เราจะแก้ปัญหาการโกงได้อย่างไรล่ะครับ เพราะขนาดมีพิพิธภัณพ์การโกง เราก็ยังไม่กล้าที่จะใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน

กระทู้คำถาม
จะเปิดเผยว่ามีการโกงในเรื่องอะไรบ้าง
เราก็ยังแค่ "กล้า" ที่จะชี้นิ้วใส่แค่ในเรื่องที่เชื่อว่า เมื่อชี้นิ้วใส่แล้ว จะไม่ได้รับผลกระทบจาก "อิทธิพล" ตามมา

ยังมีความเกรงใจ  เห็นแก่หน้า  เห็นแก่ตำแหน่ง  เห็นแก่ความสัมพันธ์  

และยังเห็นความเห็นแก่ตัวของคนทำพิพิธภัณ์ซะเองในเรื่องที่ไม่กล้าเปิดเรื่องโกงให้ครบถ้วน



อย่าเอาแต่ชี้นิ้วโยนโทษให้นักการเมืองเลย
นักการเมืองนั้น  ไม่ใช่บุคคลที่แตะต้องไม่ได้

แต่เพราะไม่แตะต้องมากกว่า   แต่เพราะเห็นแก่อามิสสินจ้างจากนักการเมืองมากกว่า



เราต้องยอมรับ  
ว่าต้นตอของการโกงประเทศไทยนั้น  คือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจ (ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่าใคร กลุ่มใด)
กับนักการเมือง  เอกชน  และข้าราชการ

และเสียหายสุด  คือมีกระบวนการยุติธรรมเข้าไปร่วมวงด้วย

หากจะกำจัดการโกงให้สิ้นซาก  ต้องกำจัดที่ต้นเหตุ   ไม่ใช่ที่ปลายเหตุ

การชี้นิ้วโยนโทษใส่นักการเมืองนั้น  เป็นแค่เรื่องปลายเหตุ
  
นักการเมืองที่ขัดแย้งกับผู้อำนาจก็โดนเล่นงาน  โดนชี้นิ้วว่าโกง
ส่วนนักการเมืองที่เป็นฝ่ายเดียวกันกับผู้มีอำนาจ  ต่อให้โกงยังไงก็ไม่ผิด

วันนี้  มีนักต่อต้านการโกงคนไหน  กล้าพูดบ้างว่า   นายอภิสิทธฺิ์  เวชชาชีวะ  ควรออกจากการเมือง
เพราะมีประวัติในเรื่องการโกง  เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี

ไม่มีใครกล้าพูด   เห็นแต่สนับสนุนกัน  
นั่นเพราะความเป็นพวก เป็นฝ่าย เกรงใจผู้มีอำนาจ  

นี่คือตัวอย่างอันชัดเจนที่สุดของสังคมไทยในเรื่องที่พล่ามสวยหรูตลอดว่าคนโกงไม่ดี อย่าให้มีที่ยืน อย่าสนับสนุนคนโกง
แต่อุ้มเป็นนายกฯ เป็นผู้นำอย่างไม่รู้สึกอายกัน



องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น    พิพิธภัณฑ์กลโกงชาติ
กล้าชี้นิ้ว  กล้าเอ่ยอ้างถึงเรื่องในหน่วยงานราชการบางหน่วยไหม

ไม่มีทาง  ไม่กล้า

กล้าแต่กับตำรวจ   แต่กับอีกหน่วยงาน   มิดอิ่มสิ่ม



กล้าที่จะเปิดเผยถึงคอนเนคชั่นระหว่างผุ้มีอำนาจกับกลุ่มธุรกิจไหม
หรือกล้าเล่นแค่เรื่องแมว ๆ ม้า ๆ  ที่เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง

การโกงในประเทศไทย  หากเปรียบเป็นต้นไม้   ก็คือต้นไม้ใหญ่  ฝังรากลึกมานาน

หากจะกำจัดให้สิ้น   ต้องเล่นที่ราก   หากใช่แค่ริดรอนกิ่งใบ
ริดไปเท่าไร   รอนไปเท่าไร    รากมันก็ทำให้กิ่งใบการโกงผลิดอกออกใบขึ้นมาใหม่ไม่สิ้นสุด

งานอย่างนี้   ต้องเริ่มที่ความซื่อสัตย์ต่อตัวเองก่อน   ต้องกล้าพอ

เลิกเล่นปาหี่กันซะที




ในช่วงสิบปีมานี่   เราได้เห็นอภิมหาโกงที่ไม่เคยเกิดในประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลก

ผู้มีอำนาจ   เชื่อมมาถึงกระบวนการยุติธรรม   ต่อท่อถึงกลุ่มธุรกิจ และนักการเมืองฝ่ายเดียวกัน

สร้างความเสียหายมหาศาล   สร้างความขัดแย้งแตกแยกอย่างไม่เคยมีมาก่อน

แต่ก็ยังทำเป็นมองไม่เห็น

ยังสรรเสริญเยินยอมกราบไหว้คนโกงอย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน




องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและปราบปรามการโกง  ปฏิบัติหน้าที่แบบโกงซะเอง

กรรมการก็เลือกข้าง

ต่อให้จับนักการเมืองและข้าราชการขี้โกงเข้าคุกหมด   การโกงก็ไม่มีทางหมดไปจากประเทศไทย
เพราะคนโกงที่องค์กรปราบปรามไม่ปราบ   คนโกงที่กรรมการไม่ว่า   ก็จะมาโกงประเทศต่อไปอย่างสบาย

แบบไร้การตรวจสอบ
ซึ่งอันตรายกว่าการโกงที่อย่างน้อยก็ท้วงติงได้  ตรวจสอบได้




อย่ามาเสียเวลาเล่นปาหี่กันอยู่เลย

ขุดราก  ถอนโคน   ไม่ใช่แค่ตัดกิ่งริดก้าน  แล้วอ้างว่าต่อต้าน  อ้างว่าปราบปราม
ในขณะที่รากสูบผลประโยชน์จากแผ่นดินอยู่ทุกวินาที

เอกชนที่กล้าแกร่ง  สยายปีกคลุมธุรกิจทุกแขนงในประเทศไทย
หน้าไหนไม่จ่ายส่วยให้ผู้มีอำนาจ
(ลอง ๆ สังเกตสิครับ   ซีพีน่ะ  ปีหนึ่ง ๆ จ่ายส่วนแบบออกสื่อปีละเท่าไร ไม่นับที่มองไม่เห็น  
แล้วกลุ่มอื่นล่ะ  เช่น กลุ่มก่อสร้าง กลุ่มแบงค์ กลุ่มน้ำเมา ฯลฯ  )

หน้าไหนไม่อาศัยคอนเนคชั้นกับผู้มีอำนาจ  เพื่อให้นักการเมืองและระบบราชการเอื้อประโยชน์ให้

ถ้าผู้มีอำนาจไม่กล้าทำ ไม่กล้าโกง โดนจับจ้อง โดนตรวจสอบ  ตรวจสอบได้
นักการเมืองกับข้าราชการจะมีอะไรคุ้มหัวให้กล้าโกง



ปัญหาหลักของบ้านเมือง  ไม่ใช่นักการเมือง  ไม่ใช่ข้าราชการ
แต่คือคอนเนคชั่นระหว่างผู้มีอำนาจ  กระบวนการยุติธรรม  เอกชน  นักการเมือง  ข้าราชการ

หากผู้มีอำนาจไม่โกง  กระบวนการยุติธรรมก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
เอกชน  นักการเมือง  ข้าราชการ  จะดิ้นไปไหนได้




ต้องปราบยักษ์   ไม่ใช่แค่ปราบลิง   แล้วเล่นปาหี่กันไปวัน ๆ ว่า ปราบโกง
ถีบขาคู่
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5


ความคิดเห็นที่ 3
ประธานองค์กรต่อต้านการคอรัปชั่น ยังโกงภาษีนำเข้ารถยนต์เลยครับ
ความคิดเห็นที่ 1
การสร้างพิพิธภัณฑ์นี้ ก็เพียงจะใช้เป็นเครื่องมือชี้เป้าเล่นงานฝ่ายตรงข้าม และ มันเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นที่มีอยู่ในทุกหย่อมหญ้าของสังคมไทย ฉะนั้น ข้อมูล(ที่แม้มีมูลเล็กน้อย)ของอีกฝ่าย จะถูกตีแผ่เผยแพร่แบบคลุมเครือเพราะหลายเรื่อง ยังไม่มีข้อยุติ ส่วนของฝ่ายตนจะมีน้อยหรือถูกบิดเบือน อาจทำให้เกิดความสับสนมากกว่าจะได้รับรู้ข้อมูลความเป็นจริง

เผินๆ ดูว่าคนดำหริให้สร้างมีเจตนาดีที่ยอมรับความจริง และเปิดเผยต่อประชาชน แต่จุดประสงค์ที่ดีกลับถูกครอบงำกลายเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้คนบางกลุ่ม และมุ่งทำลายคนอีกกลุ่มที่เป็นศัตรูทางการเมือง

เสียของเสียงบประมาณเสียความรู้สึก โดยที่ประชาชนก็จะไม่ได้อะไรมากนักจากตัวพิพิธภัณฑ์ และจะกลายเป็นสถานที่รกร้างเสื่อมโทรมไม่มีใครสนใจในไม่ช้า


.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่