ข่าวเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รู้จัก 'ยามากุชิ-กุมิ' แก๊งยากูซ่า 100 ปี กับวิกฤติแตกแยกส่อเค้านองเลือด
ยามากุชิ-กุมิ แก๊งยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอายุครบ 100 ปีแล้วในปีนี้ โดยเติบโตจากจุดเริ่มต้นเพียงการเป็นแก๊งเล็กๆสมาชิกไม่กี่สิบคน จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีสมาชิกหลายหมื่นคนดังเช่นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ยามากุชิ-กุมิ ตอนนี้กำลังเผชิญกับวิกฤติของความแตกแยกภายใน หลังหัวหน้าสาขา 13 คนออกจากกลุ่มเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจทั่วประเทศญี่ปุ่นตื่นตัวและประกาศให้มีการเฝ้าระวังเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเข้มงวด เพราะในอดีตก็เคยเกิดการนองเลือดจากความแตกแยกภายในกลุ่ม ยามากุชิ-กุมิ มาแล้ว
ความเป็นมาแก๊ง ยามากุชิ-กุมิ
ยามากุชิ-กุมิ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1915 โดย 'คุมิโช' (หัวหน้าใหญ่) รุ่นแรก ยามากุชิ ฮารุคิชิ ที่เมืองโกเบ ในจังหวัดเฮียงโงะ ในฐานะแก๊งยากูซ่าเล็กๆ ก่อนจะรุ่งโรจน์อย่างมากในยุคสมัยของหัวหน้ารุ่นที่ 3 คือ ทาโอกะ คาซุโอะ ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ยามากุชิ โนโบรุ บุตรชายของ ยามากุชิ ฮารุคิชิ ในปี 1946
ทาโอกะนำพาแก๊ง ยามากุชิ-กุมิ ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกเพียงสิบกว่าคนให้กลายเป็นองค์อาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขาเป็นผู้เรียกร้องให้สมาชิกในกลุ่มประกอบธุรกิจถูกกฎหมาย และอนุญาตให้ลูกน้องต้องกลุ่มของตัวเองขึ้นมาซึ่งกลายมาเป็นตระกูลสาขาของกลุ่ม ยามากุชิ-กุมิ ทาโอกะยังริเริ่มระบบโครงสร้างภายในตระกูล โดยให้มีการเลือก 'วาคากาชิระ' เป็นรองจาก คุมิโช และเลือกสมาชิกที่มีอำนาจจำนวนหนึ่งเป็น 'วาคากาชิระ-โฮสะ' รองจาก วาคากาชิระ อีกที
ทาโอกะ รอดจากการถูกลอบสังหารในปี 1978 โดยเขาถูกสมาชิกของแก๊งคู่อริ 'มัตสึดะ-กุมิ' ลอบยิงจากด้านหลังขณะเต้นที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในเกียวโต โดยหลายสัปดาห์ต่อมาผู้ที่ลอบโจมตีเขาถูกพบเป็นศพในป่าแห่งหนึ่งในโกเบ
หลังจากทาโอกะเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายในปี 1981 ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของ ยามากุชิ-กุมิ ก็ว่างลงถึง 3 ปี เนื่องจากผู้สืบทอดเสียชีวิตเพราะตับวาย ทำให้ ทาโอกะ ฟูมิโกะ ภรรยาของ ทาโอกะ คาซุโอะ ต้องเป็นรักษาการตำแหน่งหัวหน้าใหญ่แทน จนกระทั่งในปี 1984 สภาแกนนำระดับสูง 8 คนของกลุ่ม ได้เลือก ทาเคนากะ มาซาฮิสะ เป็นคุมิโชรุ่นที่ 4
อย่างไรก็ตาม การเลือก ทาเคนากะ ขึ้นเป็นผู้นำรุ่นที่ 4 ทำให้ผู้ท้าชิงตำแหน่งอีกคนคือ ยามาโมโตะ ฮิโรชิ หัวหน้ากลุ่ม ยามาฮิโระ-กุมิ ประกาศแยกตัวออกจากกลุ่มพร้อมกับนักรบอีก 3,000 คนและก่อตั้งแก๊ง 'อิจิวะ-ไค' ในโอซากา นำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบระหว่าง ยามากุชิ-กุมิ และ อิจิวะ-ไค เรียกว่า 'สงครามยามะ-อิจิ' ซึ่ง ทาเคนากะ และรองหัวหน้าใหญ่ของ ยามากุชิ-กุมิ ถูกลอบสังหารในปี 1985 ทำให้เกิดการปะทะกันทั่วประเทศกว่า 200 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 36 คนและบาดเจ็บอีกมากมาย
สงครามครั้งนี้จบลงในปี 1989 ด้วยชัยชนะของ ยามากุชิ-กุมิ แต่กลุ่มก็สูญเสียอย่างมาก เพราะมีสมาชิกสำคัญถูกตำรวจจับกุมหลายคน ส่วนแก๊ง อิจิวะ-ไค เมื่อรู้ว่าพ่ายแพ้ก็เข้าขอความคุ้มครองจากตำรวจ ยามาโมโตะ ฮิโรชิ ประกาศล้างมือจากวงการ สุดท้ายแก๊ง 'อินากาวะ-ไค' ในโตเกียวเป็นตัวกลางเจรจา ทำให้สมาชิกที่เหลือของ อิจิวะ-ไค สามารถกลับเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม ยามากุชิ-กุมิ ได้อีกครั้ง
จากนั้นในปีเดียวกัน ยามากุชิ-กุมิ ได้เลือก วาตานาเบะ โยชิโนริ เป็นหัวหน้าใหญ่รุ่นที่ 5 แต่แม้เป็นหัวหน้าใหญ่ วาตานาเบะ ก็ต้องอยู่ภายใต้เงาของ ทาคุมิ มาซารุ วาคากาชิระของยามากุชิ-กุมิ ผู้ทรงอิทธิพลและได้รับความเคารพอย่างมากภายในกลุ่ม ก่อนที่ ทาคุมิ จะถูกลอบสังหารในปี 1997 ทำให้ตำแหน่ง วาคากาชิระ ว่างลงถึง 8 ปีหลังจากนั้น และทำให้อำนาจของคุมิโชเสื่อมถอยลงอย่างมาก
กระทั่งในปี 2005 ชิโนดะ เคนอิจิ หรือ สึคาสะ ชิโนบุ ผู้ที่ตำรวจญี่ปุ่นขนานนามให้เป็น 'ชายที่อันตรายที่สุด' จากผลงานสมัยเป็นผู้ช่วยของผู้นำรุ่นที่ 4 และ 5 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น วาคากาชิระ และได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าใหญ่ของ ยามากุชิ-กุมิ ในเดือนส.ค. หลังจาก วาตานาเบะ ประกาศล้างมือ โดย ยามากุชิ-กุมิ ภายใต้การนำของ ชิโนดะ ก็สามารถขยายอิทธิพลกลับมาได้อีกครั้ง และปฏิรูปองค์กรจนมีลักษณะคล้ายบริษัทสมัยใหม่ที่มีปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพ
ความมั่งคั่ง
นิตยสาร ฟอร์จูน (Fortune) ของสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่ม ยามากุชิ-กุมิ มีรายได้ในปี 2014 ถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.86 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณรายปีของไทยเสียอีก แต่รายได้เหล่านี้มาจากที่ใด?
สำนักข่าว 'นิวส์วีค' ของสหรัฐฯเคยเผยแพร่บทวิเคราะห์ว่า ที่มาของรายได้ของกลุ่ม ยามากุชิ-กุมิ มาจากการใช้รูปแบบอาณาจักรธุรกิจที่ทันสมัย โดยรายได้หลักมาจากการลักลอบค้ายาเสพติด แต่นอกจากการธุรกิจผิดกฎหมายแล้ว พวกเขายังเข้าไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมบันเทิง และการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยหัวหน้ารุ่นที่ 3 ทาโอกะ คาซุโอะ ลงทุนเงิน 1 ล้านเยน ก่อตั้งบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ชื่อ 'โกเบ อาร์ตส์' ซึ่งสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ยามากุชิ-กุมิ ยังเก่งมากเรื่องการใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส เช่นเมื่อครั้งเกิดวิกฤติฟองสบู่ในญี่ปุ่นในช่วงปี 1980 ยามากุชิ-กุมิ ก็เริ่มเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, หุ้น, ศิลปะและอื่นๆ พวกเขาซื้อสิ่งของต่างๆในราคาถูกก่อนจะนำไปขายต่อด้วยราคาสูงในตลาดมืด และหลังจากญี่ปุ่นพ้นวิกฤติฟองสบู่ในช่วงปี 1990 ยามากุชิ-กุมิ ก็รีบเข้าซื้อทรัพย์สินที่มูลค่ากำลังตกฮวบเป็นของตัวเอง
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ยามากุชิ-กุมิ ออกยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดในยุคดิจิตอล โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทางการเงินและไอที เข้าซื้อบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเสียง, ทำกำไรในตลาดหุ้น พวกเขายังร่วมมือทำธุรกิจกับองค์กรอาชญากรรมต่างชาติ ทั้งในรัสเซียและอุซเบกิสถานด้วย
ความแตกแยกในปัจจุบัน
หลังจากอยู่ยงมาได้ถึง 100 ปี ยามากุชิ-กุมิ กำลังเผชิญวิกฤติความแตกแยกภายในกลุ่มอีกครั้ง หลังจากเมื่อวัน 2 ก.ย. หัวหน้าสาขา 8 คนถูกขับออกจากกลุ่มและอีก 5 คนประกาศถอนตัวออกจากกลุ่ม ซึ่งในจำนวนนี้รวมไปถึงกลุ่ม 'ยามาเคน-กุมิ' สาขาในโกเบที่มีขยาดใหญ่ที่สุดของ ยามากุชิ-กุมิ ซึ่งมีสมาชิกกว้า 2,000 คน และหัวหน้ากลุ่ม มาซากิ-กุมิ ซึ่งว่ากันว่าเป็นสาขาที่ร่ำรวยที่สุด จากการมีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย
ขณะนี้ยังไม่ทรายความสาเหตุของความแตกแยกคืออะไร แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากการชิงอำนาจระหว่างกลุ่มสาขา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคคันไซ กับแก๊ง 'โคโด-ไค' ซึ่งเป็นกลุ่มที่ ชิโนดะ เคนอิจิ หัวหน้ารุ่นที่ 6 แห่ง ยามากุชิ-กุมิ เป็นหัวหน้าอยู่ก่อนรับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มหลัก
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เหตุการณ์อาจซ้ำรอย สงครามยามะ-อิจิ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ก่อนเกิดการแยกตัวในวันอังคาร ยามากุชิ-กุมิ มีสมาชิกแก๊งสาขาทั้งหมดประมาณ 23,400 คน ใน 44 จังหวัด รวมทั้งสมาชิกแกนนำ 10,300 คน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 13,100 คน
ในปัจจุบันแก๊งยากุซาจะปฏิบัติตามกฎหมายมากกว่าในยุคปี 1980 และมีการแก้กฎหมายให้ตำรวจญี่ปุ่นมีอำนาจในการปราบปรามแก๊งที่ถูกระบุให้เป็นกลุ่มใช้ความรุนแรง แต่ก็ยังมีคำถามว่า เจ้าหน้าที่จะใช้เวลานานเท่าใดในการระบุให้แก๊งยากูซ่าที่แยกตัวออกมากเป็นกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรง วึ่งอาจไม่ทันการหากเกิดความรุนแรงขึ้นจริงๆ
http://wap.thairath.co.th/content/522842
ประวัตินี่หยั่งกะในหนังจริงๆเเฮะ
รู้สึกยากูซ่ากลุ่มนี้ดังในสื่อต่างประเทศด้วยเเฮะ เห็นเป็นข่าวมาเเล้วหลายรอบ
ไอ้รายได้เยอะไม่เเปลกใจ เเต่ขนาดมีรายได้มากกว่างบประมาณประเทศเราเนี่ย ยากูซ่ายุคใหม่มันมีหัวการค้าขนาดนี้เลยเรอะ!
จากข่าวนี้ กลุ่มยากูซ่าญี่ปุ่นนี่รายได้ขนาดนี้เลยเรอะ!
ข่าวเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รู้สึกยากูซ่ากลุ่มนี้ดังในสื่อต่างประเทศด้วยเเฮะ เห็นเป็นข่าวมาเเล้วหลายรอบ
ไอ้รายได้เยอะไม่เเปลกใจ เเต่ขนาดมีรายได้มากกว่างบประมาณประเทศเราเนี่ย ยากูซ่ายุคใหม่มันมีหัวการค้าขนาดนี้เลยเรอะ!