NwTs81.1 ฉันเป็นนักสร้างปราสาททราย และปลายขอบจักรวาล
ตั้งแต่เด็กฉันเฝ้าฝันอยากจะเป็นเจ้าชาย
เข้าไปผจญภัยในโลกแห่งนิยาย
ออกตามหาปราสาทปลายแสงรุ้ง
ในช่วงเวลาที่ความฝันไม่ต่างไปจากความจริงซักเท่าไหร่ ฉันทิ้งบ้านไว้เบื้องหลัง และตระเวนไปจนสุดขอบฟ้า มุ่งหน้าตามเส้นทางฝัน แต่ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ พื้นทวีปก็มาสิ้นสุดหยุดลงที่ชายทะเล
โลกของเด็กคนหนึ่งก็กว้างใหญ่เพียงเท่านี้
ผืนทรายยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา
หาดทรายแห่งนั้นจึงได้รับชื่อจากฉันว่า 'ระเบียงจักรวาล'
****************
ฉันเคยได้ยินมาว่าดวงดาวบนท้องฟ้ามีอยู่หลายประเภท ดาวที่มีแสงในตัวเองเรียกว่าดาวฤกษ์ ดาวดวงไหนไม่มีจะถูกเรียกว่าดาวเคราะห์ ส่วนดาวนักวิ่งที่โบยบินไปบนท้องฟ้าจะเรียกว่าดาวหาง นอกจากนี้ยังมีดาวอีกประเภทหนึ่งที่มีขนาดเล็กจิ๋วไม่ต่างจากฝุ่นผง
พวกผู้ใหญ่เรียกกันว่า ละอองดาว
****************
ฉันมองหาปราสาทหลังใหญ่ในระเบียงจักรวาล ฉันพบว่าหาดแห่งนี้แคบเกินกว่าจะมีปราสาทจริงๆตั้งอยู่ แต่ก็ยาวเกินกว่าฉันจะสำรวจได้ทั้งหมด ผืนทรายทำให้ฉันได้รู้จักกับความเงียบเหงาและความอ้างว้างเป็นครั้งแรก หากฉันยืนอยู่เฉยๆท่ามกลางความว่างเปล่านานเกินไป ตัวฉันคงละลายหายไปกับแสงอาทิตย์ ก่อนอื่นคงต้องหาอะไรสักอย่างทำ ในเมื่อแถวนี้ไม่มีปราสาท ถ้างั้นฉันจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองก็ได้ ฉันหาที่นั่งใต้ต้นปาล์มซึ่งมีอยู่น้อยนิดก่อนจะลงมือผลิตงานศิลปะ
ฉันค่อยๆสร้างปราสาทขึ้นจากทราย
โดยเริ่มต้นจากฐาน และสูงขึ้นไป ทีละนิด ทีละนิด หลังจากที่ปราสาททรายสำเร็จไป 3 หลัง
ฉันก็กลายเป็นนักสร้างปราสาททรายอันดับ 1 ของโลก
****************
ฉัน เป็น
แค่ เพียง ไม่ กี่ นาที
ราชอาณาจักรทำมือที่เพิ่งสร้างเสร็จสดๆร้อนๆ ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
หนึ่งหลัง หนึ่งบาดแผล
พังลงด้วยเกลียวคลื่นและสายลม
ขอบฟ้าแสนไกล
สีฟ้าครอบครองพื้นที่ทั้งบนผืนน้ำและผืนฟ้า
ศัตรูของฉันคงอยู่อีกฟากหนึ่งของน่านน้ำ ไกลเกินเอื้อมถึง
ฉันเดินเล่นอยู่ริมชายฝั่ง
ฉันเป็นนักสร้างปราสาททราย
สำหรับฉันในทรายแต่ละเม็ดมีปราสาทซ่อนอยู่ คนอื่นอาจมองว่าทรายเม็ดไหนๆก็เหมือนกัน
แต่ฉันคิดว่าเม็ดทรายที่รวมตัวกันเป็นปราสาทได้ มีคุณค่าสูงกว่าเม็ดอื่นๆมาก มันแฝงความรู้สึกไว้อยู่ภายใน ความกระจิดริดของมันเต็มไปด้วยจินตนาการและความฝัน เมื่อเทียบกับหินผามันอาจมีขนาดเพียงเสี้ยวเดียว แต่ฉันเชื่อว่าทรายในอุ้งมือนั้น ย่อมอบอุ่นกว่าขุนเขาที่เฉยชา
**************
เมื่อกลับถึงบ้าน มาตรวัดทางอารมณ์ใกล้เคียงเลขศูนย์ ฉันรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ
ในคืนนั้น ฉันฝันถึงปราสาททราย ในความฝันปราสาทของฉันสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกรายละเอียดประณีตสวยงาม ยอดสูงชี้ฟ้า บานประตูโอฬาร ประดับด้วยกระจกแก้วแพรวพราว
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาฉันรีบวิ่งออกไปที่ชายหาด ทุ่มเทสร้างปราสาทอย่างเต็มที่ พยายามทำมันให้ดีที่สุด แต่เมื่อฉันทำยอดปราสาทเสร็จ คลื่นทะเลก็พัดเข้าชายฝั่ง กลืนกินปราสาทที่ฉันสร้างขึ้น
*****************
มันเป็นเรื่องธรรมดา
ใครๆก็รู้ว่าสรรพสิ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรัง
ใครบางคนเคยสอนไว้ว่า เราทำได้เพียงแค่ปล่อยวาง ฉันกลายเป็นหมาขี้แพ้ ถอดใจเดินคอตกกลับบ้าน ทำไมฉันถึงต้องกลับบ้าน? วันนั้นฉันนอนหลับไปทั้งคราบน้ำตา
เช้ารุ่งขึ้นฉันยังไม่ยอมแพ้ ออกไปปั้นปราสาทขึ้นมาใหม่ โลกของฉันมีเพียงแค่บ้านกับชายหาด
วันแล้ววันเล่าที่ฉันปั้นปราสาททราย
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คลื่นพายุซัดเข้ามา
ฉันไม่สามารถออกไปจากชาดหายแห่งนี้ได้
ฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงปราสาทที่สมบูรณ์แบบในฝันได้ ฉันไม่สามารถหยุดมือของตัวเอง
ฉันทำได้เพียงแค่
เสียใจ....................
*******************
วันและคืนสูญสิ้นความหมาย
ฉันอยู่ที่นี่ในเขาวงกตไม่มีทางออก
โลกหมุนเป็นวงกลม
จนกระทั่งเธอ เธอเดินเข้ามาในชีวิตฉัน
บนจักรวาลแห่งความว่างเปล่า เธอเองก็เป็นนักสร้างปราสาททรายอีกคนหนึ่ง
ณ เวลานั้น ฉันเศร้าเกินกว่าจะส่งเสียงเจรจา เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ก่อปราสาททรายอยู่ข้างๆฉัน
เธอเป็นคนที่แปลกประหลาด สร้างปราสาทได้งดงาม แต่ทุกครั้งที่มันโดนซัดลง เธอกลับยิ้มอย่างมีความสุข ฮัมเพลงเสียงไพเราะอารมณ์ดี
เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเองก็ออกตามหาปราสาทในฝันมาไกลไม่ต่างจากฉัน เธอผู้หลงไหลในความฝัน เธออยู่เป็นเพื่อนฉันจนหมดวัน สิ้นแสงตะวัน เมื่อปราสาทหลังสุดท้ายก็หายไปกับเปลวคลื่น ฉันถามเธอว่าเธอไม่เสียใจว่าหรือที่ปราสาทของเธอพังทลาย
เธอยิ้มและตอบกลับมาว่า
"ถ้าทรายกลายเป็นปราสาทชั่วนิรันดร์ ฉันก็ไม่ได้มาปั้นปราสาทกับนายอีกน่ะสิ"
ณ วินาทีนั้น
ฉัน ร้อง ไห้
****************
ในคืนนั้นฉันไม่ได้กลับบ้าน
สายลมเย็นๆพัดมา เสียงร้องของแมลงที่ฉันไม่เคยได้ยิน ท้องฟ้าเปิดโล่ง เห็นจันทร์กระจ่าง ฉันนอนอยู่บนหาดทราย บางทีปราสาทแห่งฝันคงไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ ฉันคิด ขอแค่มีเธอผู้เป็นเจ้าหญิงของฉันอยู่เคียงข้าง ท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า
และเหล่า ' ละอองดาว ' บนผืนดิน
* * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * * *
ฉันเป็นนักสร้างปราสาททราย และปลายขอบจักรวาล
ตั้งแต่เด็กฉันเฝ้าฝันอยากจะเป็นเจ้าชาย
เข้าไปผจญภัยในโลกแห่งนิยาย
ออกตามหาปราสาทปลายแสงรุ้ง
ในช่วงเวลาที่ความฝันไม่ต่างไปจากความจริงซักเท่าไหร่ ฉันทิ้งบ้านไว้เบื้องหลัง และตระเวนไปจนสุดขอบฟ้า มุ่งหน้าตามเส้นทางฝัน แต่ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ พื้นทวีปก็มาสิ้นสุดหยุดลงที่ชายทะเล
โลกของเด็กคนหนึ่งก็กว้างใหญ่เพียงเท่านี้
ผืนทรายยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา
หาดทรายแห่งนั้นจึงได้รับชื่อจากฉันว่า 'ระเบียงจักรวาล'
****************
ฉันเคยได้ยินมาว่าดวงดาวบนท้องฟ้ามีอยู่หลายประเภท ดาวที่มีแสงในตัวเองเรียกว่าดาวฤกษ์ ดาวดวงไหนไม่มีจะถูกเรียกว่าดาวเคราะห์ ส่วนดาวนักวิ่งที่โบยบินไปบนท้องฟ้าจะเรียกว่าดาวหาง นอกจากนี้ยังมีดาวอีกประเภทหนึ่งที่มีขนาดเล็กจิ๋วไม่ต่างจากฝุ่นผง
พวกผู้ใหญ่เรียกกันว่า ละอองดาว
****************
ฉันมองหาปราสาทหลังใหญ่ในระเบียงจักรวาล ฉันพบว่าหาดแห่งนี้แคบเกินกว่าจะมีปราสาทจริงๆตั้งอยู่ แต่ก็ยาวเกินกว่าฉันจะสำรวจได้ทั้งหมด ผืนทรายทำให้ฉันได้รู้จักกับความเงียบเหงาและความอ้างว้างเป็นครั้งแรก หากฉันยืนอยู่เฉยๆท่ามกลางความว่างเปล่านานเกินไป ตัวฉันคงละลายหายไปกับแสงอาทิตย์ ก่อนอื่นคงต้องหาอะไรสักอย่างทำ ในเมื่อแถวนี้ไม่มีปราสาท ถ้างั้นฉันจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองก็ได้ ฉันหาที่นั่งใต้ต้นปาล์มซึ่งมีอยู่น้อยนิดก่อนจะลงมือผลิตงานศิลปะ
ฉันค่อยๆสร้างปราสาทขึ้นจากทราย
โดยเริ่มต้นจากฐาน และสูงขึ้นไป ทีละนิด ทีละนิด หลังจากที่ปราสาททรายสำเร็จไป 3 หลัง
ฉันก็กลายเป็นนักสร้างปราสาททรายอันดับ 1 ของโลก
****************
ฉัน เป็น
แค่ เพียง ไม่ กี่ นาที
ราชอาณาจักรทำมือที่เพิ่งสร้างเสร็จสดๆร้อนๆ ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
หนึ่งหลัง หนึ่งบาดแผล
พังลงด้วยเกลียวคลื่นและสายลม
ขอบฟ้าแสนไกล
สีฟ้าครอบครองพื้นที่ทั้งบนผืนน้ำและผืนฟ้า
ศัตรูของฉันคงอยู่อีกฟากหนึ่งของน่านน้ำ ไกลเกินเอื้อมถึง
ฉันเดินเล่นอยู่ริมชายฝั่ง
ฉันเป็นนักสร้างปราสาททราย
สำหรับฉันในทรายแต่ละเม็ดมีปราสาทซ่อนอยู่ คนอื่นอาจมองว่าทรายเม็ดไหนๆก็เหมือนกัน
แต่ฉันคิดว่าเม็ดทรายที่รวมตัวกันเป็นปราสาทได้ มีคุณค่าสูงกว่าเม็ดอื่นๆมาก มันแฝงความรู้สึกไว้อยู่ภายใน ความกระจิดริดของมันเต็มไปด้วยจินตนาการและความฝัน เมื่อเทียบกับหินผามันอาจมีขนาดเพียงเสี้ยวเดียว แต่ฉันเชื่อว่าทรายในอุ้งมือนั้น ย่อมอบอุ่นกว่าขุนเขาที่เฉยชา
**************
เมื่อกลับถึงบ้าน มาตรวัดทางอารมณ์ใกล้เคียงเลขศูนย์ ฉันรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ
ในคืนนั้น ฉันฝันถึงปราสาททราย ในความฝันปราสาทของฉันสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกรายละเอียดประณีตสวยงาม ยอดสูงชี้ฟ้า บานประตูโอฬาร ประดับด้วยกระจกแก้วแพรวพราว
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาฉันรีบวิ่งออกไปที่ชายหาด ทุ่มเทสร้างปราสาทอย่างเต็มที่ พยายามทำมันให้ดีที่สุด แต่เมื่อฉันทำยอดปราสาทเสร็จ คลื่นทะเลก็พัดเข้าชายฝั่ง กลืนกินปราสาทที่ฉันสร้างขึ้น
*****************
มันเป็นเรื่องธรรมดา
ใครๆก็รู้ว่าสรรพสิ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรัง
ใครบางคนเคยสอนไว้ว่า เราทำได้เพียงแค่ปล่อยวาง ฉันกลายเป็นหมาขี้แพ้ ถอดใจเดินคอตกกลับบ้าน ทำไมฉันถึงต้องกลับบ้าน? วันนั้นฉันนอนหลับไปทั้งคราบน้ำตา
เช้ารุ่งขึ้นฉันยังไม่ยอมแพ้ ออกไปปั้นปราสาทขึ้นมาใหม่ โลกของฉันมีเพียงแค่บ้านกับชายหาด
วันแล้ววันเล่าที่ฉันปั้นปราสาททราย
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คลื่นพายุซัดเข้ามา
ฉันไม่สามารถออกไปจากชาดหายแห่งนี้ได้
ฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงปราสาทที่สมบูรณ์แบบในฝันได้ ฉันไม่สามารถหยุดมือของตัวเอง
ฉันทำได้เพียงแค่
เสียใจ....................
*******************
วันและคืนสูญสิ้นความหมาย
ฉันอยู่ที่นี่ในเขาวงกตไม่มีทางออก
โลกหมุนเป็นวงกลม
จนกระทั่งเธอ เธอเดินเข้ามาในชีวิตฉัน
บนจักรวาลแห่งความว่างเปล่า เธอเองก็เป็นนักสร้างปราสาททรายอีกคนหนึ่ง
ณ เวลานั้น ฉันเศร้าเกินกว่าจะส่งเสียงเจรจา เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ก่อปราสาททรายอยู่ข้างๆฉัน
เธอเป็นคนที่แปลกประหลาด สร้างปราสาทได้งดงาม แต่ทุกครั้งที่มันโดนซัดลง เธอกลับยิ้มอย่างมีความสุข ฮัมเพลงเสียงไพเราะอารมณ์ดี
เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเองก็ออกตามหาปราสาทในฝันมาไกลไม่ต่างจากฉัน เธอผู้หลงไหลในความฝัน เธออยู่เป็นเพื่อนฉันจนหมดวัน สิ้นแสงตะวัน เมื่อปราสาทหลังสุดท้ายก็หายไปกับเปลวคลื่น ฉันถามเธอว่าเธอไม่เสียใจว่าหรือที่ปราสาทของเธอพังทลาย
เธอยิ้มและตอบกลับมาว่า
"ถ้าทรายกลายเป็นปราสาทชั่วนิรันดร์ ฉันก็ไม่ได้มาปั้นปราสาทกับนายอีกน่ะสิ"
ณ วินาทีนั้น
ฉัน ร้อง ไห้
****************
ในคืนนั้นฉันไม่ได้กลับบ้าน
สายลมเย็นๆพัดมา เสียงร้องของแมลงที่ฉันไม่เคยได้ยิน ท้องฟ้าเปิดโล่ง เห็นจันทร์กระจ่าง ฉันนอนอยู่บนหาดทราย บางทีปราสาทแห่งฝันคงไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ ฉันคิด ขอแค่มีเธอผู้เป็นเจ้าหญิงของฉันอยู่เคียงข้าง ท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า
และเหล่า ' ละอองดาว ' บนผืนดิน
* * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * * *