ชายผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของคนทั่วโลก (ทั้งไม่พิการและพิการ)
คัดมาจากเว็บ เครดิต โอเคเนชั่น
สตีวี วันเดอร์ นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง ได้รับรางวัลแกรมมี่มากที่สุดในโลกถึง 22 รางวัล ได้รับรางวัลนักดนตรีผู้ประสบความสำเร็จตลอดชีวิต เขาเป็นผู้มอบแรงบันดาลใจของผู้คน ไม่จำกัดอาชีพ เพศ วัย และที่สำคัญยังเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้พิการทางสายตาไปทั่วโลก
แรงบันดาลใจที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ถึง แต่สัมผัสได้ด้วยใจ ทำให้คนเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้
สตีวี วันเดอร์ เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1950 ที่เมืองแซกินอว์ (Saginaw) รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ชื่อเดิมคือ สตีฟแลนด์ ฮาร์ดะเวย์ จัดกินส์ (Steveland Hardaway Judkins)
สตีวีเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด บ้างก็ว่าการพัฒนาดวงตายังไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็อาจเพราะการได้รับออกซิเจนในตู้อบหลังคลอดมากไปจึงทำให้เขาพิการตาบอดมาตั้งแต่นั้น
สตีวีเป็นลูกคนที่สามในพี่น้องหกคน เป็นลูกคนกลางที่มั่นใจในตัวเองสูงจากการเลี้ยงดูของแม่ ที่ได้หย่าขาดจากพ่อของเขาและหอบลูกน้อยหกคนมาอยู่ที่เมืองดีทรอยด์ หลังจากนั้นได้เปลี่ยนนามสกุลลูกชายเป็น มอ์รริส (Morris)
แม่มักสอนเขาว่า อย่าอายในความพิการของตัวเอง แม้ว่าแม่จะห่วงเขาขนาดไหน แม่ก็ยอมปล่อยให้เขาทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
แม่สอนให้ผมเดินบนถนนได้เองตั้งแต่ก่อนที่ผมจะจำความได้ แม่ไม่ได้มัดผมไว้กับที่ หรือคอยตะโกนว่า "อย่าก้าวไปตรงนั้น!" หรือ "ระวัง! เดี๋ยวจะล้ม!" แต่แม่จะบอกให้ผมระมัดระวัง ซึ่งผมก็ยังคงหกล้มอยู่ดี โชคดีที่ท่านไวพอที่จะจับผมไว้ได้ แม่รู้ว่าผมต้องเรียนรู้ และยิ่งแม่ปล่อยให้ผมทำอะไรต่ออะไรได้เองมากเท่าไร แม่ก็สามารถปล่อยวางได้มากเท่านั้น
สตีวีมีโอกาสได้เล่นเปียโนของเพื่อนบ้านในดีทรอยด์ตั้งแต่เด็ก จึงมีเสียงดนตรีเป็นเพื่อนมานับแต่นั้น ไม่ทันถึงสิบขวบ เขาก็หัดเล่นได้ทั้ง เปียโน ฮาร์โทนิก้า และกลอง จนเก่งลือไปเข้าหูผู้บริหารของโมทาวน์ (Motown Reccords) สตีวีจึงถูกหว่านล้อมให้เซ็นสัญญากับบริษัทตั้งแต่อายุ 11 ปี ชื่อเขาในตอนนั้นคือ ลิตเติล สตีวี วันเดอร์ (Little Stevie Wonder)
อายุ 13 ปี เพลง Fingertips ของเขาก็ไต่ขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ต U.S. Pop and R&B
อายุ 14 ปี เขาแต่งเพลงเรียกร้องให้คนมาสนใจสังคม เช่น With a Child's Heart และค่อยๆ ผันตัวมาอยู่เบื้องหลัง และการแต่งเพลงมากขึ้น
ในการเขียนเพลงใหม่ๆ นั้น สตีวี วันเดอร์ จะเริ่มด้วยการเขียนเมโลดี โดยดึงเสียงดนตรีในหัวออกมาเป็นตัวโน้ต จากนั้นทบทวนด้วการเล่นซ้ำๆ เพื่อหาทางลดทอนหรือเพิ่มเติมเสียงดนตรีให้เหมาะกับความรู้สึกที่เขาต้องการสื่อสารมากที่สุด นั่นทำให้เพลงของเขาแปลกใหม่เสมอ
สตีวี บอกว่า เคล็ดลับในการสร้างสรรค์เพลงไม่ต่างจากการใช้ชีวิต คือต้องกล้าที่จะหันกลับไปทบทวนชีวิตของตัวเองบ่อยๆ เพื่อที่จะไม่ทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำๆ และเพื่อทำในสิ่งที่ดีขึ้น
ก่อนที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น สตีวี วันเดอร์ เคยเป็นผู้รับมาก่อนไม่น้อย ด้วยความรักจาก แม่ ครอบครัว และคนรอบข้าง
เขาเคยให้จำกัดความสั้นๆ ว่า ความพิการก่อให้เกิดการพึ่งพา
การได้รับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียเกียรติแต่อย่างใด กลับทำให้เขารู้ว่าการให้และการรับมีความสำคัญเท่าๆ กัน
เมื่อเขาเป็นผู้รับเขาจะรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ และเมื่อเป็นผู้ให้เขาก็ให้อย่างเต็มใจที่สุด
เขาแต่งเพลงและแสดงสดเพื่อการกุศลอยู่เสมอ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2009 ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติได้แต่งตั้งให้ สตีวี วันเดอร์ เป็น ผู้ส่งสารแห่งสันติภาพ U.N. Messenger of Peace เขาจะทำหน้าที่เรียกร้องผู้คนทั่วโลกให้หันมาสนใจคนพิการในสังคม เช่น กระตุ้นให้มีการผลิตสินค้าเพื่อผู้พิการบ้าง หรือให้มีการทำวิจัยวิชาการใหม่ๆ เพื่อให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงคนปกติได้มากขึ้น
ความปรารถนาของเขาที่สำคัญยิ่งคือ
ทำให้คนปกติร้อยละ 90 หันมาสนใจคนพิการอีกร้อยละ 10 ให้ได้มากที่สุด
http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=360765
.
.
ตกลงแล้ว เขาตาบอดจริงๆหรือเปล่าครับ?
ตกลง Stevie Wonder ตาบอดหรือเปล่าครับ?
คัดมาจากเว็บ เครดิต โอเคเนชั่น
สตีวี วันเดอร์ นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง ได้รับรางวัลแกรมมี่มากที่สุดในโลกถึง 22 รางวัล ได้รับรางวัลนักดนตรีผู้ประสบความสำเร็จตลอดชีวิต เขาเป็นผู้มอบแรงบันดาลใจของผู้คน ไม่จำกัดอาชีพ เพศ วัย และที่สำคัญยังเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้พิการทางสายตาไปทั่วโลก
แรงบันดาลใจที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ถึง แต่สัมผัสได้ด้วยใจ ทำให้คนเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้
สตีวี วันเดอร์ เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1950 ที่เมืองแซกินอว์ (Saginaw) รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ชื่อเดิมคือ สตีฟแลนด์ ฮาร์ดะเวย์ จัดกินส์ (Steveland Hardaway Judkins)
สตีวีเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด บ้างก็ว่าการพัฒนาดวงตายังไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็อาจเพราะการได้รับออกซิเจนในตู้อบหลังคลอดมากไปจึงทำให้เขาพิการตาบอดมาตั้งแต่นั้น
สตีวีเป็นลูกคนที่สามในพี่น้องหกคน เป็นลูกคนกลางที่มั่นใจในตัวเองสูงจากการเลี้ยงดูของแม่ ที่ได้หย่าขาดจากพ่อของเขาและหอบลูกน้อยหกคนมาอยู่ที่เมืองดีทรอยด์ หลังจากนั้นได้เปลี่ยนนามสกุลลูกชายเป็น มอ์รริส (Morris)
แม่มักสอนเขาว่า อย่าอายในความพิการของตัวเอง แม้ว่าแม่จะห่วงเขาขนาดไหน แม่ก็ยอมปล่อยให้เขาทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
แม่สอนให้ผมเดินบนถนนได้เองตั้งแต่ก่อนที่ผมจะจำความได้ แม่ไม่ได้มัดผมไว้กับที่ หรือคอยตะโกนว่า "อย่าก้าวไปตรงนั้น!" หรือ "ระวัง! เดี๋ยวจะล้ม!" แต่แม่จะบอกให้ผมระมัดระวัง ซึ่งผมก็ยังคงหกล้มอยู่ดี โชคดีที่ท่านไวพอที่จะจับผมไว้ได้ แม่รู้ว่าผมต้องเรียนรู้ และยิ่งแม่ปล่อยให้ผมทำอะไรต่ออะไรได้เองมากเท่าไร แม่ก็สามารถปล่อยวางได้มากเท่านั้น
สตีวีมีโอกาสได้เล่นเปียโนของเพื่อนบ้านในดีทรอยด์ตั้งแต่เด็ก จึงมีเสียงดนตรีเป็นเพื่อนมานับแต่นั้น ไม่ทันถึงสิบขวบ เขาก็หัดเล่นได้ทั้ง เปียโน ฮาร์โทนิก้า และกลอง จนเก่งลือไปเข้าหูผู้บริหารของโมทาวน์ (Motown Reccords) สตีวีจึงถูกหว่านล้อมให้เซ็นสัญญากับบริษัทตั้งแต่อายุ 11 ปี ชื่อเขาในตอนนั้นคือ ลิตเติล สตีวี วันเดอร์ (Little Stevie Wonder)
อายุ 13 ปี เพลง Fingertips ของเขาก็ไต่ขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ต U.S. Pop and R&B
อายุ 14 ปี เขาแต่งเพลงเรียกร้องให้คนมาสนใจสังคม เช่น With a Child's Heart และค่อยๆ ผันตัวมาอยู่เบื้องหลัง และการแต่งเพลงมากขึ้น
ในการเขียนเพลงใหม่ๆ นั้น สตีวี วันเดอร์ จะเริ่มด้วยการเขียนเมโลดี โดยดึงเสียงดนตรีในหัวออกมาเป็นตัวโน้ต จากนั้นทบทวนด้วการเล่นซ้ำๆ เพื่อหาทางลดทอนหรือเพิ่มเติมเสียงดนตรีให้เหมาะกับความรู้สึกที่เขาต้องการสื่อสารมากที่สุด นั่นทำให้เพลงของเขาแปลกใหม่เสมอ
สตีวี บอกว่า เคล็ดลับในการสร้างสรรค์เพลงไม่ต่างจากการใช้ชีวิต คือต้องกล้าที่จะหันกลับไปทบทวนชีวิตของตัวเองบ่อยๆ เพื่อที่จะไม่ทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำๆ และเพื่อทำในสิ่งที่ดีขึ้น
ก่อนที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น สตีวี วันเดอร์ เคยเป็นผู้รับมาก่อนไม่น้อย ด้วยความรักจาก แม่ ครอบครัว และคนรอบข้าง
เขาเคยให้จำกัดความสั้นๆ ว่า ความพิการก่อให้เกิดการพึ่งพา
การได้รับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียเกียรติแต่อย่างใด กลับทำให้เขารู้ว่าการให้และการรับมีความสำคัญเท่าๆ กัน
เมื่อเขาเป็นผู้รับเขาจะรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ และเมื่อเป็นผู้ให้เขาก็ให้อย่างเต็มใจที่สุด
เขาแต่งเพลงและแสดงสดเพื่อการกุศลอยู่เสมอ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2009 ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติได้แต่งตั้งให้ สตีวี วันเดอร์ เป็น ผู้ส่งสารแห่งสันติภาพ U.N. Messenger of Peace เขาจะทำหน้าที่เรียกร้องผู้คนทั่วโลกให้หันมาสนใจคนพิการในสังคม เช่น กระตุ้นให้มีการผลิตสินค้าเพื่อผู้พิการบ้าง หรือให้มีการทำวิจัยวิชาการใหม่ๆ เพื่อให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงคนปกติได้มากขึ้น
ความปรารถนาของเขาที่สำคัญยิ่งคือ
ทำให้คนปกติร้อยละ 90 หันมาสนใจคนพิการอีกร้อยละ 10 ให้ได้มากที่สุด
http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=360765
.
.
ตกลงแล้ว เขาตาบอดจริงๆหรือเปล่าครับ?