โกวเล้ง(กู่หลง 古龙) ใช้กระดาษเพียงแผ่นเดียว เริ่มประพันธ์ตำนานของชอลิ้วเฮียง
บรรยายถึงอุปนิสัยใจคอของชอลิ้วเฮียง ได้อย่างสลักเสลาสวยงามยิ่ง อาทิ
คำเล่าลือเกี่ยวกับชอลิ้วเฮียงมีมากมายอย่างยิ่ง เล่าลือจน คล้ายเป็นเทพนิยาย
ได้ยินว่า ชอลิ้วเฮียงมีวิชาถนอมโฉมไม่แก่เฒ่า จำแลงแปลงกายได้เป็นร้อยเป็นพัน สามารถขึ้นฟ้าดำดิน
ผู้ที่เคารพนับถือต่างเรียกชอลิ้วเฮียงเป็น "ชอเฮียงส่วย" (ขุนพลหอมแซ่ชอ)
ผู้ที่ไม่เคารพนับถึอ ยามอยู่ต่อหน้ามิอาจไม่เรียกเป็น "ชอเฮียงส่วย" เช่นกัน
ที่ชอลิ้วเฮียงได้รับการยกย่องเช่นนี้ เพราะชอลิ้วเฮียงมีน้ำใจรักผู้อื่นอย่างใจจริง ผู้อื่นจึงรักตอบอย่างจริงใจ
ต่อให้เป็นการต่อสู้พิสูจน์ความเป็นตาย ย่อมสามารถอาศัยน้ำใจ ทำลายความตั้งใจของฝ่ายตรงข้าม
พลิกสถานการณ์จากพ่ายแพ้เป็นชนะ เช่นนั้น ชอลิ้วเฮียงสมควรเป็นบุคคลเช่นไร
หากชอลิ้วเอียงสามารถหัวเราะได้สักครั้ง นับว่าเป็นเรื่องประเสริฐอย่างยิ่ง
ชอลิ้วเอียงมีวัยไม่น้อยแล้ว แต่ไม่นับว่าชราเด็ดขาด
ชอลิ้วเฮียงพอใจเสพสุข และรู้จักเสพสุขอย่างหนึ่ง
ชอลิ้วเฮียงพอใจดื่มสุรา แต่น้อยครั้งที่ดื่มจนเมามาย
ชอลิ้วเฮียงพอใจสตรี ที่ชำนาญการร่ายรำระบำฟ้อน
และที่ยิ่งประเสริฐยากหาคือ ชอลิ้วเฮียงแม้ชิงชังความชั่วร้าย
แต่ไม่เคยเข่นฆ่าผู้ใด
โกวเล้งให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟังว่า
ชอลิ่วเฮียงไม่เคยฆ่าคน เพราะเห็นว่าคนผู้หนึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
ไม่ว่ากระทำผิดพลาดใหญ่หลวงแค่ไหน ล้วนสมควรรับการลงโทษตามกฎหมาย
ต้องระวางโทษ หลังจากระวางโทษค่อยลงอาญาบ้านเมือง
มิมีผู้ใดทราบตื้นลึกหนาบางในวิชาฝีมือของชอลิ้วเฮียง เพียงทราบว่าชั่วชีวิตชอลิ้วเฮียง
มิเคยพ่ายแพ้ต่อศัตรูผู้ใด มิเคยพลาดพลั้ง แม้คู่ต่อสู้จะเก่งกาจปานใด
ชอลิ้วเฮียงคล้ายปลาว่ายในสระน้ำใส เหล่าพรานต่างจ้องจะตกชอลิ้วเฮียงให้ติดเบ็ด
ชอลิ้วเฮียงมีจุดอ่อนที่หนักหนาสาหัสอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือมักรู้แน่ว่านั่นเป็นเหยื่อ และเหยื่อนั้นมิควรกิน
แต่ชอลิ้วเฮียงมิคำนึงถึงความเสี่ยงใดๆ ยังคงกลืนเบ็ดอย่างอหังการ์ นั้นคือ ชอลิ้วเฮียง
ราชาแห่งยามวิกาล อาศัยอยู่บนเรือสำราญ กับหญิงสาวโฉมสะคราญคู่ใจอยู่สามนางที่มีความเป็นมาลึกลับไม่ต่างกัน
โซ่วย่งย้ง
สตรีชาวเปอร์เซียที่ชาญฉลาดยิ่ง นางออกแบบก่อสร้างห้องกระจก ให้กับชอลิ้วเฮียงหลังหนึ่ง
จัดทำหน้ากากมนุษย์ให้กับชอลิ้วเฮียงเป็นจำนวนมาก ทั้งยังสรรหาตัวยาปลอมแปลงโฉม
เป็นเหตุให้ชอลิ่วเฮียงสามารถปรากฎกายขึ้นในยุทธจักร ด้วยรูปโฉมที่แตกต่างกันร้อยเปลี่ยนพันแปลง
ไปมาไร้ร่องรอย วันนี้อยู่ตะวันตก วันพรุ่งอยู่ตะวันออก เพิ่มสีสันอันเฉิดฉายและลึกลับแก่ชอลิ้วเฮียง
ภายหลังนางตายเพื่อปกป้องชอลิ้วเฮียง และซูซูน้องสาวของนางจากเปอร์เซีย มาแก้แค้นที่ย่งย้งตาย
เป็นแผนการของเจ้าชายเปอร์เซีย ที่หมายยึดจงหยวนให้ได้ ในภาพยนตร์ตอนกล้วยไม้เที่ยงคืน
ลี้อั๊งซิ่ว
ความทรงจำเป็นเลิศ รู้จักยอดฝีมือทุกค่ายสำนัก วิทยายุทธ์ทุกแขนงได้กระจ่างดุจนิ้วบนฝ่ามือ
ทั้งจดจำเรื่องราวและเหตุการณ์ได้อย่างชัดแจ้ง นางไม่เพียงจดจำเอง ยังบังคับให้ชอลิ้วเฮียงจดจำเอาไว้
ในยุทธจักรที่ศัตรูรายล้อม มือสังหารซุ่มซ่อนเร้นกาย ดั่งโบราณว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา
ซ่งเตี๊ยบยี้
นางเป็นสตรีที่แยบยลยิ่ง ดูไปคล้ายโง่งมอยู่บ้าง แม้ว่าเรื่องราวใดๆก็มิได้นำพา มิว่าเรื่องใดหาได้จดจำใส่ใจ
รู้จักพอใจโดยง่าย บางครั้งนางก็ฝันว่ามีราชบุตรผู้หนึ่ง ยกปราสาทหลังหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิดแก่นาง
แต่รอถึงวันนั้น เพียงมีคนมอบภาพวาดรูปปราสาทแก่นาง นางก็เบิกบานใจมากแล้ว
มิหนำซ้ำนางเป็นคนกวางตุ้ง ชาวเมืองกวางเจา ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร นางยังชมชอบปรุงอาหาร
แลชมชอบให้ผู้อื่นรับประทานอาหารที่นางปรุงขึ้น นางปรุงอาหารได้ดียิ่ง
แม้แต่ชอลิ้วเฮียง ที่พิถีพิถันการกินยังมิมีคำตำหนิ
ชอลิ้วเฮียงถึงกับกล่าวว่า สมัยที่หลวงจีนบ่ฮวยยังอยู่ ผักเจที่ผัดขึ้นยังสู้อาหารเจของซ่งเตี๊ยบยี้มิได้
แม้กระทั่งยอดพ่อครัวทั้งแผ่นดิน ยังมิมีผู้ใดเทียบเทียมนางได้
หากคิดเกาะกุมหัวใจบุรุษ ทางลัดสายหนึ่ง คือ ผ่านกระเพาะอาหาร
โกวเล้ง ประพันธ์ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึงปี พ.ศ. 2522
ถือเป็นหนึ่งในนิยายที่โกวเล้งเขียนนานที่สุด ชุด ชอลิ้วเฮียงประกอบด้วยตอนย่อย 8 ตอน
โดย น.นพรัตน์ได้แปลแบ่งเป็นตอนเช่นเดียวกับโกวเล้ง เรียงเป็นลำดับตามการตีพิมพ์ได้แก่
1. กลิ่นหอมกลางธารเลือด
2. พายุทะเลทราย
3. ศึกวังน้ำทิพย์
4. ยืมศพคืนวิญญาณ
5. ศึกวังค้างคาว
6. ดวงชะตาดอกท้อ
7. ตำนานกระบี่หยก
8. กล้วยไม้เที่ยงคืน
สามตอนแรกเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกัน จากนั้นจะมีติ่งต่อท้ายในตอนต่อไป
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ ในสามตอนสุดท้ายอ่านยากมาก
ถือเป็นช่วงขาลงของโกวเล้ง และสนใจนำนิยายไปสร้างหนัง ทำให้การเล่าเรื่อง
ไม่ลงในนิยายทั้งหมด แบบสมัยนี้ที่ต้องอ่านทั้งนิยาย และชมภาพยนตร์จึงได้ครบอรรถรส
โดยเฉพาะตอนสุดท้าย กล้วยไม้เที่ยงคืน(Night Orchid) สาเหตุน่ามาจากกรณีนี้
ชอลิ้วเฮียง โดนยำใหญ่ จับโน่นชนนี่ มาตั้งแต่สมัยเวอร์ชั่น เจิ้งเส้าชิว
โดยเฉพาะตอนจบของ ชอลิ้วเฮียง ฉบับเจิ้งเส้าชิว
ให้ย่า ของเก้าอาน้ำ คือ หัวหน้าองค์กรนักฆ่า นี่มั่วสุดๆ
แถมยังให้ เฉินหงเลี่ยะ มารับบทเป็น ศิษย์พี่ของชอลิ้วเฮียงอีก(ซึ่งในนิยายไม่มี)
และยังมีที่เพิ่มเข้ามา ให้วิชาประจำตัวของ ชอลิ้วเฮียง คือ ดีดนิ้วเทพยดา
(หรือที่บ้านเราในยุคโน้นเรียก ดรรชนีปาฏิหาริย์)
ช่วงที่โก้วเล้งยังมีชีวิต ว่ากันว่าหมั่นไส้สุดๆอยู่สองคน
หมั่นไส้สุดๆถึงขนาด เขียนว่ากระทบตรงๆเลย
คนแรก คือ อึ้งเอ็ง ผู้แต่งเรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน
คนที่สอง คือ คือ เจิ้งเส้าชิว พระเอกที่รับบทชอลิ้วเฮียงของ TVB
ที่โก้วเล้งหมั่นไส้ เจิ้งเส้าชิว จนถึงขนาดเขียนกระทบเจิ้งเส้าชิว
หาว่า เจิ้งเส้าชิว อย่าได้คิดว่าตัวเองเป็น ชอลิ้วเฮียง นั้น
สืบเนื่องมาจากละครชุด จอมโจรจอมใจของ TVB ที่ เจิ้งเส้าชิว นำแสดงนั้น
แม้ออกทะเลไปไกลจากนิยาย แต่เรตติ้งคนดูกลับสูงมาก
ไม่เพียงได้รับความนิยมในฮ่องกงเท่านั้น
แต่ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในไต้หวัน (บ้านเกิดของ โก้วเล้ง)
จนถึงขนาดมีการจ้าง เจิ้งเส้าชิวและ เจ้าหย่าจือ ไปแสดงให้กับบริษัทหนังไต้หวัน
ในยุคนั้นมีดาราไต้หวันคนอื่นๆเช่นกัน ที่คิดมาทาบรัศมี เจิ้งเส้าชิว
ด้วยการรับบทเป็น ชอลิ้วเฮียง อาทิ หลิวเต๋อไค เมิ่งเฟย เป็นต้น
แต่ไม่สามารถเทียบกับ เจิ้งเส้าชิว ได้แม้แต่น้อย
แต่วงการบันเทิง ไม่มีคำว่า มิตรแท้ และ ศัตรูถาวร เช่นเดียวกันอีกหลายๆวงการ
ในที่สุดเมื่อ เคลียร์ กันได้ระหว่าง โก้วเล้ง กับ เจิ้งเส้าชิว
โก้วเล้ง จึงรับปากเขียนบทหนังสองเรื่อง คือ
ชอลิ้วเฮียง ตอนอวสาน
ชอลิ้วเฮียง กระบี่สะท้านภพ(ศึกแค้นศรสวาท)
楚留香大结局(อวสานชอลิ้วเฮียง) 96 นาที ฉาย 5 พฤษภาคม 1983
The Denouncement of Chu Liu Hsiang หรือ Clans of Intrigue
โกวเล้ง ร่วมเขียนบท และกำกับภาพ
โกวเล้ง ยึดบุคคลิก วิชา และคิวบู๊ ของชอลิ้วเฮียงที่โด่งดังจากละคร มาใส่ในภาพยนตร์ทั้งหมด
ไม่ได้แก้ไขให้เป็นตามอย่างนิยาย คงเอกลักษณ์ฉบับเจิ้งเส้าชิวที่ผู้ชมชื่นชอบครบถ้วน
ซึ่งโกวเล้ง ได้เขียนบท ให้พฤติกรรมของ ชอลิ้วเฮียง ต้องเสียท่าให้กับสตรีหลังจากย่งย้งตาย
ชอลิ้วเฮียงเสียความสุขุม และบ้าบิ่น ยิงธนูฆ่าคนที่มาลวนลามสาว จนติดกับที่ผู้ร้ายวางไว้
โดยในเรื่องนี้ นอกจาก เจิ้งเส้าชิว มารับบทเป็น ชอลิ้วเฮียงแล้ว
ยังให้ ฉีเส้าเฉียน มารับบทเป็น หัวหน้าตัวโกง เป็นพี่น้องต่างมารดากับหลวงจีนบ่ฮวย
และเป็นลูกชายของกวนอิมศิลา
โดยจัดหา สาวงามคนหนึ่งมาให้ ชอลิ้วเฮียง เสพสมด้วย ซึ่งสาวงามคนดังกล่าว เคยมีสามีแล้ว
เป็นจอมยุทธที่ได้ฉายาว่า มือกระบี่หน้าหยก แต่ตอนหลังหายสาบสูญไปจากยุทธจักร
เพราะเกิดอับอายที่ ใบหน้าและเนื้อตัว เริ่มเน่าเฟะ เนื่องจากติดโรคจากภรรยา
ด้วยสาวงามที่ว่านั้น มีโรคประจำตัว ที่ไม่มีผลร้ายต่อตัวเอง
แต่จะมีผลร้ายกับ ผู้ชาย ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ และงานนี้ชอลิ้วเฮียง โดนไปด้วย
ซึ่งในตอนจบ หนังฉายให้เห็นถึงหลุมศพของ ชอลิ้วเฮียง แต่ไม่ได้ทิ้งท้ายหรือฟันธงว่า
ชอลิ้วเฮียง ตายจริงหรือเปล่า เพราะออกเดินทางไปตามป่าดงพงไพร
โดยโกวเล้ง แอบเอาตอนจบของหนังเรื่องดังกล่าว ไปขยายความต่อในนิยายเรื่อง กล้วยไม้เที่ยงคืน
ซึ่งเป็นนิยายที่เขียนถึงพฤติกรรมตอนสุดท้าย (และท้ายสุด) ของชอลิ้วเฮียง
(ซึ่งคงสุดท้ายแน่ๆ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน โกวเล้ง ตายด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง)
โดยในนิยายดังกล่าว โกวเล้ง เขียนในทำนองว่า
ชอลิ้วเฮียง หายสาบสูญจากยุทธจักร มีข่าวลือต่างๆ โดยเฉพาะข่าวว่า ติดโรคจากผู้หญิงแล้วตาย
ในนิยายดูเหมือนว่า ชอลิ้วเฮียง รักษาโรคดังกล่าวได้ แต่ไม่ได้บอกว่า รักษายังไง
ชอลิ้วเฮียง ตอน กล้วยไม้เที่ยงคืน (เทพธิดากระบี่จันทรา)
午夜兰花 Demon Fighter 93 นาที ฉาย 21 สิงหาคม 1983
โกวเล้ง เขียนบท และกำกับภาพ ในภาพยนตร์ภาคสุดท้ายนี้
เล่าเรื่องหลังเหตุการณ์ที่ชอลิ้วเฮียงหายสาปสูญไปจากยุทธภพ และมาพบน้องสาวของย่งย้ง(หลินชิงเสีย)
เป็นการจบเรื่องแบบปลายเปิดที่ต้องเดากันเองว่า นางเอกตายรึเปล่า ปิดตำนานชอลิ้วเฮียงในเรื่องนี้
(ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง มีจำหน่ายในไทยและพากย์ไทย)
จากนั้นทางไต้หวัน ได้จ้างเจิ้งเส้าชิวแสดงในบทชอลิ้วเฮียงอีก
ฉบับละคร 1985 นางเอกหมีเซียะ เนื้อเรื่องต่อจากภาพยนตร์ตอนกล้วยไม้เที่ยงคืน
ฉบับละคร 1995 ยกเครื่องใหม่ ย่งย้งไม่ตาย นางเอกเป็นคนที่สี่ ชอลิ้วเฮียงถอดตัวจากยุทธภพ
ทั้งนี้ผลงานในยุคหลังของ โก้วเล้ง โดยเฉพาะ สามเรื่อง ที่หยิบเอานิยายที่เคยสร้างชื่อให้กับ โก้วเล้ง
ในยุคโด่งดังมาเขียน ได้แก่
มีดบินกรีดฟ้า ที่หยิบเอาเรื่องราวของ ลี้ไคว่ ที่กล่าวกันว่าเป็น ทายาทของ ลี้คิมฮวง
กระบี่พิโรธ ที่หยิบเอาเรื่องราวของ เล็กเซี่ยวหงส์ มาเขียนต่อ
และ กล้วยไม้เที่ยงคืน อันเป็นเรื่องราวของ ชอลิ้วเฮียง
คนอ่านล้วนแต่ ผิดหวัง กับนิยายทั้งสามเรื่องเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านเนื้อหา และการวางโครงเรื่อง
จนดูเหมือนว่า โกวเล้ง แค่กินบุญเก่า แท้จริงแล้วอาจตั้งใจสร้างเป็นภาพยนตร์แต่ประสบปัญหาหลายอย่าง
จนทำให้งานเขียนสามเรื่องนี้ ทำให้แฟนๆผิดหวังอย่างแรง
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.siamstamp.com/forum/index.php?topic=1688.0;
http://www.ranthong.com/smf/index.php?topic=27217.10
https://anthordimension.wordpress.com/2012/04/25/%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3/
http://cosmoguy.exteen.com/20071103/entry
http://ppantip.com/topic/30156205
https://baike.baidu.com/item/%E5%8D%88%E5%A4%9C%E5%85%B0%E8%8A%B1/10235153
http://www.baike.com/wiki/%E3%80%8A%E6%A5%9A%E7%95%99%E9%A6%99%E5%A4%A7%E7%BB%93%E5%B1%80%E3%80%8B
https://www.rxgl.net/html/2007-12/1012p8.html
https://topicstock.ppantip.com/chalermthai/topicstock/2008/02/A6359937/A6359937.html
ชอลิ้วเฮียง ฉบับโกวเล้งประพันธ์ จากนิยายสู่จอแก้ว จอเงิน
บรรยายถึงอุปนิสัยใจคอของชอลิ้วเฮียง ได้อย่างสลักเสลาสวยงามยิ่ง อาทิ
คำเล่าลือเกี่ยวกับชอลิ้วเฮียงมีมากมายอย่างยิ่ง เล่าลือจน คล้ายเป็นเทพนิยาย
ได้ยินว่า ชอลิ้วเฮียงมีวิชาถนอมโฉมไม่แก่เฒ่า จำแลงแปลงกายได้เป็นร้อยเป็นพัน สามารถขึ้นฟ้าดำดิน
ผู้ที่เคารพนับถือต่างเรียกชอลิ้วเฮียงเป็น "ชอเฮียงส่วย" (ขุนพลหอมแซ่ชอ)
ผู้ที่ไม่เคารพนับถึอ ยามอยู่ต่อหน้ามิอาจไม่เรียกเป็น "ชอเฮียงส่วย" เช่นกัน
ที่ชอลิ้วเฮียงได้รับการยกย่องเช่นนี้ เพราะชอลิ้วเฮียงมีน้ำใจรักผู้อื่นอย่างใจจริง ผู้อื่นจึงรักตอบอย่างจริงใจ
ต่อให้เป็นการต่อสู้พิสูจน์ความเป็นตาย ย่อมสามารถอาศัยน้ำใจ ทำลายความตั้งใจของฝ่ายตรงข้าม
พลิกสถานการณ์จากพ่ายแพ้เป็นชนะ เช่นนั้น ชอลิ้วเฮียงสมควรเป็นบุคคลเช่นไร
หากชอลิ้วเอียงสามารถหัวเราะได้สักครั้ง นับว่าเป็นเรื่องประเสริฐอย่างยิ่ง
ชอลิ้วเอียงมีวัยไม่น้อยแล้ว แต่ไม่นับว่าชราเด็ดขาด
ชอลิ้วเฮียงพอใจเสพสุข และรู้จักเสพสุขอย่างหนึ่ง
ชอลิ้วเฮียงพอใจดื่มสุรา แต่น้อยครั้งที่ดื่มจนเมามาย
ชอลิ้วเฮียงพอใจสตรี ที่ชำนาญการร่ายรำระบำฟ้อน
และที่ยิ่งประเสริฐยากหาคือ ชอลิ้วเฮียงแม้ชิงชังความชั่วร้าย
แต่ไม่เคยเข่นฆ่าผู้ใด
โกวเล้งให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟังว่า
ชอลิ่วเฮียงไม่เคยฆ่าคน เพราะเห็นว่าคนผู้หนึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
ไม่ว่ากระทำผิดพลาดใหญ่หลวงแค่ไหน ล้วนสมควรรับการลงโทษตามกฎหมาย
ต้องระวางโทษ หลังจากระวางโทษค่อยลงอาญาบ้านเมือง
มิมีผู้ใดทราบตื้นลึกหนาบางในวิชาฝีมือของชอลิ้วเฮียง เพียงทราบว่าชั่วชีวิตชอลิ้วเฮียง
มิเคยพ่ายแพ้ต่อศัตรูผู้ใด มิเคยพลาดพลั้ง แม้คู่ต่อสู้จะเก่งกาจปานใด
ชอลิ้วเฮียงคล้ายปลาว่ายในสระน้ำใส เหล่าพรานต่างจ้องจะตกชอลิ้วเฮียงให้ติดเบ็ด
ชอลิ้วเฮียงมีจุดอ่อนที่หนักหนาสาหัสอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือมักรู้แน่ว่านั่นเป็นเหยื่อ และเหยื่อนั้นมิควรกิน
แต่ชอลิ้วเฮียงมิคำนึงถึงความเสี่ยงใดๆ ยังคงกลืนเบ็ดอย่างอหังการ์ นั้นคือ ชอลิ้วเฮียง
ราชาแห่งยามวิกาล อาศัยอยู่บนเรือสำราญ กับหญิงสาวโฉมสะคราญคู่ใจอยู่สามนางที่มีความเป็นมาลึกลับไม่ต่างกัน
โซ่วย่งย้ง
สตรีชาวเปอร์เซียที่ชาญฉลาดยิ่ง นางออกแบบก่อสร้างห้องกระจก ให้กับชอลิ้วเฮียงหลังหนึ่ง
จัดทำหน้ากากมนุษย์ให้กับชอลิ้วเฮียงเป็นจำนวนมาก ทั้งยังสรรหาตัวยาปลอมแปลงโฉม
เป็นเหตุให้ชอลิ่วเฮียงสามารถปรากฎกายขึ้นในยุทธจักร ด้วยรูปโฉมที่แตกต่างกันร้อยเปลี่ยนพันแปลง
ไปมาไร้ร่องรอย วันนี้อยู่ตะวันตก วันพรุ่งอยู่ตะวันออก เพิ่มสีสันอันเฉิดฉายและลึกลับแก่ชอลิ้วเฮียง
ภายหลังนางตายเพื่อปกป้องชอลิ้วเฮียง และซูซูน้องสาวของนางจากเปอร์เซีย มาแก้แค้นที่ย่งย้งตาย
เป็นแผนการของเจ้าชายเปอร์เซีย ที่หมายยึดจงหยวนให้ได้ ในภาพยนตร์ตอนกล้วยไม้เที่ยงคืน
ลี้อั๊งซิ่ว
ความทรงจำเป็นเลิศ รู้จักยอดฝีมือทุกค่ายสำนัก วิทยายุทธ์ทุกแขนงได้กระจ่างดุจนิ้วบนฝ่ามือ
ทั้งจดจำเรื่องราวและเหตุการณ์ได้อย่างชัดแจ้ง นางไม่เพียงจดจำเอง ยังบังคับให้ชอลิ้วเฮียงจดจำเอาไว้
ในยุทธจักรที่ศัตรูรายล้อม มือสังหารซุ่มซ่อนเร้นกาย ดั่งโบราณว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา
ซ่งเตี๊ยบยี้
นางเป็นสตรีที่แยบยลยิ่ง ดูไปคล้ายโง่งมอยู่บ้าง แม้ว่าเรื่องราวใดๆก็มิได้นำพา มิว่าเรื่องใดหาได้จดจำใส่ใจ
รู้จักพอใจโดยง่าย บางครั้งนางก็ฝันว่ามีราชบุตรผู้หนึ่ง ยกปราสาทหลังหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิดแก่นาง
แต่รอถึงวันนั้น เพียงมีคนมอบภาพวาดรูปปราสาทแก่นาง นางก็เบิกบานใจมากแล้ว
มิหนำซ้ำนางเป็นคนกวางตุ้ง ชาวเมืองกวางเจา ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร นางยังชมชอบปรุงอาหาร
แลชมชอบให้ผู้อื่นรับประทานอาหารที่นางปรุงขึ้น นางปรุงอาหารได้ดียิ่ง
แม้แต่ชอลิ้วเฮียง ที่พิถีพิถันการกินยังมิมีคำตำหนิ
ชอลิ้วเฮียงถึงกับกล่าวว่า สมัยที่หลวงจีนบ่ฮวยยังอยู่ ผักเจที่ผัดขึ้นยังสู้อาหารเจของซ่งเตี๊ยบยี้มิได้
แม้กระทั่งยอดพ่อครัวทั้งแผ่นดิน ยังมิมีผู้ใดเทียบเทียมนางได้
หากคิดเกาะกุมหัวใจบุรุษ ทางลัดสายหนึ่ง คือ ผ่านกระเพาะอาหาร
โกวเล้ง ประพันธ์ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึงปี พ.ศ. 2522
ถือเป็นหนึ่งในนิยายที่โกวเล้งเขียนนานที่สุด ชุด ชอลิ้วเฮียงประกอบด้วยตอนย่อย 8 ตอน
โดย น.นพรัตน์ได้แปลแบ่งเป็นตอนเช่นเดียวกับโกวเล้ง เรียงเป็นลำดับตามการตีพิมพ์ได้แก่
1. กลิ่นหอมกลางธารเลือด
2. พายุทะเลทราย
3. ศึกวังน้ำทิพย์
4. ยืมศพคืนวิญญาณ
5. ศึกวังค้างคาว
6. ดวงชะตาดอกท้อ
7. ตำนานกระบี่หยก
8. กล้วยไม้เที่ยงคืน
สามตอนแรกเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกัน จากนั้นจะมีติ่งต่อท้ายในตอนต่อไป
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ ในสามตอนสุดท้ายอ่านยากมาก
ถือเป็นช่วงขาลงของโกวเล้ง และสนใจนำนิยายไปสร้างหนัง ทำให้การเล่าเรื่อง
ไม่ลงในนิยายทั้งหมด แบบสมัยนี้ที่ต้องอ่านทั้งนิยาย และชมภาพยนตร์จึงได้ครบอรรถรส
โดยเฉพาะตอนสุดท้าย กล้วยไม้เที่ยงคืน(Night Orchid) สาเหตุน่ามาจากกรณีนี้
ชอลิ้วเฮียง โดนยำใหญ่ จับโน่นชนนี่ มาตั้งแต่สมัยเวอร์ชั่น เจิ้งเส้าชิว
โดยเฉพาะตอนจบของ ชอลิ้วเฮียง ฉบับเจิ้งเส้าชิว
ให้ย่า ของเก้าอาน้ำ คือ หัวหน้าองค์กรนักฆ่า นี่มั่วสุดๆ
แถมยังให้ เฉินหงเลี่ยะ มารับบทเป็น ศิษย์พี่ของชอลิ้วเฮียงอีก(ซึ่งในนิยายไม่มี)
และยังมีที่เพิ่มเข้ามา ให้วิชาประจำตัวของ ชอลิ้วเฮียง คือ ดีดนิ้วเทพยดา
(หรือที่บ้านเราในยุคโน้นเรียก ดรรชนีปาฏิหาริย์)
ช่วงที่โก้วเล้งยังมีชีวิต ว่ากันว่าหมั่นไส้สุดๆอยู่สองคน
หมั่นไส้สุดๆถึงขนาด เขียนว่ากระทบตรงๆเลย
คนแรก คือ อึ้งเอ็ง ผู้แต่งเรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน
คนที่สอง คือ คือ เจิ้งเส้าชิว พระเอกที่รับบทชอลิ้วเฮียงของ TVB
ที่โก้วเล้งหมั่นไส้ เจิ้งเส้าชิว จนถึงขนาดเขียนกระทบเจิ้งเส้าชิว
หาว่า เจิ้งเส้าชิว อย่าได้คิดว่าตัวเองเป็น ชอลิ้วเฮียง นั้น
สืบเนื่องมาจากละครชุด จอมโจรจอมใจของ TVB ที่ เจิ้งเส้าชิว นำแสดงนั้น
แม้ออกทะเลไปไกลจากนิยาย แต่เรตติ้งคนดูกลับสูงมาก
ไม่เพียงได้รับความนิยมในฮ่องกงเท่านั้น
แต่ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในไต้หวัน (บ้านเกิดของ โก้วเล้ง)
จนถึงขนาดมีการจ้าง เจิ้งเส้าชิวและ เจ้าหย่าจือ ไปแสดงให้กับบริษัทหนังไต้หวัน
ในยุคนั้นมีดาราไต้หวันคนอื่นๆเช่นกัน ที่คิดมาทาบรัศมี เจิ้งเส้าชิว
ด้วยการรับบทเป็น ชอลิ้วเฮียง อาทิ หลิวเต๋อไค เมิ่งเฟย เป็นต้น
แต่ไม่สามารถเทียบกับ เจิ้งเส้าชิว ได้แม้แต่น้อย
แต่วงการบันเทิง ไม่มีคำว่า มิตรแท้ และ ศัตรูถาวร เช่นเดียวกันอีกหลายๆวงการ
ในที่สุดเมื่อ เคลียร์ กันได้ระหว่าง โก้วเล้ง กับ เจิ้งเส้าชิว
โก้วเล้ง จึงรับปากเขียนบทหนังสองเรื่อง คือ ชอลิ้วเฮียง ตอนอวสาน
ชอลิ้วเฮียง กระบี่สะท้านภพ(ศึกแค้นศรสวาท)
楚留香大结局(อวสานชอลิ้วเฮียง) 96 นาที ฉาย 5 พฤษภาคม 1983
The Denouncement of Chu Liu Hsiang หรือ Clans of Intrigue
โกวเล้ง ร่วมเขียนบท และกำกับภาพ
โกวเล้ง ยึดบุคคลิก วิชา และคิวบู๊ ของชอลิ้วเฮียงที่โด่งดังจากละคร มาใส่ในภาพยนตร์ทั้งหมด
ไม่ได้แก้ไขให้เป็นตามอย่างนิยาย คงเอกลักษณ์ฉบับเจิ้งเส้าชิวที่ผู้ชมชื่นชอบครบถ้วน
ซึ่งโกวเล้ง ได้เขียนบท ให้พฤติกรรมของ ชอลิ้วเฮียง ต้องเสียท่าให้กับสตรีหลังจากย่งย้งตาย
ชอลิ้วเฮียงเสียความสุขุม และบ้าบิ่น ยิงธนูฆ่าคนที่มาลวนลามสาว จนติดกับที่ผู้ร้ายวางไว้
โดยในเรื่องนี้ นอกจาก เจิ้งเส้าชิว มารับบทเป็น ชอลิ้วเฮียงแล้ว
ยังให้ ฉีเส้าเฉียน มารับบทเป็น หัวหน้าตัวโกง เป็นพี่น้องต่างมารดากับหลวงจีนบ่ฮวย
และเป็นลูกชายของกวนอิมศิลา
โดยจัดหา สาวงามคนหนึ่งมาให้ ชอลิ้วเฮียง เสพสมด้วย ซึ่งสาวงามคนดังกล่าว เคยมีสามีแล้ว
เป็นจอมยุทธที่ได้ฉายาว่า มือกระบี่หน้าหยก แต่ตอนหลังหายสาบสูญไปจากยุทธจักร
เพราะเกิดอับอายที่ ใบหน้าและเนื้อตัว เริ่มเน่าเฟะ เนื่องจากติดโรคจากภรรยา
ด้วยสาวงามที่ว่านั้น มีโรคประจำตัว ที่ไม่มีผลร้ายต่อตัวเอง
แต่จะมีผลร้ายกับ ผู้ชาย ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ และงานนี้ชอลิ้วเฮียง โดนไปด้วย
ซึ่งในตอนจบ หนังฉายให้เห็นถึงหลุมศพของ ชอลิ้วเฮียง แต่ไม่ได้ทิ้งท้ายหรือฟันธงว่า
ชอลิ้วเฮียง ตายจริงหรือเปล่า เพราะออกเดินทางไปตามป่าดงพงไพร
โดยโกวเล้ง แอบเอาตอนจบของหนังเรื่องดังกล่าว ไปขยายความต่อในนิยายเรื่อง กล้วยไม้เที่ยงคืน
ซึ่งเป็นนิยายที่เขียนถึงพฤติกรรมตอนสุดท้าย (และท้ายสุด) ของชอลิ้วเฮียง
(ซึ่งคงสุดท้ายแน่ๆ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน โกวเล้ง ตายด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง)
โดยในนิยายดังกล่าว โกวเล้ง เขียนในทำนองว่า
ชอลิ้วเฮียง หายสาบสูญจากยุทธจักร มีข่าวลือต่างๆ โดยเฉพาะข่าวว่า ติดโรคจากผู้หญิงแล้วตาย
ในนิยายดูเหมือนว่า ชอลิ้วเฮียง รักษาโรคดังกล่าวได้ แต่ไม่ได้บอกว่า รักษายังไง
ชอลิ้วเฮียง ตอน กล้วยไม้เที่ยงคืน (เทพธิดากระบี่จันทรา)
午夜兰花 Demon Fighter 93 นาที ฉาย 21 สิงหาคม 1983
โกวเล้ง เขียนบท และกำกับภาพ ในภาพยนตร์ภาคสุดท้ายนี้
เล่าเรื่องหลังเหตุการณ์ที่ชอลิ้วเฮียงหายสาปสูญไปจากยุทธภพ และมาพบน้องสาวของย่งย้ง(หลินชิงเสีย)
เป็นการจบเรื่องแบบปลายเปิดที่ต้องเดากันเองว่า นางเอกตายรึเปล่า ปิดตำนานชอลิ้วเฮียงในเรื่องนี้
(ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง มีจำหน่ายในไทยและพากย์ไทย)
จากนั้นทางไต้หวัน ได้จ้างเจิ้งเส้าชิวแสดงในบทชอลิ้วเฮียงอีก
ฉบับละคร 1985 นางเอกหมีเซียะ เนื้อเรื่องต่อจากภาพยนตร์ตอนกล้วยไม้เที่ยงคืน
ฉบับละคร 1995 ยกเครื่องใหม่ ย่งย้งไม่ตาย นางเอกเป็นคนที่สี่ ชอลิ้วเฮียงถอดตัวจากยุทธภพ
ทั้งนี้ผลงานในยุคหลังของ โก้วเล้ง โดยเฉพาะ สามเรื่อง ที่หยิบเอานิยายที่เคยสร้างชื่อให้กับ โก้วเล้ง
ในยุคโด่งดังมาเขียน ได้แก่
มีดบินกรีดฟ้า ที่หยิบเอาเรื่องราวของ ลี้ไคว่ ที่กล่าวกันว่าเป็น ทายาทของ ลี้คิมฮวง
กระบี่พิโรธ ที่หยิบเอาเรื่องราวของ เล็กเซี่ยวหงส์ มาเขียนต่อ
และ กล้วยไม้เที่ยงคืน อันเป็นเรื่องราวของ ชอลิ้วเฮียง
คนอ่านล้วนแต่ ผิดหวัง กับนิยายทั้งสามเรื่องเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านเนื้อหา และการวางโครงเรื่อง
จนดูเหมือนว่า โกวเล้ง แค่กินบุญเก่า แท้จริงแล้วอาจตั้งใจสร้างเป็นภาพยนตร์แต่ประสบปัญหาหลายอย่าง
จนทำให้งานเขียนสามเรื่องนี้ ทำให้แฟนๆผิดหวังอย่างแรง
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้