บาหลีไม่มีเธอ: คืนหลอนในบาหลี (ตอนที่ 7)

ความเดิมตอนที่แล้ว --> http://ppantip.com/topic/34108068

********************


“เป็นไง รูปพระอาทิตย์ตกสวยไหม”

“อ้าว ไปแหลมพรหมเทพตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นบอกเลย”

แหลมพรหมเทพพ่องงง!!

ผมคุย Line เล่นกับเพื่อนระหว่างที่รถติด สิ่งหนึ่งที่บาหลีเหมือนกรุงเทพ ฯ คือมีปริมาณรถมากกว่าพื้นที่ถนน แล้วยิ่งเป็นถนนเลนเดียวแบบนี้ ลืมเรื่องการแซงไปได้เลยครับ ต่อแถวยาวยิ่งกว่าจองบัตรเข้าชมเดี่ยว 12 วันแรกซะอีก

ตามแผนเดิม ผมต้องแวะดินเนอร์แถว ๆ หาดจิมบารัน นั่งชิว ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลบาหลี แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยมาก แล้วเดี๋ยวตีสองก็ต้องออกเดินทางไปภูเขาไฟบาตูร์อีก เลยขอกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อนดีกว่า

โรงแรมที่ผมจองไว้มีชื่อว่า Cityzen Renon ตั้งอยู่ในเดนพาซาร์ เมืองหลวงของบาหลี ถ้าตำแหน่งของสนามบินคือเพชรบุรี วัดอูลูวาตูคือภูเก็ต ที่พักของผมก็น่าจะอยู่แถว ๆ ฉะเชิงเทรา คืออยู่ตอนกลางของเกาะแต่ค่อนไปทางตะวันออกหน่อย ๆ สถานที่เป็นยังไงไม่รู้ บริการเป็นยังไม่รู้ รู้แต่ว่าที่นี่ราคาถูกที่สุดในเว็บ Airasiago.com ผมรู้แค่นั้นจริง ๆ

สิริพาผมลัดเลาะไปตามซอกซอยต่าง ๆ ข้อดีคือมันเป็นทางลัดทำให้ถึงที่หมายเร็วขึ้น แต่ข้อเสียคือซอกซอยพวกนั้นมันแคบ มืดและเปลี่ยวมาก ถนนเล็กยิ่งกว่าซอยแถวจรัลสนิทวงศ์ซะอีก

สิริ!! เมิงพากุออกจากซอยผีสิงนี่เดี๋ยวนี้นะ!!

หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป สิริพาผมแวะเข้าไปในซอยตันหนึ่งครั้ง ก่อนจะพาผมถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ผมออกมากินข้าวข้างทางด้วยความหิวโหย ก่อนจะเช็คอินเข้าห้องพัก


ข้าวหน้าเป็ดอร่อย ๆ


ห้องพักที่นี่ใหญ่โตกว่าที่ผมคิดไว้มาก คือน่าจะนอนได้ซัก 5 – 6 คนอย่างสบาย ๆ อาจจะดูเก่าหน่อยแต่ก็สะอาดสะอ้าน มีเตียงขนาดใหญ่ เครื่องปรับอากาศ ทีวี และตู้เสื้อผ้า เปิดไปอีกห้องเป็นโต๊ะกินข้าวกับตู้เย็น ส่วนอีกห้องเป็นห้องน้ำ แม่เจ้า เมิงจะใหญ่ไปไหน นี่กั้นเป็นสองห้องได้เลยนะเนี่ย

ความเสื่อมโทรมของที่นี่มีอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกคือ ‘เครื่องทำน้ำอุ่น’ คือถ้าโดยสากลนิยมแล้ว สีฟ้าจะหมายถึงน้ำเย็น ส่วนสีแดงหมายถึงน้ำร้อน ซึ่งไม่ว่าเป็นประเทศไทยหรือประเทศไหน ๆ ก็ใช้สัญลักษณ์แบบนี้

แต่สำหรับห้องนี้ สีฟ้าคือน้ำร้อน!! สีแดงคือน้ำเย็น!!

ผมเข้าไปในห้องน้ำ ค่อย ๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้น เฮ้อ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ได้อาบน้ำเย็น ๆ ก็คงสดชื่นดี พลางเปิดก๊อกฝักบัวไปด้านสีฟ้า เตรียมตัวจะสดชื่นเต็มที่

ซ่า!!

เชี่ย!! ร้อนเชี่ย!!

ผมสะดุ้งเป็นหมาสะดิ้งน้ำร้อน น้ำร้อนจัดพุ่งออกมาจากฝักบัว ไม่ถงไม่ถามสุขภาพกุซักคำ ไข่เข่ยจะสุกกันเถอะเราก็คราวนี้ หลังจากนั้นเวลาจะอาบน้ำหรือล้างมือแต่ละทีต้องตั้งสติมาก ๆ

ฝักบัว ฟ้าร้อน แดงเย็น

แต่อ่างล้างมือ ฟ้าเย็น แดงร้อน

โอ๊ยยย!! นี่กุมาฝึกสติปัฏฐาน 4 หรือนี่!!

ส่วนความเสื่อมโทรมอีกอย่างหนึ่งคือ ‘ยาสระผมกับสบู่’

ยาสระผมที่นี่มีสีเขียวสดใสกลิ่นมะนาว ส่วนสบู่เหลวมีสีชมพูสะท้อนแสงแบบกางกางรัดรูปนักเต้นแอโรบิกกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่

นี่เมิงคิดได้ไงยาสระผมกลิ่นมะนาวกับสบู่กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ ยิ้ม mix and ไม่ match กันมาก ๆ ส่วนบนเปรี้ยวแต่ส่วนล่างหวาน อาบน้ำทีไรรู้สึกว่านี่เราอยู่งานสัปดาห์ผลไม้เมืองจันท์รึเปล่า หอมกลิ่นผลไม้น่ากินมาก ๆ นี่เมิงไม่ทำยาสีฟันกลิ่นทุเรียนด้วยเลยล่ะ

อาบน้ำเสร็จก็ออกมาจัดของ เหลือบไปเห็นผ้าสีเหลืองผืนหนึ่ง

ซิบหาย!! ลืมคืนผ้าที่วัดอูลูวาตู!!
    
“อุ๊ย ที่บาหลีผีดุนะ”

เสียงเตือนของ ‘หนิง’ ดังขึ้นมา

********************



“อุ๊ย ที่บาหลีผีดุนะ”

‘หนิง’ จะพูดประโยคนี้แกล้งผมทุกครั้งที่ผมไปถามเรื่องบาหลี

หนิงเป็นแฟนเพื่อนผมครับ เมื่อก่อนเราสองคนทำงานอยู่ตึกเดียวกัน เห็นหน้าเห็นตากันอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ทักทายกันเพราะไม่เคยรู้จักกันอย่างเป็นทางการ ผมเคยเห็นเธอใน Facebook แวบ ๆ บ้าง ส่วนเธอก็เคยเห็นผมใน Facebook แวบ ๆ บ้าง แต่พอเจอตัวจริงก็ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า เลยได้แค่สวนกันไปสวนกันมาอยู่อย่างนั้น

จนวันหนึ่ง ผมรวบรวมความกล้า ส่งยิ้มทักทายเธอ

ผมรีบไปเล่าให้เพื่อนฟังอย่างภาคภูมิใจ

“เฮ้ย  วันนี้กูยิ้มให้แฟนด้วย”

“กูเพิ่งเลิกกันเมื่อคืน”

ห่านจิก!!

หนิงจะมองกุเป็นคนยังไงเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจ แต่เมิงมายิ้มให้วันที่เขาเลิกกันเนี่ยนะ

โถ กุยิ้มซะแป้นเลย

หลังจากนั้นผมก็พยายามหลบตาหนิงมาตลอด จนตอนหลังเธอมาขอซื้อหนังสือผม ผมเลยให้เธอไปสองเล่ม ความรู้สึกผิดครั้งนั้นค่อยคลายหายไปประหนึ่งได้รับนิรโทษกรรม หลังจากนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันเรื่อยมา

หนิงเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมที่ออกตัวว่าเคยไปบาหลีมาก่อน ดังนั้นช่วงที่ผมเริ่มวางแผนเที่ยว ผมก็จะถามโน่นถามนี่หนิงอยู่บ่อย ๆ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมามักจะเป็นเรื่องราวสยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็น

“อุ๊ย ที่บาหลีผีดุนะ”

“อุ๊ย เพื่อนเราเคยเจออะไรแปลก ๆ ที่นั่นด้วยแหละ”

“อุ๊ย เพื่อนเรานะ เปิดกระเป๋าออกมา เจอตุ๊กแกตัวเบ้อเร่อเลย”

โอ๊ยยย!! จะเล่าทำไมเนี่ย!!

แม้ว่าทุกครั้งผมจะแกล้งพูดอะไรขำ ๆ ทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่จริง ๆ แล้วโคตรกลัวเลยครับ ยิ่งผีภาคใต้ ผีมาเลย์ ผีอินโด ฯ ขึ้นชื่อว่าโคตรดุอยู่แล้ว แล้วนี่กุต้องไปคนเดียวอีกก็ยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่ ผมนี่งดเสพเรื่องผีเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนไปบาหลีเลยนะ สี่ทุ่มครึ่งวันพุธปุ๊บ กุกดปิดทีวีปั๊บ รายการคนอวดผีไม่มีโอกาสได้เล็ดลอดเข้ามาในสายตาผมเลยแม้แต่น้อย

“อุ๊ย ที่บาหลีผีดุนะ”

คำเตือนของหนิงดังขึ้นอีกครั้ง

แค่มาคนเดียวก็น่ากลัวอยู่แล้ว นี่กุยิ้มเอาผ้าคาดเอวของวัดมาด้วยอีกหรือนี่ ถ้าคืนนี้มีผู้หญิงชุดขาวใส่เสื้อสูงคอสั้นมาร่ายรำตาเหลือกที่ปลายเตียง เพื่อทวงคืนผ้าคาดเอว

กุจะทำยังไง!!

แค่คิด ขนก็ลุกชูชันไปทั้งตัว

ผมหยิบพระเครื่องที่ห้อยคอออกมาเพื่อหาที่พึ่งทางใจ ‘หลวงปู่แย้มปิดตา’ วัดด่านสำโรง

เอ่อ หลวงปู่ครับ รบกวนช่วยเปิดตานิดนึงครับ ช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยครับ ขอบคุณครับ

เวลา 01.50 น.

ไฟในห้องนอนยังคงสว่างโร่ ผมนอนถ่างตาดูหนังฝรั่งอยู่ ตัดสินใจไม่นงไม่นอนมันแล้วคืนนี้ ง่วงก็ง่วง กลัวผีก็กลัว กลัวตื่นไม่ไหวก็กลัว กลัวมันไปหมดทุกอย่าง สุดท้ายก็แหกขี้ตาอยู่จนถึงตีสอง

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะห้องดังขึ้น

ก๊อก ๆ

ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ผี พนักงานโรงแรมมาเคาะประตูเรียกต่างหาก เขาแจ้งว่าไกด์มารับแล้ว ให้ออกเดินทางได้เลย

ผมสะพายเป้ขึ้นหลัง เดินงัวเงียออกจากโรงแรม ด้านหน้ามีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ข้างในมีไกด์กับเพื่อนร่วมทริปอีก 3 ชีวิต หนุ่มสาวทั้งห้าคนออกเดินทางสู่ภูเขาไฟบาตูร์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบาหลี

“Hi”

ประโยคสุดท้ายที่ผมพูด ก่อนที่จะผล็อยหลับไป

********************


หากตำแหน่งของสนามบินงูระห์ไรอยู่ตรงเพชรบุรี วัดอูลูวาตูอยู่ภูเก็ต ที่พักของผมของอยู่ฉะเชิงเทรา ภูเขาไฟบาตูร์ (Gunung Batur) ก็คงอยู่แถว ๆ ขอนแก่น คือค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ

แรกเริ่มเดิมทีนั้น ไม่มีภูเขาไฟบาตูร์อยู่ในแผนการเที่ยวของผม จนวันหนึ่งผมหยิบ A Must List ของผมขึ้นมาดู ยิ้มมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นวัดวาอารามอยู่ประมาณ 19 แห่ง ตอนนั้นก็รู้สึก เฮ้ย นี่มันอาม่าทัวร์ชัด ๆ เลยพยายามหากิจกรรมที่มันได้ผจญภัยสมชายชาตรีหน่อย ปรากฏว่ามีอยู่สองกิจกรรมคือดำน้ำกับปีนภูเขาไฟ ที่จริงผมชอบดำน้ำนะแต่ก็รู้สึกว่าเดี๋ยวค่อยไปดำที่เมืองไทยเอาก็ได้ แต่ภูเขาไฟนี่สิ เกิดมาก็เคยกินแต่โอวันตินภูเขาไฟ ยังไม่เคยสัมผัสภูเขาไฟตัวเป็น ๆ มาก่อน เลยตัดสินใจเพิ่มชื่อภูเขาไฟบาตูร์ไว้ใน A Must List ด้วยอีกที่หนึ่ง

การขึ้นภูเขาไฟที่นี่จะต้องมีไกด์พาขึ้นไปด้วย ผมจึงตัดสินใจซื้อโปรแกรม Volcano Batur & Sunrise Trekking Tour ของ Pineh Bali Tours ไม่รู้ว่าราคาถูกกว่าที่อื่นหรือไม่ ไม่รู้ว่าบริการดีกว่าที่อื่นรึเปล่า พอดีหาใน Google แล้วมันขึ้นชื่อนี้เป็นที่แรกก็เลยเลือกที่นี่ครับ แต่ผมว่าเขาก็บริการดีนะ มีรถรับส่งถึงโรงแรมด้วย ราคาอยู่ที่คนละ 40 ดอลลาร์ ถือว่าไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป

ผมสลบไสลอยู่บนรถเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านบริเวณตีนเขา ซึ่งพวกเราจะแวะกินข้าวเช้ากันที่นี่ (กินข้าวเช้ากันตอนตีสี่หรือตีสามในเวลาไทย) ผมเดินงัวเงียตามคนอื่น ๆ ไป จากตาที่เคยตี่ ตอนนี้กลายเป็นตี๊ตี่ไปเรียบร้อยแล้ว

“Hi, I am Oui from Thailand”

ผมทักทายเพื่อน ๆ อีกสามคนอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เมื่อกี้เสียมารยาทนั่งหลับตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา

“Hi, I am Sakti and this is my friend. We are from Jakarta.

ชายหนุ่มแนะนำตัวเองกับแฟนสาว พวกเขามาจากจากาตาร์ เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ผมไม่รู้ว่าชื่อเขาออกเสียงว่าอะไร ผมขออนุญาตเรียก Sakti ว่า ‘สันติ’ นะครับ ส่วนแฟนของเขาก็ไม่รู้ชื่ออะไร ผมขอเรียกเธอว่า ‘อ้อย’ ละกัน

นอกจาก ‘สันติ’ และ ‘อ้อย’ แล้ว ยังมีสาวชาวฟิลิปปินส์อีกคน ชื่ออะไรลอง ๆ นี่แหละ ขออนุญาตเรียกเธอว่า ‘ลองกอง’ ก็แล้วกัน ต้องขอโทษทั้งสามด้วยที่ผมจำเป็นต้องตั้งชื่อใหม่ให้ ชื่อพวกเขาออกเสียงยากมาก ผมก็ออกเสียงไม่ถูกเหมือนกัน ต้องขออภัย ‘สันติ’ ‘อ้อย’ และ ‘ลองกอง’ มาใน ณ ที่นี้

“โห มีทั้งคนไทย คนฟิลิปปินส์และคนอินโดนีเซีย เอ๊ะ นี่พวกเรามาประชุมอาเซียนรึเปล่าเนี่ย”

ผมกล่าวติดตลก แต่ไม่มีใครตลกกับผม เล่นเงียบกันจนได้ยินเสียงลมพัดแบบนี้ ผมก็เสีย self ไปเหมือนกัน

สิบนาทีต่อมา พี่ไกด์ก็เอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟซึ่งประกอบด้วยแพนเค้กกล้วยหอมหนึ่งจานกับกาแฟถ้วยเล็ก ๆ อีกห้าถ้วย ถ้วยแรกเป็น Bali Coffee กาแฟดำหอมกรุ่นแต่กากกาแฟเยอะมาก จนอยากจะถามพี่ไกด์ว่า เอ๊ะ นี่เมิงลืมกรองให้กุรึเปล่า ถ้วยที่สองเป็น Vanilla Coffee หอมหวานละมุนอุ่นละไม ถ้วยที่สามเรียกว่า Coconut Coffee อันนี้ยอมรับว่าเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก เป็นกาแฟที่หอมกลิ่นมะพร้าว หวานมันดี ส่วนอีกสองถ้วยเป็นชา Lemon Tea กับ Ginger Tea พอดีผมไม่ชอบกินชาก็ให้เพื่อน ๆ เอาไปแบ่งกัน ซึ่งผมมีความเกรงใจมาก สั่งกาแฟมากินคนเดียวถึงห้าถ้วย หลังจากกินเสร็จ พวกเราก็ขึ้นรถ เดินทางต่อไปยังตีนภูเขาไฟบาตูร์

To be continued

บาหลีไม่มีเธอ: พิชิตภูเขาไฟ (ตอนที่ 8) --> http://ppantip.com/topic/34112028

*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่