สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน ผมเป็นสมาชิกใหม่ของเพจนี้ มีเพื่อนผมคนนึงเเนะนำให้ผมนำรูปที่ผมถ่ายนั้น มาแชร์ เเละแบ่งปันกับเพื่อนๆทุกๆคนในที่นี้ครับ
สวัสดีครับ ผมชื่อ"พายุ" เพื่อนส่วนใหญ่จะเรียกผมสั้นๆว่า "ยุ" ซึ่งก็มีน้อยคนที่รู้จักชื่อเล่นของผมจริงๆ ผมเป็นคนจังหวัดสุโขทัย เกิดที่นั้น เเละก็เติบโตมาที่นั้น ตอนเด็กๆผมอยู่กับ ยายเเละตา ส่วนแม่ของผมนั้นไปทำงานที่ต่างประเทศ เราอาศัยอยู่กันในกระท่อมใต้ต้นชมพู่หลังเล็กๆ อยู่ที่ชานเมือง ผมเติบโตเเละศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นั้นจนอายุประมาณ 15ปี ผมก็ต้องจากบ้านเกิดของผมไปอยูกับเเม่ของผมที่สวิตเซอร์เเลนด์
ถ้าพูดถึง"ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์" ทุกคนก็คงคิดถึงความหนาว อากาศที่สดชื่น วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือเมืองที่คล้ายกับเมืองในนิยาย ฯลฯ คุณคิดถูกเเล้วครับ เเต่ไม่ว่าจะสวยงามขนาดไหน เเละไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมีจุดที่ไม่สวยงามเช่นกันเป็นธรรมดา(อันนี้ผมขอไม่เอ่ยดีกว่า) ครั้งเเรกที่ผมไปอยู่นั้น มันก็ดูโอเครดีมาก สวยงามมาก มีอะไรหลายๆสิ่งที่เรานั้นไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน เเละในประเทศเเห่งนี้ ชีวิตของผมครั้งที่2 ก็ได้เริ่มขึ้นที่นี่
ตอนเเรกๆนั้นผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า ครบ3 เดือนเเล้วเดี๋ยวผมก็ได้กลับบ้าน เพราะตอนนั้น ผมเป็นคนเกเร เเละติดเพื่อน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่เเม่ของผมนั้นนำผมไปอยู่ที่โน้นครับ เเละเเล้วก็ครบ 3เดือน ผมพยามยามจะกลับมาที่ไทย เเต่เเม่ก็เป็นคนพูดกับผมให้ผมคิดเอาเอง ผมก็เลยลองทำอะไรเพื่อเเม่สักครั้ง ผมเรียนไปเรียนภาษา ซึ่งที่นั้น เค้าใช้ภาษาเยอรมัน ซึ่งก็ค่อนข้างต่างกับภาษาอังกฤษ ที่ผมพอได้อยู่ ทำตัวอยู่ในกฏระเบียบที่เค้ากำหนดไว้ เเละจนได้เข้าเรียนในสายอาชีพที่นั้นเหมือนกับเด็กชาวสวิตทั่วไป ในช่วงเวลานั้น มันมีอะไรหลายอย่างที่ทำความทดสอบกับเรา เเต่ทุกครั้ง ผมก็ได้กำลังใจจากคนข้างๆของผม นั้นก็คือแม่อยู่เสมอ เเละอีกอย่างผมว่าคนลำบากกว่าผมนั้นมีเยอะเเยะไป ผมต้องทำให้ได้ ผมไม่มีเพื่อนคนไทยเลย เเละตลอดระยะเวลาเกือบ 3ปีเต็มๆ ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนหรือใครที่อยู่ที่ไทยเลยเเม้เเต่คนเดียว นอกจากครอบครัว ในระยะเวลานั้น มีหลายความรู้สึก หลายอารมณ์มากที่สามารถทำให้คนเราท้อเเละถอยได้ ไอ้ที่หนักสุดๆนี่คงเป็น"คิดถึงบ้าน"
เเต่ในที่สุด ผมก็เรียนจบที่นั้น จนมาถึงทุกวันนี้ ผมเรียนจบเเละทำงานมาได้ 2 ปีเเล้ว
หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ที่นั้น ชื่อว่าหมู่บ้าน Dürrenroth ห่างจากเมืองหลวงคือ Bern ประมาณ40นาที เป็นหมู่บ้านที่เล็กๆ ไม่มีคนอาศัยอยู่กันมากเท่าไหร่ เเถบๆที่ผมอาศัยอยู่นั้น จะมีเนินเขาสลับสับกันไปเป็นเนินเล็กๆ ที่ก็จะมีเป็นบางช่วง มีป่าสนที่ขึ้นอยู่ค่อนข้างเยอะ สภาพอากาศช่วงฤดูร้อนก็ไม่ถึงกับร้อนมาก เเต่หน้าหนาวก็จะมีหิมะเยอะหน่อย เพราะว่าสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ประมาณ 699เมตร เเต่สำหรับผมก็ดีครับ ห่างจากเสียงสี สงบ ธรรมชาติ ผู้คนก็เป็นกันเอง
ภายถ่ายกลางคืนของหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่จากเนินเขาฝั่งตรงข้าม
ผมทำงานเป็นกุ๊กอยู่ในครัวของคนสวิต กุ๊กเป็นงานที่ไม่หนัก เเต่ความเครียดก้พอเอาเรื่องอยู่ บางครั้งหลังจากเลิกงาน มันก็จะมีปัญหาหลายอย่างนั้นตามมา พอมันสะสมๆขึ้นเรื่อย คราวนี้ก็ต้องหาที่ระบาย คนส่วนใหญ่ก็จะชอบนัดเพื่อนไปนั่งดื่มปรึกษาปัญหากัน เเละช่วยกันเเก้ไขปัญหานั้น ผมต่างจากคนอื่น...ผมจะไม่ค่อยพูดเรื่องของผมกับใคร วันหยุดผมจะชอบเข้าไปในป่า ทะเลสาบ เดินเขา หรือสถานที่ตามธรรมชาติที่เงียบๆเเละสงบๆ ไม่มีคนมากมายให้มาวุ่นวายด้วย เเละผมก็จะเอาปัญหาของผมมานั่งพิจารณาทีละเรื่องๆ ว่าเรื่องไหนควรที่จะคิดเเละเรื่องไหนที่ไม่ควรจะคิด เเละต้องมีอุปกรณ์ก็คือ "กล้องถ่ายรูป" ผมจะได้นำเอาปัญหานั้น ทิ้งไว้กับธรรมชาติ เเละเอาความรู้สึกใหม่จากธรรมชาติ เข้ามาสู่ตัวเรา คราวนี้อยู่ที่ว่าตัวผมเเล้วเเหละว่าจะปรุงเเต่งจิตนี้ยังไงต่อ
เพราะเหตุนี้มั้งครับผมจึงจับกล้องถ่ายรุป เเรกๆก็เเค่คิดว่าลองทำๆเล่นๆไป เพื่อฆ่าเวลา เเต่สุดท้าย ผมก็ไปตกหลุมรักมันตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกันจนตอนนี้ มันก็ติดตามผมไปในทุกๆ เกือบตลอดเวลา
ตอนนี้ผมว่า ผมพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวผมมาพอล่ะ เรามาลองชมภาพที่ผมถ่ายเก็บไว้บ้างกันดีกว่าว่าจะพอดูได้ไหม
ภาพถ่ายปราสาทกลางน้ำ ที่เมือง Luzern
ภาพถ่ายนกเป็ดน้ำที่กำลังอาหารอยู่ที่ชายฝั่งตามทะเลสาบ ที่เมือง Kreuzlingen จังหวัด Thurgau
ผีเสื้อที่ศูนย์จัดชมผีเสื้อเเละนกเขตเมืองร้อนที่ Papiliorama ที่จังหวัด Freiburg
ภาพถ่ายวิวภูเขาที่หมู่บ้าน Praden ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่จังหวัด Graubünden ซึ่งเมื่องที่อยู่ทางตีนเขาชื่อว่าเมือง Chur
กวางที่อยู่ในสวนพักผ่อนที่อยุ่ไม่ไกลจากบ้านผมมากสักเท่าไหร่ พอดีพาน้องๆไปเดินเล่น เลยได้เก็บภาพสวยๆไว้
เกษรดอกไม้ช่งฤดูใบไม้ผลิที่อยู่เเถวบ้านผมเอง
ภาพถ่ายทะเลสาบ Oeschinensee ตั้งอยู่ที่โชนเขาเขต Berner Oberland ซึ่งน้ำที่ไหลลงมาในทะเลสาบนี้จะเป็นน้ำที่ละลายมาจากหิมะเเละธารน้ำเเข็งบนอยอดเขา
ขับรถลงมาจากที่ข้างบนอีกนิดก็จะพบกับ Blausee(ทะเลสีฟ้า) เป็นสถานที่เพราะพันธ์ปลา เเละน้ำทีเราเห็นนั้นมาจากธรรมชาติที่ผุดมาจากก้นทะเลสาบ
พระอาทิตย์ตกดิน เเถวที่ทำงานของผม
รูปหยดน้ำหลังฝนตกที่ผมคิดว่าน่าจะสวยดี
พระอาทิตย์ตกดิน หลังเทือกเขา Jura
เเสงทไวไลค์ หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เเละเมืองต่างๆนั้นก็เริ่มจะสว่างขึ้นจากเเสงไฟ
เป็นภาพถ่ายพระจันทร์เต็มดวงในวันศุกร์ที่13 ซึ่งตามความเชื่อของฝรั่งเเล้วเป็นวันที่ไม่ดี เเละจะมีพระจันทร์เต็มดวงในวันศุกร์ที่13 อีกครั้งในปี 2049
เป็นภาพวิวเนินเขาเเถวบ้านผม ถ่ายจากเนินเขาสูงหลังหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่
"Sun Pink" เเสงทไวไลค์หลังจากที่พระอาทิตเป็นสีชมพูเเล้ว ภาพนี้ได้ถ่ายหลังจากผมเลิกงานช่วงประมาณ เกือบๆ 3ทุ่ม
"สวิตเซอร์แลนด์" เมืองในฝันที่ใครๆก็คิดว่า ชีวิตนี้อยากไปสักครั้งนึง.
สวัสดีครับ ผมชื่อ"พายุ" เพื่อนส่วนใหญ่จะเรียกผมสั้นๆว่า "ยุ" ซึ่งก็มีน้อยคนที่รู้จักชื่อเล่นของผมจริงๆ ผมเป็นคนจังหวัดสุโขทัย เกิดที่นั้น เเละก็เติบโตมาที่นั้น ตอนเด็กๆผมอยู่กับ ยายเเละตา ส่วนแม่ของผมนั้นไปทำงานที่ต่างประเทศ เราอาศัยอยู่กันในกระท่อมใต้ต้นชมพู่หลังเล็กๆ อยู่ที่ชานเมือง ผมเติบโตเเละศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นั้นจนอายุประมาณ 15ปี ผมก็ต้องจากบ้านเกิดของผมไปอยูกับเเม่ของผมที่สวิตเซอร์เเลนด์
ถ้าพูดถึง"ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์" ทุกคนก็คงคิดถึงความหนาว อากาศที่สดชื่น วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือเมืองที่คล้ายกับเมืองในนิยาย ฯลฯ คุณคิดถูกเเล้วครับ เเต่ไม่ว่าจะสวยงามขนาดไหน เเละไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมีจุดที่ไม่สวยงามเช่นกันเป็นธรรมดา(อันนี้ผมขอไม่เอ่ยดีกว่า) ครั้งเเรกที่ผมไปอยู่นั้น มันก็ดูโอเครดีมาก สวยงามมาก มีอะไรหลายๆสิ่งที่เรานั้นไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน เเละในประเทศเเห่งนี้ ชีวิตของผมครั้งที่2 ก็ได้เริ่มขึ้นที่นี่
ตอนเเรกๆนั้นผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า ครบ3 เดือนเเล้วเดี๋ยวผมก็ได้กลับบ้าน เพราะตอนนั้น ผมเป็นคนเกเร เเละติดเพื่อน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่เเม่ของผมนั้นนำผมไปอยู่ที่โน้นครับ เเละเเล้วก็ครบ 3เดือน ผมพยามยามจะกลับมาที่ไทย เเต่เเม่ก็เป็นคนพูดกับผมให้ผมคิดเอาเอง ผมก็เลยลองทำอะไรเพื่อเเม่สักครั้ง ผมเรียนไปเรียนภาษา ซึ่งที่นั้น เค้าใช้ภาษาเยอรมัน ซึ่งก็ค่อนข้างต่างกับภาษาอังกฤษ ที่ผมพอได้อยู่ ทำตัวอยู่ในกฏระเบียบที่เค้ากำหนดไว้ เเละจนได้เข้าเรียนในสายอาชีพที่นั้นเหมือนกับเด็กชาวสวิตทั่วไป ในช่วงเวลานั้น มันมีอะไรหลายอย่างที่ทำความทดสอบกับเรา เเต่ทุกครั้ง ผมก็ได้กำลังใจจากคนข้างๆของผม นั้นก็คือแม่อยู่เสมอ เเละอีกอย่างผมว่าคนลำบากกว่าผมนั้นมีเยอะเเยะไป ผมต้องทำให้ได้ ผมไม่มีเพื่อนคนไทยเลย เเละตลอดระยะเวลาเกือบ 3ปีเต็มๆ ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนหรือใครที่อยู่ที่ไทยเลยเเม้เเต่คนเดียว นอกจากครอบครัว ในระยะเวลานั้น มีหลายความรู้สึก หลายอารมณ์มากที่สามารถทำให้คนเราท้อเเละถอยได้ ไอ้ที่หนักสุดๆนี่คงเป็น"คิดถึงบ้าน"
เเต่ในที่สุด ผมก็เรียนจบที่นั้น จนมาถึงทุกวันนี้ ผมเรียนจบเเละทำงานมาได้ 2 ปีเเล้ว
หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ที่นั้น ชื่อว่าหมู่บ้าน Dürrenroth ห่างจากเมืองหลวงคือ Bern ประมาณ40นาที เป็นหมู่บ้านที่เล็กๆ ไม่มีคนอาศัยอยู่กันมากเท่าไหร่ เเถบๆที่ผมอาศัยอยู่นั้น จะมีเนินเขาสลับสับกันไปเป็นเนินเล็กๆ ที่ก็จะมีเป็นบางช่วง มีป่าสนที่ขึ้นอยู่ค่อนข้างเยอะ สภาพอากาศช่วงฤดูร้อนก็ไม่ถึงกับร้อนมาก เเต่หน้าหนาวก็จะมีหิมะเยอะหน่อย เพราะว่าสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ประมาณ 699เมตร เเต่สำหรับผมก็ดีครับ ห่างจากเสียงสี สงบ ธรรมชาติ ผู้คนก็เป็นกันเอง
ผมทำงานเป็นกุ๊กอยู่ในครัวของคนสวิต กุ๊กเป็นงานที่ไม่หนัก เเต่ความเครียดก้พอเอาเรื่องอยู่ บางครั้งหลังจากเลิกงาน มันก็จะมีปัญหาหลายอย่างนั้นตามมา พอมันสะสมๆขึ้นเรื่อย คราวนี้ก็ต้องหาที่ระบาย คนส่วนใหญ่ก็จะชอบนัดเพื่อนไปนั่งดื่มปรึกษาปัญหากัน เเละช่วยกันเเก้ไขปัญหานั้น ผมต่างจากคนอื่น...ผมจะไม่ค่อยพูดเรื่องของผมกับใคร วันหยุดผมจะชอบเข้าไปในป่า ทะเลสาบ เดินเขา หรือสถานที่ตามธรรมชาติที่เงียบๆเเละสงบๆ ไม่มีคนมากมายให้มาวุ่นวายด้วย เเละผมก็จะเอาปัญหาของผมมานั่งพิจารณาทีละเรื่องๆ ว่าเรื่องไหนควรที่จะคิดเเละเรื่องไหนที่ไม่ควรจะคิด เเละต้องมีอุปกรณ์ก็คือ "กล้องถ่ายรูป" ผมจะได้นำเอาปัญหานั้น ทิ้งไว้กับธรรมชาติ เเละเอาความรู้สึกใหม่จากธรรมชาติ เข้ามาสู่ตัวเรา คราวนี้อยู่ที่ว่าตัวผมเเล้วเเหละว่าจะปรุงเเต่งจิตนี้ยังไงต่อ เพราะเหตุนี้มั้งครับผมจึงจับกล้องถ่ายรุป เเรกๆก็เเค่คิดว่าลองทำๆเล่นๆไป เพื่อฆ่าเวลา เเต่สุดท้าย ผมก็ไปตกหลุมรักมันตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกันจนตอนนี้ มันก็ติดตามผมไปในทุกๆ เกือบตลอดเวลา
ตอนนี้ผมว่า ผมพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวผมมาพอล่ะ เรามาลองชมภาพที่ผมถ่ายเก็บไว้บ้างกันดีกว่าว่าจะพอดูได้ไหม
งั้นเอาเป็นว่า ไว้พอเเค่นี้ก่อนก็เเล้วกันนะครับ ไว้ถ้าผมว่างๆเเล้วผมจะนำผลงานของผมมาเเชร์ให้เพื่อนๆชาวพันทิปทุกๆคนใหม่อีกครั้งนะครับ
ขอบคุณมากครับกับการรับชม
คุณคิดเหมือนผมไหมล่ะครับว่าการถ่ายรูป ไม่ใช่เเค่การได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ เเละเจอสิ่งที่สวยงาม มันยังสามารถฝึกฝนตัวเรานั้นให้มีความอดทน รู้จักกับการรอ เเละทำให้เราเป็นคนที่ใจเย็นขึ้นด้วยครับ มีหลายๆอย่างที่ะรรมชาติยังสามารถสอนคุณได้อีกเยอะ ลองออกไปหามันดูนะครับ เเล้วคุณจะรู้ว่า เข้านอนเเต่หัวค่ำเเล้วตื่นเเต่เช้าไปสัมผัสกับธรรมชาตินั้นจะคุ้มค่าเเค่ไหน
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ผมลืมไม่ได้สำหรับชีวิตการเริ่มต้นใหม่กับชีวิตครั้งที่2นี้ คือเเม่ของผมครับ ขอบคุณที่คอยบ่นผม คอยปลุกผมตอนเช้า คอยจู้จี้ผมคอยเป็นคู่ทะเลาะกับผม คอยเป็นกำลังใจให้ผม คอยให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องกับผม คอยเป็นธนาคารให้ผม คอยเป็นเเม่ครัวที่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกให้ผม คอยเป็นเเม่เเบบดีๆในหลายสิ่งให้ผม เเละขอบคุณที่คอยเข้าใจชีวิตวัยรุ่นอย่างผม ที่น่าจะเข้าใจยาก เเต่เเม่ก็เข้าใจผมมาตลอด ขอบคุณครับเเม่
ใครที่ติดตามอยากจะสนใจดูภาพถ่ายของผมนั้น สามารถติดตามชมใน Facebook ได้ที่ Picture by Pj ครับผม
ไว้เจอกันในครั้งต่อไปครับผม
สวัสดีครับ