ที่ผมมาตั้งกระทู้ก็เนื่องมาจากวันนี้ผมเพิ่งพูดเปิดใจกับน้องๆที่ทำงานมา เพราะผมรู้สึกว่าคนไทยยังมีธรรมเนียมคบเพื่อนอยู่อย่างนึง
.
.
เคยมั้ยครับเวลาคบเพื่อนแล้วไปกินเหล้ากินข้าวหรือไปไหนก็แล้วแต่ พอมีคนบอกว่า "เดี๋ยววันนี้กรูเลี้ยงโว่ยย"
และครั้งหน้าถ้าใครเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมอีกบ่อยๆก็จะเป็นที่รักของเพื่อนมาก และถูกชมเสมอว่าคนนี้แม่ม 'ใจว่ะ'
ที่ทำงานผมก็เช่นกัน พอดีว่ามีน้องๆเด็กใหม่เยอะพี่ๆก็ใจดีพาไปเลี้ยงเหล้าบ้าง เลี้ยงข้าวบ้าง นัดไปเที่ยวนั่นนี่กันเสมอ
ด้วยความที่เป็นรุ่นพี่ก็ยินดีเลี้ยงน้องๆเป็นเรื่องธรรมดา ผมเองก็ยินดีเลี้ยงตามโอกาสไม่ได้คิดอะไร
แต่พอผ่านไปนานเข้าผมรู้สึกว่าน้องๆในที่ทำงานผมเริ่มได้ใจ และ'ไร้ความเกรงใจ'
ชักจะร้องขอให้พี่คนนั้นพี่คนนี้พาไปเที่ยว พี่เลี้ยงเหล้าผมมั้ย พี่เลี้ยงไอติมหนูมั้ย บ่อยและถี่ขึ้นโดยที่ไม่คำนึงถึงความสะดวกพี่ๆอีกเลย
พฤติกรรมนี้ยังไม่น่าเกลียดเท่าการพูดลับหลังว่า 'คนนั้นไม่ค่อยเลี้ยง คนนี้เลี้ยงกรูทุกวันแม่มใจมากอ่ะ คนนั้นแม่มไม่ค่อยใจเลยว่ะ'
กลายเป็นว่า ใครเลี้ยงเพื่อนมากกว่าคนนั้นใจมาก!!
ธรรมเนียมไร้ความเกรงใจแบบนี้ซึมซับเข้าสมองทั้งเด็กทั้งแก่ในที่ทำงานผมจริงๆ และบางคนก็ติดความคิดนี้มานานแล้ว
เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เอาไว้ตัดสินมิตรภาพกัน
.
.
.
จนวันนี้ผมมีโอกาสได้อยู่กับน้องๆผมเลยเทศนาสอนกันทั้งออฟฟิศ ผมบอกไปว่า
"การแบ่งปันเพื่อมิตรภาพน่ะเป็นสิ่งดีแล้ว แต่พี่อยากให้น้องๆรู้จักความพอดีและเกรงใจ
เพราะน้องเห็นพี่คนนั้นเค้าเงินเดือนเยอะใช่มั้ยถึงร้องขอจนไม่เกรงใจเค้า
แต่น้องไม่มีทางรู้เรื่องส่วนตัวเค้าหรอกว่าเค้ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เค้ามีครอบครัวมีเรื่องอื่นๆต้องรับผิดชอบ
จะเลี้ยงเพื่อนก็เลี้ยงได้ตามโอกาสและความสะดวก แล้วไม่ใช่ว่าคนนี้เลี้ยงเพื่อนบ่อยกว่าน้องจะมีสิทธิไปนินทาอีกคนว่าเค้าไม่ใจเท่า
แบบนี้ไม่เรียกว่ามิตรภาพจริงๆหรอกนะ"
และผมก็สอนยาววไป จริงๆออฟฟิศผมมีคนอายุมากหลายคนครับที่ใจดีเลี้ยงนั่นนี่เสมอ
แต่ผมก็เข้าใจได้ว่าเค้าคงรู้ตัวเองว่ามีเหลือเก็บมากพอที่จะให้ก็เป็นเรื่องดีครับ
แต่บางคนก็ไม่ได้มีเหลือๆนักหรอก ด้วยความที่ต้องรักษาน้ำใจก็ยอมควักไปบ้าง อันนี้ผมถึงเห็นใจเค้าที่จะต้องอยู่กับธรรมเนียมแบบนี้
ผมอยู่ในจุดที่สอนน้องได้ผมจึงทำครับ หวังว่าความเกรงใจจะเริ่มเกิดขึ้นในที่ทำงานของผม
และก็ฝากทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับว่ามิตรภาพสร้างให้พอดีเถอะ อย่าตัดสินกันที่ความใจไม่ใจอย่างเดียว มันมีอย่างอื่นให้พิสูจน์มากมายครับ
ช่วยเกรงใจคนอื่นและเลิกธรรมเนียม 'ใครเลี้ยงเพื่อนมากกว่าคือคนใจป้ำ' ได้แล้วนะครับ
.
.
เคยมั้ยครับเวลาคบเพื่อนแล้วไปกินเหล้ากินข้าวหรือไปไหนก็แล้วแต่ พอมีคนบอกว่า "เดี๋ยววันนี้กรูเลี้ยงโว่ยย"
และครั้งหน้าถ้าใครเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมอีกบ่อยๆก็จะเป็นที่รักของเพื่อนมาก และถูกชมเสมอว่าคนนี้แม่ม 'ใจว่ะ'
ที่ทำงานผมก็เช่นกัน พอดีว่ามีน้องๆเด็กใหม่เยอะพี่ๆก็ใจดีพาไปเลี้ยงเหล้าบ้าง เลี้ยงข้าวบ้าง นัดไปเที่ยวนั่นนี่กันเสมอ
ด้วยความที่เป็นรุ่นพี่ก็ยินดีเลี้ยงน้องๆเป็นเรื่องธรรมดา ผมเองก็ยินดีเลี้ยงตามโอกาสไม่ได้คิดอะไร
แต่พอผ่านไปนานเข้าผมรู้สึกว่าน้องๆในที่ทำงานผมเริ่มได้ใจ และ'ไร้ความเกรงใจ'
ชักจะร้องขอให้พี่คนนั้นพี่คนนี้พาไปเที่ยว พี่เลี้ยงเหล้าผมมั้ย พี่เลี้ยงไอติมหนูมั้ย บ่อยและถี่ขึ้นโดยที่ไม่คำนึงถึงความสะดวกพี่ๆอีกเลย
พฤติกรรมนี้ยังไม่น่าเกลียดเท่าการพูดลับหลังว่า 'คนนั้นไม่ค่อยเลี้ยง คนนี้เลี้ยงกรูทุกวันแม่มใจมากอ่ะ คนนั้นแม่มไม่ค่อยใจเลยว่ะ'
กลายเป็นว่า ใครเลี้ยงเพื่อนมากกว่าคนนั้นใจมาก!!
ธรรมเนียมไร้ความเกรงใจแบบนี้ซึมซับเข้าสมองทั้งเด็กทั้งแก่ในที่ทำงานผมจริงๆ และบางคนก็ติดความคิดนี้มานานแล้ว
เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เอาไว้ตัดสินมิตรภาพกัน
.
.
.
จนวันนี้ผมมีโอกาสได้อยู่กับน้องๆผมเลยเทศนาสอนกันทั้งออฟฟิศ ผมบอกไปว่า
"การแบ่งปันเพื่อมิตรภาพน่ะเป็นสิ่งดีแล้ว แต่พี่อยากให้น้องๆรู้จักความพอดีและเกรงใจ
เพราะน้องเห็นพี่คนนั้นเค้าเงินเดือนเยอะใช่มั้ยถึงร้องขอจนไม่เกรงใจเค้า
แต่น้องไม่มีทางรู้เรื่องส่วนตัวเค้าหรอกว่าเค้ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เค้ามีครอบครัวมีเรื่องอื่นๆต้องรับผิดชอบ
จะเลี้ยงเพื่อนก็เลี้ยงได้ตามโอกาสและความสะดวก แล้วไม่ใช่ว่าคนนี้เลี้ยงเพื่อนบ่อยกว่าน้องจะมีสิทธิไปนินทาอีกคนว่าเค้าไม่ใจเท่า
แบบนี้ไม่เรียกว่ามิตรภาพจริงๆหรอกนะ"
และผมก็สอนยาววไป จริงๆออฟฟิศผมมีคนอายุมากหลายคนครับที่ใจดีเลี้ยงนั่นนี่เสมอ
แต่ผมก็เข้าใจได้ว่าเค้าคงรู้ตัวเองว่ามีเหลือเก็บมากพอที่จะให้ก็เป็นเรื่องดีครับ
แต่บางคนก็ไม่ได้มีเหลือๆนักหรอก ด้วยความที่ต้องรักษาน้ำใจก็ยอมควักไปบ้าง อันนี้ผมถึงเห็นใจเค้าที่จะต้องอยู่กับธรรมเนียมแบบนี้
ผมอยู่ในจุดที่สอนน้องได้ผมจึงทำครับ หวังว่าความเกรงใจจะเริ่มเกิดขึ้นในที่ทำงานของผม
และก็ฝากทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับว่ามิตรภาพสร้างให้พอดีเถอะ อย่าตัดสินกันที่ความใจไม่ใจอย่างเดียว มันมีอย่างอื่นให้พิสูจน์มากมายครับ