ผ้านุ่งแดง

กระทู้สนทนา
คืนดาวดับมืดยิ่งกว่ามืด ทุกอย่างบนพื้นโลกใบนี้กลายเป็นเงาของรัตติกาลโดยดุษฎี ผมกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะอยากรู้ว่าในคืนเกิดเหตุ สภาพแวดล้อมมันสอดคล้องกับสิ่งที่ผมเห็นสภาพอันสยดสยองในตอนกลางวันเพียงไหน หญ้าต้นสูงที่ขึ้นหนาตาเป็นตัวกรองเสียงที่เล็ดลอดเข้ามาในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ดีจนถึงขนาดทำเอาผมไม่ได้ยินเสียงเรียกของ ปูเป้ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ปัจจุบันเป็นผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์ของค่ายดังที่ผมชวนมาเป็นเพื่อนด้วยในคืนนี้
“ไอ้ผู้กอง แกจะเดินตามฉันหรือให้ฉันมาเดินตามแกแกะรอยกันแน่”
ผมหยุดรอปูเป้แต่ก็ฉายไฟฉายส่องไปรอบ ๆ ตัวที่รกครึ้มไปด้วยหญ้าสูงและส่องพื้นดูสัตว์เลื้อยคลานที่จะออกมาทำเราตกอกตกใจได้
“เหนื่อยล่ะสิ”
ผมถามเมื่อร่างบางที่มีหมวกไฟฉายอยู่บนหัวมายืนข้าง ๆ
“มันน่ากลัวกว่าตอนมาถ่ายหนังสิบเท่า นี่แกจะส่องหาอะไรนักหนา” เสียงผู้กำกับสาวแผดดังจนแสบแก้วหู
“ฉันสังหรณ์ว่าอีกศพหนึ่งที่เรายังหาไม่พบ ต้องอยู่ที่นี่”
“หา”
ปูเป้อุทานเสียงอยู่ในลำคอ เธอรู้ว่าผมมีสังหรณ์ดีพอไม่พลาดเรื่องแบบนี้
“ตอนแกเข้ามาถ่ายหนังแกใช้ทางเข้าด้านหน้าใช่ไหม ?”
“ใช่คือฉันมีรถทีมงาน มีรถอุปกรณ์ รถปั่นไฟด้วย เจ้าของที่ให้เข้ามาทางถนนหลัก”
“แต่เรื่องนี้มันใช้ทางเรือ ทางเดียวกับที่แกใช้ในหนัง” ผมว่า
“แกอย่าย้ำได้ไหม แค่นี้ฉันรู้สึกผิดมากเลย ฉันไม่รู้ว่ามันมาทำเลียนแบบในหนังของฉันทำไม”
ผมมองปูเป้ นึกเห็นใจ เธอเพิ่งชื่นชมกับความสำเร็จได้ไม่ทันไรก็มาถูกข่าวนี้ทำลายขวัญเสียแล้ว
“ที่นี่กว้างมาก” ผมชวนคุย
“แต่ฮวงจุ้ยไม่ดีไงแก ทิศมันมีพลังสามทิศจากทางสามแพร่งของแม่น้ำ ตามตำนานว่ามันเฮี้ยนพอที่จะปลุกทุกอย่างให้กลับมามีชีวิตได้” เธอว่า
“ถ้าแกจะเขียนสำนวนคดีนี้แทนการเขียนบทแกจะเขียนสรุปมันว่ายังไง” ผมถามพลางเดินลุยไปด้วย
“ไม่รู้ฉันไม่ใช่ตำรวจ บทฉันเขียนจากที่ค้นคว้ามาว่าบางคน จิตอ่อน ก็จะได้ยินเสียง หรือ ได้ยินคนออกคำสั่งให้ทำอะไรโดยไม่รู้ตัว อย่างลุกขึ้นร่ายรำ ลุกขึ้นฟ้อน หรือ ร้องลำนำละครแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน"
“ตอนถ่ายทำนักแสดงกะทีมงานเกือบห้าสิบคน ไฟสว่าง บางมุมมันยังหลอน ตึกนี่เป็นฉากที่ไม่ต้องถูกเซตขึ้นใหม่เลย"
ผมยื่นน้ำดื่มให้
"ยิ่งคืนนี้ของจริงเหมือนถูกใครเซตไว้เพื่อฉันกับแกเลยนะ”
ปูเป้พูดทำลายความเงียบตามหลังผมมาไม่ขาดเสียง



คอนโดมิเนียมร้างสามแท่งที่สร้างหันหน้าออกปากแม่น้ำกว้าง หันหลังเข้าหาพื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางที่โอบล้อมด้วยน้ำนี้มันสวยงามมากเมื่อปรากฏในโมเดลและแผ่นใบปลิว แต่เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจคราวลดค่าเงินบาทเมื่อหลายปีก่อนโครงการก็ประสบปัญหาด้านเงินทุน มันก็ถูกยุติการดำเนินการก่อสร้างต่อมากว่าสิบปีทั้งที่สร้างไปแล้วเกินกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ในทุกอาคาร ผู้ร่วมลงทุนต่างพากันถอดใจต่อเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากนั้น ไม่มีใครทำมันต่อจนสำเร็จ แม้จะมีความพยายามเข้ามาฟื้นฟูโดยนักลงทุนกลุ่มใหม่อีกหลายครั้งหลายหน แต่มันก็เหมือนต้องคำสาปให้เป็นแค่ฉากในหนังผีกันจนชินตานักดูหนังเท่านั้น
รายการล่าท้าอาถรรพ์ ไปขุดค้นประวัติของพื้นที่เดิมที่นี่ พบว่าพื้นที่ก่อสร้างที่นี่เป็นที่ของขุนนางเก่าแก่ที่เคยสนองงานของเจ้ากรมพระองค์หนึ่งในละครร้อง ละครรำ เกาะกลางของคอนโดสูงสามแท่งตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงละครขนาดใหญ่ที่มีเจ้านายและคนชั้นสูงมาเยี่ยมชมเมื่อคราวล่องเรือมาแม่น้ำสายนี้ ค่ายหนังจึงขอซื้อพล๊อตจากรายการนั้น แล้วทุ่มทุนสร้าง “ล่าท้าผีนางรำ” ให้ปูเป้เป็นคนเขียนบทและกำกับ หนังเข้าโรงไปได้สัปดาห์เดียวก็ทำเงินถล่มทลายพร้อมกับการเกิดการฆาตกรรมหมู่ในฉากเดียวกันกับในหนังเมื่อคืนวานนี้
มีผู้เสียชีวิตหกราย เป็นเด็กวัยรุ่นชายสองหญิงสี่ ยังไม่สามารถระบุว่าเป็นใครมาจากไหนได้ ขณะนี้กำลังติดตามญาติอยู่ ผมได้ข้อมูลจากคนขับเรือรับจ้างเมื่อตอนบ่ายบอกเพียงว่ามีหญิงสาวห้าคน ชายสองคนอยู่ในเรือที่นั่งเต็มความจุรวมคนขับแปดคนในคืนนั้น ปัญหาของผมคือมีหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่ยังหาตัวไม่พบ มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าเธอเสียชีวิตแล้ว และบางทีอาจจะมีคนตายมากกว่านั้น

กว่าเราจะมุดพงหญ้าและต้นธูปฤษีมาข้ามสะพานไม้มายืนที่พื้นโล่งของกลางเกาะนี้ได้ ก็เหน็ดเหนื่อยพอสมควร ผมหยิบธูปมาจุดหนึ่งดอกขอให้เจ้าที่เจ้าทางช่วยดลจิตดลใจให้เข้าใกล้เบาะแสหรือได้เจอศพสาวคนนั้น ปูเป้ดูเหนื่อยและเงียบเสียงไปคงด้วยความเหนื่อยและกลัวกับสภาพแวดล้อมที่เหมือนถูกต้อนให้จนมุมอยู่ตอนนี้ บ้าจริ งฉากที่นักเรียนฝึกรำแล้วถูกผีเข้า เดินรำกันไปเป็นหมู่จนถึงท่าน้ำแล้วกระโดดน้ำตายทีละคนของปูเป้ผุดเข้ามาในหัว ศพถูกสายน้ำพัดกลับเข้ามาติดอยู่ที่เกาะโรงละครแห่งนี้ภาพนั้นติดตาผมอยู่ตลอด ผมปักธูปเสร็จจึงเดินไปชายน้ำด้านเหนือ ปูเป้เดินติดผมมาตลอดบรรยากาศที่นี่คงไม่ชวนให้เธอเจื้อยแจ้วได้เหมือนตอนแรก ท่อนขาขาวสะท้อนแสงไฟฉายลอยเด่นอยู่ในผืนน้ำ ผ้านุ่งสีแดงสดที่เหนือขึ้นขาไปราวสองคืบตรงหน้าทำเอาใจผมสั่นด้วยความตื่นเต้น

“แก ฉันพบศพแล้ว” ผมบอกปูเป้โดยไม่ได้หันไปมอง แต่รับรู้ได้ว่าเธอมองตามผมตลอดจากแนวแสงไฟที่ติดอยู่หมวกของเธอ ผมวางไฟฉายลง เริ่มออกแรงดึงศพนั้นเข้ามาก็พบว่ามันมีน้ำหนักมากผิดปกติ เหมือนศพจะถูกยึดด้วยเชือกผ้าเส้นไม่ใหญ่นัก ร่างของศพถูกมัดไว้กับอะไรบางอย่างที่ลอยเหนือน้ำอยู่เป็นเงาอยู่สองร่าง สังหรณ์ผมบอกว่าเป็นศพอีกสองศพ ไม่นะอย่าให้สังหรณ์ผมแม่นยำขนาดนั้นเลย ผมโหมแรงดึงร่างแรกเข้ามาแทบเท้าแล้ว ไฟจากศีรษะของปูเป้ก็เบนจากศพตรงหน้าผมมาตกกระทบที่ตัวผมพอดี ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ...ดาบเล่มใหญ่ในมือของปูเป้ก็บั่นลงมาที่ลำคอผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่