สวัสดีค่าาาาาา Review นี้เป็นครั้งแรกที่ลองจับคีย์บอร์ดเขียน Review การท่องเที่ยวอย่างเป็นจริงเป็นจัง หากมีข้อผิดพลาดใดๆ จขกท. มือใหม่(มากกก) คนนี้ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค้า
**เปลี่ยนชื่อกระทู้จาก
http://ppantip.com/topic/34179983 ค่า
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ออกเดินทางจากกรุงเทพ 19.00 วันศุกร์ กลับถึงกรุงเทพ 18.00 วันอาทิตย์ค่ะ โดยมีโปรแกรมคร่าวๆดังนี้
วันที่ 1 : ออกจาก กทม. 19.00 พักผ่อนเตรียมขึ้นภูทับเบิก
วันที่ 2 : เช้าภูทับเบิก - บ่ายล่องแก่งลำน้ำเข็ก - กลับขึ้นภูทับเบิก
วันที่ 3 : เช้าภูทับเบิก - แวะ Pino Latte - กลับกทม.
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมๆแล้วประมาณ
3000 บาท/คน ค่ะ ไปกัน 7 คนโดยขับรถกันจากกรุงเทพไปเอง ทางขึ้นภูทับเบิกถนนดีมากๆเรียบเนียนตลอดทาง แต่มีหลายจุดที่เป็นทางโค้งและชัน อีกทั้งถ้าขึ้นไปช่วงหมอกลงหนา ทัศนวิสัยจะแย่พอสมควรเลยค่ะ ถ้าจะขับขึ้นเอง แนะนำว่าต้องอาศัยผู้ขับขี่ที่ชำนาญการขับรถขึ้นเขาพอสมควร
วันที่ 1
19.00 น.
เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร
00.00 น.
ถึงอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แวะพักผ่อน 1 คืนเพื่อเตรียมพร้อมที่โรงแรมธัญธารา ค่าโรงแรมคืนละ 742 บาท/ห้องค่ะ เติมพลังสำหรับเดินทางขึ้นภูทับเบิกในวันรุ่งขึ้นค่า
วันที่ 2
5.30 น.
ออกเดินทางจากโรงแรมแต่เช้ามุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก
6.30 น.
ถึงจุดชมวิวที่ยอดสูงสุดของภูทับเบิกค่ะ สามารถนำรถขึ้นมาได้สบายๆมากๆ เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องมีการเดินขึ้นเขาใดๆค่า อากาศกำลังสบายอยู่ที่ประมาณ 20 องศาต้นๆ ขึ้นมาถึงพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้วนิดหน่อยค่ะ ท้องฟ้าสวยมากกก เห็นทะเลหมอกกอันกว้างใหญ่ญ่ญ่ ฟินนนสุดๆ รูปที่ถ่ายด้านล่างนี้ถ่ายจากกล้อง iPhone6 ไม่มี Filter ใดๆค่าา โดยการเดินทางครั้งนี้พิมใช้ iPhone 6 และ Fuji X-A2 กับเลนซ์ 35mm 1.4f ค่าาา
ฟ้าสวยมากกก
ถ่ายรูปกับรัวๆไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็แวะพักทานอาหารเช้าที่ร้านเล็กๆแถวๆจุดชมวิว และภารกิจต่อไปของพวกเราคือการตระเวณหาที่พักสำหรับคืนนี้ เนื่องด้วยที่พักบนภูทับเบิกส่วนใหญ่จะเป็นของชาวบ้านละแวกนั้น (โรงแรม/รีสอร์ทหรูหราอลังการไม่มีนะคะ!) นั่งไล่หาใน Agoda หรือ Booking.com นี่เลิกคิดค่าาา ส่วนใหญ่อาศัยว่าต้องโทรไปจองอย่างเดียว
ด้วยความชะล่าใจของเราๆ (หึหึ) เพราะเพื่อนร่วมทริปท่านหนึ่งที่มาภูทับเบิกอยู่บ่อยๆบอกว่าปกติเวลามา ก็ขึ้นมาหาเอาวันนั้นเลยยย ไม่เคยเต็ม พวกเราก็เลย..... ไม่จองสิคะ!! และแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ที่พักเต็มระนาวค่ะ!!!
นั่งขับไล่หากันอยู่ซักพักจนวนกลับมาได้ที่พักที่ "ยิ่งเจริญ" ค่ะ ที่พักอยู่ห่างจากจุดชมวิวประมาณ 100 เมตร คุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้านน่ารักม๊ากกกก ที่พักห้องใหญ่ราคา 2000 บาท (นอนได้ Maximum 5 คน) และห้องเล็ก 1500 บาทค่ะ เราโชคดีได้ห้องพักวิวดีห้องสุดท้าย หลังแปลงผักกาดของคุณลุงพอดิบพอดีค่า ด้านหน้าห้องเป็นระเบียง สามารถเอาหมูกะทะมาตั้งกินตอนเย็นๆได้ค่ะ เค้ามีบริการยกเตามาให้ทานถึงหน้าห้องเลยยย
ยิ่งเจริญรีสอร์ทเบอร์ติดต่อ 084-3795499, 080-6837683
10.00 น.
หลังจากพนักล้างหน้าล้างตา เก็บสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็ออกเดินทางจากภูทับเบิกมุ่งหน้าไป อ.วังทอง จังหวัด พิษณุโลกเพื่อไปล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กค่ะ การล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กต้องจองผ่านโรงแรมแถบนี้เท่านั้นค่ะ และจะมีรถของโรงแรมมารับไปส่งที่ต้นทาง ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของโรงแรม Rain Forest ค่า
12.00 น.
ถึ่งโรงแรม Rain Forest Resort ค่ะ โรงแรมน่ารักมาก พนักงานดูและดีมากๆ และอาหารอร่อย พอทานเสร็จก็ฝากสิ่งของสำภาระไว้ที่โรงแรม รถกระบะของทางโรงแรมมารับเวลา 13.00 น. มุ่งหน้าไปล่องแก่งค่ะ โดยระยะทางล่องแก่งลำน้ำเข็กมีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฟิตและความขยันของคนพายเป็นสำคัญ 55555) มีแก่งทั้งหมด 13 แก่ง ระดับตั้งแต่ 1-5 มาได้ช่วงหน้าฝนตั้งแต่ตั้งแต่ประมาณมิถุนายน - ตุลาคมค่ะ (ราคาค่าล่องแก่ง 750 บาท/คน และสามารถจ้างพนักงานของทางโรงแรมให้ถ่ายรูปให้ได้ค่ะเป็นเงินทั้งหมด 100 บาท/CD แผ่น มีรูปทั้งหมด 133 รูป โดยช่างกล้องจะเดินถ่ายตามเรือค่า)
..........
ก่อนลงเรือจะมีสอนเรื่องความปลอดภัย และระหว่างล่องเรือจะมีเจ้าหน้าที่อีก 2 คนไปกับเราค่า เรือ 1 ลำนั่งได้ไม่เกิน 8 คน เรามากัน 7 คนเค้าเลยยกให้แก๊งเราเจ้าเดียว 1 ลำค่ะ แต่แล้ววสิ่งที่เกิดขึ้นคือออ... ปีนี้แล้งค่ะ น้ำเลยไม่ค่อยสูง ประสบการณ์ครั้งนี้เลยค่อนไปทาง "ติด" แก่งมากกว่าล่องแก่งค่าา T T แทนที่จะได้ล่องเรือสวยๆ สนุกสนาน กลายเป็นต้องมาช่วยร่วมมือร่วมแรงกันเข็นเรือออกจากแก่งกันแทนในทุกๆแก่งค่ะ 5555555 ก้ได้ออกกำลังกันไปอีกแบบ (หราาาา)
เมื่อล่องแก่งเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีรถกระบะของทางโรงแรมมารอรับกลับไปอาบน้ำที่โรงแรม เป็นอันกระบวนการล่องแก่งในครั้งนี้ค่ะ
16.30 น.
เดินทางออกจาก Rain Forest Resort กลับขึ้นภูทับเบิกค่ะ ระหว่างทางกลับขึ้นมาวิวสวยมากมาย พักถ่ายรูปกันอยู่เป็นระยะๆค่า
ถ้าไม่บอกว่าเมืองไทย นึกว่าอยู่ยุโรปปปปป
18.30 น.
ถึงภูทับเบิก กลับมาทานข้าวที่ที่พักค่ะ ที่นี่มีชุดหมูกะทะอร่อยมากมายยยยย ได้อารมณ์เข้ากับอากาศหนาวๆข้างบนนี้ที่ซู๊ดดดดดด อีกเมนูที่แนะนำสำหรับบนนี้เลยคือ "กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา" ค่ะ เป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี้ กะหล่ำปลีเก็บมาทำกันสดๆจากไร่กะหล่ำบนนี้ค่ะ ผักหวานได้ใจ ไม่ว่าจะแวะทานร้านไหนก็อร่อยค่าา
วันที่ 3
5.00 น.
เช้านี้ตื่นแต่เช้าอีกครั้งเพื่อมาเก็บตกดูพระอาทิตย์ขึ้นค่า ท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นสวยมากมาย และเนื่องด้วยเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตก เช้านี้หมอกจึงค่อนข้างหนาค่า สวยเฟร่ออออออ
อันนี้ภาพก่อนพระอาทิตย์ขึ้นค่า หมอกสีอมชมพูๆสวยยยยยยมากกกกกก
ยืนดูพระอาทิตย์ขึ้น สุขสงบมากมากกกก
เก็บภาพกันได้พักใหญ่ๆประมาณ 6 โมงกว่าๆก็แว๊ปกลับลงมาหาข้าวเช้าทานค่ะ ระหว่างจากจุดชมวิวลงมาที่พักมาอาหารขายตามทางมากมายไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก หมูปิ้ง ขนมปังปิ้ง ไข่ปิ้ง (พึ่งรู้สึกว่ามีแต่ปิ้งๆ 555555) ค่า แต่ที่พักเราอยู่นี้ก็มีอาหารเช้าให้นะคะ เป็นชุดข้าวต้มอย่างดี มาพร้อมปาท่องโก๋กับนมข้นน อร่อยมากกก คุณป้าเจ้าของแกเป็นคนทำเอง และยกมาเสิร์ฟให้เองถึงระเบียงหน้าห้องเลยค่า
9.30 น.
หลังจากนอนอืดๆกลิ้งตัวกันอยู่พักใหญ่ๆ พวกเราก็มุ่งหน้าลงจากภูทับเบิกสู่จุดหมายต่อไปคืออออ การหาร้านกาแฟ Pino Latte ค่าา
11.30 น.
ถึงร้าน Pino Latte ร้านกาแฟชื่อดังบนเขาค้อ ร้านอยู่บนเขามองลงไปเห็นหมอกและวิวทิวทัศน์สวยมว๊ากกกกก แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ คนเยอะมากๆค่ะ!! เดินเข้าไปสั่งกาแฟ 1 แก้วพนักงานแจ้งว่าต้องรอประมาณ 1 ชั่วโมง!!!! ขุนพระ!!! เลยซื้อ Brownie 1 ชิ้นกับ Blueberry Muffin ใส่ถุงกลับบ้านมาแทน แชะภาพอีกซักเล็กน้อยแล้วกลับลงมาค่าา
ภาพจากใน Facebook ร้านค่ะ ของจริงไม่ได้ถ่ายภาพร้านรวมๆมา คนเยอะมากมาย พยายามแทรกตัวเข้าไปอยู่เลยลืมถ่ายภาพร้านค่ะ 55555
วิวจากบนร้านค่ะ เค้ามีทำเป็นที่พักด้วยนะคะ น่ารักมากมาย
จับเพื่อนมาเป็นแบบ อิอิ
12.30 น.
แวะพักทานอาหารที่ร้าน "กลิ่นข้าวไร่" เปิดดูตามรีวิวต่างค่อนข้างดี แต่แล้ววว ไม่ค่อยอร่อยเลยค่าา เมนูผัดผัก ต้มแซบเอ็นแล้ว และปลาคังผัดฉ่าเค็มเกินไปมากก เนื้อจิ้มแจ่วเนื้อเหนียว และการบริการงงๆมากเลยค่า นั่งกันอยู่นานมากกกกว่าได้น้ำ และครั้งแรกสั่งต้มแซบเอ็นแก้วไป ซักพักน้องที่มารับ Order วิ่งมาขอทวนอีกรอบว่าต้มแซบเอ็นแก้วใช่รึเปล่าค่ะ? พวกเราก็บอกว่าใช่ แต่สุดท้ายยกออกมาเป็นต้มแซบปลาคังค่า - -" มีงงกันทั้งโต๊ะะะ
13.30
เดินทานกลับกรุงเทพ ถึงกรุงเทพประมาณ 18.00 น. เตรียมพร้อมพักผ่อนทำงานเก็บตังเที่ยวกันต่อไปค่าาาาา
[CR] In my Footsteps : ขับรถตะลุยภูทับเบิก แบบไม่ต้องลางาน งบไม่เกิน 3,000 บาท
สวัสดีค่าาาาาา Review นี้เป็นครั้งแรกที่ลองจับคีย์บอร์ดเขียน Review การท่องเที่ยวอย่างเป็นจริงเป็นจัง หากมีข้อผิดพลาดใดๆ จขกท. มือใหม่(มากกก) คนนี้ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค้า
**เปลี่ยนชื่อกระทู้จาก http://ppantip.com/topic/34179983 ค่า
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ออกเดินทางจากกรุงเทพ 19.00 วันศุกร์ กลับถึงกรุงเทพ 18.00 วันอาทิตย์ค่ะ โดยมีโปรแกรมคร่าวๆดังนี้
วันที่ 1 : ออกจาก กทม. 19.00 พักผ่อนเตรียมขึ้นภูทับเบิก
วันที่ 2 : เช้าภูทับเบิก - บ่ายล่องแก่งลำน้ำเข็ก - กลับขึ้นภูทับเบิก
วันที่ 3 : เช้าภูทับเบิก - แวะ Pino Latte - กลับกทม.
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมๆแล้วประมาณ 3000 บาท/คน ค่ะ ไปกัน 7 คนโดยขับรถกันจากกรุงเทพไปเอง ทางขึ้นภูทับเบิกถนนดีมากๆเรียบเนียนตลอดทาง แต่มีหลายจุดที่เป็นทางโค้งและชัน อีกทั้งถ้าขึ้นไปช่วงหมอกลงหนา ทัศนวิสัยจะแย่พอสมควรเลยค่ะ ถ้าจะขับขึ้นเอง แนะนำว่าต้องอาศัยผู้ขับขี่ที่ชำนาญการขับรถขึ้นเขาพอสมควร
วันที่ 1
19.00 น.
เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร
00.00 น.
ถึงอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แวะพักผ่อน 1 คืนเพื่อเตรียมพร้อมที่โรงแรมธัญธารา ค่าโรงแรมคืนละ 742 บาท/ห้องค่ะ เติมพลังสำหรับเดินทางขึ้นภูทับเบิกในวันรุ่งขึ้นค่า
วันที่ 2
5.30 น.
ออกเดินทางจากโรงแรมแต่เช้ามุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก
6.30 น.
ถึงจุดชมวิวที่ยอดสูงสุดของภูทับเบิกค่ะ สามารถนำรถขึ้นมาได้สบายๆมากๆ เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องมีการเดินขึ้นเขาใดๆค่า อากาศกำลังสบายอยู่ที่ประมาณ 20 องศาต้นๆ ขึ้นมาถึงพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้วนิดหน่อยค่ะ ท้องฟ้าสวยมากกก เห็นทะเลหมอกกอันกว้างใหญ่ญ่ญ่ ฟินนนสุดๆ รูปที่ถ่ายด้านล่างนี้ถ่ายจากกล้อง iPhone6 ไม่มี Filter ใดๆค่าา โดยการเดินทางครั้งนี้พิมใช้ iPhone 6 และ Fuji X-A2 กับเลนซ์ 35mm 1.4f ค่าาา
ฟ้าสวยมากกก
ถ่ายรูปกับรัวๆไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็แวะพักทานอาหารเช้าที่ร้านเล็กๆแถวๆจุดชมวิว และภารกิจต่อไปของพวกเราคือการตระเวณหาที่พักสำหรับคืนนี้ เนื่องด้วยที่พักบนภูทับเบิกส่วนใหญ่จะเป็นของชาวบ้านละแวกนั้น (โรงแรม/รีสอร์ทหรูหราอลังการไม่มีนะคะ!) นั่งไล่หาใน Agoda หรือ Booking.com นี่เลิกคิดค่าาา ส่วนใหญ่อาศัยว่าต้องโทรไปจองอย่างเดียว
ด้วยความชะล่าใจของเราๆ (หึหึ) เพราะเพื่อนร่วมทริปท่านหนึ่งที่มาภูทับเบิกอยู่บ่อยๆบอกว่าปกติเวลามา ก็ขึ้นมาหาเอาวันนั้นเลยยย ไม่เคยเต็ม พวกเราก็เลย..... ไม่จองสิคะ!! และแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ที่พักเต็มระนาวค่ะ!!! นั่งขับไล่หากันอยู่ซักพักจนวนกลับมาได้ที่พักที่ "ยิ่งเจริญ" ค่ะ ที่พักอยู่ห่างจากจุดชมวิวประมาณ 100 เมตร คุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้านน่ารักม๊ากกกก ที่พักห้องใหญ่ราคา 2000 บาท (นอนได้ Maximum 5 คน) และห้องเล็ก 1500 บาทค่ะ เราโชคดีได้ห้องพักวิวดีห้องสุดท้าย หลังแปลงผักกาดของคุณลุงพอดิบพอดีค่า ด้านหน้าห้องเป็นระเบียง สามารถเอาหมูกะทะมาตั้งกินตอนเย็นๆได้ค่ะ เค้ามีบริการยกเตามาให้ทานถึงหน้าห้องเลยยย
ยิ่งเจริญรีสอร์ทเบอร์ติดต่อ 084-3795499, 080-6837683
10.00 น.
หลังจากพนักล้างหน้าล้างตา เก็บสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็ออกเดินทางจากภูทับเบิกมุ่งหน้าไป อ.วังทอง จังหวัด พิษณุโลกเพื่อไปล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กค่ะ การล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กต้องจองผ่านโรงแรมแถบนี้เท่านั้นค่ะ และจะมีรถของโรงแรมมารับไปส่งที่ต้นทาง ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของโรงแรม Rain Forest ค่า
12.00 น.
ถึ่งโรงแรม Rain Forest Resort ค่ะ โรงแรมน่ารักมาก พนักงานดูและดีมากๆ และอาหารอร่อย พอทานเสร็จก็ฝากสิ่งของสำภาระไว้ที่โรงแรม รถกระบะของทางโรงแรมมารับเวลา 13.00 น. มุ่งหน้าไปล่องแก่งค่ะ โดยระยะทางล่องแก่งลำน้ำเข็กมีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฟิตและความขยันของคนพายเป็นสำคัญ 55555) มีแก่งทั้งหมด 13 แก่ง ระดับตั้งแต่ 1-5 มาได้ช่วงหน้าฝนตั้งแต่ตั้งแต่ประมาณมิถุนายน - ตุลาคมค่ะ (ราคาค่าล่องแก่ง 750 บาท/คน และสามารถจ้างพนักงานของทางโรงแรมให้ถ่ายรูปให้ได้ค่ะเป็นเงินทั้งหมด 100 บาท/CD แผ่น มีรูปทั้งหมด 133 รูป โดยช่างกล้องจะเดินถ่ายตามเรือค่า)
..........
ก่อนลงเรือจะมีสอนเรื่องความปลอดภัย และระหว่างล่องเรือจะมีเจ้าหน้าที่อีก 2 คนไปกับเราค่า เรือ 1 ลำนั่งได้ไม่เกิน 8 คน เรามากัน 7 คนเค้าเลยยกให้แก๊งเราเจ้าเดียว 1 ลำค่ะ แต่แล้ววสิ่งที่เกิดขึ้นคือออ... ปีนี้แล้งค่ะ น้ำเลยไม่ค่อยสูง ประสบการณ์ครั้งนี้เลยค่อนไปทาง "ติด" แก่งมากกว่าล่องแก่งค่าา T T แทนที่จะได้ล่องเรือสวยๆ สนุกสนาน กลายเป็นต้องมาช่วยร่วมมือร่วมแรงกันเข็นเรือออกจากแก่งกันแทนในทุกๆแก่งค่ะ 5555555 ก้ได้ออกกำลังกันไปอีกแบบ (หราาาา)
เมื่อล่องแก่งเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีรถกระบะของทางโรงแรมมารอรับกลับไปอาบน้ำที่โรงแรม เป็นอันกระบวนการล่องแก่งในครั้งนี้ค่ะ
16.30 น.
เดินทางออกจาก Rain Forest Resort กลับขึ้นภูทับเบิกค่ะ ระหว่างทางกลับขึ้นมาวิวสวยมากมาย พักถ่ายรูปกันอยู่เป็นระยะๆค่า
ถ้าไม่บอกว่าเมืองไทย นึกว่าอยู่ยุโรปปปปป
18.30 น.
ถึงภูทับเบิก กลับมาทานข้าวที่ที่พักค่ะ ที่นี่มีชุดหมูกะทะอร่อยมากมายยยยย ได้อารมณ์เข้ากับอากาศหนาวๆข้างบนนี้ที่ซู๊ดดดดดด อีกเมนูที่แนะนำสำหรับบนนี้เลยคือ "กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา" ค่ะ เป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี้ กะหล่ำปลีเก็บมาทำกันสดๆจากไร่กะหล่ำบนนี้ค่ะ ผักหวานได้ใจ ไม่ว่าจะแวะทานร้านไหนก็อร่อยค่าา
วันที่ 3
5.00 น.
เช้านี้ตื่นแต่เช้าอีกครั้งเพื่อมาเก็บตกดูพระอาทิตย์ขึ้นค่า ท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นสวยมากมาย และเนื่องด้วยเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตก เช้านี้หมอกจึงค่อนข้างหนาค่า สวยเฟร่ออออออ
อันนี้ภาพก่อนพระอาทิตย์ขึ้นค่า หมอกสีอมชมพูๆสวยยยยยยมากกกกกก
ยืนดูพระอาทิตย์ขึ้น สุขสงบมากมากกกก
เก็บภาพกันได้พักใหญ่ๆประมาณ 6 โมงกว่าๆก็แว๊ปกลับลงมาหาข้าวเช้าทานค่ะ ระหว่างจากจุดชมวิวลงมาที่พักมาอาหารขายตามทางมากมายไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก หมูปิ้ง ขนมปังปิ้ง ไข่ปิ้ง (พึ่งรู้สึกว่ามีแต่ปิ้งๆ 555555) ค่า แต่ที่พักเราอยู่นี้ก็มีอาหารเช้าให้นะคะ เป็นชุดข้าวต้มอย่างดี มาพร้อมปาท่องโก๋กับนมข้นน อร่อยมากกก คุณป้าเจ้าของแกเป็นคนทำเอง และยกมาเสิร์ฟให้เองถึงระเบียงหน้าห้องเลยค่า
9.30 น.
หลังจากนอนอืดๆกลิ้งตัวกันอยู่พักใหญ่ๆ พวกเราก็มุ่งหน้าลงจากภูทับเบิกสู่จุดหมายต่อไปคืออออ การหาร้านกาแฟ Pino Latte ค่าา
11.30 น.
ถึงร้าน Pino Latte ร้านกาแฟชื่อดังบนเขาค้อ ร้านอยู่บนเขามองลงไปเห็นหมอกและวิวทิวทัศน์สวยมว๊ากกกกก แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ คนเยอะมากๆค่ะ!! เดินเข้าไปสั่งกาแฟ 1 แก้วพนักงานแจ้งว่าต้องรอประมาณ 1 ชั่วโมง!!!! ขุนพระ!!! เลยซื้อ Brownie 1 ชิ้นกับ Blueberry Muffin ใส่ถุงกลับบ้านมาแทน แชะภาพอีกซักเล็กน้อยแล้วกลับลงมาค่าา
ภาพจากใน Facebook ร้านค่ะ ของจริงไม่ได้ถ่ายภาพร้านรวมๆมา คนเยอะมากมาย พยายามแทรกตัวเข้าไปอยู่เลยลืมถ่ายภาพร้านค่ะ 55555
วิวจากบนร้านค่ะ เค้ามีทำเป็นที่พักด้วยนะคะ น่ารักมากมาย
จับเพื่อนมาเป็นแบบ อิอิ
12.30 น.
แวะพักทานอาหารที่ร้าน "กลิ่นข้าวไร่" เปิดดูตามรีวิวต่างค่อนข้างดี แต่แล้ววว ไม่ค่อยอร่อยเลยค่าา เมนูผัดผัก ต้มแซบเอ็นแล้ว และปลาคังผัดฉ่าเค็มเกินไปมากก เนื้อจิ้มแจ่วเนื้อเหนียว และการบริการงงๆมากเลยค่า นั่งกันอยู่นานมากกกกว่าได้น้ำ และครั้งแรกสั่งต้มแซบเอ็นแก้วไป ซักพักน้องที่มารับ Order วิ่งมาขอทวนอีกรอบว่าต้มแซบเอ็นแก้วใช่รึเปล่าค่ะ? พวกเราก็บอกว่าใช่ แต่สุดท้ายยกออกมาเป็นต้มแซบปลาคังค่า - -" มีงงกันทั้งโต๊ะะะ
13.30
เดินทานกลับกรุงเทพ ถึงกรุงเทพประมาณ 18.00 น. เตรียมพร้อมพักผ่อนทำงานเก็บตังเที่ยวกันต่อไปค่าาาาา