สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมเลยก็ว่าได้ อิอิยังไงก็ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนเลยครับ ผมเป็นพักงาน IT บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งอยู่แถวๆ ธนบุรี เรียนจบด้าน IT มาโดยตรง ไม่มีความรู้เรื่องการทำเกษตรใดๆติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยครับ ทั้งๆที่ครอบครัวเป็นเกษตรกรกันทั้งบ้าน พูดไปก็รู้สึกเสียดายผืนดินบ้านเกิด ที่ไม่ได้กลับไปดูแล ตั้งแต่เรียนจบมาก็ไม่มีความคิดจะกลับไปพัฒนาหรือทำอะไรให้มันเป็นประโยชน์เลยก็ว่าได้ 555 เริ่มจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ละ....ขอเข้าเรื่องเลยละกันครับเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน เมื่อ 4 เดือนก่อน ผมได้มีโอกาสเข้ามาอ่านบทความของ คุณ กลอฟ์ เจ้าของ Page กอล์ฟฟาร์ม เมล่อนไทยแลนด์
https://www.facebook.com/GolfFarm
เรื่องการปลูกเมล่อนแบบไฮโดร ผมก็เลยมีความสนใจอยากลองปลูกดูบ้าง เพราะผมเองก็ชื่นชอบการทานเมล่อนมากๆเหมือนกัน ดังนั้นจึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลการปลูกแบบเอาจริงเอาจังอยู่ ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงตัดสินใจลองปลูกดู ก็เลยหยิบกระเป๋าตังแล้วมุ่งหน้าไป ตลาดธนบุรี แถวๆคลองทวีวัฒนา
รายการสินค้าที่ซื้อก็
1.ถาดเพาะต้นกล้า 1 ถาด
2.ถุงชำสีดำ 20 บาท
3.ดินมูลไส้เดือน+ใบก้ามปู 5 ถุง
4.กาบมะพร้าว 4 ถุง
5.ปุ๋ย 16-16-16, ขี้วัวแห้ง
6.กระถาง 12
7.เมล็ดเมล่อน สายพันธ์ุ ปริ้นเซส ซองละ 25 บาท
อันนี้เป็น ภาพสถานที่ ปลูกครับ แออัดไปหน่อย แต่ก็พอทดลองปลูกได้ประมาณไม่กี่ต้น
เริ่มเพาะเมล็ดได้ 5 วัน ก็เริ่มงอกเห็นใบเลี้ยง 2 ใบ แล้วครับเย้ๆ
วันที่ 7 นับจากวันเพาะเมล็ด ก็ได้นำต้นอ่อนลงถุงดำเพื่อปลูกครับ ก่อนหน้านี้ผมได้นำดินผสมกับเชื้อไตโครเดอร์มาที่สั่งซื้อมาจาก ม.เกษตร กำแพงแสน และตากแดดทิ้งไว้ 1 วันเต็ม ก็มามาลงถุงดำและ ใส่ต้นกล้าลงไปในถุง รอบนี้ผมเพาะไปทั้งหมด 20 ต้น แต่มี 1 ต้น ใบหงิก ไม่แข็งแรง กลัวว่าจะไม่รอด ก็เลยจำใจต้องถอนทิ้งครับ
หลังจากนำต้นกล้าลงถุงเรียบร้อยแล้วก็ดำเนินการจัดวางบนระเบียงบ้าน ด้วยความไม่เอื้ออำนวยในด้านสถานที่ก็เลยลงได้ 13 ถุง เหลืออีก 7 ต้น ต้องปล่อยทิ้งครับ เสียดายมาก แต่ละต้น กำลังน่ารักกันทั้งนั้นเลย
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ก็ผ่านไป 2 วัน ต้นเมล่อนน้อยของผมก็เริ่มเติบโตแตกใบจริงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยก็เลยต้องทำบ้านให้เค้าอยู่ ผมก็ไม่รู้จะใช้อะไรทำดีเพราะมองหาไม้ไผ่ตามร้านต้นไม้ก็แสนจะหายากเสียเหลือเกิน จึงตัดสินใจ เอาท่อ PVC ก็ได้ ดังนั้นจึงยิบกระเป๋าแล้วเดินไปร้านขายอุปกรณ์ท่อประปาใกล้ๆบ้าน (ประมาณ 1 กิโลเมตร) ไปเลือกอยู่นาน ก็ไม่ถูกใจเพราะ PVC มันอ่อนเกินไปถ้าจะเอามารับน้ำหนักลูกเมล่อนตอนโต จึงมองไปเห็นท่อเหล็กเออนี่และที่ต้องการก็เลยจัดมา 3 ท่อ ขนาด 1/2" ยาว 2 เมตร 3 ท่อ และ ข้อต่อโค้ง 2 อัน
จัดการวัดขนาดยาว 1.8 เมตร แล้วตัดซะเลยครับ วิธีนี้เป็นวิธีง่ายๆครับ ไม่ต้องลงทุนเยอะ 300 บาทเอง ฮือๆๆ
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยก็ดำเนินการผูกเชือกเพื่อทำค้างให้เจ้าเมล่อนเลื้อยขึ้นไป ดังภาพครับ
ผ่านไป 1 คืนผมตื่นแต่เช้ามารดน้ำปกติและไปทำงานตามประสาพนักงานออฟฟิตครับ พอเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ผมนี่ใจสะลายเลยครับ เมล่อนผมโดนทำร้ายร่างกาย
ใบนี้ขาดเป็นรูพรุนเลยครับ ไม่รู้ว่าตัวอะไรกัด
หลังจากเจ็บแค้นอย่างมาก ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันตัวอะไร หลังจากนั้นตอนเช้าผมจึงนั่งเฝ้าดูอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงยอมไปทำงานสายเลยครับ ไม่นานนักก็มีแมลงชนิดหนึ่งตัวสีส้มๆปีกแข็งๆ บินวนไปมาแล้วมันก็มาเกาะที่ใบผมจึงถ่ายรูปและค้นใน อากู๋ดูก็เลยถึงบางอ้อว่า มันคือแมลงเต่าแตงนี่เอง ซึงมันเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับพืชตระกูลแตงโดยแท้ ผมเลยต้องกำจัดมันโดยการยิบมาแล้ว เหยียบๆ จนตาย 555 สะใจที่ได้ระบายแค้น
ข้อมูลเจ้าตัวนี้ครับ
https://loveplant.wordpress.com/2012/07/19/pumpkin-beetle/
ผ่านไปได้ 5 วัน ก็เกิดปัญหาใหญ่ซะแล้วครับ ตัวผมเองจำใจต้องไปต่างจังหวัดซึ่งนานถึง 5 วันเลยครับคราวนี้ใครจะรดน้ำให้เมล่อนน้อยของผมละครับ ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า คุณกลอฟ์แห่งเมล่อนฟาร์ม ก็เคยปลูกแบบไฮโดรนี่หน่า ไม่คิดไรมาก ผสมปุ๋ยใน่ในน้ำเทใส่ กะละมัง แล้วเอาถุงเมล่อนไปแช่ทิ้งไว้อย่างนั้นเลย เพื่อให้ดินมันชื้นอยู่ตลอด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ผิดครับ เพราะอาจทำให้รากเน่าและตายได้ แต่ไม่รุ้ทำไงก็เหตุการณ์มันบังคับ
ผ่านไป 5 วัน ผมก็กลับมาถึง กทม จึงรีบวิ่งขึ้นไปดู ปรากฏว่าอยู่รอดปลอดภัยกันหมดแถมยัง โตขึ้นกว่าเดิมมาก เพื่อชดเชยหลายวันที่ผ่านมาผมจึงดำเนินการเอาเมล่อนไปตากแดดทั้งวันอีกครั้ง "อ๋อผมลืมบอกไปว่าบ้านผมบริเวณระเบียงจะมีแดดเพียงแค่ 4 ชั่วโมงในตอนเช้าเท่านั้น หลังจากนั้นก็มืดตึ๊บเพราะหลังคาบ้านมันจะบัง " ด้วยความดีใจ ผมจึงผสมปุ๋ยสูตร 16-16-16 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ลิตร แล้วฉีดพ่นไปที่ใบของเมล่อน เพื่อให้สารอาหารทางใบ ท่านใดที่ต้องการให้อาหารทางใบต้องตรวงปริมาณการใช้ปุ๋ยให้ดีนะครับ ไม่งั้นจะเป็นเหมือนผมครับ ปุ๋ยเข้มข้นเกิน ใบไหม้เลยครับดังภาพ
จึงได้รับนำเอาภาพปัญหาไปถามเหล่าพี่ๆใน กลุ่ม "กลุ่มคนรักเมล่อน"
https://www.facebook.com/groups/435328933286703/ หลายท่านแนะนำให้ปรับค่าสมดุลในดินก่อน เพราะสภาวะดินเริ่มเป็นกรดแล้วเนื่องจากปุ๋ยเยอะเกินไป ตามหลักเคมีหากต้องการลดกรด ก็ให้เติมด่างลงไปครับ แล้วจะหาด่างได้จากไหน ทางทับทิมหร๋อ ไม่ใช่นะ...ก็ปูนขาวไง แต่ผมไม่สะดวกหาปูนขาวจึงนึกขึ้นได้ว่า ขี้เถ้าก็เป็นด่างนี่หน่า จึงไปขอขี้เถ้าจากร้านขายไก่ย่างมา ประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งเค้าก็หวงนะครับเพราะเอาไว้ย่างไก่ 555 แต่ไม่เป็นไรครับเราหน้าด้าน และเป็นห่วงเมล่อนมากกว่า เมื่อได้มาแล้วผมก็ผสมน้ำแล้วแช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงจากนั้นก็นำไปฉีดพ่นที่ใบและรดลงดินให้มากๆเพื่อชะล้างกรดจากปุ๋ยที่ใส่เกินขนาด และส่วนไหนไหม้ก็ตัดเล็มทิ้งไป
หลังจากนั้นไม่นาน ปัญหาที่ 2 ก็ตามมาติดๆ เพาะเมล่อนนั่นเป็นพืชในตระกูลแตงที่อ่อนแอที่สุด ป่วยง่ายที่สุดเลยครับ อาการคือ ต้นแตกครับ สาเหตุน่าจะติดเชื้อที่เมล็ด แถมใบเลี้ยงก็เหี่ยวแห้งตายไปตามๆกัน โอ้ทำไมปัญหามันเยอะเยี้ยงนี้นะ
วันเวลาผ่านไป 25 วันหลังจากเพาะเมล็ด กูดูเหมือนจะดีขึ้นมาหลังจากเจอปัญหาอย่างหนักหน่วง แต่แล้วฝันมันก็ไม่ได้ก้าวไปถึงแบบง่ายๆอยู่ดีครับ
เมื่อเจอปัญหาใหญ่อีกรอบกับ การระบาดของแมงหวี่ขาวเล่นเอาใบหงิกกันเป็นแถบๆ ที่แรกนึกว่าติดไวรัสครับ
ไม่วายจริงๆครับ แมลงเต่าแตง มันมาอิกละ คงเห็นว่าผมไม่พ่นเคมีก็มาแอบกินกันใหญ่ สงสัยต้องเจอขั้นเด็ดขาดครับ
พ่นด้วยเจ้านี่ซะเลย ไม่สนใจละครับ ออแกนงออแกนิก
เมล่อน 32 วันนับจากวันเพาะเมล็ด วันเวลาก็ผ่านไปแต่ละต้นก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ครับเริ่มมีแขนงและดอกตัวผู้ปรากฏออกมาให้เห็นในแต่ละข้อใบ
เมล่อน 35 วันติดลูกแล้วครับ รอผสมเกสรครับงานนี้
ด้วยความเห่อที่เมล่อนติดลูกและหวังดีอีกแล้วครับ กลัวว่าแมลงวันทอง (แมลงวันผลไม้)จะมาไข่ใส่ลูกแตงอ่อน ผมก็เลยพ่นยากันแมลงอีกรอบครับ แต่รอบนี้ใบเปื่อยเลยครับไม่ได้ไหม้เหมือนปุ๋ย ทำไงละทำใจสิครับ ฮือๆๆ....ตัดใจตัดใบทิ้งเพื่อป้องกันอาการแผลติดเชื้อ...ว่าไปนั่น 555 ต้องตัดทิ้งครับเพราะใบเสียหายเยอะเกินไปครับ
เมล่อน 39 วันนับจากวันเพาะเมล็ด เริ่มผสมเกษร ช่วงนี้งดใช้เคมีภันฑ์ทุกชนิด และคิดว่าจะงดต่อไปจนเเก็บเกี่ยวครับ เนื่องจากผมมีผู้ช่วยผสมเกสรสุดเก่งนั่นคือแมลงชันโรงครับบังเอิญมากๆที่ เจ้าชันโรงเค้ามาทำรังอยู่ใกล้ๆหลังคาผมพอดีเลยครับ 555 ก็เลยนึกสงสารเห็นพากันมาดูดน้ำหวานกันเต็มไปหมด ก็เลยกลัวว่าจะพวกมันจะตายเพราะโดนยา...ครับ ต้องพึ่งพากันและกันครับ
ปกติแล้วเมล่อนเป็นพืชที่ต้องการช่วยผสมเกสรนะครับเพราะมีเกสรตัวผู้และตัวเมียแยกกันอยู่ ถ้าไม่มีแมลงช่วยผสมลูกจะไม่ติดและเหี่ยวแห้งไปครับ แต่บางครั้งถ้าปลูกในโรงเรือนบางคนก็จะผสมเองโดยใช้ภู่กันเขี่ยที่เกสรตัวผู้แล้วเอาไปป้ายเกสรตัวเมีย ช่วงผสมที่ดีที่สุดคือ 7-10 โมงเช้าช่วงดอกบาน เพราะดอกตัวเมียจะมีน้ำหวานอยู่ทำให้เกาเกสรตัวผู้ได้ดี ถ้าช้ากว่านั้นมันจะแห้งแล้วจะผสมไม่ค่อยติดครับ
หากใครอยากทราบว่าทำอย่างไรก็
ดูได้จากคลิบนี้ครับ https://youtu.be/Pvg4r8I-1H8
หลังจากนั้นเมื่อผสมเสร็จผ่านไป 1 วัน ดอกตัวเมียจะหุบเข้าเพื่อตั้งท้องครับ เมล่อน 1 ต้น จะมีผลเยอะมากแทบทุกข้อใบที่มีแขนง แต่ตามตำราบอกไว้ว่าจะไว้ผลได้แค่ 1-2 ผลต่อต้นเท่านั้น โดยให้ไว้ผลตั้งแต่ข้อที่ 9-12 เพราะจะให้ผลดี
ครั้งแรกกับการปลูกเมล่อนญี่ปุ่น บนทาวน์เฮ้า
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนเลยครับ ผมเป็นพักงาน IT บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งอยู่แถวๆ ธนบุรี เรียนจบด้าน IT มาโดยตรง ไม่มีความรู้เรื่องการทำเกษตรใดๆติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยครับ ทั้งๆที่ครอบครัวเป็นเกษตรกรกันทั้งบ้าน พูดไปก็รู้สึกเสียดายผืนดินบ้านเกิด ที่ไม่ได้กลับไปดูแล ตั้งแต่เรียนจบมาก็ไม่มีความคิดจะกลับไปพัฒนาหรือทำอะไรให้มันเป็นประโยชน์เลยก็ว่าได้ 555 เริ่มจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ละ....ขอเข้าเรื่องเลยละกันครับเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน เมื่อ 4 เดือนก่อน ผมได้มีโอกาสเข้ามาอ่านบทความของ คุณ กลอฟ์ เจ้าของ Page กอล์ฟฟาร์ม เมล่อนไทยแลนด์ https://www.facebook.com/GolfFarm
เรื่องการปลูกเมล่อนแบบไฮโดร ผมก็เลยมีความสนใจอยากลองปลูกดูบ้าง เพราะผมเองก็ชื่นชอบการทานเมล่อนมากๆเหมือนกัน ดังนั้นจึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลการปลูกแบบเอาจริงเอาจังอยู่ ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงตัดสินใจลองปลูกดู ก็เลยหยิบกระเป๋าตังแล้วมุ่งหน้าไป ตลาดธนบุรี แถวๆคลองทวีวัฒนา
รายการสินค้าที่ซื้อก็
1.ถาดเพาะต้นกล้า 1 ถาด
2.ถุงชำสีดำ 20 บาท
3.ดินมูลไส้เดือน+ใบก้ามปู 5 ถุง
4.กาบมะพร้าว 4 ถุง
5.ปุ๋ย 16-16-16, ขี้วัวแห้ง
6.กระถาง 12
7.เมล็ดเมล่อน สายพันธ์ุ ปริ้นเซส ซองละ 25 บาท
อันนี้เป็น ภาพสถานที่ ปลูกครับ แออัดไปหน่อย แต่ก็พอทดลองปลูกได้ประมาณไม่กี่ต้น
เริ่มเพาะเมล็ดได้ 5 วัน ก็เริ่มงอกเห็นใบเลี้ยง 2 ใบ แล้วครับเย้ๆ
วันที่ 7 นับจากวันเพาะเมล็ด ก็ได้นำต้นอ่อนลงถุงดำเพื่อปลูกครับ ก่อนหน้านี้ผมได้นำดินผสมกับเชื้อไตโครเดอร์มาที่สั่งซื้อมาจาก ม.เกษตร กำแพงแสน และตากแดดทิ้งไว้ 1 วันเต็ม ก็มามาลงถุงดำและ ใส่ต้นกล้าลงไปในถุง รอบนี้ผมเพาะไปทั้งหมด 20 ต้น แต่มี 1 ต้น ใบหงิก ไม่แข็งแรง กลัวว่าจะไม่รอด ก็เลยจำใจต้องถอนทิ้งครับ
หลังจากนำต้นกล้าลงถุงเรียบร้อยแล้วก็ดำเนินการจัดวางบนระเบียงบ้าน ด้วยความไม่เอื้ออำนวยในด้านสถานที่ก็เลยลงได้ 13 ถุง เหลืออีก 7 ต้น ต้องปล่อยทิ้งครับ เสียดายมาก แต่ละต้น กำลังน่ารักกันทั้งนั้นเลย
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ก็ผ่านไป 2 วัน ต้นเมล่อนน้อยของผมก็เริ่มเติบโตแตกใบจริงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยก็เลยต้องทำบ้านให้เค้าอยู่ ผมก็ไม่รู้จะใช้อะไรทำดีเพราะมองหาไม้ไผ่ตามร้านต้นไม้ก็แสนจะหายากเสียเหลือเกิน จึงตัดสินใจ เอาท่อ PVC ก็ได้ ดังนั้นจึงยิบกระเป๋าแล้วเดินไปร้านขายอุปกรณ์ท่อประปาใกล้ๆบ้าน (ประมาณ 1 กิโลเมตร) ไปเลือกอยู่นาน ก็ไม่ถูกใจเพราะ PVC มันอ่อนเกินไปถ้าจะเอามารับน้ำหนักลูกเมล่อนตอนโต จึงมองไปเห็นท่อเหล็กเออนี่และที่ต้องการก็เลยจัดมา 3 ท่อ ขนาด 1/2" ยาว 2 เมตร 3 ท่อ และ ข้อต่อโค้ง 2 อัน
จัดการวัดขนาดยาว 1.8 เมตร แล้วตัดซะเลยครับ วิธีนี้เป็นวิธีง่ายๆครับ ไม่ต้องลงทุนเยอะ 300 บาทเอง ฮือๆๆ
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยก็ดำเนินการผูกเชือกเพื่อทำค้างให้เจ้าเมล่อนเลื้อยขึ้นไป ดังภาพครับ
ผ่านไป 1 คืนผมตื่นแต่เช้ามารดน้ำปกติและไปทำงานตามประสาพนักงานออฟฟิตครับ พอเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ผมนี่ใจสะลายเลยครับ เมล่อนผมโดนทำร้ายร่างกาย ใบนี้ขาดเป็นรูพรุนเลยครับ ไม่รู้ว่าตัวอะไรกัด
หลังจากเจ็บแค้นอย่างมาก ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันตัวอะไร หลังจากนั้นตอนเช้าผมจึงนั่งเฝ้าดูอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงยอมไปทำงานสายเลยครับ ไม่นานนักก็มีแมลงชนิดหนึ่งตัวสีส้มๆปีกแข็งๆ บินวนไปมาแล้วมันก็มาเกาะที่ใบผมจึงถ่ายรูปและค้นใน อากู๋ดูก็เลยถึงบางอ้อว่า มันคือแมลงเต่าแตงนี่เอง ซึงมันเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับพืชตระกูลแตงโดยแท้ ผมเลยต้องกำจัดมันโดยการยิบมาแล้ว เหยียบๆ จนตาย 555 สะใจที่ได้ระบายแค้น
ข้อมูลเจ้าตัวนี้ครับ https://loveplant.wordpress.com/2012/07/19/pumpkin-beetle/
ผ่านไปได้ 5 วัน ก็เกิดปัญหาใหญ่ซะแล้วครับ ตัวผมเองจำใจต้องไปต่างจังหวัดซึ่งนานถึง 5 วันเลยครับคราวนี้ใครจะรดน้ำให้เมล่อนน้อยของผมละครับ ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า คุณกลอฟ์แห่งเมล่อนฟาร์ม ก็เคยปลูกแบบไฮโดรนี่หน่า ไม่คิดไรมาก ผสมปุ๋ยใน่ในน้ำเทใส่ กะละมัง แล้วเอาถุงเมล่อนไปแช่ทิ้งไว้อย่างนั้นเลย เพื่อให้ดินมันชื้นอยู่ตลอด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ผิดครับ เพราะอาจทำให้รากเน่าและตายได้ แต่ไม่รุ้ทำไงก็เหตุการณ์มันบังคับ
ผ่านไป 5 วัน ผมก็กลับมาถึง กทม จึงรีบวิ่งขึ้นไปดู ปรากฏว่าอยู่รอดปลอดภัยกันหมดแถมยัง โตขึ้นกว่าเดิมมาก เพื่อชดเชยหลายวันที่ผ่านมาผมจึงดำเนินการเอาเมล่อนไปตากแดดทั้งวันอีกครั้ง "อ๋อผมลืมบอกไปว่าบ้านผมบริเวณระเบียงจะมีแดดเพียงแค่ 4 ชั่วโมงในตอนเช้าเท่านั้น หลังจากนั้นก็มืดตึ๊บเพราะหลังคาบ้านมันจะบัง " ด้วยความดีใจ ผมจึงผสมปุ๋ยสูตร 16-16-16 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ลิตร แล้วฉีดพ่นไปที่ใบของเมล่อน เพื่อให้สารอาหารทางใบ ท่านใดที่ต้องการให้อาหารทางใบต้องตรวงปริมาณการใช้ปุ๋ยให้ดีนะครับ ไม่งั้นจะเป็นเหมือนผมครับ ปุ๋ยเข้มข้นเกิน ใบไหม้เลยครับดังภาพ
จึงได้รับนำเอาภาพปัญหาไปถามเหล่าพี่ๆใน กลุ่ม "กลุ่มคนรักเมล่อน" https://www.facebook.com/groups/435328933286703/ หลายท่านแนะนำให้ปรับค่าสมดุลในดินก่อน เพราะสภาวะดินเริ่มเป็นกรดแล้วเนื่องจากปุ๋ยเยอะเกินไป ตามหลักเคมีหากต้องการลดกรด ก็ให้เติมด่างลงไปครับ แล้วจะหาด่างได้จากไหน ทางทับทิมหร๋อ ไม่ใช่นะ...ก็ปูนขาวไง แต่ผมไม่สะดวกหาปูนขาวจึงนึกขึ้นได้ว่า ขี้เถ้าก็เป็นด่างนี่หน่า จึงไปขอขี้เถ้าจากร้านขายไก่ย่างมา ประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งเค้าก็หวงนะครับเพราะเอาไว้ย่างไก่ 555 แต่ไม่เป็นไรครับเราหน้าด้าน และเป็นห่วงเมล่อนมากกว่า เมื่อได้มาแล้วผมก็ผสมน้ำแล้วแช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงจากนั้นก็นำไปฉีดพ่นที่ใบและรดลงดินให้มากๆเพื่อชะล้างกรดจากปุ๋ยที่ใส่เกินขนาด และส่วนไหนไหม้ก็ตัดเล็มทิ้งไป
หลังจากนั้นไม่นาน ปัญหาที่ 2 ก็ตามมาติดๆ เพาะเมล่อนนั่นเป็นพืชในตระกูลแตงที่อ่อนแอที่สุด ป่วยง่ายที่สุดเลยครับ อาการคือ ต้นแตกครับ สาเหตุน่าจะติดเชื้อที่เมล็ด แถมใบเลี้ยงก็เหี่ยวแห้งตายไปตามๆกัน โอ้ทำไมปัญหามันเยอะเยี้ยงนี้นะ
วันเวลาผ่านไป 25 วันหลังจากเพาะเมล็ด กูดูเหมือนจะดีขึ้นมาหลังจากเจอปัญหาอย่างหนักหน่วง แต่แล้วฝันมันก็ไม่ได้ก้าวไปถึงแบบง่ายๆอยู่ดีครับ
เมื่อเจอปัญหาใหญ่อีกรอบกับ การระบาดของแมงหวี่ขาวเล่นเอาใบหงิกกันเป็นแถบๆ ที่แรกนึกว่าติดไวรัสครับ
ไม่วายจริงๆครับ แมลงเต่าแตง มันมาอิกละ คงเห็นว่าผมไม่พ่นเคมีก็มาแอบกินกันใหญ่ สงสัยต้องเจอขั้นเด็ดขาดครับ
พ่นด้วยเจ้านี่ซะเลย ไม่สนใจละครับ ออแกนงออแกนิก
เมล่อน 32 วันนับจากวันเพาะเมล็ด วันเวลาก็ผ่านไปแต่ละต้นก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ครับเริ่มมีแขนงและดอกตัวผู้ปรากฏออกมาให้เห็นในแต่ละข้อใบ
เมล่อน 35 วันติดลูกแล้วครับ รอผสมเกสรครับงานนี้
ด้วยความเห่อที่เมล่อนติดลูกและหวังดีอีกแล้วครับ กลัวว่าแมลงวันทอง (แมลงวันผลไม้)จะมาไข่ใส่ลูกแตงอ่อน ผมก็เลยพ่นยากันแมลงอีกรอบครับ แต่รอบนี้ใบเปื่อยเลยครับไม่ได้ไหม้เหมือนปุ๋ย ทำไงละทำใจสิครับ ฮือๆๆ....ตัดใจตัดใบทิ้งเพื่อป้องกันอาการแผลติดเชื้อ...ว่าไปนั่น 555 ต้องตัดทิ้งครับเพราะใบเสียหายเยอะเกินไปครับ
เมล่อน 39 วันนับจากวันเพาะเมล็ด เริ่มผสมเกษร ช่วงนี้งดใช้เคมีภันฑ์ทุกชนิด และคิดว่าจะงดต่อไปจนเเก็บเกี่ยวครับ เนื่องจากผมมีผู้ช่วยผสมเกสรสุดเก่งนั่นคือแมลงชันโรงครับบังเอิญมากๆที่ เจ้าชันโรงเค้ามาทำรังอยู่ใกล้ๆหลังคาผมพอดีเลยครับ 555 ก็เลยนึกสงสารเห็นพากันมาดูดน้ำหวานกันเต็มไปหมด ก็เลยกลัวว่าจะพวกมันจะตายเพราะโดนยา...ครับ ต้องพึ่งพากันและกันครับ
ปกติแล้วเมล่อนเป็นพืชที่ต้องการช่วยผสมเกสรนะครับเพราะมีเกสรตัวผู้และตัวเมียแยกกันอยู่ ถ้าไม่มีแมลงช่วยผสมลูกจะไม่ติดและเหี่ยวแห้งไปครับ แต่บางครั้งถ้าปลูกในโรงเรือนบางคนก็จะผสมเองโดยใช้ภู่กันเขี่ยที่เกสรตัวผู้แล้วเอาไปป้ายเกสรตัวเมีย ช่วงผสมที่ดีที่สุดคือ 7-10 โมงเช้าช่วงดอกบาน เพราะดอกตัวเมียจะมีน้ำหวานอยู่ทำให้เกาเกสรตัวผู้ได้ดี ถ้าช้ากว่านั้นมันจะแห้งแล้วจะผสมไม่ค่อยติดครับ
หากใครอยากทราบว่าทำอย่างไรก็ ดูได้จากคลิบนี้ครับ https://youtu.be/Pvg4r8I-1H8
หลังจากนั้นเมื่อผสมเสร็จผ่านไป 1 วัน ดอกตัวเมียจะหุบเข้าเพื่อตั้งท้องครับ เมล่อน 1 ต้น จะมีผลเยอะมากแทบทุกข้อใบที่มีแขนง แต่ตามตำราบอกไว้ว่าจะไว้ผลได้แค่ 1-2 ผลต่อต้นเท่านั้น โดยให้ไว้ผลตั้งแต่ข้อที่ 9-12 เพราะจะให้ผลดี