ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (Heart Attack, Nawapol Thamrongrattanarit, 195 นาที, 2558)
ไม่สปอยล์ -- ผมเป็นแฟนหนังคุณเต๋อนวพลนะครับไม่ใช่ม้าเม้อค่ายไหนแต่อย่างใด เห็นกระทู้หาม้าแล้วต้องรีบออกตัวก่อนครับ กลัวโดนไปด้วย -...-
หนังนวพลมากครับ จริงจังแต่กวนและตลก ความรู้สึกแรกหลังจากดูคือดีใจที่ผู้กำกับยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่แม้มาทำงานร่วมกับค่ายใหญ่ ตอนแรกสงสัยว่าหนังจะออกมาแนวไหนเพราะไอหนังที่บอกว่าฟีลกู๊ดหลายเรื่องของจีทีเอชก็คือบทที่นวพลเขียน ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงเป็นอะไรที่ออกจะคาดเดาไม่ได้ สุดท้ายหนังมีสเน่ห์แบบเต๋อๆที่เราถูกจริต ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่าเรื่องอย่างมีเอกลักษณ์ บทพูดแบบที่เซอไพรส์หู ซาวประกอบที่คงความกวน มุขหน้าตาย ความโหดสัส เดดแอร์ที่มีความหมาย ความเขินแบบแปลกๆ การวางมุมกล้องสวยๆ บรรยากาศและการคุมโทนของหนัง รวมการทำให้สิ่งเล็กน้อยในหนังมันมีสเน่ห์
หลายครั้งจะพบว่าดูหนังอินดี้มันดูไม่รู้เรื่อง ไอหนังฮิตไม่ตลกเรื่อยเปื่อยก็เน้นพล็อตให้ขายได้ แต่สำหรับเราฟรีแลนซ์เป็นหนังที่ดูเอาเรื่องก็ได้ดูเอาศิลป์ก็ดี มันคือการเจอกันของจีทีเอชและนวพล คือการพบกันของเด็กวิทย์และเด็กศิลป์ เราชื่นชมความเชื่อที่ว่าหนังสามารถมีความเป็นศิลปะโดยที่คนทั่วไปก็สามารถเอนหลังดูได้ อย่างเช่นกระแสเรื่องแมรี่*เคยเกิดขึ้นคือการที่หนังเชิงทดลองเป็นที่สนใจในวงกว้าง (แต่เรื่องนี้ไม่ได้โหดขนาดแมรี่ มันพุดถึงโลกในท่าทีที่จริงจังกว่า และไม่ลองเล่นนู่นนี่ขนาดนั้น -- เปรียบเทียบแมรี่กับฟรีแลนซ์คงเหมือนวัยรุ่นกับวัยทำงาน) นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีและหาไม่ได้บ่อยจากในหนังฟอร์มใหญ่ๆ และสุดท้ายจะไม่แปลกใจถ้ากระแสวิจารณ์ของหนังจะออกมาสองสามทางอย่างชัดเจน
ที่อดชื่นชมไม่ได้คือนักแสดง ไฮไลท์เป็นพิเศษที่ซันนี่ผู้มีท่าทีเหมาะกับตีมเรื่องนี้อย่างมากคือจริงจังแต่กวน อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้มีวิธีเล่าเรื่องในแบบของมัน ผ่านเสียงในหัว เหมือนในทีเซอร์นั่นแหล่ะ และซันนี่สื่อสารออกมาได้ดีมาก ใหม่ดาวิกาและวิโอเล็ตก็มีท่าทีที่พอเหมาะพอเจาะกับบทบาทและเป็นตัวร่วมขับเคลื่อนหนังที่ดีเหลือเกิน อีกอย่างรู้สึกสนุกกับตัวละครอื่นๆในเรื่องที่เอาคนแถวๆกองมาเล่นด้วย เช่น ผกกพี่มากมาเป็นหมอ คนตัดต่อหนังเรื่องนี้มาเป็นมือรีทัชคนใหม่ ตากล้องมาเป็นพนงเซเว่น ตลกดี
--- ข้างล่างนี่สปอยล์ละนะครับ ---
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แม้ฟรีแลนซ์จะเป็นหนังที่พล็อตบางมาก คือทำงานหนักผื่นขึ้นไปหาหมอแล้วปิ๊ง จบ แต่ประเด็นที่พูดถึงในหนังกลับหนักหน่วง โดยเฉพาะอาการบ้างานของยุ่นที่เป็นเหมือนดาบสองคม ยิ่งทำงานดียิ่งมีงานเข้า มีเสียงชื่นชมก็ยิ่งต้องทำงานให้หนักขึ้นไปอีก ราวกับว่าชีวิตนี้มีงานสิ่งเดียวที่เป็นคุณค่าในชีวิต แม่ส่งโปสการ์ดมาให้ปีละครั้ง คนที่โทรเข้ามาก็มีแต่งาน เพื่อนที่บอกว่าสนิทนี่ยังเรียกด้วยชื่อจริงอยูราวกับเพื่อนประถม แฟนไม่ต้องพูดถึง หมายความว่าเบื้องหลังการทำงานแสนสาหัสนั้นก็เพื่อหลีกหนีไปจากความเหงาที่ถูกฉาบไว้เบื้องหลัง
ความรู้สึกที่จะเข้ามาทดแทนความสำเร็จที่ได้รับจากความสำเร็จในงานได้ก็เห็นจะเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้หมออิมซึ่งค่อยๆแย่งชิงพื้นที่ในหัวใจจากงานออกไป แม้จะเป็นความรู้สึกฉันมิตรในท้ายที่สุด แต่การมีคนห่วงใยและบอกว่าห้ามตายนะไม่ว่าจากใครก็ตามสักคนมันเป็นเรื่องอบอุ่นโรแมนติก และชวนให้ได้กลับไปทบทวนถึงชีวิตตัวเองอีกครั้ง
ฉากหนึ่งที่ชอบมากในหนังคือตอนที่เจ๋โทรมายุ่นจะไปญี่ปุ่นละแฮปปี้นิวเยียร์นะพี่ มันเป็นฉากที่คุยกันธรรมดาแต่ทรงพลัง มันคือการคุยกันกันฉันท์มนุษย์ครั้งแรกๆระหว่างยุ่นกับเจ๋นอกจากเรื่องงานด้วยคำพูดที่ดูทั่วไปแต่พิเศษสำหรับคนๆนึง และเป็นก้าวแรกก้าวใหญ่ที่สำคัญให้ยุ่นได้เข้าไปแตะถึงความสวยงามของชีวิตและมิตรภาพ
ถ้าจะมีที่รู้สึกว่ายังขาดไปคงเป็นช่วงที่หนังพยายามไปจุดไคลแม็กซ์ของหนังโดยการไม่นอนติดกัน 12 วัน แต่เรารู้สึกว่ายังไปไม่สุด ส่วนนึงคงเป็นเพราะหนังได้ปูความโหดสัสของวงการฟรีแลนซ์ให้ผู้ชมตั้งแต่แรกแล้ว มันอาจจะเวิร์คในแง่ของความสมเหตุสมผลว่าพอหมออิมและเจ๋ที่ยุ่นยึดโยงไว้ได้พาเหรดกันออกไปจากชีวิตจนต้องกลับมาสู่วงจรเดิม แต่การเล่าซ้ำมันก็ขาดความตื่นเต้นไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้น้ำหนักของเรื่องราวต่อจากนั้นลดทอนลงไปนะ เรารู้สึกว่ามันยังทรงพลังอยู่
*แมรี่ หมายถึงเรื่อง Mary is happy, Mary is happy ผลงานกำกับหนังของคุณเต๋อ นวพล ครับ
ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ -- ความจริงจังที่ตลก กวน และเขินแบบแปลกๆ
ไม่สปอยล์ -- ผมเป็นแฟนหนังคุณเต๋อนวพลนะครับไม่ใช่ม้าเม้อค่ายไหนแต่อย่างใด เห็นกระทู้หาม้าแล้วต้องรีบออกตัวก่อนครับ กลัวโดนไปด้วย -...-
หนังนวพลมากครับ จริงจังแต่กวนและตลก ความรู้สึกแรกหลังจากดูคือดีใจที่ผู้กำกับยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่แม้มาทำงานร่วมกับค่ายใหญ่ ตอนแรกสงสัยว่าหนังจะออกมาแนวไหนเพราะไอหนังที่บอกว่าฟีลกู๊ดหลายเรื่องของจีทีเอชก็คือบทที่นวพลเขียน ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงเป็นอะไรที่ออกจะคาดเดาไม่ได้ สุดท้ายหนังมีสเน่ห์แบบเต๋อๆที่เราถูกจริต ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่าเรื่องอย่างมีเอกลักษณ์ บทพูดแบบที่เซอไพรส์หู ซาวประกอบที่คงความกวน มุขหน้าตาย ความโหดสัส เดดแอร์ที่มีความหมาย ความเขินแบบแปลกๆ การวางมุมกล้องสวยๆ บรรยากาศและการคุมโทนของหนัง รวมการทำให้สิ่งเล็กน้อยในหนังมันมีสเน่ห์
หลายครั้งจะพบว่าดูหนังอินดี้มันดูไม่รู้เรื่อง ไอหนังฮิตไม่ตลกเรื่อยเปื่อยก็เน้นพล็อตให้ขายได้ แต่สำหรับเราฟรีแลนซ์เป็นหนังที่ดูเอาเรื่องก็ได้ดูเอาศิลป์ก็ดี มันคือการเจอกันของจีทีเอชและนวพล คือการพบกันของเด็กวิทย์และเด็กศิลป์ เราชื่นชมความเชื่อที่ว่าหนังสามารถมีความเป็นศิลปะโดยที่คนทั่วไปก็สามารถเอนหลังดูได้ อย่างเช่นกระแสเรื่องแมรี่*เคยเกิดขึ้นคือการที่หนังเชิงทดลองเป็นที่สนใจในวงกว้าง (แต่เรื่องนี้ไม่ได้โหดขนาดแมรี่ มันพุดถึงโลกในท่าทีที่จริงจังกว่า และไม่ลองเล่นนู่นนี่ขนาดนั้น -- เปรียบเทียบแมรี่กับฟรีแลนซ์คงเหมือนวัยรุ่นกับวัยทำงาน) นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีและหาไม่ได้บ่อยจากในหนังฟอร์มใหญ่ๆ และสุดท้ายจะไม่แปลกใจถ้ากระแสวิจารณ์ของหนังจะออกมาสองสามทางอย่างชัดเจน
ที่อดชื่นชมไม่ได้คือนักแสดง ไฮไลท์เป็นพิเศษที่ซันนี่ผู้มีท่าทีเหมาะกับตีมเรื่องนี้อย่างมากคือจริงจังแต่กวน อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้มีวิธีเล่าเรื่องในแบบของมัน ผ่านเสียงในหัว เหมือนในทีเซอร์นั่นแหล่ะ และซันนี่สื่อสารออกมาได้ดีมาก ใหม่ดาวิกาและวิโอเล็ตก็มีท่าทีที่พอเหมาะพอเจาะกับบทบาทและเป็นตัวร่วมขับเคลื่อนหนังที่ดีเหลือเกิน อีกอย่างรู้สึกสนุกกับตัวละครอื่นๆในเรื่องที่เอาคนแถวๆกองมาเล่นด้วย เช่น ผกกพี่มากมาเป็นหมอ คนตัดต่อหนังเรื่องนี้มาเป็นมือรีทัชคนใหม่ ตากล้องมาเป็นพนงเซเว่น ตลกดี
--- ข้างล่างนี่สปอยล์ละนะครับ ---
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*แมรี่ หมายถึงเรื่อง Mary is happy, Mary is happy ผลงานกำกับหนังของคุณเต๋อ นวพล ครับ