เรื่องโหมด M กับความเข้าใจผิดๆ

เห็นแล้วหงุดหงิดไม่รู้ใครพาเชื่อว่า   

1 โหมด  M  เป็นโหมดที่ดีที่สุด
2 ช่างภาพมืออาชีพใช้โหมด M
3 เมื่อก่อนใช้แต่ออโต้ ตอนนี้ใช้โหมด M
4 โหมด M ดีที่สุดเพราะเราเป็นคนควบคุมกล้องเองทุกอย่าง
ฯลฯ
นึกออกแค่นี้นะครับ เลยจะขอคุยแค่นี้ก่อน

ข้อแรก  ความเข้าใจผิดคือ โหมด M ไม่ใช่โหมดที่ดีที่สุดนะครับ บางสถานการณ์มันก็เป็นโหมดที่แย่ ช้า และสร้างความยุ่งยากให้ลิงหลังกล้องมากที่สุดครับ เพราะลิงหลังกล้องต้องมาเสียเวลา  "งม"  ปรับทุกๆอย่างด้วยตัวเอง ให้ได้ค่าที่ดีที่สุด กว่าจะได้กดชัตเตอร์ จังหวะที่ดี ที่ควรกดชัตเตอร์ก็ผ่านไปแล้ว ดังตัวอย่างนี้ การใช้โหมดออโต้อย่าง "เข้าใจ" รู้จักเลือกจุดที่จะวัดแสง ชดเชยแสง มีเทคนิคในการปรับตั้งกล้อง ก็จะช่วยลดระยะเวลาการปรับตั้งกล้องให้น้อยที่สุด เอาเวลาไปใส่ใจกับสิ่งที่จะบันทึกภาพดีกว่า

ข้อ 2 ความเข้าใจผิดคือ  ช่างภาพมืออาชีพเค้าเข้าใจทุกโหมด ใช้เป็นทุกโหมด เพียงแต่เลือกปรับกล้องไว้ในโหมดที่ "คุ้นเคย" ในสภาพการณ์ที่ ปกติ... ยกเว้นต้องถ่ายภาพอะไรที่มันซับซ้อน ยุ่งยากมากขึ้น หรือต้องการล็อคค่าการปรับตั้งอะไรบางอย่างไม่ให้คลาดเคลื่อน เค้าอาจจะปรับไปใช้โหมด M ไปใช้การวัดแสงเฉพาะจุด ฯลฯ คนที่เป็นมือใหม่ไปเข้าใจผิดๆว่าอยากดูโปร ดูเก่งต้องใช้โหมด M ทั้งที่พื้นฐานคุณยังไม่แน่น ไม่เข้าใจหลักการทำงานของกล้อง ก็ปรับมั่วไปหมด  งง ไปกันใหญ่ ภาพมืดเกิน ภาพสว่างเกิน เละเทะครับ อย่างผมก็ใช้โหมดออโต้ โหมด A เป็นหลัก เพราะคุ้นมือ ก่อนกดชัตเตอร์ถ้าอยากได้ภาพชัดตื้น ก็ปรับค่า F-stop ไปที่ตัวเลขน้อยๆ กล้องก็เลือกความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสมให้เราเอง พอจะหันกล้องไปถ่ายภาพหมู่ หรือธรรมชาติที่อยากให้ชัดลึก ทั่วทั้งภาพ ก็ปรับค่า F ไปที่ตัวเลขมากๆ กล้องก็เลือกความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสมให้เอง โดยที่ผมไม่ต้องไปเสียเวลาปรับค่า Speed Shutter อีก ง่ายๆแค่นี้เอง

ข้อ 3 ความเข้าใจผิดคือ การที่บางคนใช้โหมดออโต้ ตั้งแต่หัดเล่นกล้อง ไปจนเป็นมือโปร ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เก่ง การที่คุณดูถูกโหมดออโต้ ไปใช้โหมด M ทั้งที่ไม่เข้าใจหลักการ บางทีดูเป็นการถอยหลังลงคลองด้วยซ้ำ กรณีนี้ไม่มี  ผิด ถูก  นะครับ โปรบางคนใช้เป็นแต่โหมด M เพราะหัดเล่นมาตั้งแต่ยุคกล้องแมนนวล พอเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลก็ยังไม่เรียนรู้โหมดอื่นเพิ่ม  ถามว่าผิดมั้ย ก็ไม่นะครับ แต่เสียโอกาสที่กล้องรุ่นใหม่ในมือทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ตัวเองมัวใช้แต่ M ........... หรือบางคนใช้ออโต้จนคล่อง ปรับตั้งค่า ชดเชยแสงและสารพัดวิธีได้จากโหมดออโต้ ก็ได้ภาพสวย งานดีมากมาย

ข้อ 4 ความเข้าใจผิดคือ  การควบคุมทุกอย่างเองทั้งหมด บางครั้งมันคือข้อเสีย ที่ทำให้เราต้องเสียเวลาโดยใช่เหตุ มาวุ่นวายปรับนั่นนี่ เสียเวลาพิจารณาสิ่งน่าสนใจที่จะบันทึก

ขยายความเพิ่มเติม............... เผื่ออ่านมาแล้วมือใหม่ยังไม่เข้าใจ

หลักการทำงานของกล้อง เพื่อให้ได้ภาพที่พอดี ไม่มืดไป สว่างไป คือ ความสัมพันธ์ของรูรับแสง( F- Stop) กับความเร็วชัตเตอร์( Speed Shutter)  
จะใช้โหมดไหน จะใช้กล้องอะไร ก็อยู่บนพื้นฐานนี้ครับ ทั้ง 2 อย่างต้อง พอดี ไม่มาก ไม่น้อย แล้วจะได้ภาพที่สวย(หมายถึงค่าแสงที่ถูกต้องตามหลักการนะครับ ยกเว้นการปรับให้มืดหรือสว่างกว่าค่าปกติ เพื่อผลพิเศษบางอย่าง เช่นภาพ ไฮคีย์ โทนสีสว่างๆ หรือภาพซิลลูเอต เงาดำ กับท้องฟ้าสีจัดๆ)

ค่า F ที่ตัวเลขน้อยๆ หมายถึงรูรับแสงกว้าง แสงจะเข้ามากระทบเซ็นเซอร์รับภาพได้มาก จึงต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ (S) ที่ตัวเลขสูงๆ เช่น 1/60 หรือมากกว่านั้น ตามสถานการณ์ นอกจาก 2 ส่วนนี้ค่า ISO ก็มีผลเช่นกัน ค่า ISO ตัวเลขน้อยๆ ก็จะทำให้ไฟล์ภาพเนียน ไม่มีสัญญาณรบกวนมาก และส่งผลถึงการปรับตั้งค่า F และ S ด้วยในเวลาเดียวกัน

สถานการณ์ตัวอย่าง........... มีตากล้อง 2 คนจะถ่ายภาพเดียวกัน เป็นภาพวิว ทิวเขา กล้องทั้ง 2 ตั้ง ISO ไว้ที่ 200
คนแรกใช้โหมด A  สิ่งที่ทำคือ ปรับค่า f ไปที่ 11 เพราะอยากให้ภาพนี้ชัดลึก ครอบคลุมระยะต่างๆในภาพให้มากที่สุด โดยที่ขอบภาพไม่เบลอมากนัก(เลนส์ส่วนใหญ่ปรับไปที่ 22 ขอบจะไม่คมชัด) กล้องเลือกความเร็วชัตเตอร์ให้ที่ 1/30 เขากด 1 ภาพแล้วดูที่หลังกล้อง พบว่าภาพได้พอดี ไม่มืดหรือสว่างไป แต่เขาอยากได้โทนสีเข้มอีกนิดจากภาพนี้ จึงปรับ "ชดเชยแสง" ไป -2/3 stop ที่จอบนตัวกล้องและในช่องมองภาพแสดงค่าว่า  1/50 แล้วกดบันทึกภาพที่ 2 จบ.... ง่ายๆ

อีกคนใช้โหมด M .......... ตั้งค่า ISO ไว้ที่ 200 เช่นกัน แต่มีความเข้าใจผิดๆว่า ถ้าตั้งโหมด M แล้วเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ เขาจึงปรับค่า f ไปที่ 11 เหมือนเพื่อน แต่ปรับความเร็วชัตเตอร์เป็น 1/250 เพราะเขากลัวภาพสั่น ความเร็ว 1/250 เขามั่นใจกว่า  ตั้งค่าเสร็จกดชัตเตอร์ ปรากฏว่าภาพมืดมาก (ค่าแสงที่ได้ ไม่พอดี) เขาจึงหันไปถามเพื่อนว่าทำไมเขาถ่ายมาแล้วภาพมืด เพื่อถามว่าตอนปรับกล้อง ได้ดูที่ สเกลวัดแสง(ขีดๆแบบไม้บรรทัด) ว่ามันอยู่กึ่งกลาง ( 0 ) หรือขีดมันแสดงไปทางลบ ( - ) รึเปล่า
เขาก้มดูกล้องตัวเองแล้วพบว่า อ้อ... ไอ้เส้นขีดๆแบบไม้บรรทัดมันวิ่งไปทาง ลบ นี่เอง
เพื่อนจึงบอกให้หมุนวงแหวนที่กล้อง ปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ให้ลดลง จนได้จุดกึ่งกลางบนสเกลแสดงผลวัดแสง
เขาปรับจนเป็นแบบที่เพื่อนมือโปรบอก ........ บนจอกล้องแสดงค่าว่า  F 11   ,   1/30  ISO 200

เห็นมั้ยครับว่า  ณ  สถามการณ์เดียวกัน ค่า ISO เดียวกัน ถ้าคุณต้องการผลของภาพเหมือนกัน ต่อให้ใช้โหมดไหน กล้องก็บังคับให้คุณปรับค่าต่างๆมาอยู่ใน สัดส่วนนี้เหมือนๆกัน

เคยอ่านเจอว่า ช่างภาพถ่ายกีฬาบอกว่า เขาใช้โหมด S เพราะเขาเป็นคนควบคุม Speed Shutter เอง อยากช้าอยากเร็วก็ปรับเอง โหมด S ดีที่สุด โหมดอื่นไม่เหมาะถ่ายกีฬา..... อ่านแล้วผมเห็นต่าง ผมคิดว่าโหมดอื่นก็สามารถถ่ายภาพกีฬาได้ดีเช่นกัน หากสภาพแสงและสถานการณ์ ณ ตรงนั้นอยู่ในขอบเขตที่โหมด A โหมด M หรือโหมดอื่นในกล้องจะยืดหยุ่นต่อการควบคุมกล้องได้ ตามจินตนาการ.... สมมุติว่าผมไปถ่ายกีฬาตอนเย็นๆ ผมใช้โหมด A ถ้าผมอยากได้ความเร็วชัตเตอร์สูง ผมก็ตั้งค่า F ให้ตัวเลขน้อยที่สุด เช่นเลนส์ผมกว้างสุดได้ f2.8 กล้องเลือกความเร็วชัตเตอร์ให้ที่ 1/125 ผมก็ดูว่าความเร็วที่กล้องเลือกให้มันพอที่จะหยุดแอคชั่นนักกีฬาได้หรือยัง?? ถ้ายัง  ผมก็ปรับค่า ISO ให้สูงขึ้น เช่นจาก iso 400 ผมก็ปรับเป็น iso 800 หรือ 1600 เพื่อให้เซ็นเซอร์รับแสงได้ดีขึ้น ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่มากขึ้น......... จบ ถ่ายออกมาได้ภาพที่ดี และทำงานได้รวดเร็วเช่นกัน

หากช่างภาพอีกคนบอกว่าโหมด S ดีที่สุด ผมอยากถามว่า ถ้าแสงเย็นๆ iso 400 ที่ค่า f 2.8 ความเร็วชัตเตอร์ที่ได้ภาพพอดีคือ 1/125 เหมือนกัน....ถามว่าเขาคุมความเร็วชัตเตอร์ได้ คือยังไง??? ปรับไป 1/500 โดยที่ภาพจะพอดีเหรอ??? ไม่นะครับ ภาพจะมืดเกินไป (เหมือนตัวอย่างข้างบนเรื่องคนที่ถ่ายวิว) ทางแก้ที่จะให้ได้ค่าแสงที่พอดีคือ ลดความเร็วชัตเตอร์ ลงมาเป็น 1/125 แบบที่กล้องผมวัดค่าได้ หรือปรับ iso ให้สูงขึ้น เพื่อขยายขอบเขตการปรับค่า S ให้ได้มากขึ้นจาก 1/125

แบบนี้ถามว่ามันต่างกับผมตรงไหน??? วิธีการ รายละเอียดต่าง แต่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน และสุดท้ายก็เพื่อผลเดียวกัน

อ่านแล้วลองไปวิเคราะห์และทดลองด้วยตัวเองดูนะครับ แล้วจะเข้าใจสิ่งที่ผมบอก

**** ผมมาแก้ไขบางจุดเพิ่มเติมนะครับ *****
แก้ไขครั้งที่ 1 ..... เปลี่ยนคำที่กระทบจิตใจช่างภาพ ที่ถ่ายภาพกีฬา ปรับคำให้ไม่ระคายหู และขยายความอีกนิด เพื่อป้องกันการแปลเจตนาการเขียนผิดไป.......... ผมต้องการบอกว่า ถ่ายกีฬา ก็ไม่ได้แปลว่า S จะดีที่สุด โหมดอื่นไม่เหมาะ(ในระดับที่ไม่ได้ภาพดีๆ) และที่ยกตัวอย่างโหมด A เพราะมันน่าจะนึกภาพออกได้ง่าย ต่างกันที่การปรับ F stop กับ Shutter Speed.....

ในจุดนี้หากผมใช้คำที่ไม่เหมาะสม ผมต้องขออภัยจริงๆครับ ไม่ได้มีเจตนาดูถูก ที่บอกว่าขำ คือขำในระดับที่เฮฮา ไม่ใช่ดูถูกนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่