สิ่งที่เรียนรู้ ตอนที่ 1/10 (กว่าจะเป็นช่างภาพมืออาชีพ)

กระทู้สนทนา
สิ่งที่เรียนรู้  1


ทั้งหมดนี้เรื่องราวของเด็กบ้านนอกที่เข้ากรุงเพื่อตามหาฝัน จากวันที่มีเพียงเป้หนึ่งใบ ลีวายสองตัว เสื้อยืดอีกห้าตัว กับเงินในกระเป๋าสองพันบาท มาดูความกล้าและสิ่งที่พลิกผันในชีวิต ที่เริ่มต้นจากพนักงานเขียนแบบไปสู่การเป็นช่างภาพอาชีพ

หลังจากหายไปนาน ด้วยมีอะไรอย่างอื่น อีกหลายอย่างที่ต้องทำ
หลังจากเมื่อวาน สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ คือการมองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น
เมื่อวานก็เป็นอีกวันของการสอน แต่ได้ชื่อว่าเป็นการสอนที่เข้มข้นขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งจากคลาสที่ผ่านๆมา เป็นเพียงการสอนในระดับกลาง แต่เมื่อวานเป็นงานสำหรับอาชีพ

    "มืออาชีพ"

จุดเริ่มต้นที่ว่าคืออะไร
คือตัวผมเอง ผมไม่เคยหวังที่จะให้ใครทำอย่างที่ผมทำ แต่สิ่งที่ผมทำ สิ่งที่ผมเป็น น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนได้

ผมเริ่มต้นจากความอยาก ผมอยากเป็นสถาปนิกเมื่อตอนเรียน ม. 1 หลังจบ ม. 6 ผมก็ได้เรียนสมจนใจอยาก แต่ก็ทนกับสิ่งที่เชื่องช้าไม่ได้ ถ้าเป็นสมัยนี้เขาคงเรียกว่า "ไฮเปอร์" แต่สมัยนั้นเขาเรียกผมว่า "อวดเก่ง"

คิดว่าสิ่งที่ครูสอนในห้องเรียนคือสิ่งที่เรารู้หมดแล้ว ผมเริ่มวาดภาพเหมือนตอน ป. 3 และจากนั้นมา ด้วยความที่พี่สาวเป็นครูประจำชั้น พี่สาวจึงให้ผมเป็นคนวาดภาพติดบอร์ดให้กับโรงเรียนในงานวันสำคัญต่างๆเรื่อยมาจนทุกคนเห็นแวว

ผมเป็นนักเรียนตัวแทนไปแข่งคณิตศาสตร์ "คิดเลขเร็ว" และได้ที่หนึ่งของจังหวัดจากการแข่งสามรอบ ผมตอบปัญหาคณิตศาสตร์ทางทีวีรายการของเครือซีเมนไทย ได้ก่อนที่คนแข่งในทีวีจะตอบได้ ซึ่งถ้าใครอายุ 40 เท่าผมน่าจะเคยดูรายการนี้(ถ้าชอบคิดเลข) ถ้าเป็นสมัยนี้ และถ้าผมไม่ได้อยู่บ้านนอก ผมคงได้มีโอกาสไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิก

จากศัพท์ภาษาอังฤษในชั้นเรียน ม. 1 ที่แสนจะออกเสียงยาก
"Architect" ทำให้เกิดคำถาม และเป็นที่มาของความอยาก
มันคือ "สถาปนิก" แล้วคำว่า สถาปนิกคืออะไร นี่แหละคือบ้านนอก

    "สถาปนิกคือ คนออกแบบบ้าน"

นี่คือคำตอบของครู แต่คำขยายความของการเป็นนักออกแบบบ้านนี่สิ มันช่างเร้าใจผมเหลือเกิน ต้องเก่งศิลปะ เข้าทางเลย
    
  "ผมจะเรียนสถาปนิก"

เสียงเด็กๆของผมในวัยนั้นพูดบอกครู

    "อย่างเธอเรียนไม่ได้หรอก ต้องเก่งเลขด้วย วาดรูปเก่งอย่างเดียวเรียนไม่ได้หรอก"

คุณครูช่างดูถูกกันมาก นี่แหละอีกอย่างของบ้านนอก ที่ไร้แรงสนับสนุน

    "เขาเรียนได้ครับครู ประเสริฐเขาเก่งเลขมาก"

ตอนนั้นผมยังชื่อประเสริฐอยู่ แต่ตอนนี้ชื่อ ธราทร ดูสิขนาดชื่อยัง....

ตั้งแต่ตอนนั้นแหละคือจุดเริ่มต้นของความอยาก

จาก ม. 1 ถึง ม. 6 ที่ผมศึกษาเอง จากหลายตำรา จากหนังสือเม็กกาซีนที่หลอกพี่สาวไปเดินเฉียดๆร้านหนังสือทุกสิ้นเดือนเพื่อซื้อหนังสือบ้านและสวน จนหลังๆมาพี่สาวรู้ทัน เลยให้เงินมาซื้อเอง

ผมเข้าเรียนปีหนึ่งในรหัส 36 พอเข้าเรียนได้เพียงปีเดียว ด้วยวิชาที่ร้อน กับความอยากที่มีมาก ทำให้ผมลาออกจากการเรียนแล้วออกมาทำงาน

ผมกลับบ้านนอก แล้วขอแม่อยู่สามเดือน กว่าแม่จะยอมให้มากรุงเทพอีกครั้งเพื่อทำงาน เป้ใบเล็กหนึ่งใบ ลีวายสองตัว เสื้อยืดอีกห้าตัว เงินในกระเป๋าสองพัน ไม่ต่างจากคนบ้านนอกทั่วไปที่พากันเดินทางเข้ากรุงเพื่อมองหางานก่อสร้างทำ ซึ่งผมก็เข้ามามองหางานเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ผมตั้งใจว่า ผมจะมาเป็นนักออกแบบ

    "Draft Man"

คือตำแหน่งแรกที่ทำ ได้เขียนแบบตามที่คนอื่นดีไซน์มา แล้วก็ฝึกๆๆๆ ฝึกออกแบบให้เป็นแนวของตนเอง ผมทำงานนี้อยู่สามเดือน ชื่อมันก็ดูเท่ห์ดีนะ แต่มันคือ พนักงานเขียนแบบ

ผมเรียนรู้และเริ่มรู้ว่างานนี้เป็นยังไง เมื่อคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์เพียงพอ จากสามเดือนที่นั่งเขียนแบบ ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาอีกบริษัท แล้วบอกว่า ผมอยากเป็น "Designer" ออกแบบตกแต่งภายใน และสิ่งที่ได้กลับมาคือปัญหา ปัญหาของงานจริงที่บริษัทรับมาและเขายังคิดกันไม่ออก คิดไม่ออกมาสองเดือนแล้ว

"นี่คือพื้นที่จริง เป็นร้านเพชร พี่อยากลองให้เอาไปออกแบบมาให้พี่ดู มันเป็นพื้นที่ที่มีเสาอยู่ตรงกลาง น้องลองเอาไปออกแบบดู แล้วเอามาให้พี่ แล้วพี่จะพิจารณา... คิดว่ากี่วันเสร็จ"

คุณคิดว่าผมจะตอบยังไงกับคำถามนี้....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่