ลูกไฟ"อุกกาบาต"ในปรากฏการณ์โหร "ดวงเมืองตก-ศก.แย่กว่าปี40"

กระทู้คำถาม
ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ประชาชนในหลายพื้นที่ ไล่ตั้งแต่กรุงเทพฯเรื่อยไปจนถึงกาญจนบุรี อุทัยธานี และสระบุรี ต้องพบกับเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งมายังโลก ก่อนจะเผาไหม้และหายไปในชั้นบรรยากาศไม่นาน ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กระจายทั่วโซเชียลมีเดีย ตามมาด้วยการคาดเดาและข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

http://www.matichon.co.th/online/2015/09/14417696611441769686l.jpg

บ้างว่าเกิดจากเครื่องบินตก เฮลิคอปเตอร์ตก เพราะประชาชนใน 5 อำเภอของกาญจนบุรีได้ยินเสียงคล้ายระเบิดและเห็นกลุ่มควันบนท้องฟ้า ขณะที่ชาวโคราชก็เห็นลูกไฟประหลาดตกมาจากท้องฟ้า เกรงจะเป็นเหตุเครื่องบินตกเช่นกัน ทว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหากลับไม่พบ ด้านผู้ประกอบการบินพลเรือนและหน่วยบังคับดูแลการบินต่างๆ ก็ออกมายืนยันว่าช่วงเวลาดังกล่าวไม่ปรากฏว่าอากาศยานสูญหายจากจอเรดาร์

ด้านนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ต่างแสดงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุดังกล่าวคือ "อุกกาบาต" หรือปรากฏการณ์ดาวตก

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียืนยันว่าจากหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ประชาชนบันทึกไว้ได้มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็น "ลูกไฟ (Fireball)" เกิดจากอุกกาบาตขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกด้วยความเร็วสูง เสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนเกิดการเผาไหม้ จนเห็นเป็นลูกไฟและควันขาวเป็นแนวยาว

ในทางวิทยาศาสตร์นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่วัตถุในอวกาศซึ่งอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักจะถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกหรือดาวเคราะห์บางดวง

แต่สำหรับบางคน ปรากฏการณ์และการเคลื่อนไหวดวงดาว กลับเป็นสิ่งบ่งชี้สำคัญ

บุศรินทร์ ปัทมาคม ปรมาจารย์โหรชื่อดัง บอกว่า ทางโหราศาสตร์จะดูเฉพาะดาวดวงใหญ่ๆ ที่เดินรอบโลกหรือรอบดวงอาทิตย์เป็นประจำ อยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน 8-10 ดวงเท่านั้น ส่วนอุกกาบาตนั้นเป็นเศษดาว นอกเหนือจากดาวพระเคราะห์ที่เราสนใจ นานๆ เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องเล็กมากไม่ค่อยมีใครติดตาม ทางโหราศาสตร์ไม่มีสถิติ ไม่มีใครตอบได้หรอก

แต่ปีหน้า บุศรินทร์บอกว่า มีดาวหลายดวงเดินผิดปกติพร้อมๆ กัน ชี้ว่าบ้านเมืองระส่ำระสาย

"ดาวต้องเดินประจำ ถ้าเดินผิดปกติหรือวิปริต มันถึงจะเป็นลางบอกเหตุร้ายของประเทศ ส่วนดาวเล็กๆ ที่หล่น ไม่เหมือนดาวใหญ่ที่เดินประจำ จะเป็นดาวหรือเปล่าไม่รู้ อาจเป็นก้อนหินที่ตกลงมาบนพื้นโลกซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แล้วไม่มีใครสังเกต

"ดวงเมืองเริ่มตกตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2558 เหตุร้ายเริ่มเกิด ดาวพฤหัสฯตกอยู่ในเรือนอริ ดาวอังคารโคจรวิปริตเรียกว่าพักร เป็นพักรในราศีที่เป็นมรณะของดวงเมือง หมายถึง ดวงเมืองขาดการคุ้มครอง โอกาสเกิดเหตุร้ายได้ง่าย เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือรัฐบาลอยู่ยาก เศรษฐกิจตกต่ำอย่างมากเหมือนปี 2540 ครั้งนี้อาจรุนแรงกว่า การบริหารจัดการต้องคอยระวังหลัง อาจมีการปฏิวัติซ้อน เป็นช่วงดวงตกของประเทศจนถึง 9 กุมภาพันธ์ 2559 น่าเป็นห่วง

อีกช่วงคือ 7 สิงหาคม 2559 ถึง 6 กันยายน 2560 เป็นผลจากดาวพฤหัสฯย้ายเข้าเรือนอริ ดาวเสาร์ย้ายเข้าเดือนมรณะ ในประวัติศาสตร์เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้หลายครั้ง ส่วนรัฐบาล หากเปรียบเป็นรัฐนาวาก็คัดหางเสือลำบาก เจอคลื่นลมแรงประมาณปีหนึ่ง"

ถามถึงการบรรเทาความร้ายแรงของเหตุที่อาจเกิดขึ้น บุศรินทร์บอกว่าค่อนข้างยาก

"ต้องป้องกัน ระวังตัว สุขุม รอบคอบ เพราะเหตุการณ์ทำนองนี้ในอดีตเคยเกิดปฏิวัติรัฐประหารถึง 10 ครั้งด้วยกัน ถ้าดาวใหญ่อย่างดาวพฤหัสฯตกอยู่ในเรือนชะตาที่เสียช่วง 15 ธันวาคม ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2559 อีกครั้งคือ 7 สิงหาคม 2559 ถึง 6 กันยายน 2560 เรียกว่าดวงเมืองตก มีเคราะห์ หรือสั่นคลอน ข้าวยากหมากแพง ประเทศไทยจะกลายเป็นเป้าสำคัญ เป็นตัวการอันดับแรกๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำเศรษฐกิจตก เหมือนปี 2540 ที่เราเป็นต้นเหตุของวิกฤตต้มยำกุ้ง และเหตุนี้จะทำให้คนไม่นับถือรัฐบาล พวกที่คิดจะปฏิวัติซ้อนมีโอกาสทำได้ง่าย พล.อ.ประยุทธ์พบศึกหนัก

"ส่วนประชาชนตัวเล็กๆ ก็เตรียมไม่มีเงินไว้บ้าง เพราะรายจ่ายจะมาก โอกาสหาเงินได้น้อย คนตกงานมาก สินค้าขายไม่ออก" โหรบุศรินทร์แสดงความเห็น

ขณะที่ ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า ตามตำราพยากรณ์ เรื่องของอุกกาบาต อยู่ในเรื่องของนิมิต เป็นเรื่องของปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ให้ผู้คนอยู่ด้วยความระมัดระวังรอบคอบ ซึ่งทุกครั้งพอเกิดเหตุการณ์อุกกาบาต คนมักจะโยงไปกับเหตุการณ์ทางการเมือง ภัยธรรมชาติและความเป็นอยู่ของสังคมเป็นส่วนใหญ่

ครั้งนี้เห็นกันหลายจังหวัด หลายอำเภอ ถ้าจะพยากรณ์ก็คงเป็นเรื่องของสังคม เป็นผลกระทบกับสังคม แต่ต้องพิจารณาประกอบเวลา สถานที่ และทิศของอุกกาบาตหรืออุบัติการณ์บนฟากฟ้าเกิดจากทิศไหนไปถึงทิศไหน สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเช้า กินบริเวณภาคกลางและกรุงเทพฯ ทิศทางของอุกกาบาตจากทิศอาคเนย์ ที่มีพระอังคารครองอยู่ ไปยังทิศพายัพ ที่เป็นภูมิของราหู ซึ่งดาวทั้ง 2 ดวงเป็นดาวบาปเคราะห์ทั้ง 2 องค์ การเกิดอุกกาบาตมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่ดี ตามมาหรือเกิดในห้วงเวลาที่เกิดปัญหา เกิดการผกผัน ผันแปร การเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเรื่องอุบัติภัย ภัยธรรมชาติและดินฟ้าอากาศ

"ปกติดาวตกหรือผีพุ่งใต้เกิดขึ้นเป็นประจำเกือบทุกวันอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เกิดอุกกาบาตให้เห็นพื้นที่ต่างๆ อย่างกว้างขวาง เป็นสะเก็ดดาวดวงใหญ่ จึงเป็นกรณีพิเศษ จึงเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ใหญ่ กับสังคมใหญ่ ในตำราโหราศาสตร์ท่านบอกว่า เทวดาฟ้าดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือธรรมชาติ ท่านเอ็นดูมนุษย์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟากฟ้าเพื่อจะเตือนคนให้ดำเนินชีวิตหรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครอง

"ในอดีตผู้ปกครองมาอยู่นานๆ ก็มักจะลืมตอนเข้ามาใหม่ๆ พูดอย่างหนึ่ง พอนานไปก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ก็จะมีโหรมีที่ปรึกษาคอยเตือนอยู่ แต่บางคนอาจจะหลงในอำนาจใครเตือนก็อาจจะไม่ฟัง เทวดาฟ้าดินที่เอ็นดูมนุษย์จะนิมิตให้เกิดปรากฏการณ์เพื่อเตือนสังคมนั่นเอง" ภิญโญกล่าว

ส่วนอุกกาบาตครั้งนี้ในห้วงเวลามีหลายปัญหาเกิดขึ้น เช่น โหวตร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน และการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจนั้น ภิญโญอธิบายว่า การทำหน้าที่การลงมติการร่างรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของคนที่ทำไป ส่วนปรากฏการณ์บนฟากฟ้าก็เป็นเรื่องของปรากฏการณ์ แต่มันเชื่อมโยงกัน ถ้าทางโหราศาสตร์จะบอกว่าวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

เป็นวันที่ดาวพระเคราะห์สำคัญโคจรและย้ายราศีกันหลายองค์ ซึ่งราศีเมษมีลัคนาดวงเมืองสถิตอยู่ ดาวมฤตยูจะย้ายจากราศีเมษเข้าราศีมีน มันจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ด้วยการถอยหลังจากธาตุไฟเข้าสู่ธาตุน้ำ ทำให้ร้อนอยู่ก็ลงน้ำ เกิดร้อนๆ เย็นๆ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมาก

"ยังมีดาวดวงอื่นที่เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ดาวมฤตยู เช่น ดาวพระศุกร์ ถอยหลังจากราศีสิงห์เข้าราศีกรกฎ ย้ายจากราศีธาตุไฟเข้าราศีธาตุน้ำ ด้วยลักษณะถอยหลังเหมือนกันรวมถึงดาวพุธที่มีการถอยหลัง เป็นดาวสื่อสารทางความคิด ดาวการประชุม การลงมติ และดาวพุธก็มาร่วมกับราหู ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นคู่ศัตรูกัน เพราะฉะนั้นอาจจะเกิดความขัดแย้งทางความคิด และดาวพุธที่ถอยหลังแสดงว่าการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพทางความคิดจะเป็นปัญหา ไม่ช้าไม่นานอาจจะมีอะไรแปลกๆ ออกมาให้เห็นตามความหมายของดาวพุธ" ภิญโญอธิบาย

ก่อนเตือนว่า ในช่วงนี้จะต้องระวัง เพราะดาวใหญ่ๆ ทำมุมปลายหอก เข้าทิ่มแทงดวงเมือง

"โดยราหูอยู่ราศีกันย์ ดาวเสาร์อยู่ราศีพิจิก ดาวมฤตยูถอยจากราศีเมษเข้าราศีมีน ประกอบกับเดือนนี้เป็นเดือนอุปราคาขึ้น 2 ครั้ง ในวันที่ 13 กันยายน และ 28 กันยายน เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดอุกกาบาตลูกใหญ่เห็นได้ชัดในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ตามด้วยปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอีก 2 ครั้ง เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในวันที่ 13 เกิดในราศีสิงห์ ซึ่งเป็นดาวของผู้นำ ผู้ปกครองต้องระวังให้ดี จะเกิดความผกผัน พลิกผันและเปลี่ยนแปลงได้"

นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติทิ้งท้าย

http://m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1441769661
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่