แม่หมาสู้มะเร็ง กับ ลูกหมาบำบัด

เมื่อคืนอ่านเจอในเพจๆ นึง
ขอเอามาลงเพื่อเป็นกำลังใจกับผู้ที่กำลังต่อสู้กับโรคๆ นี้นะคะ

..........

เรื่องจริงของแอดมินเอง ^^
ขอยืนยันอีกเสียงว่า หมาช่วยบำบัดจิตใจผู้ป่วยได้จริงๆ

ในวันที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 3
ความเศร้าสร้อย เหงาหงอย และนอยด์ขั้นสุดก็มาเยือน
เพราะหมอบอกว่าช่วงที่รักษาด้วยคีโมร่างกายเราจะอ่อนแอมาก
ภูมิต้านทานต่ำลง  (หมายความแว่...เราจะออกไปแล่นแต๊ข้างนอกได้ไม่เหมือนเดิม ทำงานได้ไม่เท่าเดิม)
และที่สำคัญสุดๆ หมอบอกว่า ควรงดมาทำงานที่ร้าน..... (ขอเอาชื่อร้านออกค่ะ)
(เจ้าของเรื่องเป็นเจ้าของ grooming petshop สระว่ายน้ำ)
เพราะน้องหมาน้องแมวทั้งหลายอาจมีเชื้อโรค  หรือเป็นพาหะพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเรา
แล้วเมื่อเราป่วยหรือติดเชื้อ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
เสียงที่ดังขึ้นในหัวตัวเองคือ
"โนวววววว แย่ละกู ไม่ได้ทำงาน เหมือนขาดพลังชีวิต แล้ว!!...ลูกหมาสองตัวของเราอ่ะ ทำไงๆ"
"จะยังอยู่ด้วยกันได้มั้ย จะยังกอด ยังเล่นด้วยกันได้อีกมั้ย"
รู้สึกถึงคำว่า "เซ็งshiftหาย" ก็วันนี้

หลังจากฟังผลว่าเป็นมะเร็งแน่นอนแล้ว
1-2 วันแรกยังทำใจสบายๆ ได้อยู่ พอเข้าวันที่ 3 เท่านั้นแหละ
แม่มเอ้ยยยย...หลากเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาเต็มหัว ทั้งน้อยใจ เสียใจ หวาดกลัว
จนเรานอนร้องไห้...
แต่รู้มั้ย ว่าใครทำให้เราหยุดร้อง และรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง...

นี่ไง >> "ดาร์บี้และดีเดย์" ลูกชายสายพันธุ์ชิวาว่าสุดที่รักของเราเอง ^^





ระหว่างที่นอนน้ำตาแตก ดาร์บี้และดีเดย์ พุ่งพรวดมาจากไหนไม่รู้ มารุมทึ้งที่หน้าอย่างบ้าคลั่ง 55+
ช่วยกันเลียๆๆๆที่เบ้าตา ย้ำว่าเบ้าตาจริงๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนจะบอกว่า
"แม่ไม่ร้องน้าาา หนูสองตัวยังอยู่ข้างๆแม่น้า...แม่สู้ๆ สิค้าบบบ"
(จริงๆ ไม่รู้ว่า ไม่อยากให้แม่เสียใจหรือน้ำตาแม่อร่อย 55+)
แล้วเรา...ก็หยุดร้อง และกอดลูกหมาให้แน่นที่สุด พร้อมกับบอกลูกว่า
"แม่ไม่ร้องละค้าบบบ แม่จะอยู่กะลูกไปอีกน๊านนาน ลูกหมาก็ต้องอยู่กับแม่ไปอีก 20-30 ปีเลยนะ" 😊
ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเป็นมะเร็ง จนตอนนี้รักษาจบคอร์ส
และผลการรักษาออกมาแล้ว ว่า...ไม่พบเชื้อมะเร็งในร่างกายเราแล้ว เย้ววว 😁
ตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า ส่วนนึงที่ผ่านมาได้เพราะ

"หมาบำบัด"


โชคดีที่ระหว่างการรักษาภูมิต้านทานเราไม่ต่ำมากจนน่าเป็นห่วง
และเราก็ไม่ประมาทคอยเช็คและป้องกันตัวเองเสมอๆ
ทำให้เราสามารถไปทำงานได้บ้าง
และที่สำคัญเรายังอยู่กับลูกหมาเราได้ เรายังพาเค้าไปวิ่งเล่น พาไปเที่ยวได้
แต่งดฟัดกันนัวซักพัก 55+
นอนให้คีโมอยู่ รพ.ก็ Face Time หาหมา
ออกจาก รพ. พอถึงบ้านปุ๊ป ก็ปรี่ไปกอดหมา
นึกเศร้าๆขึ้นมา ก็ไปเล่นกับหมา
ไม่สบาย ก็มีหมานอนข้างๆ
บางทีนึกถึงหมาก่อนหมออีก 55+
ทฤษฎี "หมาบำบัด" มีอยู่จริง ได้ผลจริง
ทำให้คนป่วยอย่างเรายิ้มได้ และไม่ยอมล้มให้กับโรคร้ายนี้เด็ดขาด

‪#‎รักหมา

‪#‎กลับบ้านไปรีบไปกอดหมานะ‬

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/thailymphoma/posts/1027718327268291
IG : natcha_lala





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่