บนศาลาริมน้ำนักขวราชนั่งเหม่อมองดอกบัวหลวงสีขาวสะพรั่งกลางสระน้ำ นางกำนัลสองนางเข้าเฝ้าพระนางด้วยท่าทางร้อนใจนัก
“ พระเทวีเพคะ ”
“ มีอะไรรึ ”
นางกำนัลทั้งสองหันไปมองรอบๆก่อนจะทูลพระนาง
“ พระเทวีเพคะ หม่อมฉันสองคนไปพบกับพระเจ้านควัจมาเพคะ ”
“ อะไรนะ เจ้าทั้งสองบอกข้าว่าเจ้าไปพบกับใครมานะ ”
นักขวราชตาโตถามนางกำนัลอย่างตื่นเต้น
“ พระเจ้านควัจเพคะ เป็นพระองค์แน่นอน แต่พระองค์จำพวกหม่อนฉันไม่ได้ ”
พระพักตร์ที่งดงามเศร้าสลดลงทันที
“ พวกเจ้าจำผิดแล้วล่ะ เขาคนนั้นไม่ใช่เจ้าพี่นควัจ เจ้าพี่นควัจไม่มีวันจะกลับมาได้อีกแล้ว ”
“ แต่หม่อนฉันยืนยันได้นะเพคะว่าเป็นพระเจ้านควัจจริงๆ ทรงเสด็จไปที่ถ้ำแก้ว จะทรงเข้าไปในถ้ำด้วยแต่หม่อนฉันกับภาสุรีห้ามพระองค์เอาไว้เพราะเกรงว่าจะเข้าไปพบกลับอริยคมแล้วจะทำร้ายพระองค์เข้าได้ ”
“ ดีแล้วที่เจ้าทำเช่นนั้น ชายผู้นั้นเขาไม่ใช่พี่นควัจและข้าก็ไม่ต้องการให้เขาถูกทำร้ายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ”
“ พระเทวีเพคะ ”
“ พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ”
นักขวราชตัดบทเพราะรู้ว่านางทั้งสองจะทูลอะไร
“ เพคะ ”
“ เดี๋ยว ถ้าต่อไปพวกเจ้าไปพบกับชายผู้นั้นอีก พวกเจ้าก็จงเตือนเขาด้วยว่าอย่าไปที่ถ้ำแก้วนั้นอีก เพราะเขาอาจจะต้องตายโดยไม่สามารถแก้ไขรักษาอะไรได้ทันโดยถ้าเขาถูกพิษของงูในถ้ำนั้นกัด เจ้าจงจำเอาไว้ ”
นักขวราชออกคำสั่งเช่นนี้ ภาสุรีกับเหมวรรณก็รู้แล้วว่าองค์นักขวราชใช้ให้นางทั้งสองคอยดูแลภควัตไม่ให้เข้าไปถูกอริยคมผู้ปกป้องถ้ำแก้วนั้นสังหารเขา
“ เพคะ ”
พระสนมวนิตาเห็นพระเทวีประทับอยู่ที่ศาลาริมน้ำจึงรีบเข้ามาเฝ้าพระนาง
“ ถวายบังคมเพคะพระเทวี ”
“ วนิตาเขจ้าสบาสดีนะ ”
“ หม่อนฉันสุขสบายดีเพคะ ”
“ เจ้าทำตัวตามสบายเถอะ ”
“ ขอบพระทัยเพคะ ”
“ ไม่ได้พบกับเจ้าเสียนาน เจ้าดูสดใสขึ้นนะ ”
“ เป็นเพราะพระบารมีของพระเทวีเพคะหม่อนฉันจึงอยู่อย่างมีความสุข ”
“ เป็นพระข้าหรือพูดผิดแล้วล่ะตัวของข้าเองยังหาความสุขไม่ได้แล้วจะไปทำให้เจ้ามีความสุขได้อย่างไร ”
วนิตาก้มหน้า ทำไมนางจะไม่รู้ว่าพระเทวีระทมทุกขเวทนาเพียงไรตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายขึ้นในครั้งนั้น วนิตาได้แต่คิดว่าเทวีนั้นมีนัยตาน์มืดบอดนัก ไฉนจึงทำให้พระพี่ยาต้องเจ็บปวดเสียใจที่ไปหมายปองชายอื่น องค์หัตถากานต์นั้นแสนจะเพียบพร้อมทุกอย่างและรักนางยิ่งชีวิต แต่ทำไมพระนางกับมองข้ามความรักความดีของพระองค์ได้เสียจนหมดสิ้นแล้วไปใฝ่ใจหลงรักชายอื่นจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างร้ายแรงขึ้นมากับสองพระนคร
“ หากมีสิ่งที่วนิตาจะรับใช้พระเทวีให้ทรงสบายพระทัยขึ้นก็ทรงมีรับสั่งใช้สอยสั่งหม่อนฉันมาได้เลยนะเพคะ หม่อนฉันยินดีถวายการรับใช้พระเทวียิ่งชีวิตเพคะ ”
“ เจ้าช่างเจรจานักนะ มิเสียแรงที่เจ้าคือพระสนมองค์โปรดของเจ้าพี่ ”
วนิตาก้มหน้า นางเกรงกลัวองค์นักขวราชผู้นี้เทียบเท่าองค์เหนือหัวทีเดียว เพราะรู้ว่าหากมีผู้ใดทำให้องค์นักขวราชต้องระคายเคืองหรือขุ่นข้องหมองใจ มันผู้นั้นจะถูกพระเจ้าหัตถากานต์ลงโทษทัณฑ์เอาอย่างนัก จึงไม่มีพระสนมองค์ใดกล้ามาแข็งข้อกับพระเทวีนี้เลย
“ หม่อนฉันทูลพระเทวีด้วยใจจริงเพคะ ”
“ ดี เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ก็ดี อย่างนั้นข้าจะขออะไรเจ้าสักอย่างเจ้าคงจะยินดีให้ข้า ”
“ ทรงตรัสมาเถอะเพคะหม่อนฉันพร้อมจะถวายพระองค์ทุกอย่าง ”
“ ข้าจะให้เจ้าดำรงตำแหน่งพระเทวีนครทิพย์แทนข้า ”
“ พระเทวี ”
วนิตาอุทานอย่างลืมตัว ตาเหลือกอย่างตกใจที่ได้ยินคำสั่งขององค์นักขวราช
“ ทำไมเจ้าต้องทำท่าเหมือนหวาดกลัวเสียขนาดนั้นวนิตา ”
“ พระเทวีอย่าตัดล้อเล่นอย่างนี้กับหม่อนฉันสิเพคะ หม่อนฉันคงตายแน่ๆถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงพระกรรณของฝ่า
บาท ”
“ ทำไมเจ้าจะต้องตาย ข้าอยากจะให้เจ้าทำหน้าที่พระมหาเทวีแห่งนครทิพย์เพราะเจ้ามีศักดิ์สูงกว่าพระสนมพระองค์ใด และเจ้าก็มีความจงรักภักดีต่อเจ้าพี่เป็นที่สุด ”
“ อย่าตรัสเรื่องนี้อีกเลยนะเพคะ หม่อนฉันยังไม่อยากตาย ฝ่าบาทฆ่าหม่อนฉันแน่ หม่อนฉันทูลลานะเพคะ ”
วนิตารีบทูลลาพระเทวีกลับออกไปเพราะเกรงกลัวภัยร้ายแรงที่นางจะได้รับ ที่พระเทวีตรัสเช่นนั้นกับนาง
นักขวราชมองตามวนิตาไปอย่างขัดใจยิ่งนัก ดูรึทำท่าทางกลัวจนลนลาน
๐๐๐๐๐
ราตรีกาลยามดึกสงัด ณ ท้องน้ำที่กว้างใหญ่ แสงสว่างวูบวาบจากสายฟ้าที่แลบส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งท้องน้ำเป็นระยะๆ เมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนตัวเข้าปรกคลุมอ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่กว้างใหญ่จนดูน่าสะพรึ่งกลัวไปทั้งอาณาบริเวณ ลมแรงพัดกระหน่ำส่งเสียงอื้ออึงไปทั่วทั้งป่า เกรียวคลื่นขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นจากกลางลำน้ำพร้อมกับร่างแห่งเทพนาคราชที่ทรงสนุกสนานกับการเล่นน้ำท่ามกลางท้องฟ้าที่แปรปรวนและสานฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทั้งลม ทั้งฝน ทั้งฟ้ามวลมนุษย์และสรรพสัตว์บนพื้นพิภพต่างหวดกลัวพากันหลบซ่อนซุกกายในเคหสถานของตัวเอง วรัญญากำลังนอนหลับสนิท หญิงสาวต้องสะดุ้งตื่นเมื่อประตูห้องนอนเปิดออกอย่างแรง วรัญญาผุดลุกขึ้นนั่งจ้องมองผู้ที่ยืนเด่นอยู่ประตู
“ คุณกานต์ ”
วรัญญาอุทานเรียกชื่อผู้ที่กำลังเก้าท้าวเข้ามาหาเธอ
“ วรัญญาเราจะพาเจ้าไปเที่ยวนครทิพย์ของเรา ”
“ นครทิพย์ อยู่ที่ไหนกันคะ ”
“ ตามเรามาเถอะ แล้วเจ้าจะได้เห็นความงดงามแห่งนครของเรา ”
พระเจ้าหัตถากานต์ส่งพระหัตถ์มาจับมือของวรัญญาแล้วพาเธอเดินออกไปจากห้องพัก วรัญญาไม่เอ่ยถามอะไรเขาอีกเพราะกำลังรู้สึกประหม่าที่ถูกชายรูปงามคนที่เธอแสนจะถูกชะตากับเขาจูงมือเธออยู่
วรัญญาใจเต้นระรัวทั้งประหม่า ทั้งปราบปลื้มในใจ เธอก้าวเท้าเร็วเพื่อจะให้ทันกับผู้ที่กำลังจูงมือพาเดินลิ่ว ผ่านทางลูกลังที่ปรับใหม่เพื่อเป็นเส้นทางไปยังอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ จนกระทั่งมาถึงชายหาดริมอ่างเก็บน้ำ
“ มาที่นี่ทำไมคะ ”
“ เราบอกเจ้าแล้วอย่างไรว่าจะพาเจ้าไปยังนครทิพย์ ”
“ นครทิพย์ อยู่ที่ไหนคะ ”
วรัญญาถามไปอย่างนั้นในใจเธอไม่ว่าเขาจะพาเธอไปที่แห่งใดเธอก็ยินดีทั้งนั้น ยินดีที่ได้ตามชายรูปงามผู้นี้ไปในทุกหนแห่งที่เขาจะพาเธอไป
“ มาเถอะ เราจะให้เจ้าได้เห็นนครทิพย์ของเรา ”
พระเจ้าหัตถานกานต์ตรัสแล้วออกเดินเหมือนจะลุยไปยังท้องน้ำเบื้องหน้า วรัญญาชะงักเมื่อรู้ว่าจะลงไปในน้ำ
“ คุณกานต์คะ เอ่อ ”
“ เจ้ากลัวอะไร ตามเรามาเถอะ ”
ทรงตรัสแล้วเดินไปข้างหน้าวรัญญาเดินตามอย่างว่าง่าย แล้วหญิงสาวก็ถึงกับต้องเบิกนัยน์ตาอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เบื้องหน้า เมื่อท้องน้ำที่สะท้อนเกรียวคลื่นเบาๆพลันเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์แยกตัวออกจากันจนเกิดเป็นช่องทางเดินได้อย่างสบาย วรัญญาตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นจนไม่สามารถก้าวขาออกได้ พระเจ้าหัตถากานต์ทรงหันกลับมาแล้วพระสรวล
“ มาสิวรัญญาเจ้ากลัวอะไร ”
“ แต่ ”
“ มาเถอะ นครทิพย์ของเราไม่ใช่ว่าใครจะได้ไปเยือนกันง่ายๆ ”
วรัญญายอมเดินเข้าไปหาพระเจ้าหัตถากานต์ที่ยื่นพระหัตถ์มาให้เธอจับแล้วพาออกเดินไปตามเส้นทางที่น้ำที่เปิดทางให้ ระยะทางที่วรัญญาเดินตามพระเจ้าหัตถากานต์ยาวไกลจนหญิงสาวเริ่มเหนื่อยหอบ แต่อุ้มมืออบอุ่นที่จับจูงพาเธอเดินไปนั้นวรัญญาไม่กล้าปริปากบ่นว่าเหนื่อย แต่ผู้ที่พาเดินจะรู้ว่าหญิงสาวเริ่มเหนื่อยมากแล้ว
“ ถ้าเจ้าได้เห็นนครทิพย์ของเรา เราเชื่อง่าความเหนื่อยของเจ้าจะหมดไปในทันทีวรัญญา ”
“ นครทิพย์ ทำไมคุณถึงเรียกว่านครทิพย์คะ ”
“ เพราคือนครใต้บาดาล ที่เป็นที่อยู่แห่งพวกเรา มนุษย์หรือสรรพสัตว์ทั่วไปใช่ว่าจะมาเยือนได้หากเราไม่อนุญาต แต่สำหรับเจ้า เราอยากให้เจ้าได้รู้ได้เห็น ”
พระเจ้าหัตถากานต์พาวรัญญามาจนถึงประตูไม้ขนาดใหญ่ทีปิดสนิทอยู่เบื้องหน้า หญิงสาวแหงนมองประตูอย่างตื่นตาแต่พอมองกลับมาหาพระเจ้าหัตถากานต์เธอก็ถึงกับต้องตกตะลึงเบิกตาจ้อง เพราะบัดนี้ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นการแต่งกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อสายตา หัตถากานต์ ณ เวลานี้ เขาทรงอยู่ในชุดที่งดงามแปลกตาเหลือเกิน เสื้อคอกลมผ่าหน้าสีส้มสดแขนสั้นติดกระดุมทองคำ รอบคอและรอบแขนปักด้วยดิ้นสีทองงดงาม สวมสนับเพลาอย่างเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์โบราณสีทองเลื่อมระยับวรัญญามองจ้องผู้ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นผู้ที่เธอตามเขามาจริงๆ แม้แต่ทรงผมที่เธอเคยคุ้นตาก็เปลี่ยนไป ผมทรงรองทรงสั้นที่แสนจะเข้ากับใบหน้าหวานซึ้งมีเสน่ห์ของเขาบัดนี้กลับกลายเป็นผมที่ยาวแล้วถูกเกล้าขึ้นแล้วครอบเอาไว้ด้วยรัดเกล้าลวดลายรูปพญานาคประดับด้วยเพชรพลอยงามระยับ นี่มันการแต่งกายขององค์เทพยดาหรือว่าองค์กษัตริย์ชัดๆ ทำไมหัตถากานต์จึงได้แปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้น วรัญญาถอยหลังกรูดดวงตาเบิกจ้องอย่างตกตะลึง
“ วรัญญา ”
สุรสียงที่กังวานทรงอำนาจจนวรัญญาเข่าอ่อนจะทรุดลงนั่ง พระหัตถ์ที่ยื่นมาจับประคองเธอเอาไว้นั้นหญิงสาวแทบจะร้องไห้
“ คุณ คุณกานต์ ”
“ ถึงนครทิพย์ของเราแล้ว มาเถอะเข้าไปในพระนครของเรา เจ้าจะได้เห็นนครทิพย์จนเต็มตาของเจ้า ”
ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออกวรัญญามองภาพที่ได้เห็นกับสายตาของเธออย่างตื่นเต้นตะลึงลานทางเดินที่ลาดยาวไปยังมหาอาคารต่างๆทีเธอได้ก้าวเดินไปนั้น ประดุจดั่งว่าเธอกำลังเหยียบย่างไปบนอัญมณีล้ำค่าหลากหลายสี ทั้งทับทิม บุศราคำ มุกดา ไพรินนิลกาฬ เพชราค่าจะสุดจะประเมินประมาณ ที่มันเวียงวังชัดๆวังที่งดงามยากจะบรรยายออกเป็นถ้อยคำถึงความงดงามยิ่งใหญ่อลังการ วังที่วรัญญาคิดว่าเป็นวังแห่งเทพยดาแน่นอน สองข้างที่เธอเดินตจามหัตถากานต์มานั้นเมื่อผ่านผู้คนก็คุกเข่าลงทำความเคารพบ้างถึงก้มกราบพื้น หญิงสาวแถบลืมหายใจก็ตรงที่ถ้อยคำที่เหล่าชนนั้นเปล่งวาจาออกมาคือ
“ ถวายบังคมพระเจ้าคะ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ”
ฝ่าบาทหรือ หัตถากานต์เป็นใคร เป็นใครกันแน่ วรัญญาเดินตามผู้ที่ถูกฝูงชนแซ่ซ้องถวายพระพรมาจนถึงปราสาทหลังใหญ่ที่งดงามเธอก้าวเดินตามผู้ที่เดินนำหน้ามาบนปราสาทที่นี่มีผู้คนนั่งหมอบกราบเป็นแถวเมื่อหัตถากานต์เดินผ่านแซ่ซ้องออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน
“ ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ ”
หัตถากานต์ก้าวขึ้นไปยังบัลลังก์ที่สูงตระหง่าน วรัญญาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งเบื้องหน้าของผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองนั้นเอง และทีเธอถึงกับตาค้างแทบหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกก็คือร่างที่งามสง่าบนบัลลังก์ทองนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร่างของพญานาคองค์ใหญ่เกร็ดกายสีขาววาววับเหนือแท่นบัลลังก์ทองและฝูงชนที่หมอบกราบอยู่ที่หลายก็กลับกลายเป็นพญานาคไปทั้งหมด วรัญญาถึงกับกรีดเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกสุดขีดกับภาพที่เธอได้เห็น
...พิมพ์พิลาสฒ์...
เหนือมนตรา ตอนที่ 8
“ พระเทวีเพคะ ”
“ มีอะไรรึ ”
นางกำนัลทั้งสองหันไปมองรอบๆก่อนจะทูลพระนาง
“ พระเทวีเพคะ หม่อมฉันสองคนไปพบกับพระเจ้านควัจมาเพคะ ”
“ อะไรนะ เจ้าทั้งสองบอกข้าว่าเจ้าไปพบกับใครมานะ ”
นักขวราชตาโตถามนางกำนัลอย่างตื่นเต้น
“ พระเจ้านควัจเพคะ เป็นพระองค์แน่นอน แต่พระองค์จำพวกหม่อนฉันไม่ได้ ”
พระพักตร์ที่งดงามเศร้าสลดลงทันที
“ พวกเจ้าจำผิดแล้วล่ะ เขาคนนั้นไม่ใช่เจ้าพี่นควัจ เจ้าพี่นควัจไม่มีวันจะกลับมาได้อีกแล้ว ”
“ แต่หม่อนฉันยืนยันได้นะเพคะว่าเป็นพระเจ้านควัจจริงๆ ทรงเสด็จไปที่ถ้ำแก้ว จะทรงเข้าไปในถ้ำด้วยแต่หม่อนฉันกับภาสุรีห้ามพระองค์เอาไว้เพราะเกรงว่าจะเข้าไปพบกลับอริยคมแล้วจะทำร้ายพระองค์เข้าได้ ”
“ ดีแล้วที่เจ้าทำเช่นนั้น ชายผู้นั้นเขาไม่ใช่พี่นควัจและข้าก็ไม่ต้องการให้เขาถูกทำร้ายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ”
“ พระเทวีเพคะ ”
“ พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ”
นักขวราชตัดบทเพราะรู้ว่านางทั้งสองจะทูลอะไร
“ เพคะ ”
“ เดี๋ยว ถ้าต่อไปพวกเจ้าไปพบกับชายผู้นั้นอีก พวกเจ้าก็จงเตือนเขาด้วยว่าอย่าไปที่ถ้ำแก้วนั้นอีก เพราะเขาอาจจะต้องตายโดยไม่สามารถแก้ไขรักษาอะไรได้ทันโดยถ้าเขาถูกพิษของงูในถ้ำนั้นกัด เจ้าจงจำเอาไว้ ”
นักขวราชออกคำสั่งเช่นนี้ ภาสุรีกับเหมวรรณก็รู้แล้วว่าองค์นักขวราชใช้ให้นางทั้งสองคอยดูแลภควัตไม่ให้เข้าไปถูกอริยคมผู้ปกป้องถ้ำแก้วนั้นสังหารเขา
“ เพคะ ”
พระสนมวนิตาเห็นพระเทวีประทับอยู่ที่ศาลาริมน้ำจึงรีบเข้ามาเฝ้าพระนาง
“ ถวายบังคมเพคะพระเทวี ”
“ วนิตาเขจ้าสบาสดีนะ ”
“ หม่อนฉันสุขสบายดีเพคะ ”
“ เจ้าทำตัวตามสบายเถอะ ”
“ ขอบพระทัยเพคะ ”
“ ไม่ได้พบกับเจ้าเสียนาน เจ้าดูสดใสขึ้นนะ ”
“ เป็นเพราะพระบารมีของพระเทวีเพคะหม่อนฉันจึงอยู่อย่างมีความสุข ”
“ เป็นพระข้าหรือพูดผิดแล้วล่ะตัวของข้าเองยังหาความสุขไม่ได้แล้วจะไปทำให้เจ้ามีความสุขได้อย่างไร ”
วนิตาก้มหน้า ทำไมนางจะไม่รู้ว่าพระเทวีระทมทุกขเวทนาเพียงไรตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายขึ้นในครั้งนั้น วนิตาได้แต่คิดว่าเทวีนั้นมีนัยตาน์มืดบอดนัก ไฉนจึงทำให้พระพี่ยาต้องเจ็บปวดเสียใจที่ไปหมายปองชายอื่น องค์หัตถากานต์นั้นแสนจะเพียบพร้อมทุกอย่างและรักนางยิ่งชีวิต แต่ทำไมพระนางกับมองข้ามความรักความดีของพระองค์ได้เสียจนหมดสิ้นแล้วไปใฝ่ใจหลงรักชายอื่นจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างร้ายแรงขึ้นมากับสองพระนคร
“ หากมีสิ่งที่วนิตาจะรับใช้พระเทวีให้ทรงสบายพระทัยขึ้นก็ทรงมีรับสั่งใช้สอยสั่งหม่อนฉันมาได้เลยนะเพคะ หม่อนฉันยินดีถวายการรับใช้พระเทวียิ่งชีวิตเพคะ ”
“ เจ้าช่างเจรจานักนะ มิเสียแรงที่เจ้าคือพระสนมองค์โปรดของเจ้าพี่ ”
วนิตาก้มหน้า นางเกรงกลัวองค์นักขวราชผู้นี้เทียบเท่าองค์เหนือหัวทีเดียว เพราะรู้ว่าหากมีผู้ใดทำให้องค์นักขวราชต้องระคายเคืองหรือขุ่นข้องหมองใจ มันผู้นั้นจะถูกพระเจ้าหัตถากานต์ลงโทษทัณฑ์เอาอย่างนัก จึงไม่มีพระสนมองค์ใดกล้ามาแข็งข้อกับพระเทวีนี้เลย
“ หม่อนฉันทูลพระเทวีด้วยใจจริงเพคะ ”
“ ดี เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ก็ดี อย่างนั้นข้าจะขออะไรเจ้าสักอย่างเจ้าคงจะยินดีให้ข้า ”
“ ทรงตรัสมาเถอะเพคะหม่อนฉันพร้อมจะถวายพระองค์ทุกอย่าง ”
“ ข้าจะให้เจ้าดำรงตำแหน่งพระเทวีนครทิพย์แทนข้า ”
“ พระเทวี ”
วนิตาอุทานอย่างลืมตัว ตาเหลือกอย่างตกใจที่ได้ยินคำสั่งขององค์นักขวราช
“ ทำไมเจ้าต้องทำท่าเหมือนหวาดกลัวเสียขนาดนั้นวนิตา ”
“ พระเทวีอย่าตัดล้อเล่นอย่างนี้กับหม่อนฉันสิเพคะ หม่อนฉันคงตายแน่ๆถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงพระกรรณของฝ่า
บาท ”
“ ทำไมเจ้าจะต้องตาย ข้าอยากจะให้เจ้าทำหน้าที่พระมหาเทวีแห่งนครทิพย์เพราะเจ้ามีศักดิ์สูงกว่าพระสนมพระองค์ใด และเจ้าก็มีความจงรักภักดีต่อเจ้าพี่เป็นที่สุด ”
“ อย่าตรัสเรื่องนี้อีกเลยนะเพคะ หม่อนฉันยังไม่อยากตาย ฝ่าบาทฆ่าหม่อนฉันแน่ หม่อนฉันทูลลานะเพคะ ”
วนิตารีบทูลลาพระเทวีกลับออกไปเพราะเกรงกลัวภัยร้ายแรงที่นางจะได้รับ ที่พระเทวีตรัสเช่นนั้นกับนาง
นักขวราชมองตามวนิตาไปอย่างขัดใจยิ่งนัก ดูรึทำท่าทางกลัวจนลนลาน
๐๐๐๐๐
ราตรีกาลยามดึกสงัด ณ ท้องน้ำที่กว้างใหญ่ แสงสว่างวูบวาบจากสายฟ้าที่แลบส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งท้องน้ำเป็นระยะๆ เมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนตัวเข้าปรกคลุมอ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่กว้างใหญ่จนดูน่าสะพรึ่งกลัวไปทั้งอาณาบริเวณ ลมแรงพัดกระหน่ำส่งเสียงอื้ออึงไปทั่วทั้งป่า เกรียวคลื่นขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นจากกลางลำน้ำพร้อมกับร่างแห่งเทพนาคราชที่ทรงสนุกสนานกับการเล่นน้ำท่ามกลางท้องฟ้าที่แปรปรวนและสานฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทั้งลม ทั้งฝน ทั้งฟ้ามวลมนุษย์และสรรพสัตว์บนพื้นพิภพต่างหวดกลัวพากันหลบซ่อนซุกกายในเคหสถานของตัวเอง วรัญญากำลังนอนหลับสนิท หญิงสาวต้องสะดุ้งตื่นเมื่อประตูห้องนอนเปิดออกอย่างแรง วรัญญาผุดลุกขึ้นนั่งจ้องมองผู้ที่ยืนเด่นอยู่ประตู
“ คุณกานต์ ”
วรัญญาอุทานเรียกชื่อผู้ที่กำลังเก้าท้าวเข้ามาหาเธอ
“ วรัญญาเราจะพาเจ้าไปเที่ยวนครทิพย์ของเรา ”
“ นครทิพย์ อยู่ที่ไหนกันคะ ”
“ ตามเรามาเถอะ แล้วเจ้าจะได้เห็นความงดงามแห่งนครของเรา ”
พระเจ้าหัตถากานต์ส่งพระหัตถ์มาจับมือของวรัญญาแล้วพาเธอเดินออกไปจากห้องพัก วรัญญาไม่เอ่ยถามอะไรเขาอีกเพราะกำลังรู้สึกประหม่าที่ถูกชายรูปงามคนที่เธอแสนจะถูกชะตากับเขาจูงมือเธออยู่
วรัญญาใจเต้นระรัวทั้งประหม่า ทั้งปราบปลื้มในใจ เธอก้าวเท้าเร็วเพื่อจะให้ทันกับผู้ที่กำลังจูงมือพาเดินลิ่ว ผ่านทางลูกลังที่ปรับใหม่เพื่อเป็นเส้นทางไปยังอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ จนกระทั่งมาถึงชายหาดริมอ่างเก็บน้ำ
“ มาที่นี่ทำไมคะ ”
“ เราบอกเจ้าแล้วอย่างไรว่าจะพาเจ้าไปยังนครทิพย์ ”
“ นครทิพย์ อยู่ที่ไหนคะ ”
วรัญญาถามไปอย่างนั้นในใจเธอไม่ว่าเขาจะพาเธอไปที่แห่งใดเธอก็ยินดีทั้งนั้น ยินดีที่ได้ตามชายรูปงามผู้นี้ไปในทุกหนแห่งที่เขาจะพาเธอไป
“ มาเถอะ เราจะให้เจ้าได้เห็นนครทิพย์ของเรา ”
พระเจ้าหัตถานกานต์ตรัสแล้วออกเดินเหมือนจะลุยไปยังท้องน้ำเบื้องหน้า วรัญญาชะงักเมื่อรู้ว่าจะลงไปในน้ำ
“ คุณกานต์คะ เอ่อ ”
“ เจ้ากลัวอะไร ตามเรามาเถอะ ”
ทรงตรัสแล้วเดินไปข้างหน้าวรัญญาเดินตามอย่างว่าง่าย แล้วหญิงสาวก็ถึงกับต้องเบิกนัยน์ตาอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เบื้องหน้า เมื่อท้องน้ำที่สะท้อนเกรียวคลื่นเบาๆพลันเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์แยกตัวออกจากันจนเกิดเป็นช่องทางเดินได้อย่างสบาย วรัญญาตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นจนไม่สามารถก้าวขาออกได้ พระเจ้าหัตถากานต์ทรงหันกลับมาแล้วพระสรวล
“ มาสิวรัญญาเจ้ากลัวอะไร ”
“ แต่ ”
“ มาเถอะ นครทิพย์ของเราไม่ใช่ว่าใครจะได้ไปเยือนกันง่ายๆ ”
วรัญญายอมเดินเข้าไปหาพระเจ้าหัตถากานต์ที่ยื่นพระหัตถ์มาให้เธอจับแล้วพาออกเดินไปตามเส้นทางที่น้ำที่เปิดทางให้ ระยะทางที่วรัญญาเดินตามพระเจ้าหัตถากานต์ยาวไกลจนหญิงสาวเริ่มเหนื่อยหอบ แต่อุ้มมืออบอุ่นที่จับจูงพาเธอเดินไปนั้นวรัญญาไม่กล้าปริปากบ่นว่าเหนื่อย แต่ผู้ที่พาเดินจะรู้ว่าหญิงสาวเริ่มเหนื่อยมากแล้ว
“ ถ้าเจ้าได้เห็นนครทิพย์ของเรา เราเชื่อง่าความเหนื่อยของเจ้าจะหมดไปในทันทีวรัญญา ”
“ นครทิพย์ ทำไมคุณถึงเรียกว่านครทิพย์คะ ”
“ เพราคือนครใต้บาดาล ที่เป็นที่อยู่แห่งพวกเรา มนุษย์หรือสรรพสัตว์ทั่วไปใช่ว่าจะมาเยือนได้หากเราไม่อนุญาต แต่สำหรับเจ้า เราอยากให้เจ้าได้รู้ได้เห็น ”
พระเจ้าหัตถากานต์พาวรัญญามาจนถึงประตูไม้ขนาดใหญ่ทีปิดสนิทอยู่เบื้องหน้า หญิงสาวแหงนมองประตูอย่างตื่นตาแต่พอมองกลับมาหาพระเจ้าหัตถากานต์เธอก็ถึงกับต้องตกตะลึงเบิกตาจ้อง เพราะบัดนี้ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นการแต่งกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อสายตา หัตถากานต์ ณ เวลานี้ เขาทรงอยู่ในชุดที่งดงามแปลกตาเหลือเกิน เสื้อคอกลมผ่าหน้าสีส้มสดแขนสั้นติดกระดุมทองคำ รอบคอและรอบแขนปักด้วยดิ้นสีทองงดงาม สวมสนับเพลาอย่างเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์โบราณสีทองเลื่อมระยับวรัญญามองจ้องผู้ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นผู้ที่เธอตามเขามาจริงๆ แม้แต่ทรงผมที่เธอเคยคุ้นตาก็เปลี่ยนไป ผมทรงรองทรงสั้นที่แสนจะเข้ากับใบหน้าหวานซึ้งมีเสน่ห์ของเขาบัดนี้กลับกลายเป็นผมที่ยาวแล้วถูกเกล้าขึ้นแล้วครอบเอาไว้ด้วยรัดเกล้าลวดลายรูปพญานาคประดับด้วยเพชรพลอยงามระยับ นี่มันการแต่งกายขององค์เทพยดาหรือว่าองค์กษัตริย์ชัดๆ ทำไมหัตถากานต์จึงได้แปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้น วรัญญาถอยหลังกรูดดวงตาเบิกจ้องอย่างตกตะลึง
“ วรัญญา ”
สุรสียงที่กังวานทรงอำนาจจนวรัญญาเข่าอ่อนจะทรุดลงนั่ง พระหัตถ์ที่ยื่นมาจับประคองเธอเอาไว้นั้นหญิงสาวแทบจะร้องไห้
“ คุณ คุณกานต์ ”
“ ถึงนครทิพย์ของเราแล้ว มาเถอะเข้าไปในพระนครของเรา เจ้าจะได้เห็นนครทิพย์จนเต็มตาของเจ้า ”
ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออกวรัญญามองภาพที่ได้เห็นกับสายตาของเธออย่างตื่นเต้นตะลึงลานทางเดินที่ลาดยาวไปยังมหาอาคารต่างๆทีเธอได้ก้าวเดินไปนั้น ประดุจดั่งว่าเธอกำลังเหยียบย่างไปบนอัญมณีล้ำค่าหลากหลายสี ทั้งทับทิม บุศราคำ มุกดา ไพรินนิลกาฬ เพชราค่าจะสุดจะประเมินประมาณ ที่มันเวียงวังชัดๆวังที่งดงามยากจะบรรยายออกเป็นถ้อยคำถึงความงดงามยิ่งใหญ่อลังการ วังที่วรัญญาคิดว่าเป็นวังแห่งเทพยดาแน่นอน สองข้างที่เธอเดินตจามหัตถากานต์มานั้นเมื่อผ่านผู้คนก็คุกเข่าลงทำความเคารพบ้างถึงก้มกราบพื้น หญิงสาวแถบลืมหายใจก็ตรงที่ถ้อยคำที่เหล่าชนนั้นเปล่งวาจาออกมาคือ
“ ถวายบังคมพระเจ้าคะ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ”
ฝ่าบาทหรือ หัตถากานต์เป็นใคร เป็นใครกันแน่ วรัญญาเดินตามผู้ที่ถูกฝูงชนแซ่ซ้องถวายพระพรมาจนถึงปราสาทหลังใหญ่ที่งดงามเธอก้าวเดินตามผู้ที่เดินนำหน้ามาบนปราสาทที่นี่มีผู้คนนั่งหมอบกราบเป็นแถวเมื่อหัตถากานต์เดินผ่านแซ่ซ้องออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน
“ ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ ”
หัตถากานต์ก้าวขึ้นไปยังบัลลังก์ที่สูงตระหง่าน วรัญญาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งเบื้องหน้าของผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองนั้นเอง และทีเธอถึงกับตาค้างแทบหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกก็คือร่างที่งามสง่าบนบัลลังก์ทองนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร่างของพญานาคองค์ใหญ่เกร็ดกายสีขาววาววับเหนือแท่นบัลลังก์ทองและฝูงชนที่หมอบกราบอยู่ที่หลายก็กลับกลายเป็นพญานาคไปทั้งหมด วรัญญาถึงกับกรีดเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกสุดขีดกับภาพที่เธอได้เห็น