สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เป็นเราจะพูดย้อนถามมนุษย์ป้าเลยค่ะว่า หลานป้าหรือเปล่าคะ ทำไมปล่อยให้มาแซงคิวคนอื่น อีกหน่อยโตไปคงโกงกินคนอื่นน่าดู เสร็จละก็หันไปทำสายตาอำมหิตใส่อิพนง.ร้านสะดวกซื้อต่อละถามว่า น้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ และถ้ามันถึงขนาดเบ้ปากใส่ "ขอชื่อและรหัสพนง.ค่ะ จะได้ร้องเรียนถูกคน ว่าพนง.ไม่เต็มใจบริการ และแสดงกิริยาแย่มากกับลูกค้า" ละก็เชิดหน้าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 82
ผมขอแชร์ประสบการณ์บ้างแล้วกัน แต่ในมุมของพ่อค้านะครับ คือที่บ้านผมนั้นเปิดเป็นร้านค้าขายของเล็กๆ ให้กับเด็กนักเรียน ส่วนของที่ขายก็เป็น
พวกของกินทั้งหลายนั่นแหละ ปัญหาที่ผมเจอและไม่คิดว่าจะเจอหลังจากเปิดร้านไปได้สามเดือน (ช่วงลูกค้าเริ่มรู้จักและเข้าร้านเยอะขึ้น) คือการแย่งกันสั่งของ ลัดคิว พูดไปจะหาว่าผมโม้ก็ได้ แต่มันเกิดขึ้นจริงครับ เด็กที่แย่งกันสั่งของไม่ใช่คนสองคนแต่เป็นสิบ ไม่รวมถึงการลัดคิวที่มั่วไปหมดนะ
คุณนึกสภาพคนขายที่ต้องรับมือลูกค้าเด็กทีละ 20-30 คนดู และยังมาในสภาพที่ผมกล่าวไปสิ ขายกันหัวแทบระเบิดเพราะต้องคอยจำของที่สั่งว่า
ใครสั่งอะไร คนไหนมาก่อน เป็นอย่างนี้อยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์ จนผมต้องคุยกับแม่ว่าต้องให้เด็กเข้าคิวซื้อของได้แล้ว (ตอนแรกแม่ผมไม่อยากให้ทำอะไรเหมือนไปสั่งไปจัดแจงลูกค้า) แต่พอปัญหามันเยอะขึ้นแล้วมีเด็กบางส่วนเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจว่าทำไมมาก่อนได้ทีหลัง เพราะคนขายก็งง จำไม่ได้ ผมเองก็กลัวเสียกลุ่มลูกค้าที่เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด เลยตัดสินใจบอกเด็กในวันรุ่งขึ้นว่าเข้าแถวซะถ้าจะซื้อของ เชื่อไหมผมเจอลูกค้าที่ชอบลัดคิวทำแบบนี้ใส่ทันที
1. มองหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมกลับไปเข้าแถว
2. มองหน้าไม่พอใจเหมือนกัน แต่เดินออกจากร้านไปเลย
3. มองหน้าไม่พอใจเหมือนเดิม แต่บ่นๆ ปนด่า(จริงๆ นะ)ว่าหิว ดังนั้นเค้าควรจะได้ก่อนสิแล้วไม่ไปไหน
วิธีแก้ ผมกวนกลับ หิวเลยอยากได้ก่อนเหรอ แล้วทำไมไม่มาให้เร็วกว่าคนอื่นที่เค้าหิวเหมือนกันล่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในโรงเรียนเราที่เค้าหิวเหมือนกันยังทำได้เลย ไม่เชื่อหันไปถามคนที่เราแซงคิว(มีเป็นสิบ)ดูสิ ว่าหิวเหมือนกันมั้ย
3.1 เข้าใจ แล้วกลับไปเข้าแถว
3.2 ไม่เข้าใจ ไม่พอใจเหมือนเดิม แล้วออกไปเลย ไม่กลับมาเข้าร้านอีกเลยด้วย
ส่วนนี้คือพวกผู้ปกครองพามา (พวกนี้ผมใช้มาตรฐานเดียวกับเด็กอยู่ดีนะ)
1. ต้องเข้าแถวสินะ ไม่เป็นไรยังไงชั้นก็ผู้ใหญ่ ไปขอลัดคิวให้เด็กเลยละกัน อันนี้ผมบอกเลยว่าไม่ทำให้ เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องไปต่อแถวเหมือนกัน
ผลลัพธ์คือชักสีหน้าไม่พอใจ ชั้นแก่กว่าเธอนะ ทำไมไม่บลาๆๆๆๆ แล้วก็พาลูกออกจากร้านไป
2. ต้องเข้าแถวสินะ ไม่เป็นไรไปซื้อร้านอื่นก่อนก็ได้ วันหลังค่อยพามาซื้อใหม่ (เข้าข่ายพวกรำคาญคนเยอะกับมีธุระด่วน)
3. เข้าแถวก็เข้าแถวสิ ดีซะอีกลูกชั้นจะได้ฝึกมารยาท แล้วช่วยดุลูกเวลาที่จะไปลัดคิวคนอื่นด้วย (ประทับใจผมมากเพราะเค้าคุยกับผมเองเลย แล้วพ่อแม่แบบนี้ก็มีไม่ใช่น้อยๆ ด้วย)
ส่วนผลจากการให้เด็กเข้าแถวซื้อของไปประมาณหนึ่งเดือน ลูกค้าไม่ลดลง เพราะคนที่หายไปก็ได้คนใหม่มาแทนที่ ลูกค้าแย่ๆ หาย ลูกค้าดีๆ เข้ามาแทนแถมยังเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าดีจริงๆ ที่เราเลือกที่จะทำแบบนี้ เพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มที่ดีๆ ไว้ ลูกค้าสบายใจ คนขายก็สบายใจ จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกล่ะ
ผมเลยอยากฝากคำถามให้ขบคิดเล่นๆดู ว่าปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วการแก้ไขควรเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนในสังคมทั้งหมดช่วยกัน ผมลองทำแล้ว ได้คำตอบแล้ว แล้วคุณล่ะ
ปล.พิมพ์หลังจากกินยา ง่วงมาก การเรียบเรียงเนื้อหาน่าจะดูมั่วๆ เยอะ ยังไงก็ขออภัยด้วย
พวกของกินทั้งหลายนั่นแหละ ปัญหาที่ผมเจอและไม่คิดว่าจะเจอหลังจากเปิดร้านไปได้สามเดือน (ช่วงลูกค้าเริ่มรู้จักและเข้าร้านเยอะขึ้น) คือการแย่งกันสั่งของ ลัดคิว พูดไปจะหาว่าผมโม้ก็ได้ แต่มันเกิดขึ้นจริงครับ เด็กที่แย่งกันสั่งของไม่ใช่คนสองคนแต่เป็นสิบ ไม่รวมถึงการลัดคิวที่มั่วไปหมดนะ
คุณนึกสภาพคนขายที่ต้องรับมือลูกค้าเด็กทีละ 20-30 คนดู และยังมาในสภาพที่ผมกล่าวไปสิ ขายกันหัวแทบระเบิดเพราะต้องคอยจำของที่สั่งว่า
ใครสั่งอะไร คนไหนมาก่อน เป็นอย่างนี้อยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์ จนผมต้องคุยกับแม่ว่าต้องให้เด็กเข้าคิวซื้อของได้แล้ว (ตอนแรกแม่ผมไม่อยากให้ทำอะไรเหมือนไปสั่งไปจัดแจงลูกค้า) แต่พอปัญหามันเยอะขึ้นแล้วมีเด็กบางส่วนเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจว่าทำไมมาก่อนได้ทีหลัง เพราะคนขายก็งง จำไม่ได้ ผมเองก็กลัวเสียกลุ่มลูกค้าที่เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด เลยตัดสินใจบอกเด็กในวันรุ่งขึ้นว่าเข้าแถวซะถ้าจะซื้อของ เชื่อไหมผมเจอลูกค้าที่ชอบลัดคิวทำแบบนี้ใส่ทันที
1. มองหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมกลับไปเข้าแถว
2. มองหน้าไม่พอใจเหมือนกัน แต่เดินออกจากร้านไปเลย
3. มองหน้าไม่พอใจเหมือนเดิม แต่บ่นๆ ปนด่า(จริงๆ นะ)ว่าหิว ดังนั้นเค้าควรจะได้ก่อนสิแล้วไม่ไปไหน
วิธีแก้ ผมกวนกลับ หิวเลยอยากได้ก่อนเหรอ แล้วทำไมไม่มาให้เร็วกว่าคนอื่นที่เค้าหิวเหมือนกันล่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในโรงเรียนเราที่เค้าหิวเหมือนกันยังทำได้เลย ไม่เชื่อหันไปถามคนที่เราแซงคิว(มีเป็นสิบ)ดูสิ ว่าหิวเหมือนกันมั้ย
3.1 เข้าใจ แล้วกลับไปเข้าแถว
3.2 ไม่เข้าใจ ไม่พอใจเหมือนเดิม แล้วออกไปเลย ไม่กลับมาเข้าร้านอีกเลยด้วย
ส่วนนี้คือพวกผู้ปกครองพามา (พวกนี้ผมใช้มาตรฐานเดียวกับเด็กอยู่ดีนะ)
1. ต้องเข้าแถวสินะ ไม่เป็นไรยังไงชั้นก็ผู้ใหญ่ ไปขอลัดคิวให้เด็กเลยละกัน อันนี้ผมบอกเลยว่าไม่ทำให้ เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องไปต่อแถวเหมือนกัน
ผลลัพธ์คือชักสีหน้าไม่พอใจ ชั้นแก่กว่าเธอนะ ทำไมไม่บลาๆๆๆๆ แล้วก็พาลูกออกจากร้านไป
2. ต้องเข้าแถวสินะ ไม่เป็นไรไปซื้อร้านอื่นก่อนก็ได้ วันหลังค่อยพามาซื้อใหม่ (เข้าข่ายพวกรำคาญคนเยอะกับมีธุระด่วน)
3. เข้าแถวก็เข้าแถวสิ ดีซะอีกลูกชั้นจะได้ฝึกมารยาท แล้วช่วยดุลูกเวลาที่จะไปลัดคิวคนอื่นด้วย (ประทับใจผมมากเพราะเค้าคุยกับผมเองเลย แล้วพ่อแม่แบบนี้ก็มีไม่ใช่น้อยๆ ด้วย)
ส่วนผลจากการให้เด็กเข้าแถวซื้อของไปประมาณหนึ่งเดือน ลูกค้าไม่ลดลง เพราะคนที่หายไปก็ได้คนใหม่มาแทนที่ ลูกค้าแย่ๆ หาย ลูกค้าดีๆ เข้ามาแทนแถมยังเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าดีจริงๆ ที่เราเลือกที่จะทำแบบนี้ เพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มที่ดีๆ ไว้ ลูกค้าสบายใจ คนขายก็สบายใจ จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกล่ะ
ผมเลยอยากฝากคำถามให้ขบคิดเล่นๆดู ว่าปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วการแก้ไขควรเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนในสังคมทั้งหมดช่วยกัน ผมลองทำแล้ว ได้คำตอบแล้ว แล้วคุณล่ะ
ปล.พิมพ์หลังจากกินยา ง่วงมาก การเรียบเรียงเนื้อหาน่าจะดูมั่วๆ เยอะ ยังไงก็ขออภัยด้วย
ความคิดเห็นที่ 2
แบบนี้แหละค่ะ ประเทศเราไม่ปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัยกันแบบจริงๆจังๆ และมีคนให้ท้ายเด็กแบบป้าและพนง.คิดเงินนี่แหละเด็กมันถึงนิสัยเสีย แทนที่จะสอนเด็กว่าอย่าแซงคิวนะมันไม่ดีกลับไปให้ท้ายเด็กซะงั้น ต่อไปเด็กคนนี้อาจจะแซงคิวอีกเรื่อยๆเพราะคิดว่า"รอบที่แล้วตรูยังแซงได้เลย"เป็นวัฐจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ปล.เราว่าที่เด็กร้องไห้อาจจะเป็นเพราะนึกว่าโดนจจกท.ดุล่ะมั้งคะ
ปล.เราว่าที่เด็กร้องไห้อาจจะเป็นเพราะนึกว่าโดนจจกท.ดุล่ะมั้งคะ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อผมโดยเด็กป.4 แซงคิวในร้านสะดวกซื้อ
ก็มีเด็กน้อยเพศชายหัวเกรียน น่าจะราวๆป.3-ป.4 มาแซงคิวคิดเงินตัดหน้าผม!!
ผมก็เห้ย!! โดนเด็กแซงคิว(คิดในใจ) เด็กน้อยมันก็ยื่นสินค้าให้พนง.คิดเงิน พนง.ก็รับมาคิดเงินโดยตามปกติ...
ผมก็สะกิดๆเด็กน้อยมัน บอกว่า"น้องๆ น้องแซงคิวคนอื่นแบบนี้มันไม่ดีนะครับ คราวหลังต้องไปเข้าแถวนะ"
แต่ด้วยน้ำเสียงหรือหน้าผมโหดก็ไม่ทราบ เด็กมันร้องไห้ครัช!!! กลางร้านเลย ซึ่งพนง.คิดเงินเด็กเสร็จแล้ว ทันใดนั้นเอง...
"กะแค่เด็กแซงคิว ยอมนิดยอมหน่อยก็ไม่ได้ ไม่มีน้ำใจ" ผมโดนคุณป้าแถวข้างๆเหน็บมา 1 ดอก!!
"พี่จริงจังไปรึเปล่าค่ะ น้องมันยังเด็กอยู่" พนง.เคาเตอร์จัดมาเป้นดอกที่ 2
ซึ่งระหว่างนี้ เด็กมันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมก็ยืนใบ้รับประทาน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอาชญากรทางสังคมที่พร้อมโดนประหารซะตรงนั้นก็มิปาน
ผมเริ่มรวบรวมสติ และกล่าวต่อสาธารณะชนไปว่า "ผมแค่สอนน้องเค้า ว่าอย่าแซงคิวแค่นี้เองนะครับ แล้วน้องเค้าก็ร้องไห้เอง" แต่คำแก้ต่างผมเหมือนจะไม่เป็นผล
สรุปคือผมไม่สามารถจัดการเด็กที่ร้องไห้ตรงนั้นได้ แล้วคุณป้าคนที่เหน็บผมเป็นคนปลอบเด็กแล้วพาเด็กเดินออกไปจากร้าน พนง.ที่เคาเตอร์ก็คิดเงินผมไป เบ๊ะปากใส่ผมไป ผมเดินตัวลีบออกมาจากร้านพร้อมด้วยรังสีอำมหิตจากฝูงชน
ผมจึงไม่สบายใจ และสงกะสัยจริงๆ ว่าเหตุการณ์นี้ ผมผิดมากเลยหรือขอรับ กับการเตือนเด็กแล้วเด็กมันร้องไห้กลางร้าน จนแทบจะโดนรุมประชาทัณฑ์คาร้านขนาดนั้น แล้วถ้าเกิดโดนเด็กแซงครั้งหน้า ผมควรจะปล่อยไป โดยไม่สอนอะไรเด็กมันเลยหรือครับ?
ป.ล.ผมยังโสด ไม่มีลูก แต่ผมก็รักเด็กนะครับ