Insight "Inside out" : Why we have sadness ??
เป็นหนังแอนนิเมชั่นล่าสุดจากค่าย Pixar ที่ดีที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ Inside out
หนังที่แทนอารมณ์ต่างๆด้วยตัวละครน่ารักๆ ต่างคาแรคเตอร์กันไป
โดยมี Joy (ความสุข) เป็นตัวดำเนินเรื่อง และมีตัวประกอบเป็น Fear(ความกลัว), Anger(ความโกรธ), Disgust(ความรังเกียจ) and Sadness(ความโศกเศร้า)
แต่ถึงกระนั้น Joy เป็นแค่ตัวดำเนินเรื่องเท่านั้น ประเด็นของเรื่องอยู่ที่ Sadness
หนังเริ่มต้นด้วยการกำเนิดของ Joy และตามมาด้วย Sadness เมื่อมีความสุขก็ต้องมีความเศร้า เป็นของคู่กันตรงกันข้าม
จากนั้นหนังก็จะรุมสับ Sadness ถึงข้อเสียต่างๆมากมายก่ายกอง จนเราตั้งคำถามว่า
ทำไมเราต้องมีความโศกเศร้าอยู่ในอารมณ์ละ ในเมื่อมันไม่มีข้อดีสักข้อ
เราจะไม่พูดถึงประเด็นที่สื่อออกมาชัดแล้วในหนัง แต่เราจะมาพูดถึงประเด็นที่ซ่อนอยู่ในหนังกัน
นอกจากความโศกเศร้าจะทำให้คนรอบข้างรู้ว่าเรากำลังอ่อนแอต้องการความช่วยเหลือนั้น
ความโศกเศร้ายังทำให้เรายอมรับความจริงและก้าวต่อไปอีกด้วย
ไม่ได้มีเพียงแค่ความสุขเท่านั้นที่ขับเคลื่อนชีวิตเราไปข้างหน้า
จากที่เห็นฉากที่ Sadness พูดให้ Bing Bong กลับมามีกำลังใจเป็นปกติได้นั่นเอง
นอกจากนั้นแล้ว Sadness ยังเป็นเหมือนถังขยะอารมณ์ เมื่อวันใดที่ท้อ โลกนี้มันหนัก หากได้ปล่อยมันออกมาก็เหมือนแบกภูเขาออกจากอก
จนทำให้เกิดความสุขขึ้นมาเหมือนดั่งในตอนจบของเรื่องนี้
ทีนี้มาพูดถึง Joy บ้าง จากการออกแบบตัวละคร Sadness ถูกแทนที่ด้วยสีฟ้า Blue = ในความหมายของภาษาอังกฤษคือ ความเศร้าใจ
Joy ถูกออกแบบมาเป็นสีเหลืองคือสีของพระอาทิตย์ มี context มากมาย ความหวัง ความสว่างไสว ฯลฯ
แต่กลับเปร่ง ออร่า มาเป็น สีฟ้า !!!
ใช่แล้วแม้แต่ Joy ก็ไม่ Joy 100% ยังคงมี Sadness ผสมอยู่
ทุกคนคงเคยมีอารมณ์ที่มีความสุขมากๆ เราจึง "กลัวการสูญเสียความสุขนั้นไป"
ใช่แล้วนั่นแหละคือ Sadness ของ Joy ที่ Joy ไม่เคยยอมรับเลยตั้งแต่ต้นเรื่องเกี่ยวกับการมีอยู่ของ Sadness ทั้งในตัว Riley และ ในตัว Joy เอง
หลังจากที่ Joy ยอมรับการมีอยู่ของ Sadness จึงเกิดเป็นอารมณ์ใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ ความซาบซึ้ง (Delight)
สำหรับเรื่องนี้ทีมผู้สร้างน่าจะทำการบ้านมาค่อนข้างนานมาก ขนาดโฟกัสอยู่หลักๆแค่ 2 อารมณ์
ผมยังคงหวังว่าจะเห็นภาคต่อในปีหน้าครับ 5555
อยากเห็นอารมณ์อื่นเด่นบ้าง เบื่อหน้า Joy แล้ว
Insight "Inside out" : Why we have sadness ?? (กระทู้วิเคราะห์หนัง + มีสปอยล์)
เป็นหนังแอนนิเมชั่นล่าสุดจากค่าย Pixar ที่ดีที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ Inside out
หนังที่แทนอารมณ์ต่างๆด้วยตัวละครน่ารักๆ ต่างคาแรคเตอร์กันไป
โดยมี Joy (ความสุข) เป็นตัวดำเนินเรื่อง และมีตัวประกอบเป็น Fear(ความกลัว), Anger(ความโกรธ), Disgust(ความรังเกียจ) and Sadness(ความโศกเศร้า)
แต่ถึงกระนั้น Joy เป็นแค่ตัวดำเนินเรื่องเท่านั้น ประเด็นของเรื่องอยู่ที่ Sadness
หนังเริ่มต้นด้วยการกำเนิดของ Joy และตามมาด้วย Sadness เมื่อมีความสุขก็ต้องมีความเศร้า เป็นของคู่กันตรงกันข้าม
จากนั้นหนังก็จะรุมสับ Sadness ถึงข้อเสียต่างๆมากมายก่ายกอง จนเราตั้งคำถามว่า
ทำไมเราต้องมีความโศกเศร้าอยู่ในอารมณ์ละ ในเมื่อมันไม่มีข้อดีสักข้อ
เราจะไม่พูดถึงประเด็นที่สื่อออกมาชัดแล้วในหนัง แต่เราจะมาพูดถึงประเด็นที่ซ่อนอยู่ในหนังกัน
นอกจากความโศกเศร้าจะทำให้คนรอบข้างรู้ว่าเรากำลังอ่อนแอต้องการความช่วยเหลือนั้น
ความโศกเศร้ายังทำให้เรายอมรับความจริงและก้าวต่อไปอีกด้วย
ไม่ได้มีเพียงแค่ความสุขเท่านั้นที่ขับเคลื่อนชีวิตเราไปข้างหน้า
จากที่เห็นฉากที่ Sadness พูดให้ Bing Bong กลับมามีกำลังใจเป็นปกติได้นั่นเอง
นอกจากนั้นแล้ว Sadness ยังเป็นเหมือนถังขยะอารมณ์ เมื่อวันใดที่ท้อ โลกนี้มันหนัก หากได้ปล่อยมันออกมาก็เหมือนแบกภูเขาออกจากอก
จนทำให้เกิดความสุขขึ้นมาเหมือนดั่งในตอนจบของเรื่องนี้
ทีนี้มาพูดถึง Joy บ้าง จากการออกแบบตัวละคร Sadness ถูกแทนที่ด้วยสีฟ้า Blue = ในความหมายของภาษาอังกฤษคือ ความเศร้าใจ
Joy ถูกออกแบบมาเป็นสีเหลืองคือสีของพระอาทิตย์ มี context มากมาย ความหวัง ความสว่างไสว ฯลฯ
แต่กลับเปร่ง ออร่า มาเป็น สีฟ้า !!!
ใช่แล้วแม้แต่ Joy ก็ไม่ Joy 100% ยังคงมี Sadness ผสมอยู่
ทุกคนคงเคยมีอารมณ์ที่มีความสุขมากๆ เราจึง "กลัวการสูญเสียความสุขนั้นไป"
ใช่แล้วนั่นแหละคือ Sadness ของ Joy ที่ Joy ไม่เคยยอมรับเลยตั้งแต่ต้นเรื่องเกี่ยวกับการมีอยู่ของ Sadness ทั้งในตัว Riley และ ในตัว Joy เอง
หลังจากที่ Joy ยอมรับการมีอยู่ของ Sadness จึงเกิดเป็นอารมณ์ใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ ความซาบซึ้ง (Delight)
สำหรับเรื่องนี้ทีมผู้สร้างน่าจะทำการบ้านมาค่อนข้างนานมาก ขนาดโฟกัสอยู่หลักๆแค่ 2 อารมณ์
ผมยังคงหวังว่าจะเห็นภาคต่อในปีหน้าครับ 5555
อยากเห็นอารมณ์อื่นเด่นบ้าง เบื่อหน้า Joy แล้ว