เนื้อหานี้เป็นการรวบรวมของดิฉันเองนะค่ะอาจจะขาดตกบ่งพร่องขออภัยด้วยค่ะ...
เรื่องมีอยู่ว่า
เด็กสาวคนนึ่งดิฉันให้ชื่อว่าฝ้ายคำ
น้องฝ้ายคำเป็นเด็กสาวชาวเหนือ พ่อแม่ของเขาทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ค่อนข้างที่จะมีฐานะยากจน น้องฝ้ายเป็นเด็กนิสัยดีน่ารักร่าเริง น้องมักมาพูดและคุยกับฉันเสมอๆเพราะเรามีอะไรค่อยข้างเหมือนกัน....มีครั้งหนึ่งฉันชวนน้องไปเที่ยวเมืองพม่า ไปไหว้พระ เที่ยวเมืองเก่า ก็ไปไหว้พระอยู่วัดหนึ่ง อยู่ๆน้องก็ปวดหัวและบอกฉันว่า ปี้ๆน้องหายใจ๋บ่ค่อยออกเจ้า. ฉันถามว่า เป๋นหยังละตะกี้ก็ดีๆอยู่.
เอ้าๆๆกลับกันดีกว่าเดียวลูกเขาเป็นอะไรไปเราจะซวย. พอกลับมาถึงบ้าน ฝ้ายกลับหายเป็นปกติ ฉันเลยคิดว่า วัดมันเก่าหน้าจะอับชื้น. แล้วฉันก็กลับบ้าน ฉันไม่ได้เจอน้องประมาณ 2-3 วัน วันที่ 4 น้องมาหาฉัน แล้วชวนฉันไปวัดนั้นอีก. แต่ฉันบอกว่าไม่ไป. เขาทำหน้าเสียแล้วน้ำตาคลอเบ้า...ฉันเลยสงสัยถามว่าอยากไปทำไมอีกฝ้าย. เดียวก็หายใจไม่ออกอีก ฝ้ายเลยบอกกับฉันว่า.... มีอะไรอยู่ที่ข้อขาหนู หนูรู้สึกหนักข้อค่ะ. รู้แต่เพียงว่าไปแล้วจะหาย. ฉันก็เลยนึกไปนู้นนึกว่าน้องโดนของพม่า โดนผีพม่าจับขา เราก็คิดไปต่างๆนาๆ ด้วยความสงสาร. อ่ะๆไปก็ไป น้องทำท่าทางดีใจมาก พอถึงวัดเราเข้าไปไหว้พระประธาน ฝ้ายอาการเหมือนเดิม ฉันเลยยกมือไหว้พระแล้วให้น้องพูดว่ามีอะไรจะบอกหนูให้บอกเลย อย่าให้หนูทรมานแบบนี้. แล้วสักครู่หนึ่งก็มีพวกคนงานพม่า(เด็กวัด) ขนตู้อะไรบางอย่างขึ้นมา พอฝ้ายเห็นเท่านั้นละ วิ่งถลาไปที่ตู้กระจกแล้วพูดลอยๆว่า ของๆหนูหนูจะเอาไป ฉันเริ่มงงกับอาการของน้อง ในตู้กระจกมันคือของเก่าของโบราญของพม่าแต่ที่แปลกใจมันมีกำไลข้อเท้าข้างเดียว ฝ้ายบอกของหนูๆร้องไห้แล้วพูดแต่ของหนูๆ ฉันเลยบอกฝ้ายพี่ว่าฝ้ายไม่สบายละ ฝ้ายเลยบอกฉันว่า..
ปี้เจ้า กำไลอันนี้มันฮ้องหนูมา...หนูหนักข้อเท้าหนูรู้ว่ามันรอหนูมาใส่. ฉันเลยเดินไปถามพระพม่ารูปหนึ่งว่า. กำไลอันนี้ของใครพระก็บอกของลูกเจ้าเมืองเก่ามีข้อมูลเท่านี้. เพราะเราต้องพูดพม่าฉันก็พูดได้ปะติดปะต่อ ฉันก็จะไปขอพระก็ใช่เรื่อง ใครจะไปให้ ฉันก็นั้งปวดหัว
เอ้าอิน้องก็นั้งมองแต่กำไล....นึกในใจกูไม่น่าพามันมาเลยยย.
ฉันตัดสินใจเดินไปละถามฝ้าย ฝ้ายมาคุยกับพี่หน่อยฝ้ายรู้ได้ไงว่ากำไลเป็นของฝ้าย
น้องเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ฝ้ายมาวัดนี้
ฝ้ายรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก หนักข้อเท้า แล้วมีคืนหนึ่งหนูฝันว่า หนูไปที่ไหนไม่รู้มันเป็นเหมือนห้องโถ่งใหญ่ๆมองไปสุดลูกหูลูกตาก็ไม่หมด หนูเดินไปเจอรูปภาพข้างฝามันเป็นรูปคนเป็นร้อยๆพันๆยกมือไหว้ผู้ชายคนหนึ่งตัวใหญ่ๆดำใส่ชุดเหมือนนักรบสมัยโบราณ ทุกคนในภาพยิ้มมีความสุข ในฝันหนูยืนมองนานมากจนภาพเหล่านั้นมองมาที่หนูแล้วร้องไห้ จนน้ำตาไหลออกมาเป็นเลือดแล้วทุกคนกรีดร้อง หนูตกใจมาและกลัวมากเลยหนูวิ่ง....วิ่ง ในฝันวิ่งหนีสุดชีวิตเลยหนูกลัวมากภาพมันน่ากลัวเหลือเกิน. แล้วหนูวิ่งไปเจอชายคนหนึ่ง
ซึ่งคนนั้นคือผู้ชายในภาพนั้น เขากอดหนูแต่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่หนูรับรู้ได้ว่าเขาบอก ไม่ต้องกลัวพี่อยู่นี้. เขาพาหนูไปนั้งบนแท่นคล้ายๆของเจ้าเมืองเก่า.....แล้วเขาก็ลงมายืนตรงพื้น เขาถอดหมวกออกคุกเข่าแล้วก็จูบตรงหน้าเท้าของหนู เขาเอากำไลข้อเท้าใส่ให้หนู มันใหญ่และก็หนักมาก เขาบอกว่า ***ติ๊ซ่าชิ***ให้อยู่คู่กันตลอดไปนะ(ฉันแปลเองนะ) แล้วเขาก็ผลักหนูกระเด็นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วเขาก็วิ่งจับหอกจับมีดตีรันฟันแทงกับใครไม่รู้เยอะมากแล้วเขาตะโกนบอกหนู ปรีตวา ปรีตวา ปรีตวา (ภาษาพม่าแปลว่าหนีไปหนีไปหนีไป) หนูวิ่งหนีแล้วกำไลของหนูหลุดไปข้างหนึ่ง แต่เวลานั้นหนูต้องรีบไป หนูหนีไปกับกลุ่มพระหลายรูป พระพวกนั้นให้หนูหนีไปทางบันได บันไดสูงมากเลยค่ะ หนูปีนขึ้นมาจนเห็นรูมีแสงสว่างเหมือนปีนมาจากใต้ดินเลย แล้วหนูสะดุ้งตื่นตอนแม่เรียก...หนูไม่รู้ว่าอะไรทำไม แต่หนูคิดว่า มันของหนู.
พอได้ยินแค่นั้นฉันเลยไปหาหลวงปูหนึ่งท่านแก่มาก พอท่านเห็นฉันสองคน ท่านทักว่ามาละเหรอยิ้มๆ ทั้งๆที่เราไม่รู้จักกันพระบอกว่า ก่อนที่ฉันจะมา มีดวงวิญญาณมาบอกท่านว่ารอรับเจ้าเมืองเก่าจะมา ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย พระแกรู้หมดแล้ว งงสิค่ะ เราคนสมัยใหม่ด้วย
เขาเลยให้คนของท่านไปเอากำไลมา พอฝ้ายเขาได้จับกำไลอันนั้น ฝ้ายก็ร้องไห้ใหญ่เลย. หลวงปูเลยบอกฝ้ายว่า. เจอเจ้าของแล้ว ไม่ต้องรอแล้ว. หลวงปูจะรักษาไว้ให้ไม้ต้องห่วงนะ แล้วฉันก็สะดุ้งกับเสียงฝ้ายที่เปลี่ยนไป เขาคุยภาษาพม่าได้อย่างน่าแปลกใจ เหมือนเขาพูดกับหลวงปูว่า. ให้ขุดเจดีย์ที่อยู่หลังวัดได้ไหม. คู่ของเราอยู่ในนั้น. หลวงปูกลับบอกว่าไม่ได้นั้นมันเป็นที่เก็บกระดูกของลูกสาวเจ้าเมือง.การที่จะทุบไม่ใช่เรื่องง่าย....ฝ้ายมีสีหน้าท่าทางที่เราไม่เคยเห็น แววตาท่าทาง ขอบอกน่ากลัวมาก. เราก็เป็นคนกลัวผีด้วยนั้งห่างๆแบบห่วงๆ
เลย555 ไม่ขำนะเรากลัวจริง....ฝ้ายพูดพม่าลึกมากจนเราแปลไม่ค่อยออก. ฝ้ายนั้งคุยกะหลวงปูจนหลวงปูยอมขุดข้างๆเจดีย์(เราไม่รู้ละว่าเขาคุยอะไรกันบ้างเราฟังไม่ออกเลยจริงๆ)แล้วฝ้ายก็ลงกราบหลวงปู แล้วเงยหน้ามายิ้ม เราเลยขยับเข้าไปใกล้ๆน้องแล้วถามว่า. ฝ้ายผีออกละบ่ น้องบอกอะไรผีอะไรพี่ อย่าพูดสิหนูกลัว (เอ้า!!อินิ้เพิ่งผีเข้าเจือกกลัวอีก ) เราเลยเอ่อๆล้อเล่นหลวงพ่อหันมาบอกเราว่า. เขามาหาคู่ของเขา เดียวเขาก็ไปละไม่ต้องกลัวนะโยม!!! ฉันเลยบอกว่ากลับเถอะใกล้เย็นละ ฝ้ายบอกพี่ๆๆหนูจะได้มานี้อีกไหม. เรางง
ทำไมละฝ้าย. หนูเหมือนว่าจะไม่ได้มาอีกอ่ะ. เราตอบได้สิพี่จะพามา. หลวงปูถามว่า มาที่นี้อีกได้ไหมโยม. ฉันได้ค่ะหลวงปูมีอะไรค่ะ. หลวงปูบอกมาเถอะน้องจะได้หายไง. เราก็เครๆมาก็มาคิดในใจเรานี้ไม่ใช่ว่างมากนะงานก็มีดันมาเจออะไรแบบนี้อีก..ก็คิดว่าเดือนหน้าค่อยมาใหม่
ฝ้ายคืนกำไลหลวงปู เราเห็นกับตาเลยว่าคืนแล้ว...ก็ลากลับ. พอมาถึงไทยชิหายละ อิฝ้ายบอกว่าพี่ๆกำไลอยู่นี้ โอ้ยยยกุเอ้ยย..อะไรเนี้ยะ. เดียววัดพม่าก็ว่าเราขโมยดิ ทำไงๆ ฝ้ายบอกพี่หนูคืนแล้วจริงๆๆ.
แล้วมาอยู่นี้ได้ไง....งั้นพรุ่งนี้เอาไปคืนใหม่ละกัน....ตกกลางคืน. ฝ้ายโทรมาปี้ๆน้องไม่คืนได้ไหม...ฉันเอ้ย!!ไม่ได้นะ แกยังปวดข้อเท้าป่าว ฝ้าย..ปวดค่ะ
เอ่อๆพี่ว่า..คืนเถอะ!!!!
พอเช้าฉันกะน้องรีบไปวัด. ที่วัดเหมือนมีงาน เราตืนตาตื่นใจมากเลยค่ะไม่เคยเห็นงานวัดแบบพม่า...ดนตรีพม่ามันช่างหน้ากระโดดย๊องๆเย๊กๆจริงๆ อิอิ. เรารีบขึ้นไปหาหลวงปู. หลวงปูหัวเราะแล้วบอกว่าเอามาคืนหรอ. ฉันเลยถามหลวงปูแบบจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกว่าวันนี้เป็นวันฉลองของเมืองนี้ วันที่เจ้าฟ้าเจ้านางเกิด....หลวงปูบอกเราไปขุดเจดีย์มาแล้วนะ. เราเจออะไรรู้ไหม. เราเจอกำไลเจ้านางที่ฝั่งอยู่ ในห่อผ้ามีกำไลข้อเท้าอีกข้างหนึ่งอยู่. เรารู้แล้วว่าเจ้านางรอกำไลใก้ครบคู่ตามสัญญาณ....แล้วฉันก็ถามว่า น้องฝ้ายเป็นเจ้านางหรอ. หลวงปูตอบ ใช่จ๊ะ. ฉันเลยถามต่อไปว่าหนูละ *อยากรู้ๆ*หลวงปูตอบคนใช้เจ้านาง( แป๋ว!!!!!ไม่หน้าถามเลย)ฝ้ายถาม แล้วทำไมหนูลำบากแบบนี้. หลวงปู่ว่า เพราะชาติแล้ว เจ้านางทำให้พ่อแม่เสียใจมาก เป็นลูกคนเดียว ผิดหวังอกหักเรื่องความรักตามหากำไลจากชายคนรัก ไม่กินข้าวกินน้ำ พ่อแม่บอก ขอร้อง วิงวอนให้กินก็ตะคอกใส่ด่าทอไม่ให้ยุ่งเรื่องของตัวเอง. แม่ของเจ้านางทำใจไม่ได้ที่ลูกเป็นแบบนี้ เลยอดข้าวอดน้ำจนตรมใจตาย. ส่วนพ่อก็อยู่แบบทรมานอยู่แบบตรมใจจนตายเหมือนกัน....แม้แต่ว่าภพที่แล้วเป็นคนสูงศักดิ์แค่ไหน แต่ทำเวรกรรมไว้กับพ่อแม่ ชาตินี้เลยได้แค่นี้. หมั่นทำดีเน้อลูก. ดูแลพ่อแม่เมื่อเติบใหญ่ หลวงปูว่าลูกต้องได้ดี
แล้วหลวงปูก็เอากำไล มามัดติดกัน. ทำพิธีอะไรสักอย่าง แล้วเชือกที่มัดติดกับกำไลโยงมามัดติดกับคอน้องฝ้ายแล้วก็สวดพรึมพร่ำนานพอสมควร ฝ้ายนั้งหลับตาร้องไห้สะอึกสะอึ้นพอใกล้จบหลวงปู บอกฝ้ายว่า ไม่ต้องคิดไม่ต้องฝัน
ไม่ต้องจำเรื่องที่ผ่านมา. เรื่องภพนั้นชาตินั้นมันจบไปแล้ว ของนี้ไม่ใช่ของลูก. ใช้มีดอะไรสักอย่างตัดด้าย โฉ๊ะ!!! ฝ้ายเป็นลมไปเลย.....ฉันกอดน้อง ฝ้ายๆๆๆๆๆเป๋นใด๋ๆๆ. ฝ้ายลืมตาปี้ฝ้ายเหนื่อย!!!ฉันบอกเครๆๆไปพักเนาะ. หลวงปูบอกไปพักเถอะ หายละ. เค้าไปละ คู่กันละ. บุญรักษานะลูก!! เรากลับมาถึงบ้านฝ้ายไม่พูดถึงเรื่องกำไลอีกเลย....เหมือนฝ้ายจะลืมแต่ฉันก็ไม่ลืมอยู่คนเดียว จบ!!!-,,-
เรื่องนี้ห้ามถามต่อนะค่ะ ว่าที่ไหนอะไร ใคร จบนะ
กำไลอาถรรพ์
เรื่องมีอยู่ว่า
เด็กสาวคนนึ่งดิฉันให้ชื่อว่าฝ้ายคำ
น้องฝ้ายคำเป็นเด็กสาวชาวเหนือ พ่อแม่ของเขาทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ค่อนข้างที่จะมีฐานะยากจน น้องฝ้ายเป็นเด็กนิสัยดีน่ารักร่าเริง น้องมักมาพูดและคุยกับฉันเสมอๆเพราะเรามีอะไรค่อยข้างเหมือนกัน....มีครั้งหนึ่งฉันชวนน้องไปเที่ยวเมืองพม่า ไปไหว้พระ เที่ยวเมืองเก่า ก็ไปไหว้พระอยู่วัดหนึ่ง อยู่ๆน้องก็ปวดหัวและบอกฉันว่า ปี้ๆน้องหายใจ๋บ่ค่อยออกเจ้า. ฉันถามว่า เป๋นหยังละตะกี้ก็ดีๆอยู่.
เอ้าๆๆกลับกันดีกว่าเดียวลูกเขาเป็นอะไรไปเราจะซวย. พอกลับมาถึงบ้าน ฝ้ายกลับหายเป็นปกติ ฉันเลยคิดว่า วัดมันเก่าหน้าจะอับชื้น. แล้วฉันก็กลับบ้าน ฉันไม่ได้เจอน้องประมาณ 2-3 วัน วันที่ 4 น้องมาหาฉัน แล้วชวนฉันไปวัดนั้นอีก. แต่ฉันบอกว่าไม่ไป. เขาทำหน้าเสียแล้วน้ำตาคลอเบ้า...ฉันเลยสงสัยถามว่าอยากไปทำไมอีกฝ้าย. เดียวก็หายใจไม่ออกอีก ฝ้ายเลยบอกกับฉันว่า.... มีอะไรอยู่ที่ข้อขาหนู หนูรู้สึกหนักข้อค่ะ. รู้แต่เพียงว่าไปแล้วจะหาย. ฉันก็เลยนึกไปนู้นนึกว่าน้องโดนของพม่า โดนผีพม่าจับขา เราก็คิดไปต่างๆนาๆ ด้วยความสงสาร. อ่ะๆไปก็ไป น้องทำท่าทางดีใจมาก พอถึงวัดเราเข้าไปไหว้พระประธาน ฝ้ายอาการเหมือนเดิม ฉันเลยยกมือไหว้พระแล้วให้น้องพูดว่ามีอะไรจะบอกหนูให้บอกเลย อย่าให้หนูทรมานแบบนี้. แล้วสักครู่หนึ่งก็มีพวกคนงานพม่า(เด็กวัด) ขนตู้อะไรบางอย่างขึ้นมา พอฝ้ายเห็นเท่านั้นละ วิ่งถลาไปที่ตู้กระจกแล้วพูดลอยๆว่า ของๆหนูหนูจะเอาไป ฉันเริ่มงงกับอาการของน้อง ในตู้กระจกมันคือของเก่าของโบราญของพม่าแต่ที่แปลกใจมันมีกำไลข้อเท้าข้างเดียว ฝ้ายบอกของหนูๆร้องไห้แล้วพูดแต่ของหนูๆ ฉันเลยบอกฝ้ายพี่ว่าฝ้ายไม่สบายละ ฝ้ายเลยบอกฉันว่า..
ปี้เจ้า กำไลอันนี้มันฮ้องหนูมา...หนูหนักข้อเท้าหนูรู้ว่ามันรอหนูมาใส่. ฉันเลยเดินไปถามพระพม่ารูปหนึ่งว่า. กำไลอันนี้ของใครพระก็บอกของลูกเจ้าเมืองเก่ามีข้อมูลเท่านี้. เพราะเราต้องพูดพม่าฉันก็พูดได้ปะติดปะต่อ ฉันก็จะไปขอพระก็ใช่เรื่อง ใครจะไปให้ ฉันก็นั้งปวดหัว
เอ้าอิน้องก็นั้งมองแต่กำไล....นึกในใจกูไม่น่าพามันมาเลยยย.
ฉันตัดสินใจเดินไปละถามฝ้าย ฝ้ายมาคุยกับพี่หน่อยฝ้ายรู้ได้ไงว่ากำไลเป็นของฝ้าย
น้องเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ฝ้ายมาวัดนี้
ฝ้ายรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก หนักข้อเท้า แล้วมีคืนหนึ่งหนูฝันว่า หนูไปที่ไหนไม่รู้มันเป็นเหมือนห้องโถ่งใหญ่ๆมองไปสุดลูกหูลูกตาก็ไม่หมด หนูเดินไปเจอรูปภาพข้างฝามันเป็นรูปคนเป็นร้อยๆพันๆยกมือไหว้ผู้ชายคนหนึ่งตัวใหญ่ๆดำใส่ชุดเหมือนนักรบสมัยโบราณ ทุกคนในภาพยิ้มมีความสุข ในฝันหนูยืนมองนานมากจนภาพเหล่านั้นมองมาที่หนูแล้วร้องไห้ จนน้ำตาไหลออกมาเป็นเลือดแล้วทุกคนกรีดร้อง หนูตกใจมาและกลัวมากเลยหนูวิ่ง....วิ่ง ในฝันวิ่งหนีสุดชีวิตเลยหนูกลัวมากภาพมันน่ากลัวเหลือเกิน. แล้วหนูวิ่งไปเจอชายคนหนึ่ง
ซึ่งคนนั้นคือผู้ชายในภาพนั้น เขากอดหนูแต่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่หนูรับรู้ได้ว่าเขาบอก ไม่ต้องกลัวพี่อยู่นี้. เขาพาหนูไปนั้งบนแท่นคล้ายๆของเจ้าเมืองเก่า.....แล้วเขาก็ลงมายืนตรงพื้น เขาถอดหมวกออกคุกเข่าแล้วก็จูบตรงหน้าเท้าของหนู เขาเอากำไลข้อเท้าใส่ให้หนู มันใหญ่และก็หนักมาก เขาบอกว่า ***ติ๊ซ่าชิ***ให้อยู่คู่กันตลอดไปนะ(ฉันแปลเองนะ) แล้วเขาก็ผลักหนูกระเด็นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วเขาก็วิ่งจับหอกจับมีดตีรันฟันแทงกับใครไม่รู้เยอะมากแล้วเขาตะโกนบอกหนู ปรีตวา ปรีตวา ปรีตวา (ภาษาพม่าแปลว่าหนีไปหนีไปหนีไป) หนูวิ่งหนีแล้วกำไลของหนูหลุดไปข้างหนึ่ง แต่เวลานั้นหนูต้องรีบไป หนูหนีไปกับกลุ่มพระหลายรูป พระพวกนั้นให้หนูหนีไปทางบันได บันไดสูงมากเลยค่ะ หนูปีนขึ้นมาจนเห็นรูมีแสงสว่างเหมือนปีนมาจากใต้ดินเลย แล้วหนูสะดุ้งตื่นตอนแม่เรียก...หนูไม่รู้ว่าอะไรทำไม แต่หนูคิดว่า มันของหนู.
พอได้ยินแค่นั้นฉันเลยไปหาหลวงปูหนึ่งท่านแก่มาก พอท่านเห็นฉันสองคน ท่านทักว่ามาละเหรอยิ้มๆ ทั้งๆที่เราไม่รู้จักกันพระบอกว่า ก่อนที่ฉันจะมา มีดวงวิญญาณมาบอกท่านว่ารอรับเจ้าเมืองเก่าจะมา ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย พระแกรู้หมดแล้ว งงสิค่ะ เราคนสมัยใหม่ด้วย
เขาเลยให้คนของท่านไปเอากำไลมา พอฝ้ายเขาได้จับกำไลอันนั้น ฝ้ายก็ร้องไห้ใหญ่เลย. หลวงปูเลยบอกฝ้ายว่า. เจอเจ้าของแล้ว ไม่ต้องรอแล้ว. หลวงปูจะรักษาไว้ให้ไม้ต้องห่วงนะ แล้วฉันก็สะดุ้งกับเสียงฝ้ายที่เปลี่ยนไป เขาคุยภาษาพม่าได้อย่างน่าแปลกใจ เหมือนเขาพูดกับหลวงปูว่า. ให้ขุดเจดีย์ที่อยู่หลังวัดได้ไหม. คู่ของเราอยู่ในนั้น. หลวงปูกลับบอกว่าไม่ได้นั้นมันเป็นที่เก็บกระดูกของลูกสาวเจ้าเมือง.การที่จะทุบไม่ใช่เรื่องง่าย....ฝ้ายมีสีหน้าท่าทางที่เราไม่เคยเห็น แววตาท่าทาง ขอบอกน่ากลัวมาก. เราก็เป็นคนกลัวผีด้วยนั้งห่างๆแบบห่วงๆ
เลย555 ไม่ขำนะเรากลัวจริง....ฝ้ายพูดพม่าลึกมากจนเราแปลไม่ค่อยออก. ฝ้ายนั้งคุยกะหลวงปูจนหลวงปูยอมขุดข้างๆเจดีย์(เราไม่รู้ละว่าเขาคุยอะไรกันบ้างเราฟังไม่ออกเลยจริงๆ)แล้วฝ้ายก็ลงกราบหลวงปู แล้วเงยหน้ามายิ้ม เราเลยขยับเข้าไปใกล้ๆน้องแล้วถามว่า. ฝ้ายผีออกละบ่ น้องบอกอะไรผีอะไรพี่ อย่าพูดสิหนูกลัว (เอ้า!!อินิ้เพิ่งผีเข้าเจือกกลัวอีก ) เราเลยเอ่อๆล้อเล่นหลวงพ่อหันมาบอกเราว่า. เขามาหาคู่ของเขา เดียวเขาก็ไปละไม่ต้องกลัวนะโยม!!! ฉันเลยบอกว่ากลับเถอะใกล้เย็นละ ฝ้ายบอกพี่ๆๆหนูจะได้มานี้อีกไหม. เรางง
ทำไมละฝ้าย. หนูเหมือนว่าจะไม่ได้มาอีกอ่ะ. เราตอบได้สิพี่จะพามา. หลวงปูถามว่า มาที่นี้อีกได้ไหมโยม. ฉันได้ค่ะหลวงปูมีอะไรค่ะ. หลวงปูบอกมาเถอะน้องจะได้หายไง. เราก็เครๆมาก็มาคิดในใจเรานี้ไม่ใช่ว่างมากนะงานก็มีดันมาเจออะไรแบบนี้อีก..ก็คิดว่าเดือนหน้าค่อยมาใหม่
ฝ้ายคืนกำไลหลวงปู เราเห็นกับตาเลยว่าคืนแล้ว...ก็ลากลับ. พอมาถึงไทยชิหายละ อิฝ้ายบอกว่าพี่ๆกำไลอยู่นี้ โอ้ยยยกุเอ้ยย..อะไรเนี้ยะ. เดียววัดพม่าก็ว่าเราขโมยดิ ทำไงๆ ฝ้ายบอกพี่หนูคืนแล้วจริงๆๆ.
แล้วมาอยู่นี้ได้ไง....งั้นพรุ่งนี้เอาไปคืนใหม่ละกัน....ตกกลางคืน. ฝ้ายโทรมาปี้ๆน้องไม่คืนได้ไหม...ฉันเอ้ย!!ไม่ได้นะ แกยังปวดข้อเท้าป่าว ฝ้าย..ปวดค่ะ
เอ่อๆพี่ว่า..คืนเถอะ!!!!
พอเช้าฉันกะน้องรีบไปวัด. ที่วัดเหมือนมีงาน เราตืนตาตื่นใจมากเลยค่ะไม่เคยเห็นงานวัดแบบพม่า...ดนตรีพม่ามันช่างหน้ากระโดดย๊องๆเย๊กๆจริงๆ อิอิ. เรารีบขึ้นไปหาหลวงปู. หลวงปูหัวเราะแล้วบอกว่าเอามาคืนหรอ. ฉันเลยถามหลวงปูแบบจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกว่าวันนี้เป็นวันฉลองของเมืองนี้ วันที่เจ้าฟ้าเจ้านางเกิด....หลวงปูบอกเราไปขุดเจดีย์มาแล้วนะ. เราเจออะไรรู้ไหม. เราเจอกำไลเจ้านางที่ฝั่งอยู่ ในห่อผ้ามีกำไลข้อเท้าอีกข้างหนึ่งอยู่. เรารู้แล้วว่าเจ้านางรอกำไลใก้ครบคู่ตามสัญญาณ....แล้วฉันก็ถามว่า น้องฝ้ายเป็นเจ้านางหรอ. หลวงปูตอบ ใช่จ๊ะ. ฉันเลยถามต่อไปว่าหนูละ *อยากรู้ๆ*หลวงปูตอบคนใช้เจ้านาง( แป๋ว!!!!!ไม่หน้าถามเลย)ฝ้ายถาม แล้วทำไมหนูลำบากแบบนี้. หลวงปู่ว่า เพราะชาติแล้ว เจ้านางทำให้พ่อแม่เสียใจมาก เป็นลูกคนเดียว ผิดหวังอกหักเรื่องความรักตามหากำไลจากชายคนรัก ไม่กินข้าวกินน้ำ พ่อแม่บอก ขอร้อง วิงวอนให้กินก็ตะคอกใส่ด่าทอไม่ให้ยุ่งเรื่องของตัวเอง. แม่ของเจ้านางทำใจไม่ได้ที่ลูกเป็นแบบนี้ เลยอดข้าวอดน้ำจนตรมใจตาย. ส่วนพ่อก็อยู่แบบทรมานอยู่แบบตรมใจจนตายเหมือนกัน....แม้แต่ว่าภพที่แล้วเป็นคนสูงศักดิ์แค่ไหน แต่ทำเวรกรรมไว้กับพ่อแม่ ชาตินี้เลยได้แค่นี้. หมั่นทำดีเน้อลูก. ดูแลพ่อแม่เมื่อเติบใหญ่ หลวงปูว่าลูกต้องได้ดี
แล้วหลวงปูก็เอากำไล มามัดติดกัน. ทำพิธีอะไรสักอย่าง แล้วเชือกที่มัดติดกับกำไลโยงมามัดติดกับคอน้องฝ้ายแล้วก็สวดพรึมพร่ำนานพอสมควร ฝ้ายนั้งหลับตาร้องไห้สะอึกสะอึ้นพอใกล้จบหลวงปู บอกฝ้ายว่า ไม่ต้องคิดไม่ต้องฝัน
ไม่ต้องจำเรื่องที่ผ่านมา. เรื่องภพนั้นชาตินั้นมันจบไปแล้ว ของนี้ไม่ใช่ของลูก. ใช้มีดอะไรสักอย่างตัดด้าย โฉ๊ะ!!! ฝ้ายเป็นลมไปเลย.....ฉันกอดน้อง ฝ้ายๆๆๆๆๆเป๋นใด๋ๆๆ. ฝ้ายลืมตาปี้ฝ้ายเหนื่อย!!!ฉันบอกเครๆๆไปพักเนาะ. หลวงปูบอกไปพักเถอะ หายละ. เค้าไปละ คู่กันละ. บุญรักษานะลูก!! เรากลับมาถึงบ้านฝ้ายไม่พูดถึงเรื่องกำไลอีกเลย....เหมือนฝ้ายจะลืมแต่ฉันก็ไม่ลืมอยู่คนเดียว จบ!!!-,,-
เรื่องนี้ห้ามถามต่อนะค่ะ ว่าที่ไหนอะไร ใคร จบนะ