ทำไมการ "ทำตามความฝัน" ในความคิดของหลายๆคนถึงมีแต่การไปทำเรื่องแนวๆ หรือการทำธรุกิจ

พอพูดเรื่องทำตามความฝัน เวลาถามใครหลายๆคน ก็มักจะมีแต่คนพูดถึงการไปทำอะไรคูลๆ
อย่างเช่น เป็นนักดนตรี นักร้อง เขียนหนังสือ เปิดร้านกาแฟแนวๆ เปิดแกลเลอรี่
หรือคนจำนวนหนึ่ง ก็จะไปแนวทำธุรกิจ เปิดกิจการของตัวเอง อะไรแบบนี้
ทั้งสองแบบข้างบนนี้อาจจะต่างกันในแนวทาง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เกือบทุกคนจะมองว่า การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นมันไร้ค่า
ทำงานให้คนอื่น เหมือนหนูติดจั่นที่หาทางออกไม่เจอ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะรีบๆออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนเสีย

ผมไม่เถียงครับว่าการทำธุรกิจ มันรวยกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนจริง (ถ้าคุณทำสำเร็จ)
แต่เมื่อพูดถึงการทำตามความฝันแบบที่หลายๆคนชอบพูดถึงกัน ว่าคนเราควรกล้าทำตามความฝัน
ผมก็สงสัยว่า แล้วโลกนี้มันจะมีสักคนไหมที่ ความฝันของเขาคือการเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ
หรืออาจจะไม่ได้ฝันว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนโดยตรง แต่ก็ฝันอะไรที่มันดูน่าเบื่อ ไม่เท่ ไม่แนว ไม่รวย
อย่างเช่นเป็นอาจารย์ เป็นนักวิจัย หรือเป็นผู้จัดการให้บริษัทคนอื่น
ทำไมการทำตามความฝันต้องเป็นการลาออกจากการเป็นลูกจ้างเสมอไป?
(แปลกที่อันที่จริงนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็เป็นมนุษย์เงินเดือน หรือนักบินก็เป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ก็ยังมีคนอยากเป็นกัน สรุปว่าเพราะได้เงินเยอะ?)

ผิดไหมที่ความฝันของใครซักคนมันจะเป็นอะไรน่าเบื่อธรรมดาๆ
เราอยากทำตามความฝัน เพราะเราอยากทำมันจริงๆ หรือเพราะว่าแค่มันเท่ หรือมันรวย
หรือเพราะเราแค่เบื่องานที่ต้องทำทุกวันๆ เลยฝันว่าอยากจะทำอะไรที่มันสบายๆ
หรือถ้าทุกคนไปทำตามความฝันแบบนี้กันหมด เราไปกินข้าวก็คงไม่มีเด็กเสิร์ฟ เปิดร้านกาแฟแนวๆของเราก็คงไม่มีเด็กช่วยงานเช่นกัน
จานชามแก้ว โต๊ะเก้าอี้ก็คงต้องทำเอง หรือจ้างช่างฝีมือทำแบบแฮนด์เมด เพราะไม่มีใครเป็นลูกจ้างผลิตจานชามแก้ว เก้าอี้

สำหรับผมความฝันก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปครับ แค่นึกสงสัยขึ้นมาเฉยๆ ว่าโลกนี้มันมีไหมคนที่ฝันจะทำอะไร "ธรรมดาๆ" ให้มันดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่