เป็นกรณีวิพากย์วิจารณ์กันพอสมควรสำหรับเรื่อง"จับสลาก" เพื่อหาทีมเข้ารอบของการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนการไฟฟ้า "PEA" ที่หลายคนตั้งคำถามว่า "แบบนี้ยังมีอยู่เหรอ" เพราะไม่คิดว่ากฎลักษณะนี้ยังมีอยู่ในยุคสมัยที่สากลขึ้น
ทั้งหมดได้ถูกอธิบายเอาไว้แล้วว่าป้องกันการฮั้วกันของทีมต่างๆ และ ทุกทีมที่เข้าร่วมแข่งขันก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าระเบียบการมีกำหนดเอาไว้แล้ว แต่รู้สึกสะดุดกับประโยคหนึ่งจากผู้จัดการแข่งขัน
" ส่วนจะมีการเปลี่ยนกติกานี้ไหม คงจะต้องขึ้นอยู่กับทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน หากเสียงข้างมากไม่เห็นด้วย เชื่อว่าทางฝ่ายจัดก็ยินดีที่จะเปลี่ยนไปใช้กติกาแบบสากลแน่นอน "
นี่คือต้องรอความเห็นจากเสียงส่วนมากอีกเหรอ ? จะเสียงส่วนมากได้ไง เพราะทีมที่เสียประโยคตกรอบมันมีเพียงแค่ 1 ทีมเท่านั้น แล้วเมื่อไรจะมีคำว่า "เสียงส่วนมาก"
ฝ่ายจัดการแข่งขันรู้ดีอยู่แล้วว่ามีวิธีป้องกันการฮั้วทีมที่ดีกว่านี้ แทบไม่ต้องมานั่งรอเสียงจากทีมที่เข้าร่วมประชันฝีมือเลย เพราะทุกอย่างท่านสามารถกำหนดได้ จำนวนชนะ จำนวนแต้ม จำนวนเซต ค่าคะแนนได้ ค่าคะแนนเสีย พวกนี้เป็นตัวแปรที่ดี .....ถ้าวอลเลย์บอลในลีกทำได้ ทำไมรายการแบบนี้ทำไม่ได้
เรื่องนี้ควรถึงเวลาแล้วที่ต้องนำมาทบทวนเพื่อหาจุดลงตัวให้มากที่สุด เพราะทุกวันนี้รูปแบบการแข่งขันมันก็มีชัดเจน ฝ่ายจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลลีกอาชีพกับระดับเยาวชนก็ชุดเดียวกัน กฎที่ตั้งไว้ไม่ได้แปลว่าจะแก้ไม่ได้ มันไม่จำเป็นต้องรอเลยด้วยซ้ำ
ถ้าจะมามัวกังวลว่าทีมไหนมันจะฮั้วกัน.......ก็ปล่อยไปเถอะ เขารู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป
ถึงเวลาแล้วละที่จะเอาความสากลเข้ามาปรับใช้ สกอร์ชีสก็จดกันทุกเกม คะแนนเซต แต้มทุกอย่างมีหลักฐานที่จะเอามาเป็นค่าคะแนนเรโช
ถ้าใช้วิธีสากลแล้ว....ยังจะมีทีมที่ฮั้วกันอยู่ก็คงทำยากหน่อย เพราะต้องมานั่งกดเครื่องคิดเลขระหว่างเล่น ว่าตอนนี้แต้มได้เท่าไร เกินหรือยังที่จะช่วยทีมนั้น หรือ น้อยหรือยังที่จะทำให้อีกทีมตกรอบ นี่แข่งวอลเลย์บอลเหรอนี่.....ตลกจริง!!!
สำหรับนักกีฬา .....เชื่อนะว่าพวกเขา จะแพ้ก็แพ้เพราะฝีมือเขา จะชนะก็เพราะความสามารถเขา......ตกรอบด้วยตัวเองมันรู้สึกดีกว่าต้องมาลุ้นจับสลากเยอะเลย
แต่.....ถ้าปีหน้าถ้ายังมีกฎจับสลากอยู่ ขอแนะนำน้องๆที่เข้าแข่งขันว่านอกจากจะต้องซ้อมอย่างหนักแล้วต้องตื่นแต่เช้ามาตักบาตรทำบุญกันด้วย...เพราะถึงเวลาที่ต้องใช้โชคเป็นตัวตัดสิน บุญที่ทำไปอาจจะได้ช่วยเหลือให้ทีมได้เข้ารอบต่อไปได้.....สาธุ
เอก ประวิตร
ตลกร้ายของวอลเลย์บอลไทย
ทั้งหมดได้ถูกอธิบายเอาไว้แล้วว่าป้องกันการฮั้วกันของทีมต่างๆ และ ทุกทีมที่เข้าร่วมแข่งขันก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าระเบียบการมีกำหนดเอาไว้แล้ว แต่รู้สึกสะดุดกับประโยคหนึ่งจากผู้จัดการแข่งขัน
" ส่วนจะมีการเปลี่ยนกติกานี้ไหม คงจะต้องขึ้นอยู่กับทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน หากเสียงข้างมากไม่เห็นด้วย เชื่อว่าทางฝ่ายจัดก็ยินดีที่จะเปลี่ยนไปใช้กติกาแบบสากลแน่นอน "
นี่คือต้องรอความเห็นจากเสียงส่วนมากอีกเหรอ ? จะเสียงส่วนมากได้ไง เพราะทีมที่เสียประโยคตกรอบมันมีเพียงแค่ 1 ทีมเท่านั้น แล้วเมื่อไรจะมีคำว่า "เสียงส่วนมาก"
ฝ่ายจัดการแข่งขันรู้ดีอยู่แล้วว่ามีวิธีป้องกันการฮั้วทีมที่ดีกว่านี้ แทบไม่ต้องมานั่งรอเสียงจากทีมที่เข้าร่วมประชันฝีมือเลย เพราะทุกอย่างท่านสามารถกำหนดได้ จำนวนชนะ จำนวนแต้ม จำนวนเซต ค่าคะแนนได้ ค่าคะแนนเสีย พวกนี้เป็นตัวแปรที่ดี .....ถ้าวอลเลย์บอลในลีกทำได้ ทำไมรายการแบบนี้ทำไม่ได้
เรื่องนี้ควรถึงเวลาแล้วที่ต้องนำมาทบทวนเพื่อหาจุดลงตัวให้มากที่สุด เพราะทุกวันนี้รูปแบบการแข่งขันมันก็มีชัดเจน ฝ่ายจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลลีกอาชีพกับระดับเยาวชนก็ชุดเดียวกัน กฎที่ตั้งไว้ไม่ได้แปลว่าจะแก้ไม่ได้ มันไม่จำเป็นต้องรอเลยด้วยซ้ำ
ถ้าจะมามัวกังวลว่าทีมไหนมันจะฮั้วกัน.......ก็ปล่อยไปเถอะ เขารู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป
ถึงเวลาแล้วละที่จะเอาความสากลเข้ามาปรับใช้ สกอร์ชีสก็จดกันทุกเกม คะแนนเซต แต้มทุกอย่างมีหลักฐานที่จะเอามาเป็นค่าคะแนนเรโช
ถ้าใช้วิธีสากลแล้ว....ยังจะมีทีมที่ฮั้วกันอยู่ก็คงทำยากหน่อย เพราะต้องมานั่งกดเครื่องคิดเลขระหว่างเล่น ว่าตอนนี้แต้มได้เท่าไร เกินหรือยังที่จะช่วยทีมนั้น หรือ น้อยหรือยังที่จะทำให้อีกทีมตกรอบ นี่แข่งวอลเลย์บอลเหรอนี่.....ตลกจริง!!!
สำหรับนักกีฬา .....เชื่อนะว่าพวกเขา จะแพ้ก็แพ้เพราะฝีมือเขา จะชนะก็เพราะความสามารถเขา......ตกรอบด้วยตัวเองมันรู้สึกดีกว่าต้องมาลุ้นจับสลากเยอะเลย
แต่.....ถ้าปีหน้าถ้ายังมีกฎจับสลากอยู่ ขอแนะนำน้องๆที่เข้าแข่งขันว่านอกจากจะต้องซ้อมอย่างหนักแล้วต้องตื่นแต่เช้ามาตักบาตรทำบุญกันด้วย...เพราะถึงเวลาที่ต้องใช้โชคเป็นตัวตัดสิน บุญที่ทำไปอาจจะได้ช่วยเหลือให้ทีมได้เข้ารอบต่อไปได้.....สาธุ
เอก ประวิตร