คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
1.ค่ารูรับแสง
ปรับเมื่อต้องการให้หน้าชัดหลังเบลอ หรือต้องการให้หน้าชัดหลังชัดลึก ชัดตื้นชัดลึกนั่นเอง F ตัวเลขน้อย คือค่ารูรับแสงจะกว้าง เมื่อกว้างแล้วจะทำให้สามารถรับแสงเข้ามายังกล้องได้มาก ภาพจะสว่างมาก หาก F ตัวเลขยิ่งมาก ค่ารูรับแสงจะแคบ ทำให้กล้องเปิดรับแสงได้น้อยทำให้ภาพมืด
2.สปีดชัตเตอร์ เท่าที่รู้ค่านี้จะไปในแนวทางเดียวกับค่า ISO คือถ้าค่าใดค่าหนึ่งสูง อีกค่าก็จะสูงตามไปโดยอัตโนมัติ ถ้าต่ำก็จะต่ำตามกัน
สปีดชัตเตอร์จะใช้ก็ต่อเมื่อ เราต้องการถ่ายภาพที่มีความเร็ว
หากเราต้องการให้ภาพหยุดนิ่ง เราต้องปรับค่า S ให้สูง สูงแค่ไหนอยู่ที่ความเร็วของวัตถุนั้นๆครับ หากต้องการถ่ายให้ภาพรู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหว ให้ปรับ S ต่ำลง ต่ำลงแค่ไหนก็ต้องลองถ่ายดูว่าแค่ไหนถึงจะพอดี แล้วแต่ความเร็วของวัตถุนั้นเช่นกัน
ทีนี้การที่เราปรับค่า S ต่ำจะส่งผลให้ภาพเบลอได้ จึงจำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องในการช่วยถ่ายครับ
ทีนี้ที่บอกว่าค่า S มีความสัมพันธ์ทางเดียวกันกับ ISO ก็ไม่ถูกนะครับ ค่า ISO คือค่าความไวแสง ช่วยเพิ่มความสว่างจากตัวกล้องเอง ไม่ได้เกิดจากเลนส์ครับ ซึ่งเมื่อคุณดัน ISO ยิ่งสูง ยิ่งทำให้เกิดเม็ดที่เรียกว่า noise ขึ้นทำให้ภาพดูแตก เกิดเม็ดๆในภาพ
ซึ่งการจะปรับ ISO เพิ่มหรือลด จริงๆมันจะต้องให้สัมพันธ์กันทั้ง F S และ ISO ครับ มิใช่ S อย่างเดียว
ตัวอย่างนะครับ เมื่อคุณถ่ายภาพกลางแจ้ง แม้คุณจะใช้ ISO ต่ำเพียง 100 แต่ S ยังคงสูงไปถึงระดับ 1000 ได้ เนื่องจากแสงที่เข้ามายังรูรับแสงเข้ามามาก
หากคุณเลือกโหมด A ในการถ่าย คุณสามารถ fix ค่า F ได้ตามความต้องการโดยค่า F นี้จะไม่ขยับตาม จะมีเพียงค่า S เท่านั้นที่เปลี่ยนไปมาตามสภาพแสง
หากคุณเลือกโหมด S ในการถ่าย คุณสามารถ fix ค่า S ได้ตามความต้องการ แต่ค่า F เท่านั้นที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแสง
หากคุณใช้โหมด M คุณจะสามารถ fix ทั้งค่า F และ S ได้ โดยที่ค่าไม่เปลี่ยน แต่ภาพจะสว่างหรือมืดได้ อยู่ที่คุณวัดแสง โดยมีสเกลเป็นตัวบอกข้างล่างของจอภาพ ซึ่งในโหมดนี้คุณสามารถปรับค่าสเกลโดยการปรับค่า F และ S ให้สัมพันธ์ จะทำให้สเกลวัดแสงเปลี่ยนแปลง
3. แล้วถ้ามาจากสายออโต้ฯ ควรจะเริ่มหรือเน้นให้ความสำคัญกับการปรับค่าของอะไรก่อนที่สุดครับ
พอดีพึ่งได้ E-PM2 มาครับ ลองปรับไปปรับมาแล้วมันมั่วๆเละๆไงก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็พึ่ง iAuto อย่างเดียวเลย
ลองเล่นโหมด A ก่อนก็ได้ครับ ปรับความชัดตื้นชัดลึก เพราะคนส่วนใหญ่ถ่ายภาพ ก็ใช้ ชัดตื้นชัดลึกเป็นหลัก ดู S ที่ปรับเปลียนไปด้วยนะครับ หากน้อยเกินไปจะทำให้ภาพสั่นไหวได้ วิธีแก้โดยการปรับเพิ่ม ISO ค่า S จะเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับที่เราสามารถถือถ่ายโดยไม่สั่นไหวได้ ถ่ายแล้วได้ผลยังไงเอาภาพมาลงให้ดูก็ได้ครับ แล้วจะตอบเป็นข้อๆไปว่า
หวังว่าจะสนุกกับการถ่ายภาพนะครับ
เรื่องการวัดแสงยังไม่ขอเน้นนะครับ เพราะมันเริ่มยากสำหรับคนที่เริ่มเล่นครับ
ปรับเมื่อต้องการให้หน้าชัดหลังเบลอ หรือต้องการให้หน้าชัดหลังชัดลึก ชัดตื้นชัดลึกนั่นเอง F ตัวเลขน้อย คือค่ารูรับแสงจะกว้าง เมื่อกว้างแล้วจะทำให้สามารถรับแสงเข้ามายังกล้องได้มาก ภาพจะสว่างมาก หาก F ตัวเลขยิ่งมาก ค่ารูรับแสงจะแคบ ทำให้กล้องเปิดรับแสงได้น้อยทำให้ภาพมืด
2.สปีดชัตเตอร์ เท่าที่รู้ค่านี้จะไปในแนวทางเดียวกับค่า ISO คือถ้าค่าใดค่าหนึ่งสูง อีกค่าก็จะสูงตามไปโดยอัตโนมัติ ถ้าต่ำก็จะต่ำตามกัน
สปีดชัตเตอร์จะใช้ก็ต่อเมื่อ เราต้องการถ่ายภาพที่มีความเร็ว
หากเราต้องการให้ภาพหยุดนิ่ง เราต้องปรับค่า S ให้สูง สูงแค่ไหนอยู่ที่ความเร็วของวัตถุนั้นๆครับ หากต้องการถ่ายให้ภาพรู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหว ให้ปรับ S ต่ำลง ต่ำลงแค่ไหนก็ต้องลองถ่ายดูว่าแค่ไหนถึงจะพอดี แล้วแต่ความเร็วของวัตถุนั้นเช่นกัน
ทีนี้การที่เราปรับค่า S ต่ำจะส่งผลให้ภาพเบลอได้ จึงจำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องในการช่วยถ่ายครับ
ทีนี้ที่บอกว่าค่า S มีความสัมพันธ์ทางเดียวกันกับ ISO ก็ไม่ถูกนะครับ ค่า ISO คือค่าความไวแสง ช่วยเพิ่มความสว่างจากตัวกล้องเอง ไม่ได้เกิดจากเลนส์ครับ ซึ่งเมื่อคุณดัน ISO ยิ่งสูง ยิ่งทำให้เกิดเม็ดที่เรียกว่า noise ขึ้นทำให้ภาพดูแตก เกิดเม็ดๆในภาพ
ซึ่งการจะปรับ ISO เพิ่มหรือลด จริงๆมันจะต้องให้สัมพันธ์กันทั้ง F S และ ISO ครับ มิใช่ S อย่างเดียว
ตัวอย่างนะครับ เมื่อคุณถ่ายภาพกลางแจ้ง แม้คุณจะใช้ ISO ต่ำเพียง 100 แต่ S ยังคงสูงไปถึงระดับ 1000 ได้ เนื่องจากแสงที่เข้ามายังรูรับแสงเข้ามามาก
หากคุณเลือกโหมด A ในการถ่าย คุณสามารถ fix ค่า F ได้ตามความต้องการโดยค่า F นี้จะไม่ขยับตาม จะมีเพียงค่า S เท่านั้นที่เปลี่ยนไปมาตามสภาพแสง
หากคุณเลือกโหมด S ในการถ่าย คุณสามารถ fix ค่า S ได้ตามความต้องการ แต่ค่า F เท่านั้นที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแสง
หากคุณใช้โหมด M คุณจะสามารถ fix ทั้งค่า F และ S ได้ โดยที่ค่าไม่เปลี่ยน แต่ภาพจะสว่างหรือมืดได้ อยู่ที่คุณวัดแสง โดยมีสเกลเป็นตัวบอกข้างล่างของจอภาพ ซึ่งในโหมดนี้คุณสามารถปรับค่าสเกลโดยการปรับค่า F และ S ให้สัมพันธ์ จะทำให้สเกลวัดแสงเปลี่ยนแปลง
3. แล้วถ้ามาจากสายออโต้ฯ ควรจะเริ่มหรือเน้นให้ความสำคัญกับการปรับค่าของอะไรก่อนที่สุดครับ
พอดีพึ่งได้ E-PM2 มาครับ ลองปรับไปปรับมาแล้วมันมั่วๆเละๆไงก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็พึ่ง iAuto อย่างเดียวเลย
ลองเล่นโหมด A ก่อนก็ได้ครับ ปรับความชัดตื้นชัดลึก เพราะคนส่วนใหญ่ถ่ายภาพ ก็ใช้ ชัดตื้นชัดลึกเป็นหลัก ดู S ที่ปรับเปลียนไปด้วยนะครับ หากน้อยเกินไปจะทำให้ภาพสั่นไหวได้ วิธีแก้โดยการปรับเพิ่ม ISO ค่า S จะเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับที่เราสามารถถือถ่ายโดยไม่สั่นไหวได้ ถ่ายแล้วได้ผลยังไงเอาภาพมาลงให้ดูก็ได้ครับ แล้วจะตอบเป็นข้อๆไปว่า
หวังว่าจะสนุกกับการถ่ายภาพนะครับ
เรื่องการวัดแสงยังไม่ขอเน้นนะครับ เพราะมันเริ่มยากสำหรับคนที่เริ่มเล่นครับ
แสดงความคิดเห็น
-'๏'- -'๏'- -'๏'- สอบถามนิด.. เวลาจะถ่ายรูปเน้นปรับค่าไหนมากที่สุดครับ? ระหว่าง ... -'๏'- -'๏'- -'๏'-
2.สปีดชัตเตอร์ เท่าที่รู้ค่านี้จะไปในแนวทางเดียวกับค่า ISO คือถ้าค่าใดค่าหนึ่งสูง อีกค่าก็จะสูงตามไปโดยอัตโนมัติ ถ้าต่ำก็จะต่ำตามกัน
3. ข้อ 1 กับ 2 รวมกัน คือเน้นปรับพร้อมๆกันเลย ..อันนี้ผมว่าเหมาะกับคนที่ปรับคล่องและเก่งทั้งสองค่าแล้ว(มั้ง)
แล้วถ้ามาจากสายออโต้ฯ ควรจะเริ่มหรือเน้นให้ความสำคัญกับการปรับค่าของอะไรก่อนที่สุดครับ
พอดีพึ่งได้ E-PM2 มาครับ ลองปรับไปปรับมาแล้วมันมั่วๆเละๆไงก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็พึ่ง iAuto อย่างเดียวเลย
iAuto
ต้นอะไรก็ไม่รู้(ซื้อแบบไม่รู้) ตอนเล็กๆไม่มีอะไร พอโตดันทะลึ่งซะงั้น
iAuto