คิดว่าคุณแม่มือใหม่หลาย ๆคนคงจะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการต่างๆที่ตัวเองต้องเจอ รวมถึง จขกท.
ด้วยซึ่งมันก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราพอจะเข้าใจมากขึ้นเวลาหมออธิบายเรา หรือเราสามารถเตรียมคำถามที่เราอยากรู้ไว้ถามหมอได้เช่นกัน
แต่ทั้งนี้อาการต่างๆของแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน การวินิจฉัยของหมอน่าจะเป็นคำตอบที่ดีถูกต้องแม่นยำกว่า
วันนี้ขอเข้ามาแชร์เรื่องเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์นะคะ เนื่องจาก จขกท. มีแม่เป็นเบาหวาน และตั้งครรภ์อายุมาก ทำให้มีความเสี่ยงสูงไปด้วย การเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่ร่างกายเราสร้างรกมีฮอร์โมนต่างๆเปลี่ยนแปลงทำให้อินซูลินเราไม่ปกติเหมือนก่อนตั้งท้อง แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคนนะคะ หมอบอกว่าถ้าคลอดแล้วก็ต้องตามอีกทีว่าจะเป็นต่อหรือเปล่า
สำหรับ จขกท. คุณหมอนัดตรวจคัดกรองเบาหวาน ตอนอายุครรภ์ 23 สัปดาห์ โดยนัดมากินน้ำตาล 50 g ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารมาก่อน ลักษณะมันก็เป็นน้ำเชื่อมเหนียวๆ เจ้าหน้าที่ใส่น้ำแข็งมาให้ 2 ก้อน แล้วก็ให้น้ำเปล่ามา 1 แก้ว เราก็กินไป หลังจากนั้น 1 ชม. ให้มาเจาะเลือดวัดระดับน้ำตาลอีกครั้ง ขอแอบบอกว่าไปตรวจวันอาทิตย์ แต่วันเสาร์ที่บ้านมีเลี้ยงพระ จขกท จัดขนมมาเต็มที่ แถมมื้อเช้ายังกินก่อนไปเจอหมออีก ก็หมอไม่ได้ให้งดน้ำ งดอาหารนี่นา
พอฟังผล หมอแจ้งว่าค่ามาตรฐานคือต้องต่ำกว่า 140 แต่ผลของ จขกท. ออกมา 176 หมอก็ต้องบอกว่ามีความเสียงที่จะเป็นสูงสิคะ จากนั้นหมอก็บอกให้กลับไปคุมอาหารดูสัก 1 สัปดาห์ แล้วนัดมาตรวจแบบละเอียดอีกครั้ง การคุมอาหารหลักๆก็งดแป้ง น้ำตาลนี่ล่ะ ในสัปดาห์นี้ก็หลีกเลี่ยงขนม ซึ่งปกติก็ไม่ได้กินเท่าไร จขกท. จะกินเป็นมื้อๆ ระหว่างมื้อก็กินแต่นมวัว กะนมถั่วเหลือง ตอนเบรคเช้ากะบ่ายแค่นั้น ไม่ได้คุมอะไรเพิ่มมากนัก
ผ่านไป 1 สัปดาห์ อายุครรภ์ได้ 24 สัปดาห์ กลับมาตรวจเบาหวานแบบละเอียด หลักการคืองดน้ำงดอาหารมาเจาะเลือด จากนั้นกินน้ำเชื่อม 100 g มากกว่าคราวก่อน 50 g แต่ยังดีที่มีน้ำเปล่าให้กินตาม 1 แก้วอยู่ พอไม่แสบคอจนเกินไป คราวนี้เจ้าหน้าที่แจ้งในบัตรนัดว่าให้เอามะนาวมาด้วย กันพะอืดพะอม เขาให้แค่แตะๆลิ้นเอาไม่ได้กินจริงจัง จากนั้นก็รอค่ะ ครบชั่วโมงที่ 1 กลับมาเจาะเลือด 1 ครั้ง ชม.ที่ 2 และ ชม.ที่ 3 ก็เช่นกัน เบ็ดเสร็จรวมได้เจาะเลือดไป 4 ครั้ง แล้วจึงไปกินข้าวได้
จากนั้นก็กลับมาฟังผลค่ะ โดยค่ามาตรฐานก็จะมี 4 ค่าตามที่เขาเจาะเราไปคือ
ระดับน้ำตาลที่งดอาหารมา มาตรฐาน < 99 วัดได้ 92
หลัง 1 ชม. มาตรฐาน < 190 วัดได้ 195
หลัง 2 ชม. มาตรฐาน < 165 วัดได้ 165
หลัง 3 ชม. มาตรฐาน < 140 วัดได้ 99
การอ่านผล หมอบอกว่าถ้าผิดปกติ ตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป ถือว่าเป็นเบาหวาน ของ จขกท. ผิดปกติ 1 ค่า แล้วก็ แตะค่าควบคุม 1 ค่า จึงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หมอสูติฯ จึงส่งตัวต่อไปหาหมอเบาหวาน และนักโภชนาการต่อเลยในวันนั้น แอบเศร้าใจอยู่
หมอเบาหวานอธิบายว่า ภาวะนี้ถ้าไม่ควบคุม จะส่งผลให้ลูกเป็นเด็กไจแอนท์ และการที่เด็กได้น้ำตาลสูงจากแม่ตลอด พอคลอดออกมาไม่มีน้ำตาลก็อาจจะช๊อค หรือเป็นโรคเบาหวานได้ จากนั้นหมอก็ได้มอบอุปกรณ์การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองให้เป็นของปลอบใจ โดย Full course ของหมอคือวันละ 7 ครั้ง ได้แก่ ก่อนและหลังอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน โดยหลังมื้ออาหารให้เลือกว่าจะหลัง 1 ชม. หรือ 2 ชม. ก็ได้ สลับกันไป แล้วก็ให้จดทุกสิ่งที่กินไปด้วย แต่หมอก็ไม่ได้ขนาดว่าต้องตรวจทุกมื้อ หมอให้ลองออกแบบเอาเอง กระจายเวลาเจาะมาให้หมอให้ครบทุกเวลา โดยใน 1 วันขอให้เจาะอย่างน้อย 3-4 ครั้งก็พอ อุปกรณ์ที่ได้มาก็มีเครื่องวัด แผ่นเทสต์ เข็มเจาะ ซึ่งเข็มเจาะเนื่องจากเป็น รพ.เอกชนก็มีหลายแบบ แล้วแต่งบ จขกท.เลือกมาต้นทุนเข็มละ 2.8 บาท ส่วนแผ่นเทสต์เอาไว้เสียบกับเครื่องแล้วมาดูดเลือดปลายนิ้วเรา อันนี้ตกแผ่นละ 14 บาท สรุปว่าเจาะครั้งหนึ่งก็มีต้นทุน 16.8 บาท ส่วนเครื่องมี sponsor เขาดิวผ่าน รพ.ให้ยืมฟรี(แต่ขายอุปกรณ์เรานี่ล่ะ)
จากนั้นก็โดนส่งต่อไปหานักโภชนาการ เขาก็จะถามพฤติกรรมการกินของเราโดยปกติ โชคดีที่แฟนชอบถามว่ากินอะไรตอนมื้อเช้า กับกลางวัน จขกท. ขี้เกียจพิมพ์เลยส่งรูปผ่านไลน์ประจำ ทำให้มีรูปตัวอย่างอาหารให้ดูได้ทันที ซึ่งนักโภชนาการก็บอกว่าเท่าที่ดูก็ไม่ได้เสี่ยงอะไร เป็นการกินที่ค่อนข้างถูกต้องอยู่แล้ว (คือเน้นกินครบ 5 หมู่มาตั้งแต่ตั้งครรภ์ มีขนมหวานบ้าง) อย่างไรก็ตาม ก็ต้องวัดค่าน้ำตาลตัวเองแล้วบันทึกไปให้หมอดูอีกที นัดอีกครั้ง 1 สัปดาห์ ถ้าค่าไม่ดีก็อาจต้องพิจารณาฉีดอินซุลิน แต่การที่ผลตรวจค่าน้ำตาลไม่ได้เกินมาตรฐานในค่าที่ 1 หลังอดอาหารมา ก็ให้อุ่นใจว่าการควบคุมอาหารยังเอาอยู่ ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองแล้ว
พอกลับมาบ้านก็เริ่มหาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง แอบกลัวต้องฉีดยาตัวเองนี่ล่ะ ข้อมูลของเพื่อนๆใน pantip ก็มีทั้งช่วยให้อุ่นใจ และหวั่นใจ มโนไปว่าตัวเองจะเป็นไหม ต่อไปจะขอแชร์สิ่งที่ จขกท ทำแล้วเห็นผลชัดเจนนะคะ
1. ปริมาณข้าวที่กินอยู่ที่ 1 ทัพพี/มื้อ เน้นเนื้อกับผักเพิ่มเอา ค่าไม่เคยเกินที่หมอบอกเลย (หมอบอกว่าวัดก่อนอาหารค่าอยู่ที่ 60-95 หลัง 1 ชม. อยู่ที่ไม่เกิน 140 หลัง 2 ชม. ต้องไม่เกิน 120 )
2. เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้องล้วนทันที ซึ่งข้อนี้สำคัญ เพราะจากการทดลองตนเองพบว่าในปริมาณการกินเท่ากัน วัดเวลาเดียวกันคือ 1 ชม.หลังอาหาร พบว่าข้าวขาวน้ำตาลสูงมาก จากการวัดตัวเอง 7 วัน มีเกินเพียง 1 มื้อ คือมื้อที่กินข้าวขาวนั่นเอง แต่ จขกท ได้ลองวัด ชม.ที่ 2 ต่อ ก็ลงมาต่ำกว่ามาตรฐาน
3. ผลไม้สังเกตเองว่าแตงโมน้ำตาลเยอะ ก็กินฝรั่งกับมะละกอเป็นส่วนใหญ่(ถ้าอยากกินเยอะ )สลับกับแก้วมังกร มังคุด เงาะบ้าง แต่ต้องกินพอประมาณ ดูจากผลน้ำตาลหลังกินประกอบเอา ค่อยๆทะยอยเพิ่มนะ จะได้ไม่เกิน
4. มื้อไหนอยากกินขนม ก็กินคำเดียวพอ ถ้าเผลอกินอะไรมาก ก็อย่าลืมวัดหลังกินด้วย
วัดค่า 1 สัปดาห์ไปให้หมอดู จากการวัดตัวเอง ก็อยู่ในค่าตลอด หลังจากติดตามตัวเองครบ 1 สัปดาห์ ก็งดน้ำงดอาหารไปตรวจแลปและพบหมอ ผลออกมาคือค่าตรวจหลังงดน้ำอาหารมา 6-8 ชม. ได้ 83 (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 60-95) ค่าหลังอาหาร 1 ชม วัดได้ 99 (ค่ามาตรฐานต้องน้อยกว่า 140) ซึ่งปกติค่าหลังอาหาร 1 ชม ที่เคยวัดได้จะอยู่แถวๆ 110 แต่วันตรวจกลัววัดได้สูง เลยกินไม่มาก ส่วนอีกค่าที่หมอตรวจคือระดับน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือด ค่าปกติอยู่ที่ 4-6.5 ของ จขกท วัดได้ 5.2 หมอบอกว่าเป็นการ confirm ว่าไม่ได้เป็นเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์แน่อนอน
หมอจึงสรุปว่า จขกท มีพฤติกรรมการกินที่สามารถควบคุมภาวะนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องฉีดยา ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอบ่อย หมอเลยนัดอีกทีพร้อมหมอสูติฯคราวหน้าไปเลย โดยหมอบอกว่าไม่ต้องวัดน้ำตาลทุกมื้อแล้ว ให้วัดเฉพาะมื้อที่เรากินเยอะกว่าปกติ หรือมื้อพิเศษแทนก็พอ เพื่อตัวเองจะได้รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่า เลยพอคลายความวิตกไปได้
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์กับคุณแม่มือใหม่บ้าง
แชร์ประสบการณ์เบาหวานขณะตั้งครรภ์
ด้วยซึ่งมันก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราพอจะเข้าใจมากขึ้นเวลาหมออธิบายเรา หรือเราสามารถเตรียมคำถามที่เราอยากรู้ไว้ถามหมอได้เช่นกัน
แต่ทั้งนี้อาการต่างๆของแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน การวินิจฉัยของหมอน่าจะเป็นคำตอบที่ดีถูกต้องแม่นยำกว่า
วันนี้ขอเข้ามาแชร์เรื่องเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์นะคะ เนื่องจาก จขกท. มีแม่เป็นเบาหวาน และตั้งครรภ์อายุมาก ทำให้มีความเสี่ยงสูงไปด้วย การเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่ร่างกายเราสร้างรกมีฮอร์โมนต่างๆเปลี่ยนแปลงทำให้อินซูลินเราไม่ปกติเหมือนก่อนตั้งท้อง แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคนนะคะ หมอบอกว่าถ้าคลอดแล้วก็ต้องตามอีกทีว่าจะเป็นต่อหรือเปล่า
สำหรับ จขกท. คุณหมอนัดตรวจคัดกรองเบาหวาน ตอนอายุครรภ์ 23 สัปดาห์ โดยนัดมากินน้ำตาล 50 g ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารมาก่อน ลักษณะมันก็เป็นน้ำเชื่อมเหนียวๆ เจ้าหน้าที่ใส่น้ำแข็งมาให้ 2 ก้อน แล้วก็ให้น้ำเปล่ามา 1 แก้ว เราก็กินไป หลังจากนั้น 1 ชม. ให้มาเจาะเลือดวัดระดับน้ำตาลอีกครั้ง ขอแอบบอกว่าไปตรวจวันอาทิตย์ แต่วันเสาร์ที่บ้านมีเลี้ยงพระ จขกท จัดขนมมาเต็มที่ แถมมื้อเช้ายังกินก่อนไปเจอหมออีก ก็หมอไม่ได้ให้งดน้ำ งดอาหารนี่นา
พอฟังผล หมอแจ้งว่าค่ามาตรฐานคือต้องต่ำกว่า 140 แต่ผลของ จขกท. ออกมา 176 หมอก็ต้องบอกว่ามีความเสียงที่จะเป็นสูงสิคะ จากนั้นหมอก็บอกให้กลับไปคุมอาหารดูสัก 1 สัปดาห์ แล้วนัดมาตรวจแบบละเอียดอีกครั้ง การคุมอาหารหลักๆก็งดแป้ง น้ำตาลนี่ล่ะ ในสัปดาห์นี้ก็หลีกเลี่ยงขนม ซึ่งปกติก็ไม่ได้กินเท่าไร จขกท. จะกินเป็นมื้อๆ ระหว่างมื้อก็กินแต่นมวัว กะนมถั่วเหลือง ตอนเบรคเช้ากะบ่ายแค่นั้น ไม่ได้คุมอะไรเพิ่มมากนัก
ผ่านไป 1 สัปดาห์ อายุครรภ์ได้ 24 สัปดาห์ กลับมาตรวจเบาหวานแบบละเอียด หลักการคืองดน้ำงดอาหารมาเจาะเลือด จากนั้นกินน้ำเชื่อม 100 g มากกว่าคราวก่อน 50 g แต่ยังดีที่มีน้ำเปล่าให้กินตาม 1 แก้วอยู่ พอไม่แสบคอจนเกินไป คราวนี้เจ้าหน้าที่แจ้งในบัตรนัดว่าให้เอามะนาวมาด้วย กันพะอืดพะอม เขาให้แค่แตะๆลิ้นเอาไม่ได้กินจริงจัง จากนั้นก็รอค่ะ ครบชั่วโมงที่ 1 กลับมาเจาะเลือด 1 ครั้ง ชม.ที่ 2 และ ชม.ที่ 3 ก็เช่นกัน เบ็ดเสร็จรวมได้เจาะเลือดไป 4 ครั้ง แล้วจึงไปกินข้าวได้
จากนั้นก็กลับมาฟังผลค่ะ โดยค่ามาตรฐานก็จะมี 4 ค่าตามที่เขาเจาะเราไปคือ
ระดับน้ำตาลที่งดอาหารมา มาตรฐาน < 99 วัดได้ 92
หลัง 1 ชม. มาตรฐาน < 190 วัดได้ 195
หลัง 2 ชม. มาตรฐาน < 165 วัดได้ 165
หลัง 3 ชม. มาตรฐาน < 140 วัดได้ 99
การอ่านผล หมอบอกว่าถ้าผิดปกติ ตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป ถือว่าเป็นเบาหวาน ของ จขกท. ผิดปกติ 1 ค่า แล้วก็ แตะค่าควบคุม 1 ค่า จึงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หมอสูติฯ จึงส่งตัวต่อไปหาหมอเบาหวาน และนักโภชนาการต่อเลยในวันนั้น แอบเศร้าใจอยู่
หมอเบาหวานอธิบายว่า ภาวะนี้ถ้าไม่ควบคุม จะส่งผลให้ลูกเป็นเด็กไจแอนท์ และการที่เด็กได้น้ำตาลสูงจากแม่ตลอด พอคลอดออกมาไม่มีน้ำตาลก็อาจจะช๊อค หรือเป็นโรคเบาหวานได้ จากนั้นหมอก็ได้มอบอุปกรณ์การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองให้เป็นของปลอบใจ โดย Full course ของหมอคือวันละ 7 ครั้ง ได้แก่ ก่อนและหลังอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน โดยหลังมื้ออาหารให้เลือกว่าจะหลัง 1 ชม. หรือ 2 ชม. ก็ได้ สลับกันไป แล้วก็ให้จดทุกสิ่งที่กินไปด้วย แต่หมอก็ไม่ได้ขนาดว่าต้องตรวจทุกมื้อ หมอให้ลองออกแบบเอาเอง กระจายเวลาเจาะมาให้หมอให้ครบทุกเวลา โดยใน 1 วันขอให้เจาะอย่างน้อย 3-4 ครั้งก็พอ อุปกรณ์ที่ได้มาก็มีเครื่องวัด แผ่นเทสต์ เข็มเจาะ ซึ่งเข็มเจาะเนื่องจากเป็น รพ.เอกชนก็มีหลายแบบ แล้วแต่งบ จขกท.เลือกมาต้นทุนเข็มละ 2.8 บาท ส่วนแผ่นเทสต์เอาไว้เสียบกับเครื่องแล้วมาดูดเลือดปลายนิ้วเรา อันนี้ตกแผ่นละ 14 บาท สรุปว่าเจาะครั้งหนึ่งก็มีต้นทุน 16.8 บาท ส่วนเครื่องมี sponsor เขาดิวผ่าน รพ.ให้ยืมฟรี(แต่ขายอุปกรณ์เรานี่ล่ะ)
จากนั้นก็โดนส่งต่อไปหานักโภชนาการ เขาก็จะถามพฤติกรรมการกินของเราโดยปกติ โชคดีที่แฟนชอบถามว่ากินอะไรตอนมื้อเช้า กับกลางวัน จขกท. ขี้เกียจพิมพ์เลยส่งรูปผ่านไลน์ประจำ ทำให้มีรูปตัวอย่างอาหารให้ดูได้ทันที ซึ่งนักโภชนาการก็บอกว่าเท่าที่ดูก็ไม่ได้เสี่ยงอะไร เป็นการกินที่ค่อนข้างถูกต้องอยู่แล้ว (คือเน้นกินครบ 5 หมู่มาตั้งแต่ตั้งครรภ์ มีขนมหวานบ้าง) อย่างไรก็ตาม ก็ต้องวัดค่าน้ำตาลตัวเองแล้วบันทึกไปให้หมอดูอีกที นัดอีกครั้ง 1 สัปดาห์ ถ้าค่าไม่ดีก็อาจต้องพิจารณาฉีดอินซุลิน แต่การที่ผลตรวจค่าน้ำตาลไม่ได้เกินมาตรฐานในค่าที่ 1 หลังอดอาหารมา ก็ให้อุ่นใจว่าการควบคุมอาหารยังเอาอยู่ ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองแล้ว
พอกลับมาบ้านก็เริ่มหาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง แอบกลัวต้องฉีดยาตัวเองนี่ล่ะ ข้อมูลของเพื่อนๆใน pantip ก็มีทั้งช่วยให้อุ่นใจ และหวั่นใจ มโนไปว่าตัวเองจะเป็นไหม ต่อไปจะขอแชร์สิ่งที่ จขกท ทำแล้วเห็นผลชัดเจนนะคะ
1. ปริมาณข้าวที่กินอยู่ที่ 1 ทัพพี/มื้อ เน้นเนื้อกับผักเพิ่มเอา ค่าไม่เคยเกินที่หมอบอกเลย (หมอบอกว่าวัดก่อนอาหารค่าอยู่ที่ 60-95 หลัง 1 ชม. อยู่ที่ไม่เกิน 140 หลัง 2 ชม. ต้องไม่เกิน 120 )
2. เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้องล้วนทันที ซึ่งข้อนี้สำคัญ เพราะจากการทดลองตนเองพบว่าในปริมาณการกินเท่ากัน วัดเวลาเดียวกันคือ 1 ชม.หลังอาหาร พบว่าข้าวขาวน้ำตาลสูงมาก จากการวัดตัวเอง 7 วัน มีเกินเพียง 1 มื้อ คือมื้อที่กินข้าวขาวนั่นเอง แต่ จขกท ได้ลองวัด ชม.ที่ 2 ต่อ ก็ลงมาต่ำกว่ามาตรฐาน
3. ผลไม้สังเกตเองว่าแตงโมน้ำตาลเยอะ ก็กินฝรั่งกับมะละกอเป็นส่วนใหญ่(ถ้าอยากกินเยอะ )สลับกับแก้วมังกร มังคุด เงาะบ้าง แต่ต้องกินพอประมาณ ดูจากผลน้ำตาลหลังกินประกอบเอา ค่อยๆทะยอยเพิ่มนะ จะได้ไม่เกิน
4. มื้อไหนอยากกินขนม ก็กินคำเดียวพอ ถ้าเผลอกินอะไรมาก ก็อย่าลืมวัดหลังกินด้วย
วัดค่า 1 สัปดาห์ไปให้หมอดู จากการวัดตัวเอง ก็อยู่ในค่าตลอด หลังจากติดตามตัวเองครบ 1 สัปดาห์ ก็งดน้ำงดอาหารไปตรวจแลปและพบหมอ ผลออกมาคือค่าตรวจหลังงดน้ำอาหารมา 6-8 ชม. ได้ 83 (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 60-95) ค่าหลังอาหาร 1 ชม วัดได้ 99 (ค่ามาตรฐานต้องน้อยกว่า 140) ซึ่งปกติค่าหลังอาหาร 1 ชม ที่เคยวัดได้จะอยู่แถวๆ 110 แต่วันตรวจกลัววัดได้สูง เลยกินไม่มาก ส่วนอีกค่าที่หมอตรวจคือระดับน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือด ค่าปกติอยู่ที่ 4-6.5 ของ จขกท วัดได้ 5.2 หมอบอกว่าเป็นการ confirm ว่าไม่ได้เป็นเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์แน่อนอน
หมอจึงสรุปว่า จขกท มีพฤติกรรมการกินที่สามารถควบคุมภาวะนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องฉีดยา ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอบ่อย หมอเลยนัดอีกทีพร้อมหมอสูติฯคราวหน้าไปเลย โดยหมอบอกว่าไม่ต้องวัดน้ำตาลทุกมื้อแล้ว ให้วัดเฉพาะมื้อที่เรากินเยอะกว่าปกติ หรือมื้อพิเศษแทนก็พอ เพื่อตัวเองจะได้รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่า เลยพอคลายความวิตกไปได้
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์กับคุณแม่มือใหม่บ้าง