่อว่า NESTWORK Coworking Space เพราะอยากสื่อถึง แหล่ง(รัง) ทำงานที่ไม่ได้ใหญ่มาก สำหรับพวก Start up หรือ Freelance  (เปรียบเหมือนนกที่เพิ่งหัดบิน หรือนกที่บินได้แบบอิสระ... อืมม คิดไปซะไกล)


โซนนั่งทำงาน lobby เลือกเป็นเก้าอี้แบบอาร์มแชร์


โซนนั่งทำงานสำหรับ member เลือกเป็นเก้าอี้หนังแบบมีล้อ เพื่อให้สบาย และนั่งได้นาน


ห้องประชุม แบ่งเป็น 3 ห้อง ทั้งแบบโซฟา และแบบโต๊ะประชุมสำหรับคุยงานเป็นกลุ่ม




ที่สำคัญ และขาดไม่ได้ .... เครื่องดื่มไว้บริการฟรี ทั้งชา กาแฟ ....
(โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบดื่มกาแฟเวลาทำงาน เลยเลือกเป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ที่ทำได้ทั้งคาปูชิโน่ และลาเต้ เพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้ใช้ และ self-service)


ถึงตอนนี้ NESTWORK Coworking Space ของผมก็เริ่มเปิดให้บริการมาได้สักระยะนึงแล้ว ผมรู้สึกว่าการเปลี่ยนตัวเองจากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นเจ้าของกิจการ เส้นทางนี้ไม่ได้ง่าย แต่ก็คงจะไม่ยากจนเกินไป หากเรามีความตั้งใจ อดทน และลงมือทำมันจริงๆ กำลังใจทั้งหมดที่ทุ่มเททำ ก็มาจากเจ้าตัวเล็กนี่แหละครับ (ผมกลับมาถึงบ้าน ก็จะวิ่งเข้ามาบอก ป่าป๊า สู้ๆนะ... แค่นี้ก็มีแรงฮึดสู้ต่อแล้ว 555) ยิ้มหัวใจ


สุดท้ายนี้ ผมขอฝากข้อคิดที่ผมได้จากการทำงานในครั้งนี้
1. แค่คิดอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้อะไรเกิดขึ้นได้ ต้องลงมือทำด้วย
2. เวลาเป็นสิ่งมีค่ามาก สำหรับเจ้าของกิจการมือใหม่อย่างผม นับจากวันที่ตัดสินใจเช่าพื้นที่ มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกวัน ผมต้องทำทุกวิธีเพื่อให้ร้านเปิดดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด
3. ต้องอาศัยความอดทน และทุ่มเททำงานหนัก ผมใช้เวลาในการเตรียมงานต่างๆ ในช่วงกลางคืน (หลังจากที่ส่งลูกเข้านอนแล้ว) ตอนเย็นหลังเลิกงาน และช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ก็เป็นเวลาในการเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ ซื้อของเข้าร้าน และคุมก่อสร้างหน้างาน ส่วนตอนกลางวันก็เป็นมนุษย์เงินเดือนตามปกติ
4. งบลงทุน และเงินสด เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องวางแผน เตรียมการ และจัดการให้ดี

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่