ขยันอีกแล้ววววว...
คราวนี้อยากชวนมาอ่านความคิดของจูรินะหลังจากเรนะแกรดออกไป
บทสัมภาษณ์นี้ นอกจากรูปสวยแล้ว เนื้อหายังน่าสนใจมากๆๆๆๆๆๆๆด้วย
สัมภาษณ์คราวนี้สรุปได้สั้นๆว่า "จูรินะแอมเวย์" ขายตรงกันสุดฤทธิ์ อ่านจบแล้วคงจะมีคนได้ไลน์เป็นเด็ก SKE เพิ่มกันบ้างล่ะ
นอกจากนี้ยังไม่หายเพ้อจากการโดนเรนะหักอกด้วย ถถถถถ
บอกเลยว่าความคิดของจูรินะโตขึ้นเยอะจริงๆ
และนี่แหละ SKE ของแท้!!!
----------------
เรนะอิมแพ็ค
- ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ขึ้นปกมาปีนึงแล้วนะครับ
จู: ก็ตั้งแต่ฉบับพิเศษบาร์บีคิวเมื่อปีที่แล้วค่ะ ที่ได้ใส่เสื้อยืดBBQ ตัวนั้นถ่ายด้วย ช่วยเรียกฉันมาออกบ่อยๆด้วยนะคะ
- เชิญไปหลายรอบแล้วครับ แต่จูรินะงานยุ่งมาก ตารางไม่เคยลงตัวเลย
จู: แต่ว่า ความรักที่Bubkaซังมีต่อSKE แข็งแกร่งมากๆเลย ชอบไปโผล่ที่งานจับมือกับในสเตจบ่อยๆไม่ใช่เหรอคะ เพราะงั้นถึงไม่รู้สึกเลยว่าไม่ได้เจอกันนาน แล้ววันนี้คุยธีมอะไรกันดีคะ
- ตอนนี้แน่นอนว่าต้องเรื่อง "ความรักต่อSKE" เราได้ยินว่าความรักต่อนาโกย่าของจูรินะสูงจนผิดปกติ
จู: สูงมากเลยล่ะ!
- มีเรื่องอะไรเหรอ
จู: คงจะเพราะรุ่น 7 กับดราฟต์รุ่น2น่ารักเกินไปล่ะ น่ารักเกินไปแล้ว น่ารักจนฉันรู้สึกแย่เลย
- รักเข้ากระดูกดำเลยหรือเปล่าครับ? (ฮา)
จู: กว่าจะรู้สึกแบบนี้ก็ผ่านเรื่องอะไรมามากมายเลย สำหรับฉัน การจบการศึกษาของเรนะจังอิมแพ็คกับฉันมากๆ ถึงขั้นที่ว่าไม่ว่าจะร้องเพลงอะไรก็ร้องไห้ออกมา เพราะมีความทรงจำอยู่มากมาย"เพลงนี้ตรงท่อนนี้เรนะจังร้องสินะ หลังจากนี้จะทำยังไงดีล่ะ?" พอคิดแล้วน้ำตาก็ไหล "เนื้อเพลงตรงนี้มันเขียนเรื่องฉันกับเรนะจังไม่ใช่หรือไง?" อะไรประมาณนั้น ในเนื้อเพลงของ SKE มีคำว่า "ดวงจันทร์" กับ "ดวงอาทิตย์" อยู่ไม่น้อยเลย อย่างในเพลง Nakama no uta พอร้องถึงท่อน "เสียงตะโกนดังดั่งดวงอาทิตย์" กับท่อน "ดวงจันทร์ที่ทอแสงเพื่อการจบการศึกษาในวันพรุ่งนี้" ทำให้รู้สึกใจสั่น ฉันและเรนะถูกเปรียบกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บ่อยๆ เลยคิดว่า "เสียงตะโกน" นั่นใช่ฉันหรือเปล่า ประมาณนั้นค่ะ
- คุณได้เป็นเซ็นเตอร์เพลง Oogoe diamond นี่ครับ เสียงที่พูดออกมาจริงๆก็ดังมากเลยล่ะ
จู: แล้วก็นะ พอคิดว่า "เรนะจังน่ะ เพื่อวันพรุ่งนี้เลยจบการศึกษาไป" ก็ยิ่งสะอื้นเข้าไปอีก เนื้อเพลง DOUBTก็ใช่ "แม้จะรักแต่ไม่อาจพูดความจริงออกไปได้ ความรู้สึกที่แท้กลับถูกมองออกมาตั้งนานแล้ว" ก็คิดว่านี่มันเหมือนฉันกับเรนะจังเลยไม่ใช่เหรอ ประโยคแรกคือความรู้สึกของเรนะจังที่มีต่อฉัน ส่วนประโยคที่สองเหมือนความรู้สึกฉันตอนที่ได้ยินว่าเรนะจังจะจบการศึกษา
- เนื้อเพลงถูกเขียนไว้ตั้งนานแล้ว แม้ว่าถ้าดูตามเวลามันจะดูแปลกๆไปหน่อย แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้เนอะ
จู: หลังจากได้ยินว่าจะจบการศึกษา ความคิดฉันก็เต็มไปด้วยเรื่องพวกนี้ค่ะ เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาโยงกันไปหมด แม้แต่ได้ยินเพลง Tsuyogari dokei ยังร้องไห้เลยค่ะ เพราะมีท่าที่ต้องเต้นคู่กับเรนะจังเยอะ เลยคิดไปว่า "พอหันหลับมาก็ไม่เจอเรนะจังอีกแล้ว..."อะไรแบบนั้น
- คงเป็นเรนะอิมแพ็คล่ะครับ
จู: อิมแพ็คมากๆเลยค่ะ
ถึงขั้นคิดว่าจะจบการศึกษาเลยดีมั้ย
- ถึงขั้นนั้นเลยเหรอครับ!?
จู: จะจบการศึกษาไปแบบนี้เลยดีมั้ย ต้องขอโทษทุกคนมากๆเลยค่ะ ตัวฉันเองควรจะเป็นคนที่ส่งรอยยิ้มให้ทุกคน แต่ดันกลายเป็นว่าไม่ว่าจะตอนไหนทุกคนก็เห็นฉันร้องไห้ตลอด แม้แต่ในงานจับมือก็ร้องตั้งแต่เช้ายันเย็น คิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าไม่อยู่คงจะดีกว่า
- จมลงไปลึกขนาดนั้นเลยนะครับ
จู: แม้ว่าแฟนๆทุกคนจะใจดีกับฉันมาก แต่ใจดีแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม แบบว่า เด็กๆรุ่น 7 กับดราฟต์รุ่น 2 ช่วยดึงฉันออกมา ขอบคุณมากจริงๆนะ!
- ยูอาสะซังก็โพสรูปออกมาด้วย ที่คุณไปดูสเตจรุ่น 7 กับดราฟต์รุ่น 2
จู: วันก่อนหน้าจะเริ่มเดบิวต์สเตจพอดีมีงานจับมือที่นาโกย่าค่ะ พองานจบ ตอนที่เข้าไปดูที่ห้องซ้อม ไม่รู้สึกถึงพลังแบบนั้นเลย เพราะยังไม่เคยได้ยินคอมเม้นท์ดีๆจากสตาฟฟ์ที่คอยดูในห้องซ้อมหรือจากเมมเบอร์เลย ฉันเลยสนใจเป็นพิเศษ
ยังได้ยินที่มากิโกะวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เลยรู้สึกว่าไม่ไหวแน่ รู้สึกว่า ณ ตอนนั้นถ้าตัวเองไม่ทำอะไรซักอย่างคงไม่ดีแน่ ก็เลยพูดกับพวกเธอว่า "ลองเต้นเพลง SKE เพลงนี้ให้ดูหน่อยสิ" ในสเตจ Party เพลงอื่นๆเป็นเพลงของ AKB48เลยอยากดูเพลงที่แต่งให้เฉพาะ SKE น่ะค่ะ พอได้ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีพลังของ SKE เลย อย่างตรงที่ยกมือก็ยังไม่ค่อยถูก แทบจะต้องเริ่มสอนใหม่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ
- เริ่มสอนใหม่ตั้งแต่ต้นเลยเหรอ?
จู: พอเป็นเพลงของพวกเราเอง ก็ย่อมต้องอยากแสดงเพลงนี้ออกไปให้ดีที่สุดใช่มั้ยล่ะคะ? จากย่างก้าวที่ละเอียดอ่อนนี้มาเป็นหัวใจหลัก ใช้เวลาไปประมาณ1ชม.ในการเต้นเพลง SKE48 "องศาต้องปรับประมาณนี้นะ" "ท่าทางต้องเป๊ะกว่านี้หน่อย!" อะไรทำนองนั้น ฉันมักจะบอกพวกเธอว่า "ลองไปดูสเตจ Party ของทีม S จะดีกว่านะ"
- ไม่เคยดูสเตจ Party ของทีม S หรอกเหรอครับ?
จู: ดูเหมือนว่าจะไม่เคยค่ะ ก็เลยแบบว่า "ไม่เหมือนเลยสักนิดอ่ะ ตอนสมัยพวกเราน่ะนะจะใช้ 'ความรู้สึกที่ว่าต่อให้ลมแรงแค่ไหนก็พัดเราไม่ไป' มาเต้น" พูดไปแบบนี้ แต่ว่าเพื่อที่จะให้ดูเหมือนทำเต็มที่แล้ว ตอนนี้เลยรู้สึกน่าเสียดายน่ะค่ะ จริงๆแล้วตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจมุมมองที่จะแสดงออกไปให้พอดี วิธีที่โบกมือเลยเป็นแบบนี้ ดังนั้นก็เลยต้องสอนสิ่งที่เราเคยผ่านมาให้กับพวกเธอ แม้จะรู้ดีว่ายังไงก็ไม่สามารถจำเรื่องเยอะแยะมากมายขนาดนี้ได้ในเวลาสั้นๆแต่ในที่สุดก็กลายเป็นว่า "จำได้แล้วค่อยเลิกซ้อม" เป็นแบบนั้นค่ะ
สเตจเคงคิวเซย์
- แล้วการแสดงในวันต่อมาล่ะครับ?
จู: ฉันได้ดูแค่ตอนซ้อมจริงค่ะ หลังจากนั้นมีงานที่โตเกียวเลยต้องไปจากนาโกย่า ได้นั่งดูอยู่แป๊บนึงแล้วก็ได้ไปยืนดูตรงพื้นที่ให้ยืนอยู่แป๊บนึง...พูดตามตรง ฉันคิดว่ายังมีหลุดอยู่นิดหน่อย ความรู้สึกและท่าทางการเต้นยังไม่เป๊ะเท่าไหร่ค่ะ ทำให้ฉันไม่สบายใจเลย ยังรู้สึกได้ว่าแต่ละคนก็ใส่อารมณ์ต่างกัน
ความเข้มแข็งที่รู้สึกได้ยังคงตีกันอยู่ ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวแบบ SKE ยังให้ความรู้สึกเหมือน AKB มากกว่า เหมือนกำลังมองดูดาวแต่ละดวงที่ส่องแสงธรรมดาๆค่ะ
- แต่การตีกันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนี่ครับ
จู: ก็ใช่ค่ะ การที่แต่ละคนส่องประกายออกมาได้ถือว่าใช้ได้ แต่ฉันคิดว่าถ้าไม่มีความรู้สึกของ SKE คงไม่ใช่เรื่องดี ที่นาโกย่าเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ "ที่นี่คือเธียเตอร์ของ SKE นะ" คิดแบบนั้นค่ะ
- จะว่าไปก่อนวันแสดงจริงยังมีอีกเรื่องที่สอนกันด้วยนี่ครับ
จู: ใช่ค่ะ เพลง Skirt, hirari พอกลับเข้าไปหลังเวทีตัวฉันเองก็เอากระโปรงมาใส่ "ดูนี่นะ พอทำท่าแบบนี้แล้ว กระโปรงก็จะดูพริ้วขึ้นมาเลยล่ะ" "ทำแบบนี้ก็จะโชว์เอวได้" แสดงตัวอย่างให้ดูด้วยตัวเองแบบนั้น พวกเธอก็หยิบสมุดมาจดอย่างเอาเป็นเอาตาย แค่เพลงเดียวก็จดกันเต็มหน้าแล้ว (ฮา) แม้ว่าจะต้องรีบไปโตเกียว แต่พอรู้ตัวอีกทียังไม่ได้ไปไหนเลยล่ะ (ฮา) เพราะตัวเองไม่อาจไปนั่งที่คนดูเพื่อดูสเตจได้ดังนั้นเลยต้องเรียนรู้จากการคิดว่าอยากให้ตัวเองดูเป็นยังไงแทน แล้วตอนที่ได้แนะนำตัวเองด้วย catchphrase ก็ดีใจมากๆเลย! จุดที่ต้องเต้นคู่กันกับทุกคนมีเยอะมาก ฉันยังไปดูสเตจตั้ง 3 รอบแน่ะ!
- ไม่ใช่ว่ากลายเป็น top wotaไปแล้วเหรอครับ?!
จู: ฉันเคยพูดกับสตาฟฟ์แบบนี้ด้วยค่ะว่า "เพราะฉันเป็น top wota ไง" ครั้งที่สองแฝงตัวไปดูกับคนอื่นค่ะ เพราะกลัวว่าถ้ารู้ว่าฉันมาดู อาจจะมีเด็กที่ตื่นเต้นเกิน สิ่งที่ไม่เหมือนกับซ้อมจริงคราวนั้นคือ รู้สึกได้ว่าทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว คงจะซ้อมกันมาดี แต่ว่า ก็ยังประทับใจที่แฟนๆช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย ความร้องแรงและเสียงเอาใจช่วยจากแฟนๆเยี่ยมมากเลยล่ะ ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บใจขึ้นมานิดนึงเลย สเตจทีมS ก็อยากให้คอลล์เสียงดังขึ้นแบบนี้เหมือนกันอ่ะ คิดแบบนี้ค่ะ
- ฮ่าๆๆๆ คนที่มาสเตจเคงคิวเซย์ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ทั้งนั้นเลย
จู: แน่นอนอยู่แล้วล่ะ แล้วยังมีคนที่รู้จักสเตจ Party อย่างดีมาดูด้วย หลายคนเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้าในสเตจทีม S เลยด้วย ตอนฉันกลับไปดูรอบ 3 ก็จำ catchphrase ได้แล้วล่ะ ได้ตะโกนเสียงดังกับเค้าเหมือนกัน แบบว่า "โคจัง~~~" อยากจะเป็นคนที่เสียงดังที่สุดค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คนนี้ฮะ โคจัง
- นั่นคือชิราอิ โคโตโนะ ดราฟต์รุ่น 2 นี่ครับ จูรินะเป็นโอชิคนไหนล่ะ?
จู: เรื่องนี้น่ะ เลือกไม่ได้เลย...ฉันว่าฉันเป็นฮาโกะโอชิล่ะ ถ้าถามว่าทำไมก็คงเพราะทุกคนน่ารักกันทั้งนั้นเลยนั่นแหละ
- นอกจากช่วยสอนแล้วคุยเรื่องอื่นบ้างมั้ยครับ?
จู: มีค่ะ ก็มีเดินมาหาแล้วก็เรียก "จูรินะซัง!" อะไรแบบนี้
- สำหรับเคงคิวเซย์แล้ว แม้จูรินะซังจะเป็นรุ่นพี่รุ่นใหญ่ แต่ระยะห่างก็ลดลงมาใกล้กันแล้วสินะครับ
จู: ฉันกลายเป็นหม่าม๊าของพวกเธอไปแล้วล่ะ "วันนี้จะมาดูพวกเรามั้ยคะ!?" "ฉันมาเพื่อทุกคนโดยเฉพาะเลยนะ" จะมีคุยอะไรประมาณนี้กันล่ะค่ะ
- ได้พึ่งพากันแล้วนะครับ
จู: ตอนสเตจครั้งที่ 3 ท่าทางของโกโต้ ราระดูแปลกๆไปค่ะ รู้สึกว่าตอนเต้นจะมีความรู้สึกเหงาๆตลอดเลย แค่แป๊บเดียวฉันก็ดูออกแล้วว่าเพราะอะไร
เพราะอยู่ดีๆก็ถูกเลือกเป็นเซมบัตสึเลยได้รับความกดดันมาก แม้เธอจะไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันเหล่านี้ แต่มันก็แผ่ออกมาบนเวทีโดยไม่ตั้งใจ ออร่าที่ส่งออกมารู้สึกได้ว่าไม่ได้มาจากใจ เพราะงั้นตอนที่แนะนำตัวกันเสร็จแล้วกลับไปหลังเวที ฉันก็รีบไปหา พอเข้าไปเด็กๆคนอื่นก็เข้ามาเรียกฉัน "จูรินะซัง" ล้อมกันเข้ามา ฉันเหมือนเป็นผู้จัดการเคงคิวเซย์ไปแล้วล่ะ
- ตรงนี้ต้องควบตำแหน่งมั้ยครับ? (ฮา)
จู: ผู้จัดการ ครูสอนเต้นแล้วยังแนะแนวชีวิตด้วย ควบสามตำแหน่งเลยล่ะค่ะ พูดว่า "เอาล่ะ มาเก็บของกันเถอะ" แล้วก็ช่วยกันจัดการค่ะ
- ทำถึงขั้นนั้นเลยเหรอครับ
จู: ถ้าไม่ทำตัวเองให้เป็นตัวอย่าง ก็จะถูกมองว่าเป็นรุ่นพี่ที่น่ารังเกียจค่ะ ถ้าฉันเริ่มทำความสะอาด เคงคิวเซย์ก็จะคิดว่า "ขนาดจูรินะยังทำเลย พวกเราก็ต้องทำบ้างแล้ว" แบบนี้ใช่มั้ยล่ะคะ? ฉันดีใจที่ได้สอนเรื่องพวกนี้เหมือนพวกคุณแม่ทำน่ะค่ะ (ฮา) เพื่อให้เด็กๆเหล่านี้พยายามไปได้ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน
- ความรู้สึกแบบนี้สมัยก่อนมีมั้ยครับ?
จู: จะว่ามีก็มีค่ะ แต่ตอนนั้นไม่ใช่สบายๆชิลๆเหมือนตอนนี้ ตอนนั้นต้องจำท่าเต้นเยอะมาก ต้องไปถ่ายทำที่นั่นที่นี่ อันที่จริงตอนนี้คุ้นเคยกับเวลาที่ได้ไปดูเด็กเข้าใหม่ซ้อมกันมากๆเลยค่ะ เพราะงั้นคราวนี้ที่มีสเตจรุ่น 7 ตรงกับที่ฉันมีงานที่นาโกย่าพอดีก็ไม่ได้อยากเข้าไปสอนอะไรเด็กๆแล้ว แค่พอจบงานก็บอก "ว้า เหนื่อยจัง โย้ช! ไปดูสเตจเคงคิวเซย์ให้สดชื่นดีกว่า" อะไรแบบนั้น นี่คือสิ่งที่ไอดอลมอบให้ได้ล่ะนะ "แบบนี้สินะ ความหมายที่แฟนๆบอกกับฉันมาตลอด" ในที่สุดก็ได้สัมผัสแล้ว ถามว่าทำไม ก็เพราะความน่ารักนั่นแหละ ทำอะไรก็น่ารักไปหมด ขนาดไม่เต้นยังน่ารักขนาดนั้นเลยอ่ะ (ฮา)
- นี่คือที่สุดของไอดอลเลยนะ
จู: เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ ถึงขั้นอยากไปต่อแถวจับมือด้วยเลย (ฮา) อยากจะไปป่วนทีละคน "เพลงนั้นตรงท่อนนั้นต้องแบบนี้นะ" ประมาณนั้นค่ะ
- พวกแฟนๆหัวเก่าแบบนี้ก็มีให้เห็นบ่อยๆนะครับ (ฮา)
จู: ถ้าจำเป็นก็อยากจะไปซื้อบัตรหน้างานจริงๆเลยล่ะ (ฮา) น่ารักแบบนี้ถ้าเพิ่มความเป็นSKEก็สุดยอดไปเลย เหงื่อที่ไหลริน เต้นอย่างสุดชีวิต เคงคิวเซย์เนี่ยฉันเลี้ยงมาเองเลยนะ !
[ต่อ]
[แปล][SKE48]ชวนอ่านความคิดของจูรินะ จาก BUBKA เดือน 10
คราวนี้อยากชวนมาอ่านความคิดของจูรินะหลังจากเรนะแกรดออกไป
บทสัมภาษณ์นี้ นอกจากรูปสวยแล้ว เนื้อหายังน่าสนใจมากๆๆๆๆๆๆๆด้วย
สัมภาษณ์คราวนี้สรุปได้สั้นๆว่า "จูรินะแอมเวย์" ขายตรงกันสุดฤทธิ์ อ่านจบแล้วคงจะมีคนได้ไลน์เป็นเด็ก SKE เพิ่มกันบ้างล่ะ
นอกจากนี้ยังไม่หายเพ้อจากการโดนเรนะหักอกด้วย ถถถถถ
บอกเลยว่าความคิดของจูรินะโตขึ้นเยอะจริงๆ
และนี่แหละ SKE ของแท้!!!
----------------
เรนะอิมแพ็ค
- ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ขึ้นปกมาปีนึงแล้วนะครับ
จู: ก็ตั้งแต่ฉบับพิเศษบาร์บีคิวเมื่อปีที่แล้วค่ะ ที่ได้ใส่เสื้อยืดBBQ ตัวนั้นถ่ายด้วย ช่วยเรียกฉันมาออกบ่อยๆด้วยนะคะ
- เชิญไปหลายรอบแล้วครับ แต่จูรินะงานยุ่งมาก ตารางไม่เคยลงตัวเลย
จู: แต่ว่า ความรักที่Bubkaซังมีต่อSKE แข็งแกร่งมากๆเลย ชอบไปโผล่ที่งานจับมือกับในสเตจบ่อยๆไม่ใช่เหรอคะ เพราะงั้นถึงไม่รู้สึกเลยว่าไม่ได้เจอกันนาน แล้ววันนี้คุยธีมอะไรกันดีคะ
- ตอนนี้แน่นอนว่าต้องเรื่อง "ความรักต่อSKE" เราได้ยินว่าความรักต่อนาโกย่าของจูรินะสูงจนผิดปกติ
จู: สูงมากเลยล่ะ!
- มีเรื่องอะไรเหรอ
จู: คงจะเพราะรุ่น 7 กับดราฟต์รุ่น2น่ารักเกินไปล่ะ น่ารักเกินไปแล้ว น่ารักจนฉันรู้สึกแย่เลย
- รักเข้ากระดูกดำเลยหรือเปล่าครับ? (ฮา)
จู: กว่าจะรู้สึกแบบนี้ก็ผ่านเรื่องอะไรมามากมายเลย สำหรับฉัน การจบการศึกษาของเรนะจังอิมแพ็คกับฉันมากๆ ถึงขั้นที่ว่าไม่ว่าจะร้องเพลงอะไรก็ร้องไห้ออกมา เพราะมีความทรงจำอยู่มากมาย"เพลงนี้ตรงท่อนนี้เรนะจังร้องสินะ หลังจากนี้จะทำยังไงดีล่ะ?" พอคิดแล้วน้ำตาก็ไหล "เนื้อเพลงตรงนี้มันเขียนเรื่องฉันกับเรนะจังไม่ใช่หรือไง?" อะไรประมาณนั้น ในเนื้อเพลงของ SKE มีคำว่า "ดวงจันทร์" กับ "ดวงอาทิตย์" อยู่ไม่น้อยเลย อย่างในเพลง Nakama no uta พอร้องถึงท่อน "เสียงตะโกนดังดั่งดวงอาทิตย์" กับท่อน "ดวงจันทร์ที่ทอแสงเพื่อการจบการศึกษาในวันพรุ่งนี้" ทำให้รู้สึกใจสั่น ฉันและเรนะถูกเปรียบกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บ่อยๆ เลยคิดว่า "เสียงตะโกน" นั่นใช่ฉันหรือเปล่า ประมาณนั้นค่ะ
- คุณได้เป็นเซ็นเตอร์เพลง Oogoe diamond นี่ครับ เสียงที่พูดออกมาจริงๆก็ดังมากเลยล่ะ
จู: แล้วก็นะ พอคิดว่า "เรนะจังน่ะ เพื่อวันพรุ่งนี้เลยจบการศึกษาไป" ก็ยิ่งสะอื้นเข้าไปอีก เนื้อเพลง DOUBTก็ใช่ "แม้จะรักแต่ไม่อาจพูดความจริงออกไปได้ ความรู้สึกที่แท้กลับถูกมองออกมาตั้งนานแล้ว" ก็คิดว่านี่มันเหมือนฉันกับเรนะจังเลยไม่ใช่เหรอ ประโยคแรกคือความรู้สึกของเรนะจังที่มีต่อฉัน ส่วนประโยคที่สองเหมือนความรู้สึกฉันตอนที่ได้ยินว่าเรนะจังจะจบการศึกษา
- เนื้อเพลงถูกเขียนไว้ตั้งนานแล้ว แม้ว่าถ้าดูตามเวลามันจะดูแปลกๆไปหน่อย แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้เนอะ
จู: หลังจากได้ยินว่าจะจบการศึกษา ความคิดฉันก็เต็มไปด้วยเรื่องพวกนี้ค่ะ เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาโยงกันไปหมด แม้แต่ได้ยินเพลง Tsuyogari dokei ยังร้องไห้เลยค่ะ เพราะมีท่าที่ต้องเต้นคู่กับเรนะจังเยอะ เลยคิดไปว่า "พอหันหลับมาก็ไม่เจอเรนะจังอีกแล้ว..."อะไรแบบนั้น
- คงเป็นเรนะอิมแพ็คล่ะครับ
จู: อิมแพ็คมากๆเลยค่ะ ถึงขั้นคิดว่าจะจบการศึกษาเลยดีมั้ย
- ถึงขั้นนั้นเลยเหรอครับ!?
จู: จะจบการศึกษาไปแบบนี้เลยดีมั้ย ต้องขอโทษทุกคนมากๆเลยค่ะ ตัวฉันเองควรจะเป็นคนที่ส่งรอยยิ้มให้ทุกคน แต่ดันกลายเป็นว่าไม่ว่าจะตอนไหนทุกคนก็เห็นฉันร้องไห้ตลอด แม้แต่ในงานจับมือก็ร้องตั้งแต่เช้ายันเย็น คิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าไม่อยู่คงจะดีกว่า
- จมลงไปลึกขนาดนั้นเลยนะครับ
จู: แม้ว่าแฟนๆทุกคนจะใจดีกับฉันมาก แต่ใจดีแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม แบบว่า เด็กๆรุ่น 7 กับดราฟต์รุ่น 2 ช่วยดึงฉันออกมา ขอบคุณมากจริงๆนะ!
- ยูอาสะซังก็โพสรูปออกมาด้วย ที่คุณไปดูสเตจรุ่น 7 กับดราฟต์รุ่น 2
จู: วันก่อนหน้าจะเริ่มเดบิวต์สเตจพอดีมีงานจับมือที่นาโกย่าค่ะ พองานจบ ตอนที่เข้าไปดูที่ห้องซ้อม ไม่รู้สึกถึงพลังแบบนั้นเลย เพราะยังไม่เคยได้ยินคอมเม้นท์ดีๆจากสตาฟฟ์ที่คอยดูในห้องซ้อมหรือจากเมมเบอร์เลย ฉันเลยสนใจเป็นพิเศษ
ยังได้ยินที่มากิโกะวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เลยรู้สึกว่าไม่ไหวแน่ รู้สึกว่า ณ ตอนนั้นถ้าตัวเองไม่ทำอะไรซักอย่างคงไม่ดีแน่ ก็เลยพูดกับพวกเธอว่า "ลองเต้นเพลง SKE เพลงนี้ให้ดูหน่อยสิ" ในสเตจ Party เพลงอื่นๆเป็นเพลงของ AKB48เลยอยากดูเพลงที่แต่งให้เฉพาะ SKE น่ะค่ะ พอได้ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีพลังของ SKE เลย อย่างตรงที่ยกมือก็ยังไม่ค่อยถูก แทบจะต้องเริ่มสอนใหม่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ
- เริ่มสอนใหม่ตั้งแต่ต้นเลยเหรอ?
จู: พอเป็นเพลงของพวกเราเอง ก็ย่อมต้องอยากแสดงเพลงนี้ออกไปให้ดีที่สุดใช่มั้ยล่ะคะ? จากย่างก้าวที่ละเอียดอ่อนนี้มาเป็นหัวใจหลัก ใช้เวลาไปประมาณ1ชม.ในการเต้นเพลง SKE48 "องศาต้องปรับประมาณนี้นะ" "ท่าทางต้องเป๊ะกว่านี้หน่อย!" อะไรทำนองนั้น ฉันมักจะบอกพวกเธอว่า "ลองไปดูสเตจ Party ของทีม S จะดีกว่านะ"
- ไม่เคยดูสเตจ Party ของทีม S หรอกเหรอครับ?
จู: ดูเหมือนว่าจะไม่เคยค่ะ ก็เลยแบบว่า "ไม่เหมือนเลยสักนิดอ่ะ ตอนสมัยพวกเราน่ะนะจะใช้ 'ความรู้สึกที่ว่าต่อให้ลมแรงแค่ไหนก็พัดเราไม่ไป' มาเต้น" พูดไปแบบนี้ แต่ว่าเพื่อที่จะให้ดูเหมือนทำเต็มที่แล้ว ตอนนี้เลยรู้สึกน่าเสียดายน่ะค่ะ จริงๆแล้วตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจมุมมองที่จะแสดงออกไปให้พอดี วิธีที่โบกมือเลยเป็นแบบนี้ ดังนั้นก็เลยต้องสอนสิ่งที่เราเคยผ่านมาให้กับพวกเธอ แม้จะรู้ดีว่ายังไงก็ไม่สามารถจำเรื่องเยอะแยะมากมายขนาดนี้ได้ในเวลาสั้นๆแต่ในที่สุดก็กลายเป็นว่า "จำได้แล้วค่อยเลิกซ้อม" เป็นแบบนั้นค่ะ
สเตจเคงคิวเซย์
- แล้วการแสดงในวันต่อมาล่ะครับ?
จู: ฉันได้ดูแค่ตอนซ้อมจริงค่ะ หลังจากนั้นมีงานที่โตเกียวเลยต้องไปจากนาโกย่า ได้นั่งดูอยู่แป๊บนึงแล้วก็ได้ไปยืนดูตรงพื้นที่ให้ยืนอยู่แป๊บนึง...พูดตามตรง ฉันคิดว่ายังมีหลุดอยู่นิดหน่อย ความรู้สึกและท่าทางการเต้นยังไม่เป๊ะเท่าไหร่ค่ะ ทำให้ฉันไม่สบายใจเลย ยังรู้สึกได้ว่าแต่ละคนก็ใส่อารมณ์ต่างกัน ความเข้มแข็งที่รู้สึกได้ยังคงตีกันอยู่ ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวแบบ SKE ยังให้ความรู้สึกเหมือน AKB มากกว่า เหมือนกำลังมองดูดาวแต่ละดวงที่ส่องแสงธรรมดาๆค่ะ
- แต่การตีกันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนี่ครับ
จู: ก็ใช่ค่ะ การที่แต่ละคนส่องประกายออกมาได้ถือว่าใช้ได้ แต่ฉันคิดว่าถ้าไม่มีความรู้สึกของ SKE คงไม่ใช่เรื่องดี ที่นาโกย่าเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ "ที่นี่คือเธียเตอร์ของ SKE นะ" คิดแบบนั้นค่ะ
- จะว่าไปก่อนวันแสดงจริงยังมีอีกเรื่องที่สอนกันด้วยนี่ครับ
จู: ใช่ค่ะ เพลง Skirt, hirari พอกลับเข้าไปหลังเวทีตัวฉันเองก็เอากระโปรงมาใส่ "ดูนี่นะ พอทำท่าแบบนี้แล้ว กระโปรงก็จะดูพริ้วขึ้นมาเลยล่ะ" "ทำแบบนี้ก็จะโชว์เอวได้" แสดงตัวอย่างให้ดูด้วยตัวเองแบบนั้น พวกเธอก็หยิบสมุดมาจดอย่างเอาเป็นเอาตาย แค่เพลงเดียวก็จดกันเต็มหน้าแล้ว (ฮา) แม้ว่าจะต้องรีบไปโตเกียว แต่พอรู้ตัวอีกทียังไม่ได้ไปไหนเลยล่ะ (ฮา) เพราะตัวเองไม่อาจไปนั่งที่คนดูเพื่อดูสเตจได้ดังนั้นเลยต้องเรียนรู้จากการคิดว่าอยากให้ตัวเองดูเป็นยังไงแทน แล้วตอนที่ได้แนะนำตัวเองด้วย catchphrase ก็ดีใจมากๆเลย! จุดที่ต้องเต้นคู่กันกับทุกคนมีเยอะมาก ฉันยังไปดูสเตจตั้ง 3 รอบแน่ะ!
- ไม่ใช่ว่ากลายเป็น top wotaไปแล้วเหรอครับ?!
จู: ฉันเคยพูดกับสตาฟฟ์แบบนี้ด้วยค่ะว่า "เพราะฉันเป็น top wota ไง" ครั้งที่สองแฝงตัวไปดูกับคนอื่นค่ะ เพราะกลัวว่าถ้ารู้ว่าฉันมาดู อาจจะมีเด็กที่ตื่นเต้นเกิน สิ่งที่ไม่เหมือนกับซ้อมจริงคราวนั้นคือ รู้สึกได้ว่าทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว คงจะซ้อมกันมาดี แต่ว่า ก็ยังประทับใจที่แฟนๆช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย ความร้องแรงและเสียงเอาใจช่วยจากแฟนๆเยี่ยมมากเลยล่ะ ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บใจขึ้นมานิดนึงเลย สเตจทีมS ก็อยากให้คอลล์เสียงดังขึ้นแบบนี้เหมือนกันอ่ะ คิดแบบนี้ค่ะ
- ฮ่าๆๆๆ คนที่มาสเตจเคงคิวเซย์ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ทั้งนั้นเลย
จู: แน่นอนอยู่แล้วล่ะ แล้วยังมีคนที่รู้จักสเตจ Party อย่างดีมาดูด้วย หลายคนเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้าในสเตจทีม S เลยด้วย ตอนฉันกลับไปดูรอบ 3 ก็จำ catchphrase ได้แล้วล่ะ ได้ตะโกนเสียงดังกับเค้าเหมือนกัน แบบว่า "โคจัง~~~" อยากจะเป็นคนที่เสียงดังที่สุดค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- นั่นคือชิราอิ โคโตโนะ ดราฟต์รุ่น 2 นี่ครับ จูรินะเป็นโอชิคนไหนล่ะ?
จู: เรื่องนี้น่ะ เลือกไม่ได้เลย...ฉันว่าฉันเป็นฮาโกะโอชิล่ะ ถ้าถามว่าทำไมก็คงเพราะทุกคนน่ารักกันทั้งนั้นเลยนั่นแหละ
- นอกจากช่วยสอนแล้วคุยเรื่องอื่นบ้างมั้ยครับ?
จู: มีค่ะ ก็มีเดินมาหาแล้วก็เรียก "จูรินะซัง!" อะไรแบบนี้
- สำหรับเคงคิวเซย์แล้ว แม้จูรินะซังจะเป็นรุ่นพี่รุ่นใหญ่ แต่ระยะห่างก็ลดลงมาใกล้กันแล้วสินะครับ
จู: ฉันกลายเป็นหม่าม๊าของพวกเธอไปแล้วล่ะ "วันนี้จะมาดูพวกเรามั้ยคะ!?" "ฉันมาเพื่อทุกคนโดยเฉพาะเลยนะ" จะมีคุยอะไรประมาณนี้กันล่ะค่ะ
- ได้พึ่งพากันแล้วนะครับ
จู: ตอนสเตจครั้งที่ 3 ท่าทางของโกโต้ ราระดูแปลกๆไปค่ะ รู้สึกว่าตอนเต้นจะมีความรู้สึกเหงาๆตลอดเลย แค่แป๊บเดียวฉันก็ดูออกแล้วว่าเพราะอะไร
เพราะอยู่ดีๆก็ถูกเลือกเป็นเซมบัตสึเลยได้รับความกดดันมาก แม้เธอจะไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันเหล่านี้ แต่มันก็แผ่ออกมาบนเวทีโดยไม่ตั้งใจ ออร่าที่ส่งออกมารู้สึกได้ว่าไม่ได้มาจากใจ เพราะงั้นตอนที่แนะนำตัวกันเสร็จแล้วกลับไปหลังเวที ฉันก็รีบไปหา พอเข้าไปเด็กๆคนอื่นก็เข้ามาเรียกฉัน "จูรินะซัง" ล้อมกันเข้ามา ฉันเหมือนเป็นผู้จัดการเคงคิวเซย์ไปแล้วล่ะ
- ตรงนี้ต้องควบตำแหน่งมั้ยครับ? (ฮา)
จู: ผู้จัดการ ครูสอนเต้นแล้วยังแนะแนวชีวิตด้วย ควบสามตำแหน่งเลยล่ะค่ะ พูดว่า "เอาล่ะ มาเก็บของกันเถอะ" แล้วก็ช่วยกันจัดการค่ะ
- ทำถึงขั้นนั้นเลยเหรอครับ
จู: ถ้าไม่ทำตัวเองให้เป็นตัวอย่าง ก็จะถูกมองว่าเป็นรุ่นพี่ที่น่ารังเกียจค่ะ ถ้าฉันเริ่มทำความสะอาด เคงคิวเซย์ก็จะคิดว่า "ขนาดจูรินะยังทำเลย พวกเราก็ต้องทำบ้างแล้ว" แบบนี้ใช่มั้ยล่ะคะ? ฉันดีใจที่ได้สอนเรื่องพวกนี้เหมือนพวกคุณแม่ทำน่ะค่ะ (ฮา) เพื่อให้เด็กๆเหล่านี้พยายามไปได้ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน
- ความรู้สึกแบบนี้สมัยก่อนมีมั้ยครับ?
จู: จะว่ามีก็มีค่ะ แต่ตอนนั้นไม่ใช่สบายๆชิลๆเหมือนตอนนี้ ตอนนั้นต้องจำท่าเต้นเยอะมาก ต้องไปถ่ายทำที่นั่นที่นี่ อันที่จริงตอนนี้คุ้นเคยกับเวลาที่ได้ไปดูเด็กเข้าใหม่ซ้อมกันมากๆเลยค่ะ เพราะงั้นคราวนี้ที่มีสเตจรุ่น 7 ตรงกับที่ฉันมีงานที่นาโกย่าพอดีก็ไม่ได้อยากเข้าไปสอนอะไรเด็กๆแล้ว แค่พอจบงานก็บอก "ว้า เหนื่อยจัง โย้ช! ไปดูสเตจเคงคิวเซย์ให้สดชื่นดีกว่า" อะไรแบบนั้น นี่คือสิ่งที่ไอดอลมอบให้ได้ล่ะนะ "แบบนี้สินะ ความหมายที่แฟนๆบอกกับฉันมาตลอด" ในที่สุดก็ได้สัมผัสแล้ว ถามว่าทำไม ก็เพราะความน่ารักนั่นแหละ ทำอะไรก็น่ารักไปหมด ขนาดไม่เต้นยังน่ารักขนาดนั้นเลยอ่ะ (ฮา)
- นี่คือที่สุดของไอดอลเลยนะ
จู: เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ ถึงขั้นอยากไปต่อแถวจับมือด้วยเลย (ฮา) อยากจะไปป่วนทีละคน "เพลงนั้นตรงท่อนนั้นต้องแบบนี้นะ" ประมาณนั้นค่ะ
- พวกแฟนๆหัวเก่าแบบนี้ก็มีให้เห็นบ่อยๆนะครับ (ฮา)
จู: ถ้าจำเป็นก็อยากจะไปซื้อบัตรหน้างานจริงๆเลยล่ะ (ฮา) น่ารักแบบนี้ถ้าเพิ่มความเป็นSKEก็สุดยอดไปเลย เหงื่อที่ไหลริน เต้นอย่างสุดชีวิต เคงคิวเซย์เนี่ยฉันเลี้ยงมาเองเลยนะ !
[ต่อ]