ร้านชื่อ Zorse อ่านว่า ซอร์ส ครับมาจาก Zebra+Horse เป็นชื่อของสัตว์ลูกผสมระหว่างม้ากับม้าลาย ภายในร้านเลยมีของตกแต่งเกี่ยวกับม้าเยอะพอสมควร ที่เด่นสุดก็คือม้าไม้ขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้าน มองเห็นมาแต่ไกลในระยะร้อยเมตร เป็นจุดสังเกตที่มีประโยชน์มากครับ เพราะร้านต้องเข้าซอยมานิดนึง

การเดินทาง
ถ้าเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีพร้อมพงษ์ ออกประตูฝั่งห้างเอ็มโพเรียม แล้วเข้าซอยทางด้านข้างของห้างที่ติดกับสวนเบญจสิริ เดินเข้ามาจนเจอสามแยกแรกแล้วเลี้ยวขวา จะพบกับม้าไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้าน
รถยนต์ มีที่จอดรถ สามารถเข้าได้ 2 ทาง ซอยเมธีนิเวศน์และสุขุมวิท 24 เดี๋ยวจะแปะแผนที่ไว้ให้ตอนท้ายนะครับ




บุฟเฟ่ต์เบียร์ของที่นี่เป็นเบียร์สดอาซาฮี หัวละ 450 บาท ดื่มได้ 3 ชั่วโมง มีเบียร์ให้เลือก 9 รส คือ ออริจินอล สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ลิ้นจี่ สับปะรด ส้ม มะนาว องุ่น และกีวี่ ถ้าเลือกไม่ถูกสามารถให้พนักงานจัดช็อตเล็กๆ มาให้ชิมก่อนได้ครับ เซ็ตที่จัดช็อตมามี 4 รส
สตรอว์เบอร์รี่ ลิ้นจี่ สับปะรด องุ่น สามรสแรกหอมถูกใจ ผมให้ผ่านครับ ส่วนองุ่นรสชาติเหมือนกินยาไปนิดนึง



หลังจากชิมแบบจิบๆ ไปแล้ว ก็ได้เวลาจัดแก้วใหญ่มาลอง ขอเริ่มจากสตรอว์เบอร์รี่ก่อนเลยครับ
(ปกติแล้วไม่ค่อยกินเบียร์เท่าไหร่ แต่พอได้ลองช็อตเล็ก ๆ ที่พนักงานยกมาเสิร์ฟแล้วชอบมากครับ)




เบียร์ของแต่ละคนมาครบแล้วชนแก้วกันซะหน่อย วันนี้มากันสี่คนครับ มีน้องบัณฑิตสองคน แล้วก็น้องผู้ช่วยช่างภาพ ได้ฤกษ์กินฟรีทั้งทีถือโอกาสปาร์ตี้เล็กๆ กันไปเลย
(มือขวาถือกล้อง มือซ้ายถือแก้วนี่ก็ลำบากอยู่นะครับ555)




กินเบียร์แล้วก็ต้องมีกับแกล้ม จานแรกเป็นปีกไก่นิวออร์ลีนส์ 4 ชิ้น ที่เป็นโปรโมชั่นแถมฟรีคู่กับบุฟเฟ่ต์เบียร์ ไก่เปื่อยดีครับใช้ส้อมเขี่ยเบาๆ เนื้อก็ร่อนออกจากกระดูกแล้ว ซอสรสชาติใช้ได้




เพิ่มวิตามินและเกลือแร่ให้ร่างกายกันหน่อยด้วย ซีซาร์สลัด 220 บาท ผักสดกรอบดีครับ แต่วันนี้เราไม่เน้นเมนูผักขออนุญาตผ่านไปแบบเร็วๆ เพื่อเข้าสู่ไฮไลท์




นี่เลยครับสิ่งที่ผมเฝ้ารอ พิซซ่าดิป!! ซิกเนเจอร์ของทางร้าน จัดมาเลยไซส์ L 450 บาท เลือกท็อปปิ้งได้สามอย่าง ผมเลือกเป็นผักโขม เบคอน และเปปเปอโรนี ถ้าใครมา 1-2 คน สั่งไซส์ M 200 บาท ก็ได้ครับ




ชีสยืดๆ เยิ้มๆ สะใจมาก วัตถุดิบเขาคุณภาพดีจริงๆ และเชฟใส่เครื่องมาแบบจัดเต็ม อร่อยจนน้ำตาจะไหลขอแชร์นะครับ บอกเลยว่าเมนูนี้คนรักชีสไม่ควรพลาด




หลักฐานยืนยันว่าอร่อยจริง พวกผมแย่งกันขูดชีสจนคำสุดท้าย
ขอแนะนำให้มากันหลาย ๆ คนครับ ตอนแย่งกันขูดชีสนี่สนุกมากกก




ถึงตอนนี้เบียร์หมดไปสองแก้วแล้วครับ แต่เรายังไม่หยุดกันง่ายๆ สั่งมาเพิ่มทั้งเบียร์และกับแกล้ม น้องที่มาด้วยกันอยากลอง เคสดีย่า 170 บาท เจ้านี่คืออาหารเม็กซิกันที่เป็นแผ่นแป้งประกบมีไส้ไก่และชีสอยู่ตรงกลาง กินคู่กับซัลซ่ามะเขือเทศและซาวครีม ส่วนตัวผมชอบซัลซ่ามากกว่าครับ (ซาวครีมจืดไปนิดนึง)


ซัลซ่าอร่อยจริง ๆ ครับ มะเขือเทศหอมสดชื่นมาก ๆ ปกติแล้วไม่กินมะเขือเทศแต่อันนี้ยอมใจ.




กับแกล้มจานสุดท้าย จัดหนักเลยครับ ยำวุ้นเส้น 190 บาท แซ่บนัวกว่าที่คิดไว้มาก ตอนที่สั่งไม่ได้คาดหวังอะไรนัก เพราะรู้สึกว่าเชฟเขาถนัดทำอาหารฝรั่ง อาหารไทยอาจจะเฉยๆ ปรากฏว่าลองแล้วรักเลย




สรุปความเสียหายวันนี้ ดื่มเบียร์ไปทั้งหมด 5 แก้วครับ สตรอว์เบอร์รี่ กีวี่ ลิ้นจี่ สับปะรด และปิดท้ายด้วยออริจินอลแบบไม่ผสม เบียร์ผลไม้นี่ถ้าพาสาว ๆ มาต้องถูกใจแน่นอน รสชาติหวานหอมดื่มง่าย แต่ขอบอกว่าเมานะครับ เมาไวกว่าเบียร์ปกติอีกเพราะหวานอร่อยจนดื่มเพลินเลย

ถ้าให้เรียงลำดับความชอบ ยังไงผมก็ยังชอบแบบไม่ผสมมากที่สุดครับ เพราะเบียร์สดอาซาฮีเขารสชาติดีอยู่แล้ว ยิ่งเสิร์ฟเย็นเจี๊ยบแบบนี้ยิ่งอร่อย ส่วนรสผลไม้ที่ได้ลอง ความชอบเรียงตามนี้ครับ 1.กีวี่ 2.ลิ้นจี่ 3.สตรอว์เบอร์รี่ 4.สับปะรด

ภาพเบลอ ๆ เล็กน้อยเพราะใช้มือถือถ่ายครับ ยกกล้องไม่ไหวจริง ๆ หนักมาก555


กินหมดมีเดินเซครับ เลยเรียก UberX กลับบ้าน นั่งครั้งแรกได้ส่วนลด 200 บาทด้วย (สรุปคือครั้งนั้นนั่งฟรีเลยครับ5555) นั่งสบายมากลืมแท็กซี่ไปเลย คราวหลังว่าจะนั่งอีก


ขอสรุปสั้น ๆ สำหรับวันนี้ครับ
ถือว่าน่าประทับใจพอสมควร อาหารรสชาติดี เสิร์ฟเร็วครับ พนักงานค่อนข้างน้อยแต่บริการเอาใจใส่ดีมากครับ
เรื่องราคาก็อยู่ตามเกณฑ์ของร้านอาหารมีระดับทั่ว ๆ ไป ไม่ถือว่าแพงมากเมื่อเทียบกับคุณภาพวัตถุดิบกับรสชาติครับ
เบียร์ผลไม้นี่ขอแนะนำครับ เหมาะสำหรับสังสรรค์กับเพื่อนมาก ๆ หวานหอมคล่องคอ แต่ระวังอย่ากินเยอะไปครับ เมาเอาง่าย ๆ จริง ๆ


ทางพี่เจ้าของฝากกระซิบมาอีกนิดนึงว่านอกจากบุฟเฟ่ต์เบียร์แล้ว ตอนนี้ร้านยังทำโปรโมชั่นมอบส่วนลดพิเศษเมื่อจองโต๊ะผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเว็บ eatigo.com ด้วยนะครับ ช่วง 14.00-15.30 น. ลดถึง 50% กันเลยทีเดียว ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ ลด 10 - 30% แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา

ตัวร้านตกแต่งแนวคอนเทมโพรารี่ใส่ใจทุกรายละเอียด การันตีว่าชิคแน่นอน ใครชอบถ่ายรูปเลือกมุมโพสต์ได้ตามใจชอบเลย (วันหลังที่มากินว่าจะชวนเพื่อนมาถ่ายรูปเล่นข้างในร้านบ้างครับ)
ร้าน Zorse เปิดทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ครัวปิด 5 ทุ่ม แต่สามารถนั่งยาวๆ ได้ถึงเที่ยงคืน
ดูรูปเมนูอื่นๆ เพิ่มได้ที่ Zorse Cafe



ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ
รีวิวอาหารครั้งแรกตื่นเต้นเหมือนกัน
หวังว่าทุกคนจะชอบ มีโอกาสก็ไปลองด้วยตัวเองกันนะครับ