ช่วงนี้เห็นกระทู้ทับเบิกถี่มาก ใครๆ ก็ไปเที่ยวทับเบิก ชมทะเลหมอกและสรวลสวรรค์กันจากยอดเขาที่ความสูง 1700 กว่าเมตร
เพื่อนผมก็เป็นหนึ่งคนในนั้นที่เสพย์ภาพงามๆ จากพี่ๆ ห้องบลูและห้องกล้อง จนถึงกับทนไม่ไหว แลกเวรขายเวรเพื่อไปเที่ยวทับเบิกให้ได้
ด้วยความหวังที่ว่า จะได้เจอทะเลหมอกจริงๆ ซะที (ก่อนหน้านี้ ไปที่ไหนก็เจอแต่หมอกรม ถ่ายรูปออกมาโดนล้อตลอดว่า ไปไม่ถึงบ้าง ถ่ายรูปกับ featherboard บ้าง)
หลังจากโดนผมรมยาเจ้ากล้อง Olympus OMD EM10 ไปเมื่อต้นปี จนบัดนี้เพื่อนผมก็ยังไม่เลิกเห่อกล้องตัวนี้
และปัจจุบันก็งอกเลนส์ออกมาแล้วทั้ง 7-14 lumix และ 75/1.8 ผมตามมันไม่ทันแล้ว
คราวนี้เพื่อนจึงอยากเอากล้องตัวเล็กของมันไปเก็บภาพจากสรวงสวรรค์บ้าง ทริปนี้จึงเกิดขึ้นเมื่อเสาร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาครับ
ไปกันสามคน กล้องคนละตัว เพื่อนผมสองคนพกโอลิมปัส แต่ผมตอนนี้หยิบเจ้าตัวเล็ก GM1 พร้อมกับเลนส์ 15/1.7 ไปเพียงเลนส์เดียว
กะจะไปเก็บภาพเบาๆ เก็บบรรยากาศใหญ่ๆ ไม่อยากแบกหนักๆ แล้ว
อันนี้ครับ เจ้าตัวเล็กของพวกเรา
GM1 ของผม
และก็ Olympus ของเพื่อนผมสองคนครับ
อุปกรณ์พร้อม เราก็ออกเดินทางกันครับ เราไปกันสามคน กับรถ civic fb 1 คัน
ภาพที่ผมจะโพสให้ก็เป็นภาพที่ได้จากเจ้าตัวเล็กของผมคนเดียวนะครับ กดไปสี่ร้อยกว่ารูป ขึ้นเขา ขับรถ กินข้าว ถือติดไปด้วยตลอดเลยครับ
กล้องเล็กๆ สบายจริงๆ
สองภาพแรกครับ วันแรกเราไปที่ลานหินปุ่ม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากันก่อน เพื่อนๆ สองคนไม่มีใครรู้จักที่นี่เลยครับ ระยะทางเดินไปก็ไกลพอควร แถมฟ้าก็ครึ้มๆ ทุกคนแคลงใจมากว่าเดินไปสุดแล้วจะสวยจริงไหม
แต่ก็คุ้มครับ วิวสุดลูกหูลูกตาจากลานหินปุ่มนี่ ทำให้หายเหนื่อยเลย
มองไปด้านล่างนี่ เสียวมากครับ แต่มันสวยจริงๆ อากาศเย็น แต่แดดแรงพอควร
ภาพที่สาม เป็นภาพจาก ผาชูธง ถึงตรงนี้พวกเราหอบละครับ แต่วิวตรงนี้ก็สวยมากไม่แพ้ที่ลานหินปุ่ม แถมภาพที่ธงชาติไทยสะบัดอยู่บนยอด มันทำให้เรานึกถึงประวัติศาสตร์ของพื้นที่แถบนี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ รักชาติมากเลยตอนนั้น
ภาพที่สี่ หลังจากลงมาจากร่องกล้าแล้ว ก่อนจะถึงภูทับเบิก เราก็แวะที่จุดชมวิวภูแผงม้าครับ จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่สูงที่สุดของบริเวณนี้ ตอนนั้นฝนเริ่มลงเม็ดครับ เราจอดรถไว้ข้างทางแล้วเดินขึ้นไป เพราะทางมันไม่สามารถขับ civic ขึ้นไปได้เลย เราก็คิดว่าไม่ไกลครับ ปรากฏว่า ชันมาก ขึ้นมาถึงกับหอบแฮ่ก แถมฝนก็ตก ต้องรีบเก็บภาพรีบถ่าย แล้วก็วิ่งลง เพราะกลัวกล้องจะเปียก ขาลงมีลื่นอีกต่างหาก เลอะเลยครับ แต่จุดนี้ต้องไปให้ได้ครับถ้ามาที่นี่
สี่ภาพถัดไป จะเป็นภาพช่วงไฮไลท์ของทริปนี้ครับ คือภาพช่วงพระอาทิตย์ขึ้นครับ
เราขึ้นไปจุดชมวิวตั้งแต่ตีห้า กะว่าจะไปจองที่ซะหน่อย ปรากฏว่าขึ้นไปถึงคนก็จับจองกันเต็มเกือบหมดแล้วครับ เหลือช่องเล็กๆ ให้เราสามคนได้เบียดกันเข้าไปได้แค่ช่องเดียว ใครมาหลังพวกเรานี่ แทบจะไม่ได้อยู่แถวหน้าแล้ว
ภาพนี้น่าจะประมาณหกโมงเช้าครับ
เช้าวันนี้เป็นวันที่ลมค่อนข้างแรง และแดดก็ค่อนข้างแรงครับ เจ้าพระอาทิตย์ขึ้นมาไม่เป็นวงเลย แต่มาพร้อมลำแสงสว่างจ้ามาก
ภาพนี้น่าจะสักหกโทงสิบห้านาที จะสังเกตว่า มวลมหาประชาชนด้านล่างเต็มไปหมดเลยครับ
เนื่องจากแดดเริ่มแรงครับ คนเริ่มเยอะมาก และเราก็ถูกเบียดออกมาเรื่อยๆ รวมถึงความคิดที่ว่า ลมแรงน่าจะพัดหมอกไปหมด เราเลยเริ่มจะถอดใจ ว่ามันคงไม่มาเป็นก้อนๆ เหมือนที่เคยเห็นในกระทู้แนะนำแน่นอน เราจึงกระเถิบตัวออกมาหายใจด้านอื่นเพื่อเก็บภาพในมุมอื่นๆ ครับ
ภาพนี้ก่อนหกโมงครึ่งเล็กน้อยครับ
ส่วนภาพนี้ก็เวลาใกล้ๆ กันครับ มุมนี้ผมชอบมากที่สุดเลย แถมคนไม่เยอะเท่า เสียดายที่หมอกมาไม่ถึง
หลังจากนั้นเราจึงยอมแพ้ และลงมาจากจุดชมวิวครับ อาบน้ำอาบท่าเสร็จเปิด instagram เจอรูปจากพี่ที่ follow ถ่ายภาพจากมุมเดียวกัน ได้หมอกเป็นก้อนๆ เหมือนที่เคยเห็นในกระทู้แนะนำเลยครับ เห็นว่าประมาณเจ็ดโมงเช้า ผมนี่น้ำตาไหลเลย ความอดทนเราไม่พอจริงๆ
เราเก็บข้าวของเตรียมกลับขอนแก่นกันครับ เราแพลนไปแวะทานข้าวที่ Blue sky (อยากทานอาหารดีๆ สักมื้อ หลังจากทานอาหารพื้นเมืองมาสามมื้อติด) และกะจะแวะไปทานกาแฟที่ Pino Latte ครับ
ภาพที่เก้า ภาพนี้มุมภูเขาระหว่างทางไป Pino Latte ครับ ไปถึงร้าน เจอมวลมหาประชาชนเยอะมากกกกก ก ไก่ล้านตัวเลยครับ เข้าไปสั่งกาแฟ พนักงานบอกว่าต้องรอครึ่งชั่วโมง (แปลว่าต้องเป็นชั่วโมงแน่ - คิดในใจ) เราจึงยอมแพ้อีกครั้งครับ และกลับไปกินกาแฟปั๊มแทน เศร้า
ภาพที่สิบ ถ่ายบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ จาก Pino Latte ครับ ยอมรับเลยรีสอร์ทนี้ได้พื้นที่ที่เป็นชัยภูมิที่ดีมากจริงๆ
แล้วเราก็เดินทางกลับกันครับ แม้จะไม่ได้เจอทะเลหมอกสรวงสวรรค์ในตำนาน แต่ก็ยอมรับครับว่าเป็นทริปที่คุ้มมาก ทับเบิกรีสอร์ทผุดขึ้นเยอะมาก คนก็เยอะ แต่ยังดีที่ยังพอมีที่ให้หายใจและสูดอากาศดีๆ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไม่เคยรีวิวมาก่อนเลย เล่าเรื่องอาจไม่สนุกเท่าไร แต่ก็อยากแชร์ที่เที่ยวดีๆ แบบนี้ครับ ต้องไปสักครั้งในชีวิตครั้งที่นี่ เชื่อผมเถอะ มันคุ้มมากจริงๆ
10 ภาพประทับใจจาก ภูหินร่องกล้าและภูทับเบิก ด้วยกล้องตัวเล็กๆ พร้อมเลนส์ 1 ตัว
เพื่อนผมก็เป็นหนึ่งคนในนั้นที่เสพย์ภาพงามๆ จากพี่ๆ ห้องบลูและห้องกล้อง จนถึงกับทนไม่ไหว แลกเวรขายเวรเพื่อไปเที่ยวทับเบิกให้ได้
ด้วยความหวังที่ว่า จะได้เจอทะเลหมอกจริงๆ ซะที (ก่อนหน้านี้ ไปที่ไหนก็เจอแต่หมอกรม ถ่ายรูปออกมาโดนล้อตลอดว่า ไปไม่ถึงบ้าง ถ่ายรูปกับ featherboard บ้าง)
หลังจากโดนผมรมยาเจ้ากล้อง Olympus OMD EM10 ไปเมื่อต้นปี จนบัดนี้เพื่อนผมก็ยังไม่เลิกเห่อกล้องตัวนี้
และปัจจุบันก็งอกเลนส์ออกมาแล้วทั้ง 7-14 lumix และ 75/1.8 ผมตามมันไม่ทันแล้ว
คราวนี้เพื่อนจึงอยากเอากล้องตัวเล็กของมันไปเก็บภาพจากสรวงสวรรค์บ้าง ทริปนี้จึงเกิดขึ้นเมื่อเสาร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาครับ
ไปกันสามคน กล้องคนละตัว เพื่อนผมสองคนพกโอลิมปัส แต่ผมตอนนี้หยิบเจ้าตัวเล็ก GM1 พร้อมกับเลนส์ 15/1.7 ไปเพียงเลนส์เดียว
กะจะไปเก็บภาพเบาๆ เก็บบรรยากาศใหญ่ๆ ไม่อยากแบกหนักๆ แล้ว
อันนี้ครับ เจ้าตัวเล็กของพวกเรา
GM1 ของผม
และก็ Olympus ของเพื่อนผมสองคนครับ
อุปกรณ์พร้อม เราก็ออกเดินทางกันครับ เราไปกันสามคน กับรถ civic fb 1 คัน
ภาพที่ผมจะโพสให้ก็เป็นภาพที่ได้จากเจ้าตัวเล็กของผมคนเดียวนะครับ กดไปสี่ร้อยกว่ารูป ขึ้นเขา ขับรถ กินข้าว ถือติดไปด้วยตลอดเลยครับ
กล้องเล็กๆ สบายจริงๆ
สองภาพแรกครับ วันแรกเราไปที่ลานหินปุ่ม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากันก่อน เพื่อนๆ สองคนไม่มีใครรู้จักที่นี่เลยครับ ระยะทางเดินไปก็ไกลพอควร แถมฟ้าก็ครึ้มๆ ทุกคนแคลงใจมากว่าเดินไปสุดแล้วจะสวยจริงไหม
แต่ก็คุ้มครับ วิวสุดลูกหูลูกตาจากลานหินปุ่มนี่ ทำให้หายเหนื่อยเลย
มองไปด้านล่างนี่ เสียวมากครับ แต่มันสวยจริงๆ อากาศเย็น แต่แดดแรงพอควร
ภาพที่สาม เป็นภาพจาก ผาชูธง ถึงตรงนี้พวกเราหอบละครับ แต่วิวตรงนี้ก็สวยมากไม่แพ้ที่ลานหินปุ่ม แถมภาพที่ธงชาติไทยสะบัดอยู่บนยอด มันทำให้เรานึกถึงประวัติศาสตร์ของพื้นที่แถบนี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ รักชาติมากเลยตอนนั้น
ภาพที่สี่ หลังจากลงมาจากร่องกล้าแล้ว ก่อนจะถึงภูทับเบิก เราก็แวะที่จุดชมวิวภูแผงม้าครับ จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่สูงที่สุดของบริเวณนี้ ตอนนั้นฝนเริ่มลงเม็ดครับ เราจอดรถไว้ข้างทางแล้วเดินขึ้นไป เพราะทางมันไม่สามารถขับ civic ขึ้นไปได้เลย เราก็คิดว่าไม่ไกลครับ ปรากฏว่า ชันมาก ขึ้นมาถึงกับหอบแฮ่ก แถมฝนก็ตก ต้องรีบเก็บภาพรีบถ่าย แล้วก็วิ่งลง เพราะกลัวกล้องจะเปียก ขาลงมีลื่นอีกต่างหาก เลอะเลยครับ แต่จุดนี้ต้องไปให้ได้ครับถ้ามาที่นี่
สี่ภาพถัดไป จะเป็นภาพช่วงไฮไลท์ของทริปนี้ครับ คือภาพช่วงพระอาทิตย์ขึ้นครับ
เราขึ้นไปจุดชมวิวตั้งแต่ตีห้า กะว่าจะไปจองที่ซะหน่อย ปรากฏว่าขึ้นไปถึงคนก็จับจองกันเต็มเกือบหมดแล้วครับ เหลือช่องเล็กๆ ให้เราสามคนได้เบียดกันเข้าไปได้แค่ช่องเดียว ใครมาหลังพวกเรานี่ แทบจะไม่ได้อยู่แถวหน้าแล้ว
ภาพนี้น่าจะประมาณหกโมงเช้าครับ
เช้าวันนี้เป็นวันที่ลมค่อนข้างแรง และแดดก็ค่อนข้างแรงครับ เจ้าพระอาทิตย์ขึ้นมาไม่เป็นวงเลย แต่มาพร้อมลำแสงสว่างจ้ามาก
ภาพนี้น่าจะสักหกโทงสิบห้านาที จะสังเกตว่า มวลมหาประชาชนด้านล่างเต็มไปหมดเลยครับ
เนื่องจากแดดเริ่มแรงครับ คนเริ่มเยอะมาก และเราก็ถูกเบียดออกมาเรื่อยๆ รวมถึงความคิดที่ว่า ลมแรงน่าจะพัดหมอกไปหมด เราเลยเริ่มจะถอดใจ ว่ามันคงไม่มาเป็นก้อนๆ เหมือนที่เคยเห็นในกระทู้แนะนำแน่นอน เราจึงกระเถิบตัวออกมาหายใจด้านอื่นเพื่อเก็บภาพในมุมอื่นๆ ครับ
ภาพนี้ก่อนหกโมงครึ่งเล็กน้อยครับ
ส่วนภาพนี้ก็เวลาใกล้ๆ กันครับ มุมนี้ผมชอบมากที่สุดเลย แถมคนไม่เยอะเท่า เสียดายที่หมอกมาไม่ถึง
หลังจากนั้นเราจึงยอมแพ้ และลงมาจากจุดชมวิวครับ อาบน้ำอาบท่าเสร็จเปิด instagram เจอรูปจากพี่ที่ follow ถ่ายภาพจากมุมเดียวกัน ได้หมอกเป็นก้อนๆ เหมือนที่เคยเห็นในกระทู้แนะนำเลยครับ เห็นว่าประมาณเจ็ดโมงเช้า ผมนี่น้ำตาไหลเลย ความอดทนเราไม่พอจริงๆ
เราเก็บข้าวของเตรียมกลับขอนแก่นกันครับ เราแพลนไปแวะทานข้าวที่ Blue sky (อยากทานอาหารดีๆ สักมื้อ หลังจากทานอาหารพื้นเมืองมาสามมื้อติด) และกะจะแวะไปทานกาแฟที่ Pino Latte ครับ
ภาพที่เก้า ภาพนี้มุมภูเขาระหว่างทางไป Pino Latte ครับ ไปถึงร้าน เจอมวลมหาประชาชนเยอะมากกกกก ก ไก่ล้านตัวเลยครับ เข้าไปสั่งกาแฟ พนักงานบอกว่าต้องรอครึ่งชั่วโมง (แปลว่าต้องเป็นชั่วโมงแน่ - คิดในใจ) เราจึงยอมแพ้อีกครั้งครับ และกลับไปกินกาแฟปั๊มแทน เศร้า
ภาพที่สิบ ถ่ายบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ จาก Pino Latte ครับ ยอมรับเลยรีสอร์ทนี้ได้พื้นที่ที่เป็นชัยภูมิที่ดีมากจริงๆ
แล้วเราก็เดินทางกลับกันครับ แม้จะไม่ได้เจอทะเลหมอกสรวงสวรรค์ในตำนาน แต่ก็ยอมรับครับว่าเป็นทริปที่คุ้มมาก ทับเบิกรีสอร์ทผุดขึ้นเยอะมาก คนก็เยอะ แต่ยังดีที่ยังพอมีที่ให้หายใจและสูดอากาศดีๆ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไม่เคยรีวิวมาก่อนเลย เล่าเรื่องอาจไม่สนุกเท่าไร แต่ก็อยากแชร์ที่เที่ยวดีๆ แบบนี้ครับ ต้องไปสักครั้งในชีวิตครั้งที่นี่ เชื่อผมเถอะ มันคุ้มมากจริงๆ