เมื่อฉันดูมิวสิควิดีโอเพลง 'ไม่มีที่มา-ten two twevle'

หลังจากนั้นไลก้าก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
อย่างที่รู้ๆ ไลก้า สุนัขที่โซเวียตส่งตามยานอวกาศสปุตนิก1 เพื่อไปโคจรบนอวกาศ
เราอ่านประวัติของไลก้าในเน็ตแล้วพบกับข้อความที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจหลายข้อความ เช่น

' ในบันทึกของยาซดอฟสกี้ระบุว่า รู้สึกสงสาร "ไลก้า" เพราะรู้ว่ามันต้องเสียชีวิตแน่นอน เวลาของมันที่จะอยู่ในโลกเหลืออยู่น้อยเต็มที เขาจึงนำมันกลับบ้านไปเล่นกับลูกๆ ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย วันต่อมา เขาพา "ไลก้า" ไปส่งที่ฐานทดลอง มันเดินเข้าไปประจำในแคปซูลอย่างเงียบๆ และสง่าผ่าเผย '

'ก่อนที่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตจะทำให้ความจริงเปิดเผยว่า มันตายตั้งแต่อยู่ในกระสวยได้ไม่กี่ชั่วโมงแล้ว เพราะความตื่นกลัวทำให้มันช็อกตายนั่นเอง'

อย่างที่รู้ๆ นั่นเป็นการเดินทางอวกาศของไลก้า

เมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้ดู MV เพลงของten two twelve
ชื่อเพลง 'ไม่มีที่มา'


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

  อยากชม
มันทั้งเศร้า มันทั้งโหวง มันทั้งอยากจะโอบกอดไอ้เจ้าหมาตัวนั้นจังเลย
ไม่รู้ว่าใครเลือกหมามาเล่นได้แบบว่า แอคติ้งชนะเลิศ แค่หนูนั่งทำหน้าเฉยๆนี่ก็จะร้องไห้ได้ TT
ฉากที่เจ้าของนั่งคุยกับเฉาก๊วยผ่านหน้าจอนี่แบบ...พรากกก
สะเทือนใจมากเลยกับหลายๆฉาก หลายๆท่อนของเพลงก็นี้ช่างกรีดแทงหัวใจของนี่มาก
เราว่าคนที่มีเอฟเฟคกับเอ็มวีตัวนี้ คุณมีหัวใจ


   หลังจากที่เราดูmvนี้แล้ว เราเองก็รู้สึกสะเทือนใจกับความรู้สึกที่มีต่อเพลงนี้หลายๆความรู้สึก
ในแง่ของมนุษย์คนนึง ที่มีความรู้สึกต่อสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหมา เราเซ้นซิทีฟเรื่องนี้มาก ตัวเราเองจะให้ความอบอุ่นหรือช่วยเหลือพวกเค้าเหล่านี้ได้มากขนาดไหน
ในแง่ของการจากลา เราเองก็พบเจอการจากลามาหลายครั้ง ทั้งเป็น-ตาย ไม่ว่าจะการจากลาครั้งไหน เราเองก็อ่อนแอซะทุกครั้ง

ในแง่ของความทรงจำ เราเองก็มีทั้งเฉาก๊วยแล้วก็ไลก้าเป็นของตัวเองเหมือนกัน



เมื่อ 12 ปีก่อน
เราเคยเลี้ยงหมาตัวนึง ชื่อแปปซี่
แปปซี่เป็นหมาเพศเมีย พันธ์มิเนียเจอร์ พินเชอร์
หมากระเป๋าตัวเล็กๆ ที่กระโดดเด้งๆรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกระจง แถมปากยังเปราะเห่าได้ตลอดเวลาที่หายใจ

  เราได้แปปซี่มาจากเพื่อนสนิทคนนึง ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย แปปซี่ควรจะได้ขายในราคาที่เหมาะสมตามท้องตลาดนี่แหละ แต่ด้วยความที่หมาตัวนี้มีขายาวเกินไป รูปร่างไม่ค่อยสมส่วน สุดท้ายก็ได้ตกมาที่ครอบครัวเราแบบฟรีๆ

  มาวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลย ทั้งเห่า ทั้งกรี้ด ทั้งกระโดดไปมาไม่หยุด ที่บ้านก็แบบ เห้ยจะไหวกันป่ะ ไม่เคยเลี้ยงหมา แถมตัวก็จิ๋วเดียว ถ้าหายจากบ้านไปทำไง ตัวมันเล็กมาก

แต่จะมากังวลกันตอนนี้ก็ไม่ทันกันแล้วนะฮะ แปปซี่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเราแล้วเรียบร้อย

  คืนแรก แม่เอากล่องทำที่นอนให้แปปซี่นอนหน้าห้องน้ำในบ้าน
แต่นักกีฬากระโดดสูงอย่างแปปซี่ไม่ยอมนอนหน้าห้องน้ำฉึ่งๆแน่นอน นางใช้วิชาที่ติดตัวทางสายพันธุ์ กระโดดขึ้นมานอนบนเตียงกับเราที่ห้อง แล้วตอนเช้าประมาณตี5ที่พ่อกับแม่ตื่น ออกไปนอนที่เดิม พอพ่อพานางออกไปฉี่นอกบ้านเสร็จ นางก็จะใช้วิชาพรางตัวเข้ามามุดผ้าห่มนอนกับเราต่อจนเช้า แปปซี่ทำตัวอย่างนี้ตลอดตั้งแต่วันแรก(เป็นหมาแรด) และนี่คือชีวิตประจำวันตอนเช้าของเรากับแปปซี่ แบบที่เป็นความลับของเราสองคน

   แปปซี่เป็นหมาปากเปราะซึ่งเป็นนิสัยปกติของหมาพันธุ์นี้ แต่บางทีพวกเราที่บ้านรำคาญกันมากกกก(xล้าน) เห่าอยู่ได้ กรี้ดอยู่ได้ นี่ถ้าเป็นคนคงแบบ โอยยย..
   ด้วยความที่เห่าเก่งมาก บางครั้งเราจะดุและเผลอตีแปปซี่ เห่าสิ่งมีชีวิตที่มีทุกอย่างบนโลกได้เลยละมั้ง แบบรำๆๆๆๆ รักมันมากก็จริงแต่ก็แบบรำคาญญญญ 'ช่วยด้วยจะนอนเห่าทำไม' 'แกนั่นมันยุง ไม่ต้องเห่า' 'แกกินข้าวก่อนก็ได้มั้งค่อยเห่า เอาทีละอย่าง' 'แกกก นั่นมันแกในกระจก เห่าเพื่อ!!'

  
  

   เมื่อ 12 ปีก่อนที่ยายเรายังไม่เสีย
   ยายเราจะหมั่นไส้ความที่ที่บ้านเนี่ย จะรักอะไรแปปซี่นักหนา (ประมาณว่ากลัวโดนแย่งความรัก)
   ยายก็ไม่ค่อยชอบแปปซี่ ที่ได้สิทธิ์นอนในบ้าน ได้ไปไหนมาไหน พวกเราก็รู้กันแหละว่ายายไม่ค่อยชอบแปปซี่ ก็จะเอาไว้ห่างๆยาย
   วันนึงยายต้องอยู่บ้านกับแปปซี่สองคน แล้วเรากลับจากโรงเรียนมาเจอภาพที่เรียกว่าแทบกรี้ดและจิกผมตัวเองได้ตรงนั้นเลย

  
  

   คือว่า
   คือ
   คือ...
ยายเราให้แปปซี่นอนตัก แล้วก็คุย หาเห็บหาหมัดให้ กอดหอมฟัด !!!
นี่เป็นภาพที่ควรจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของตระกูลเราได้เลยนะ !!

ขอเรียกช่วงเวลานั้นว่า '(ห)มหากาพย์คุณยายแอนด์เดอะมิเนียเจอร์ที่เกลียดขี้หน้า'

มหัศจรรย์ใจแบบนั้นเลย !

   ครอบครัวเราแฮปปี้กับการมีแปปซี่อยู่ในชีวิตมาก ทั้งซื้อเสื้อผ้าให้ใส่ ชุดอาหมวยนี่ก็มีนะ กระโปรงเขียวๆที่ตัดกับสีขนนี่ก็ซื้อมาได้ไง กระด่งกระดูกขัดฟัน พาไปหาหมอ ตัดเล็บ อาบน้ำ ออฟชั้นไหนดีๆนี่จัดหมดฮะ  
  
   ที่บ้านรักแปปซี่มาก
   มากแบบพาเค้าไปไหนก็ไปด้วย
   มากแบบว่าเคยไปดูคอนเสิร์ตบิ๊กแอส ทั้งบ้านก็ยังพากันเอาไปด้วย
   มากแบบที่แม่เคยเข้าโรงบาล แล้วอยากเจอแปปซี่มากจนต้องแอบเอาใส่กระเป๋าให้แม่เจอ
   มากแบบที่พ่อมันจะคุยแทนตัวเองกับแปปซี่ว่า พ่อ-ลูก
   มากขนาดที่คิดว่าเค้าคือลูกสาวคนสุดท้องของเราอีกคน

อย่างที่บอก แปปซี่เป็นหมาแรด แล้วก็แรดจนวันสุดท้าย
ตอนที่ติดสัด ทางบ้านก็พยายามดูแลให้แปปซี่อยู่ในบ้านแล้ว แต่ก็เพราะความแรดที่มากเกินไป ประตูแง้มหน่อย นางก็วิ่งไปหาแฟนข้างบ้าน

... ได้กัน


(ดูลูกสาวคนสุดท้องของบ้านสิ ดู๊วววว!)

ฝ่ายชายก็ไม่รับผิดชอบเลย นี่มันได้แล้วทิ้งชัดๆ !!

ผลที่ตามมาเป็นไงล่ะ

ท้อง ...

คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน
แถมเรานี่ยังต้องมาเลี้ยงหลานอีก 7 ตัว

แปปซี่คลอดลูกออกมา 7
สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีมาก มากๆทุกตัว

แต่กับแปปซี่ ไม่ใช่
หลังจากที่คลอดลูก แปปซี่ก็ป่วยเป็นนมในน้ำหนองอะไรซักอย่าง คือสิ่งที่ควรจะออกมาจากนมเป็นน้ำหนองแทนที่จะเป็นนม ที่บ้านก็พากันเข้าออกคลินิกหมอเป็นว่าเล่น ต้องนอนที่คลินิก ต้องให้น้ำเกลือ

คืนสุดท้ายที่แปปซี่ได้อยู่กับครอบครัวเรา
แปปซี่ยังทำแบบเดิม คือการแอบมานอนกับเราเหมือนเดิม

แปปซี่คงเหนื่อยละแหละ
วันต่อมาในช่วงบ่ายๆ

จากบรรทัดแรกๆที่เราเขียนว่าแปปซี่ปากเปราะเห่าได้ตลอดเวลาที่หายใจ
แปปซี่ก็ไม่เห่าแล้ว แล้วก็ไม่เห่าไปอีกตลอด

ธรรมดาแหละ ที่บ้านเสียใจมาก
ขนาดที่ว่าทำงานศพให้เลย ขนาดนั้นเลย (จริง นี่เล่าไปก็อายแต่ที่บ้านขนาดนั้นเลยจริงๆ)


ครั้งแรกที่เราดูเอมวีของten two twelve เราคิดถึงแปปซี่มาก
ผ่านมาแล้ว 12 ปีกว่า ตั้งแต่ตอนเราอยู่ประถม จนนี้เรียนจบ ทำงานแล้ว
บางทีความคิดถึงมันไม่มีที่มาเลยนะ  



เมื่อ 12 ปีก่อน
แปปซี่ คือชื่อที่เคยเป็นหมาที่เราเลี้ยงตัวนึง
แปปซี่เป็นหมาเพศเมีย พันธ์มิเนียเจอร์ พินเชอร์
...
เราเองก็มีเฉาก๊วยและไลก้าเป็นของตัวเองเหมือนกัน...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่