สวัสดีครับผมมีปัญหาที่กำลังเผชิญและกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี
พื้นฐานครอบครัวของผม
ผมถูกพ่อและแม่ทิ้งตอนช่วงอายุ 14 ปี และบ้านก็ถูกยึดช่วงปี 2540 จนต้องอาศัยห้องเช่าของรุ่นพี่ที่โบสถ์และรับจ้างไปวันๆ สู้ไปเรื่อยๆจนตอนนี้ก็มีเงินเก็บแบบขึ้นๆ ลงๆ ตามหุ้นอยู่เกือบ 2 ล้านบาทตอนนี้อายุ 35 ทุกวันนี้ก็ลงทุนในหุ้น futures เป็นงานหลักมา 3 ปีแล้วครับ ( รายละเอียดการสู้ชีวิตขอผ่านนะครับมันดราม่า ) ผมเจอกับภรรยาเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนนั้นเธอทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณ ผมถูกชะตาเธอเลย จึงลองคบกันเป็นแฟน ให้เธอเลิกทำงานนวดแผนโบราณและมารับผักขายอยู่ที่บ้านเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับลูกและดูแลพ่อและแม่ของเธอซึ่งเธอก็ดีใจที่ได้อยู่กับลูกและไม่ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านให้เขานินทา แต่ผมบอกเธอว่าจะไม่มีลูกนะ ผมมีสาเหตุส่วนตัวเรื่องนี้เพราะ
1. เธอมีลูกติดจากแฟนเก่า ผมไม่อยากให้เด็กรู้สึกว่าแม่เขาเปลี่ยนไปรักเขาน้อยลง
2. ผมฝังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผม อนาคตไม่รู้กลัวมีลูกแล้วเลิกกัน
ตอนแรกที่บ้านของเธอเอาไปจำนองกับพวกปล่อยเงินกู้แถวนั้นเพื่อใช้หนี้ที่พ่อเธอก่อไว้ ผมจึงไปไถ่มาให้และยังเป็นชื่อเธอ ผมจึงถามเธอว่าทำไมถึงมีหนี้ที่เสี่ยงกับการไร้บ้านแบบนี้ ภรรยาผมบอกว่า หนี้ที่บ้านส่วนใหญ่มาจากพ่อ พ่อเป็นชาวนา ปลูกข้าวโพด ปลูกข้าว ไม่มีทุนจะซื้อ ปุ๋ย ซื้อยาเร่งผล ย่าฆ่าแมลง ต้องกู้เขามาทั้งนั้น ทำงาน 3 -4 เดือนได้เงินที ผลผลิตตามฟ้า ตามฝน พอได้เงินมาจ่ายหนี้ แล้วเหลือไม่เท่าไร พ่อจึงคิดว่าต้องทำเพิ่ม เลยไปเช่านาเพิ่ม เพื่อที่จะได้เงินมาเยอะๆ แต่พ่อลืมคิดไปว่า เช่าเพิ่ม เงินกูก็เพิ่ม ดอกเบี้ยก็เพิ่ม พอผลผลิตไม่ดีก็เจ๊ง จนต้องเอาที่บ้านไปเข้าเงินกู้ คราวนี้ต้องจ่ายหนี้ทั้งบ้าน ทั้งที่นา ตัวเขาเลยมาทำงานนวดแผนโบราณ เพื่อส่งให้ที่บ้าน ลำพังแม่เป็นแม่ค้าขายของที่ตลาดก็ลำบากแล้วหาเงินมาก็เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว บางทีพ่อก็เอาไปซื้อปุ่ย ซื้อยา กับนากับไร่ ผมจึงเห็นใจเธอเพราะความกตัญญู
ผมจึงไปอยู่กับครอบครัวของเธอ ที่จังหวัดหนึ่ง ที่ของครอบครัวเธอแบ่งเป็น บ้าน 1 ชั้น 2 หลังปลูกตรงกันข้ามกัน ความใหญ่ของบ้านประมาณห้องพักแถวทะเล คือไม่ใหญ่อยู่ได้ประมาณ 3 คนตามฐานะของเธอ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะต่อเติมบ้านหรือซื้อที่แล้วปลูกบ้านแยกต่างหาก แต่ด้วยความเป็นนักเก็งกำไรจึงต้องคุมความเสี่ยงด้านการเงินไว้ และอีกอย่างผมลงทุนใน futures เป็นหลักจึงต้องคุมฐานทุนตัวเอง สรุปคืออยู่ไปก่อน และลงทุนให้ภรรยาไปซื้อของมาขายเพราะเธอไม่ได้ทำงานแล้ว ตลอดเวลาก็มีความสุขดี ภรรยาผม และตัวผมเองก็อยู่อย่างพอเพียง ไม่ฟุ้มเฟ้อ ขายของก็มีขาดทุนบ้างกำไรบ้าง เหมือนผมที่ลงทุนใน set 50 ก็มีกำไรบ้างขาดทุนบ้าง (ถึงตรงนี้อาจจะงงว่าทำไมผมไม่ทำงานปกติ ทำไมเล่นหุ้นเสี่ยงขนาดนี้ คำตอบคือ ผมไม่มีวุฒิการศึกษาครับ สูงสุดคือ ม.3 ตั้งแต่ พ่อแม่ทิ้งไป ก็ทำงานหาเลี้ยงชีพ เคยไปสมัครเรียนรามแบบ non degree แต่ด้วยความที่ไม่มีตังค์เพราะทำงานรายวัน เลยต้องขาดสอบไป ผมสมัครเรียน non degree 3 ครั้ง ทุกครั้งต้องล้มเหลวเหมือนกันหมดคือไม่มีเงินไปลงทะบียนแบบต่อเนื่อง ทุกเทอม บางทีก็ไม่มีตังค์ไปสอบบ้าง เลยล้มความตั้งใจไป แล้วถ้าถามต่อว่าทุกวันนี้มีเงินเก็บ เกือบ 2 ล้านได้ไง อันนี้ดราม่า + เรื่องมหัศจรรย์ ขอผ่านรายละเอียดเยอะ )
กลับมาเข้าเรื่องต่อ บ้านพ่อแม่ของเธอบางทีขัดสนผมก็เข้าไปช่วยเหลือ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีอยู่ครั้งนีงผมเข้าไปขุดบ่อน้ำให้พ่อภรรยาผมไว้เพื่อทำไร่เพราะที่ของแกนั้นห่างไกลน้ำมาก ยิ่งถ้าแล้งไปกันใหญ่ บ่อที่ผมขุดยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 4 เมตรลึก 4 เมตร และวางระบบน้ำหยดให้ ลงไปเยอะครับ เสีย futures ยังไม่เยอะเท่านี้ คิดว่าน่าจะดีขึ้นแต่เหมือนกับว่ายิ่งสุมฟืนเข้ากองไฟ ปัญหาเริ่มมาต่อเนื่อง
พ่อยิ่งมีโปรเจคเยอะแยะ ต้องไปเช่านาเพิ่ม ต้องทำเพิ่ม ทั้งที่ผมอยากให้แกจดจ่อกับ ที่นา แกลืมบอกไปว่าแกมี ประมาณ 18 ไร่ แกทำจริงๆครับไปเช่าเพิ่ม ไปกู้เพิ่ม จนแม่ยายและภรรยาผมต้องห้ามและมีปากเสียงกัน ผมออกตัวว่าผมจะไม่ยุ่งเรื่องของครอบครัวของเขา และผมก็จะไม่ช่วยอะๆไร พ่อตาอีกแล้ว เพราะดูจากสภาพแล้วแกเล่นไม่ฟังใครเลย พร้อมทั้งเงินของผมที่ไม่ได้งอกเงยเนื่องจากสภาวะช่วงนี้เล่นหุ้นยาก ผมกันเงินไว้เผื่อลงทุน เผื่อฉุกเฉินไว้ส่วนนึงประมาณ 700, 000 บาท ที่เหลือก็กันให้ภรรยา 200,000 ไปลงทุนจะดีเลวร้ายยังไงก็พยายามให้อยู่ในวงเงินนี้ และลงทุนกับไร่ไปซึ่งเป็นเงินลงทุนเปล่า 200,000 บาท ที่เหลือ ก็ใช้จ่ายในชิวิตประจำวัน ภรรยาผมทุกข์ใจทุกครั้งที่มีปากเสียงกับพ่อตาเรื่องเงิน แอบมาร้องไห้บ่อยๆ แล้วช่วงนี้แม่ยายก็ป่วยออดๆแอดๆ แถมช่วงนี้ขายของไม่ได้ จนเธอค่อนข้างเครียด แต่พ่อตาก็ไม่หยุดล่าสุดเอาเงินที่ขายข้าวโพดได้ ไปออกรถไถอีก แทนที่จะเอาไปใช้หนี้ ปล่อยให้แม่ยายที่ป่วย ออดๆแอดๆ และภรรยาผมหาเงินไปใช้ ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ พ่อตาก็บอกว่า กูทำเพื่อลูกเมืยกู อนาคตเผื่อกูตาย อย่างน้อยก็มีที่นา มีรถไถให้ไปนา แต่ผมก็บอกว่า กว่าพ่อจะตาย ลูกเมียคงตายก่อน แล้วใครจะทำนา ภรรยาผมก็ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นเบาหวาน แม่ยายไม่ต้องพูดถึง ยิ่งพูด พ่อตา ยิ่งเถียง ข้างๆ คู ๆหลักการเยอะ ผมเห็นไม่ก่อประโยชน์กับการเถียงแบบนี้เลยไม่ยุ่งอีก ล่าสุดค่างวดรถไถมา พ่อตาไม่มีจ่ายจะเอาที่ๆผมเคยถอนให้ภรรยาไปกู้อีก ภรรยาผมรักพ่อมาก ก็เลยด้องให้ไป ผมถามภรรยาผมว่า ปีนี้ที่บ้านไปกู้ คราวหน้าเป็นอะไร ภรรยาผมพูดด้วยน้ำตาว่า ถ้าเขาจะกลับไปเป็นหมอนวดอีก เพื่อช่วยจ่ายหนี้ให้พ่อเธอ ผมจะโอเคใหม ผมเลยถามเพื่อนๆในห้องนี้ว่า เป็นเพื่อนๆจะทำยังไงครับ
เมื่อครอบครัวของภรรยาส่งผลต่อครอบครัวตัวเอง
พื้นฐานครอบครัวของผม
ผมถูกพ่อและแม่ทิ้งตอนช่วงอายุ 14 ปี และบ้านก็ถูกยึดช่วงปี 2540 จนต้องอาศัยห้องเช่าของรุ่นพี่ที่โบสถ์และรับจ้างไปวันๆ สู้ไปเรื่อยๆจนตอนนี้ก็มีเงินเก็บแบบขึ้นๆ ลงๆ ตามหุ้นอยู่เกือบ 2 ล้านบาทตอนนี้อายุ 35 ทุกวันนี้ก็ลงทุนในหุ้น futures เป็นงานหลักมา 3 ปีแล้วครับ ( รายละเอียดการสู้ชีวิตขอผ่านนะครับมันดราม่า ) ผมเจอกับภรรยาเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนนั้นเธอทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณ ผมถูกชะตาเธอเลย จึงลองคบกันเป็นแฟน ให้เธอเลิกทำงานนวดแผนโบราณและมารับผักขายอยู่ที่บ้านเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับลูกและดูแลพ่อและแม่ของเธอซึ่งเธอก็ดีใจที่ได้อยู่กับลูกและไม่ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านให้เขานินทา แต่ผมบอกเธอว่าจะไม่มีลูกนะ ผมมีสาเหตุส่วนตัวเรื่องนี้เพราะ
1. เธอมีลูกติดจากแฟนเก่า ผมไม่อยากให้เด็กรู้สึกว่าแม่เขาเปลี่ยนไปรักเขาน้อยลง
2. ผมฝังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผม อนาคตไม่รู้กลัวมีลูกแล้วเลิกกัน
ตอนแรกที่บ้านของเธอเอาไปจำนองกับพวกปล่อยเงินกู้แถวนั้นเพื่อใช้หนี้ที่พ่อเธอก่อไว้ ผมจึงไปไถ่มาให้และยังเป็นชื่อเธอ ผมจึงถามเธอว่าทำไมถึงมีหนี้ที่เสี่ยงกับการไร้บ้านแบบนี้ ภรรยาผมบอกว่า หนี้ที่บ้านส่วนใหญ่มาจากพ่อ พ่อเป็นชาวนา ปลูกข้าวโพด ปลูกข้าว ไม่มีทุนจะซื้อ ปุ๋ย ซื้อยาเร่งผล ย่าฆ่าแมลง ต้องกู้เขามาทั้งนั้น ทำงาน 3 -4 เดือนได้เงินที ผลผลิตตามฟ้า ตามฝน พอได้เงินมาจ่ายหนี้ แล้วเหลือไม่เท่าไร พ่อจึงคิดว่าต้องทำเพิ่ม เลยไปเช่านาเพิ่ม เพื่อที่จะได้เงินมาเยอะๆ แต่พ่อลืมคิดไปว่า เช่าเพิ่ม เงินกูก็เพิ่ม ดอกเบี้ยก็เพิ่ม พอผลผลิตไม่ดีก็เจ๊ง จนต้องเอาที่บ้านไปเข้าเงินกู้ คราวนี้ต้องจ่ายหนี้ทั้งบ้าน ทั้งที่นา ตัวเขาเลยมาทำงานนวดแผนโบราณ เพื่อส่งให้ที่บ้าน ลำพังแม่เป็นแม่ค้าขายของที่ตลาดก็ลำบากแล้วหาเงินมาก็เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว บางทีพ่อก็เอาไปซื้อปุ่ย ซื้อยา กับนากับไร่ ผมจึงเห็นใจเธอเพราะความกตัญญู
ผมจึงไปอยู่กับครอบครัวของเธอ ที่จังหวัดหนึ่ง ที่ของครอบครัวเธอแบ่งเป็น บ้าน 1 ชั้น 2 หลังปลูกตรงกันข้ามกัน ความใหญ่ของบ้านประมาณห้องพักแถวทะเล คือไม่ใหญ่อยู่ได้ประมาณ 3 คนตามฐานะของเธอ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะต่อเติมบ้านหรือซื้อที่แล้วปลูกบ้านแยกต่างหาก แต่ด้วยความเป็นนักเก็งกำไรจึงต้องคุมความเสี่ยงด้านการเงินไว้ และอีกอย่างผมลงทุนใน futures เป็นหลักจึงต้องคุมฐานทุนตัวเอง สรุปคืออยู่ไปก่อน และลงทุนให้ภรรยาไปซื้อของมาขายเพราะเธอไม่ได้ทำงานแล้ว ตลอดเวลาก็มีความสุขดี ภรรยาผม และตัวผมเองก็อยู่อย่างพอเพียง ไม่ฟุ้มเฟ้อ ขายของก็มีขาดทุนบ้างกำไรบ้าง เหมือนผมที่ลงทุนใน set 50 ก็มีกำไรบ้างขาดทุนบ้าง (ถึงตรงนี้อาจจะงงว่าทำไมผมไม่ทำงานปกติ ทำไมเล่นหุ้นเสี่ยงขนาดนี้ คำตอบคือ ผมไม่มีวุฒิการศึกษาครับ สูงสุดคือ ม.3 ตั้งแต่ พ่อแม่ทิ้งไป ก็ทำงานหาเลี้ยงชีพ เคยไปสมัครเรียนรามแบบ non degree แต่ด้วยความที่ไม่มีตังค์เพราะทำงานรายวัน เลยต้องขาดสอบไป ผมสมัครเรียน non degree 3 ครั้ง ทุกครั้งต้องล้มเหลวเหมือนกันหมดคือไม่มีเงินไปลงทะบียนแบบต่อเนื่อง ทุกเทอม บางทีก็ไม่มีตังค์ไปสอบบ้าง เลยล้มความตั้งใจไป แล้วถ้าถามต่อว่าทุกวันนี้มีเงินเก็บ เกือบ 2 ล้านได้ไง อันนี้ดราม่า + เรื่องมหัศจรรย์ ขอผ่านรายละเอียดเยอะ )
กลับมาเข้าเรื่องต่อ บ้านพ่อแม่ของเธอบางทีขัดสนผมก็เข้าไปช่วยเหลือ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีอยู่ครั้งนีงผมเข้าไปขุดบ่อน้ำให้พ่อภรรยาผมไว้เพื่อทำไร่เพราะที่ของแกนั้นห่างไกลน้ำมาก ยิ่งถ้าแล้งไปกันใหญ่ บ่อที่ผมขุดยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 4 เมตรลึก 4 เมตร และวางระบบน้ำหยดให้ ลงไปเยอะครับ เสีย futures ยังไม่เยอะเท่านี้ คิดว่าน่าจะดีขึ้นแต่เหมือนกับว่ายิ่งสุมฟืนเข้ากองไฟ ปัญหาเริ่มมาต่อเนื่อง
พ่อยิ่งมีโปรเจคเยอะแยะ ต้องไปเช่านาเพิ่ม ต้องทำเพิ่ม ทั้งที่ผมอยากให้แกจดจ่อกับ ที่นา แกลืมบอกไปว่าแกมี ประมาณ 18 ไร่ แกทำจริงๆครับไปเช่าเพิ่ม ไปกู้เพิ่ม จนแม่ยายและภรรยาผมต้องห้ามและมีปากเสียงกัน ผมออกตัวว่าผมจะไม่ยุ่งเรื่องของครอบครัวของเขา และผมก็จะไม่ช่วยอะๆไร พ่อตาอีกแล้ว เพราะดูจากสภาพแล้วแกเล่นไม่ฟังใครเลย พร้อมทั้งเงินของผมที่ไม่ได้งอกเงยเนื่องจากสภาวะช่วงนี้เล่นหุ้นยาก ผมกันเงินไว้เผื่อลงทุน เผื่อฉุกเฉินไว้ส่วนนึงประมาณ 700, 000 บาท ที่เหลือก็กันให้ภรรยา 200,000 ไปลงทุนจะดีเลวร้ายยังไงก็พยายามให้อยู่ในวงเงินนี้ และลงทุนกับไร่ไปซึ่งเป็นเงินลงทุนเปล่า 200,000 บาท ที่เหลือ ก็ใช้จ่ายในชิวิตประจำวัน ภรรยาผมทุกข์ใจทุกครั้งที่มีปากเสียงกับพ่อตาเรื่องเงิน แอบมาร้องไห้บ่อยๆ แล้วช่วงนี้แม่ยายก็ป่วยออดๆแอดๆ แถมช่วงนี้ขายของไม่ได้ จนเธอค่อนข้างเครียด แต่พ่อตาก็ไม่หยุดล่าสุดเอาเงินที่ขายข้าวโพดได้ ไปออกรถไถอีก แทนที่จะเอาไปใช้หนี้ ปล่อยให้แม่ยายที่ป่วย ออดๆแอดๆ และภรรยาผมหาเงินไปใช้ ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ พ่อตาก็บอกว่า กูทำเพื่อลูกเมืยกู อนาคตเผื่อกูตาย อย่างน้อยก็มีที่นา มีรถไถให้ไปนา แต่ผมก็บอกว่า กว่าพ่อจะตาย ลูกเมียคงตายก่อน แล้วใครจะทำนา ภรรยาผมก็ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นเบาหวาน แม่ยายไม่ต้องพูดถึง ยิ่งพูด พ่อตา ยิ่งเถียง ข้างๆ คู ๆหลักการเยอะ ผมเห็นไม่ก่อประโยชน์กับการเถียงแบบนี้เลยไม่ยุ่งอีก ล่าสุดค่างวดรถไถมา พ่อตาไม่มีจ่ายจะเอาที่ๆผมเคยถอนให้ภรรยาไปกู้อีก ภรรยาผมรักพ่อมาก ก็เลยด้องให้ไป ผมถามภรรยาผมว่า ปีนี้ที่บ้านไปกู้ คราวหน้าเป็นอะไร ภรรยาผมพูดด้วยน้ำตาว่า ถ้าเขาจะกลับไปเป็นหมอนวดอีก เพื่อช่วยจ่ายหนี้ให้พ่อเธอ ผมจะโอเคใหม ผมเลยถามเพื่อนๆในห้องนี้ว่า เป็นเพื่อนๆจะทำยังไงครับ