ก่อนอื่นขอออกตัวว่า ไม่ได้อกหัก ไม่ได้อิจฉาคนมีแฟน หรือทะเลาะกับใครมา เพื่อที่จะตั้งกระทู้นี้
ขอใช้แท็กต่อไปนี้นะครับ
- ปัญหาความรัก = เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
- ปัญหาชีวิต = เพราะความรักเป็นสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตทุกคน
- ปัญหาสังคม = เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายในสังคม
แต่แค่ผมรู้สึกว่า สมัยนี้ อะไรๆ ก็ความรักจริงๆ
หนังสือยอดนิยมที่ขายดีคู่หนังสือการเงินแนวอะไร ความรัก (ตอนนี้อาจเป็นแนวอื่นแล้วก็ได้ เพราะผมไม่ได้ไปร้านหนังสือบ่อยๆ)
เนื้อหาเพลงเดี๋ยวนี้ เกี่ยวกับอะไร ความรัก รักพ่อ รักแม่ รักชาติ โผล่มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรักแบบแฟน หนุ่มสาว อะไรแบบนี้ แบบว่าสุ่มเปิด 10 เพลงติดต่อกัน จะเจอเพลงแนวนี้อย่างน้อย 7 เพลงทั้งสตริง ลูกทุ่ง แม้แต่เพลงต่างประเทศก็เช่นกัน
แม้แต่ Social Network เรื่องความรักก็เป็นเรื่องยอดนิยม ทั้งโพสต์ ทั้งเพจ แบบว่า คนโสดที่ไม่เคยมีแฟนช่ำชองเรื่องความรักจากการศึกษาหาความรู้จนไม่แพ้คนมีแฟนเป็นสิบแล้ว (ไม่ใช่เรื่อง 18+ แต่หมายถึง การรับมือกับการอกหัก การรับมือกับความโสดอะไรแบบนี้ จนคนโสดเป็นแม่สื่อได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์กับตัว)
ใครจะรัก ใครจะชอบอะไร ผมไม่เดือดร้อน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกสื่อตามใจตนได้ แต่ผมเห็นว่า เหมือนอิทธิพลทางสังคมสนับสนุนให้คนไม่อยากโสดมากกว่านโยบายของรัฐบาลต่างชาติซะอีก (มีลูกคนแรกได้รถฟรี บ้านฟรี ลดภาษีอะไรก็ว่าไป) เหมือนกับว่าโสดเป็นสิ่งผิด สิ่งน่าอาย ความอัปยศ ทั้งๆ ที่เกิดมาพวกเราทุกคนก็ออก Start ที่คำว่าโสดกันหมด (ใครเกิดมาสมรสเลยบ้าง ไม่มี)
บางคนก็อาการหนัก อกหักมาเป็นปีแล้ว แต่ยังเพ้อได้ราวกับถูกทิ้งเมื่อกี๊ ช่วงครึ่งปีแรก เค้าจะเพ้ออะไร ผมให้เต็มที่ เพราะเข้าใจ เพราะว่าถ้าไปแง่ลบใส่เค้าในช่วงนั้น Lose-Lose ทั้งสองฝ่ายแน่นอน แต่หลังจากทำใจได้ ก็ยังเพ้ออยู่ (เบาบ้างสิฟะ เพื่อนๆ จะได้รู้ว่าสบายดีแล้ว) ผมว่าไม่ไหวนะ เพราะทำใจได้แล้วไม่น่าจะเพ้ออีก ก็เลยช่างมันละกัน เพราะชีวิตเขา เราไม่เกี่ยว
ส่วนคนโสดก็ใช่ย่อย บ่นว่าตัวเองโสด อยากมีแฟนทุกวัน แต่ไม่คิดจะไขว่คว้า ปรับปรุงตัวเอง ก็บ่นอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่มีความคืบหน้าเลย
สุดท้าย ถามว่าชาเขียวเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ ไม่เกี่ยวเลยครับ แต่เอามาเทียบเฉยๆ ว่า ชาเขียวในสมัยก่อนดังมาก เนื่องจากโผล่ในหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งเส้นมาม่า ผ้าอนามัย ลูกอม ปากกา ทิชชู่ ยาสีฟัน ฯลฯ ตอนนี้ที่เหลือก็เป็นในรูปแบบของหวาน เครื่องดื่มกับหมอนใบชา (ใครตอบเกี่ยวกับชาเขียว ผมจะไล่ไปกดขำกลิ้งให้หมดเลย)
ผมไม่ได้มีอคติหรือเกลียดความรัก แค่เอียนเฉยๆ ที่เจอบ่อยไป ขนาดผมเองทุกวันนี้ยังฟังเพลงรักอยู่ แม้จะไม่คล้อยตามไปกับเนื้อหาก็ตาม ผมฟังเพราะศิลปินกับดนตรี และความรักที่ผมรู้จักและสัมผัสได้ไม่ใช่แค่ความรักแบบแฟนแค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้ความรักที่ผมรับรู้เหมือนคำคมกับแรงบันดาลใจ มากเกินไป (ยืมคำพูดบางส่วนจากโน้ตอุดม)
สุดท้าย ผมขอจบด้วยคำว่า "ก็มันเป็น Feeling" เพราะไม่มีถูกผิด แล้วแต่ใครจะเข้าใจยังไงมากกว่า และกระทู้นี้ไม่มีเจตนาให้ร้ายกับผู้ผลิตสื่อที่เกี่ยวกับความรักนะจ๊ะ
สุดท้ายจริงๆ ละ "รักอย่างมีสติ รักอย่างไม่ประมาท" แค่นี้ครับ
คำคมก็เยอะอยู่แล้วยังจะลงท้ายอีกเนาะเรา
สมัยก่อน อะไรๆ ก็ชาเขียว แต่สมัยนี้ อะไรๆ ก็ความรัก (ทุกวัย)
ขอใช้แท็กต่อไปนี้นะครับ
- ปัญหาความรัก = เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
- ปัญหาชีวิต = เพราะความรักเป็นสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตทุกคน
- ปัญหาสังคม = เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายในสังคม
แต่แค่ผมรู้สึกว่า สมัยนี้ อะไรๆ ก็ความรักจริงๆ
หนังสือยอดนิยมที่ขายดีคู่หนังสือการเงินแนวอะไร ความรัก (ตอนนี้อาจเป็นแนวอื่นแล้วก็ได้ เพราะผมไม่ได้ไปร้านหนังสือบ่อยๆ)
เนื้อหาเพลงเดี๋ยวนี้ เกี่ยวกับอะไร ความรัก รักพ่อ รักแม่ รักชาติ โผล่มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรักแบบแฟน หนุ่มสาว อะไรแบบนี้ แบบว่าสุ่มเปิด 10 เพลงติดต่อกัน จะเจอเพลงแนวนี้อย่างน้อย 7 เพลงทั้งสตริง ลูกทุ่ง แม้แต่เพลงต่างประเทศก็เช่นกัน
แม้แต่ Social Network เรื่องความรักก็เป็นเรื่องยอดนิยม ทั้งโพสต์ ทั้งเพจ แบบว่า คนโสดที่ไม่เคยมีแฟนช่ำชองเรื่องความรักจากการศึกษาหาความรู้จนไม่แพ้คนมีแฟนเป็นสิบแล้ว (ไม่ใช่เรื่อง 18+ แต่หมายถึง การรับมือกับการอกหัก การรับมือกับความโสดอะไรแบบนี้ จนคนโสดเป็นแม่สื่อได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์กับตัว)
ใครจะรัก ใครจะชอบอะไร ผมไม่เดือดร้อน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกสื่อตามใจตนได้ แต่ผมเห็นว่า เหมือนอิทธิพลทางสังคมสนับสนุนให้คนไม่อยากโสดมากกว่านโยบายของรัฐบาลต่างชาติซะอีก (มีลูกคนแรกได้รถฟรี บ้านฟรี ลดภาษีอะไรก็ว่าไป) เหมือนกับว่าโสดเป็นสิ่งผิด สิ่งน่าอาย ความอัปยศ ทั้งๆ ที่เกิดมาพวกเราทุกคนก็ออก Start ที่คำว่าโสดกันหมด (ใครเกิดมาสมรสเลยบ้าง ไม่มี)
บางคนก็อาการหนัก อกหักมาเป็นปีแล้ว แต่ยังเพ้อได้ราวกับถูกทิ้งเมื่อกี๊ ช่วงครึ่งปีแรก เค้าจะเพ้ออะไร ผมให้เต็มที่ เพราะเข้าใจ เพราะว่าถ้าไปแง่ลบใส่เค้าในช่วงนั้น Lose-Lose ทั้งสองฝ่ายแน่นอน แต่หลังจากทำใจได้ ก็ยังเพ้ออยู่ (เบาบ้างสิฟะ เพื่อนๆ จะได้รู้ว่าสบายดีแล้ว) ผมว่าไม่ไหวนะ เพราะทำใจได้แล้วไม่น่าจะเพ้ออีก ก็เลยช่างมันละกัน เพราะชีวิตเขา เราไม่เกี่ยว
ส่วนคนโสดก็ใช่ย่อย บ่นว่าตัวเองโสด อยากมีแฟนทุกวัน แต่ไม่คิดจะไขว่คว้า ปรับปรุงตัวเอง ก็บ่นอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่มีความคืบหน้าเลย
สุดท้าย ถามว่าชาเขียวเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ ไม่เกี่ยวเลยครับ แต่เอามาเทียบเฉยๆ ว่า ชาเขียวในสมัยก่อนดังมาก เนื่องจากโผล่ในหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งเส้นมาม่า ผ้าอนามัย ลูกอม ปากกา ทิชชู่ ยาสีฟัน ฯลฯ ตอนนี้ที่เหลือก็เป็นในรูปแบบของหวาน เครื่องดื่มกับหมอนใบชา (ใครตอบเกี่ยวกับชาเขียว ผมจะไล่ไปกดขำกลิ้งให้หมดเลย)
ผมไม่ได้มีอคติหรือเกลียดความรัก แค่เอียนเฉยๆ ที่เจอบ่อยไป ขนาดผมเองทุกวันนี้ยังฟังเพลงรักอยู่ แม้จะไม่คล้อยตามไปกับเนื้อหาก็ตาม ผมฟังเพราะศิลปินกับดนตรี และความรักที่ผมรู้จักและสัมผัสได้ไม่ใช่แค่ความรักแบบแฟนแค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้ความรักที่ผมรับรู้เหมือนคำคมกับแรงบันดาลใจ มากเกินไป (ยืมคำพูดบางส่วนจากโน้ตอุดม)
สุดท้าย ผมขอจบด้วยคำว่า "ก็มันเป็น Feeling" เพราะไม่มีถูกผิด แล้วแต่ใครจะเข้าใจยังไงมากกว่า และกระทู้นี้ไม่มีเจตนาให้ร้ายกับผู้ผลิตสื่อที่เกี่ยวกับความรักนะจ๊ะ
สุดท้ายจริงๆ ละ "รักอย่างมีสติ รักอย่างไม่ประมาท" แค่นี้ครับ
คำคมก็เยอะอยู่แล้วยังจะลงท้ายอีกเนาะเรา